LOGINในกลุ่มเพื่อนสนิทของภูริไม่เคยขาดเสียงหัวเราะและความคึกคะนอง พวกเขามักจะหาเรื่องเดิมพันกันแทบทุกเรื่องไปจนถึงเรื่องผู้หญิง และสิ่งที่กลายเป็นเหมือนกติกาในวงเหล้าคือ ใครแพ้พนันต้องยอมทำตามคำท้า
“เฮ้ย ภูริ จีบพี่คนนั้นหน่อย” เพื่อนคนหนึ่งพูดพลางชี้ไปยังหญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
“เกี่ยวอะไรกับกูวะ” เขาหัวเราะหยิบแก้วเหล้ามาชนกับเพื่อน
“ใส่แว่นแบบนั้นเวลาอยู่บนเตียงจะเด็ดขนาดไหนวะ” สิงห์พูดแบบไม่คิดอะไร ชีวิตพวกเขาก็มีแต่เรื่องผู้หญิง
“รอบก่อนมึงยังไม่เข็ดเหรอ คนที่ซวยคือกู” เขาถูกคุณปู่บ่นอยู่เจ็ดวัน ครั้งนี้เลยไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทางอีก
“มึงไม่พูดกูไม่พูดแล้วใครจะรู้”
“ขอคิดดูก่อน”
สำหรับเขามันไม่ได้ต่างอะไรกับเกมสนุกๆ ที่เอาไว้โชว์ฝีมือให้เพื่อนดู เขาไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่ถูกเลือกเป็นเป้าหมายนั้นมีใครจับจองหัวใจอยู่แล้วหรือยัง ขอแค่เพื่อนกล้าท้า เขาก็พร้อมจะเดินเข้าไปคว้าชัยชนะออกมาเสมอ
และทุกครั้งที่เขาลงสนามเขามักจะชนะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาไม่สามารถทำให้เผลอใจได้สักนิด แม้เพียงชั่วคราว มันทำให้เขากลายเป็นคนดังในหมู่เพื่อน ยิ่งเพื่อนเชียร์ เขาก็ยิ่งทำเหมือนเป็นเกมที่ท้าทายศักดิ์ศรี
แต่เกมที่เขามองว่าง่ายกลับสร้างปัญหาโดยไม่รู้ตัว หลายครั้งผู้หญิงที่เขาเข้าไปยุ่งด้วยกลับมีแฟนอยู่แล้ว บางคนแฟนเป็นคนมีชื่อเสียงในคณะ เรื่องราวจึงบานปลายกลายเป็นการมีศัตรูไปทั่วมหาวิทยาลัย
ถึงอย่างนั้นภูริก็ยังหัวเราะขำๆ เหมือนไม่สะทกสะท้าน เพราะสำหรับเขามันก็เป็นแค่เดิมพันที่ไม่มีค่าอะไรไปมากกว่านั้น
พีรญานั่งอ่านคอมเมนต์ที่ทุกคนต่างเข้ามารุมต่อว่าภูริ ที่ไปยุ่งกับแฟนคนอื่นเธอเคยเตือนชายหนุ่มแล้ว แต่เขากลับไม่ฟัง
“แปลกดีจังไอ้ภูมันรู้ว่าแกชอบมัน แต่กลับไม่จีบแก” ดอกไม้นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“เขาแค่ไม่อยากทำให้ฉันเสียใจ” เธอเข้าข้างตัวเอง
“ทำให้พวกเขาเลิกกันแล้ว มีอะไรที่ต้องคิดมากอีก”
“ฉันไม่ได้ทำให้เลิกกันสักหน่อย” ไม่คิดว่าจะใจเสาะเลิกกันไปเอง เธอไม่ผิดสักหน่อย
“ลูกไอ้ภูยังเล็กขนาดไม่สงสารเด็กเหรอวะ” ดอกไม้เองก็ไม่ห้ามเพื่อน อะไรที่มันผิดหรือถูกแทนที่เธอจะห้าม
“เลิกกันเกี่ยวอะไรกับฉัน ถ้ารักกันจริงคงไม่เลิกหรอก”
“ก็จริง ฉันขอให้เธอเอาชนะใจไอ้ภูให้ได้นะ พยายามมานานแล้วหนิ สู้ๆ” ดอกไม้เก็บหนังสือใส่กระเป๋า เมื่อเห็นว่าคนที่พูดถึงกำลังเดินมาทางนี้ หญิงสาวจึงรีบเดินออกไปอีกฝั่ง
“ภูทำไมวันนี้ไม่เข้าเรียน” พีรญายิ้มให้อีกฝ่าย สังเกตว่าบนใบหน้ามีรอยแดงช้ำ
“ไปทำอะไรมาอีก”
“มีเรื่องกันนิดหน่อย ตื่นสายด้วย” เขานั่งที่ม้าหินอ่อน ทุกครั้งเขาไม่เคยตื่นสายเพราะจะมีเดียร์คอยปลุกตลอด แต่ช่วงนี้ชีวิตเหมือนจะเบื่อโลกไปทุกอย่าง
“เดี๋ยวพริมทำแผลให้”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็หาย”
“ภูเลิกทำตัวแบบนี้ได้ไหม ไม่มีศักดิ์ศรีเลย” พีรญาตำหนิเขา
“เรื่องของผู้ชายแค่สนุกกัน” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา แล้ววางลงที่โต๊ะม้าหินอ่อน
สายตาของพีรญามองไปเจอภาพหน้าจอโทรศัพท์ของภูริ เป็นรูปเด็กน้อยที่เขาอุ้ม เวลาผ่านไปนานหลายเดือนเขาคงยังไม่ลืมเมียเก่านั่น
“รูปน้องภูผาน่ารักดีนะ” เธอเอ่ยขึ้นอิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่เป็นแม่ของลูกเขา
“น้องหน้าตาคล้าย...” เขาพูดไม่ทันจบ
“ยังไม่ลืมเดียร์อีกเหรอ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” เขามองเพื่อนสักพัก และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอีกครั้ง
“ก็ยังเห็นรูปหน้าจอ...”
“นี่ลูกของเราเลิกกับแม่ของลูกไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลิกรักลูกไปด้วย” เขาก้มหน้าพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองพีรญา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบไหน
พีรญากำหมัดแน่นเธอจิกเล็บลงที่ต้นขาตัวเองเพื่อระงับความโกรธ พอเขาเงยหน้าขึ้นมาจึงแสร้งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นั่นสิพริมถามไม่คิด เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม”
“ไม่เอาดีกว่านัดพี่ตาลไว้ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
หญิงสาวไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอชอบเขามาตั้งนานหวังว่าให้เขาหันกลับมามองบ้าง แต่พอเลิกกับแม่ของลูกภูริกลับเดินหน้าจีบคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
ในขณะที่ภูริยังคงใช้ชีวิตเหลวแหลกไปวันๆ ทั้งเที่ยว ดื่ม และเล่นไปตามเกมเดิมพันของเพื่อนโดยไม่สนใจใคร เดียร์กลับต้องดิ้นรนแทบขาดใจเพื่อประคับประคองชีวิตของเธอกับลูกน้อย
เธอสามารถทนอดมื้อกินมื้อได้ หากมันหมายถึงการมีข้าวหนึ่งจานให้ลูกชายได้อิ่มท้อง แต่สิ่งที่เดียร์ไม่มีวันยอม คือการปล่อยให้ลูกต้องทนหิวเหมือนเธอ เด็กชายคือลมหายใจเดียวที่ทำให้เธอลุกขึ้นสู้ในทุกๆ วัน
หญิงสาวกลับมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยความช่วยเหลือของดีนี่ และที่บ้านของภูริจนเดียร์เปิดร้านเบเกอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก ดีนี่ยังช่วยโปรโมทและให้คอยมาช่วยเลี้ยงน้องภูผาอยู่เสมอ
ส่วนพ่อของลูกนั้นกลับหายหัวเธอไม่ให้เขาโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง แต่ให้เขาโอนเข้าบัญชีของลูกแทนเดือนแรกเขาก็โอนปกติ แต่หลังจากนั้นเขาเงียบหายไปทำเหมือนว่าตัวเองไม่เคยมีลูกมาก่อน
“ไอ้น้องทรพีนี่มันจริงๆ เลย” ดีนี่บ่นน้องชายแต่ไม่กล้าพูดต่อหน้าเดียร์
“มีอะไรเหรอคะ”
“เปล่าเก็บร้านเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ เดียร์จะพาน้องภูผาไปซื้อของ”
“เอาพี่เลี้ยงไหมพี่ช่วยหาให้” ดีนี่สงสารเดียร์ที่ต้องตื่นเช้ามาดูลูก ไหนจะเปิดร้านอีก แต่ละวันทำให้หญิงสาวแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
“เดียร์เลี้ยงลูกไหวค่ะ” เธอเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้
“แล้วไหนจะเรียนอีก” หญิงสาวดีใจที่เดียร์ตัดสินใจกลับมาเรียนอีกครั้ง
“เมื่อก่อนโง่ไปนิดเลยทิ้งอนาคตตัวเอง ตอนนี้เดียร์คิดได้แล้วค่ะ” เธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยเก่งมีการศึกษา ไม่ให้ใครมาคอยดูถูกอีกต่อไป
“หรืออยากมีคนคุยไหมพี่ติดต่อให้ได้นะ”
“ไม่เอาค่ะเดียร์จะเลี้ยงลูกเอง ไม่อยากพาใครเข้ามาในชีวิตกลัวเขาไม่รักลูก”
“ก็จริงพี่ต้องรีบกลับบริษัทก่อนวันหยุดพี่มาหาใหม่นะ เจ้าเด็กอ้วนของป้าเดี๋ยวป้ามาหาใหม่นะ” ดีนี่ก้มลงหอมแก้มหลานชาย ก่อนจะเดินออกจากร้าน
เดียร์อุ้มภูผาไว้แนบอกอีกข้างก็หอบถุงข้าวของจากตลาดกลับบ้าน ระหว่างก้าวเร่งเพราะกลัวฝนที่ตั้งเค้ามาอีกครั้งจู่ๆ เธอก็ชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งอย่างแรงจนถุงในมือหล่นกระจาย
“ขอโทษค่ะ!” เดียร์รีบเอ่ยเสียงสั่น พร้อมก้มตัวเก็บของ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้มองทาง” เสียงทุ้มชัดเจนตอบกลับมา
เธอเงยหน้าขึ้นชั่วครู่เจอสายตาคมคู่นั้นที่จับจ้องมายังเธอเต็มไปด้วยความสนใจ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนชั่วขณะ
“ผมเก็บให้ครับ” ผู้ชายคนนั้นย่อตัวลงช่วยเก็บของให้โดยไม่ลังเล ก่อนยื่นถุงกลับคืนให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวผมช่วยถือเข้าบ้านดีกว่าครับของเยอะ ไหนจะอุ้มน้องชายอีก น่ารักจังเลย” ก้องภพมองเด็กชายในอ้อมแขนของหญิงสาว
“แต่...”
“พี่ชื่อก้องภพ เรียกก้องก็ได้เพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี่น้องชื่ออะไร” เขาถามอย่างเป็นกันเอง
“เดียร์ค่ะ”
“แล้วคนนี้ชื่ออะไรครับ”
“น้องภูผาค่ะ” น้องภูผาซบใบหน้าลงที่หน้าอกของแม่ เหมือนไม่อยากเจอคนแปลกหน้า
“น้องเดียร์อายุเท่าไหร่แล้วครับ อย่าเข้าใจผิดพี่อยากรู้จักอยากมีเพื่อนบ้าน” เขารีบแก้ตัว
“19 ค่ะ”
“เข้าบ้านกันครับพี่ไปส่ง”
หญิงสาวจึงยอมให้เขาถือของเข้ามาในบ้าน ก้องภพรีบกลับออกมาทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมาก เขาสังเกตรอบบ้านเหมือนว่าเดียร์จะอยู่บ้านตามลำพัง
“ขอบคุณนะคะที่ถือของช่วย”
“เดียร์อยู่กับเหรอครับเด็กคนนั้นคือหลานหรือน้องชาย”
“ลูกของเดียร์เองค่ะ” เธอตอบแบบไม่ปิดบัง
“เหรอครับ! เอ่อพี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขารีบกลับทันทีเพราะกลัวว่าสามีของหญิงสาวจะเข้าใจผิด อกหักตั้งแต่ชอบเมียชาวบ้าน
ภูริและเดียร์ต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเองกันไปอย่างไม่มีใครที่คิดจะสนใจกันและเอาตัวเองเป็นที่ตั้งกันทั้งคู่ จึงทำให้วันเวลาค่อยๆ เลื่อนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีอะไรแตกต่างออกไปจากเดิม
จากรักมากก็กลายเป็นรักธรรมดา จากคิดถึงก็กลายเป็นเพียงเก็บเขาไว้ในความทรงจำ ช่วงแรกคิดว่าจะอยู่ไม่ได้ แต่พอเวลาผ่านไปความรู้สึกก็จางลงทีละน้อย จนในที่สุดก็เรียนรู้ได้ว่า ไม่มีใครจำเป็นต้องรักใครไปตลอดกาล
ตอนไม่มีลูกจะตายเมื่อไรก็ได้เลย แต่ตอนนี้มีลูกร่างกายและหัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหน จะเจอปัญหาอะไรต้องอยู่เพื่อลูก
เวลาผ่านไปหลายเดือนภูริเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เดียร์เองก็ไม่คิดว่าจะเห็น เขาตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างหนัก ไม่เพียงเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวเล็กๆ ที่เขารักที่สุดจากชายหนุ่มที่เคยใช้อารมณ์นำเหตุผล วันนี้ภูริกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและรู้จักรับผิดชอบ เขาไม่เพียงพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แต่ยังพิสูจน์ให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวและลูกชายอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกอบอุ่นในอกยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตัดสินใจบางอย่างในใจ เขาจะขอเดียร์แต่งงานอีกครั้ง เดียร์เดินมาหยุดตรงลานน้ำพุยามค่ำคืนตามข้อความของภูริ สายลมเย็นพัดเบาๆ กลิ่นน้ำและแสงไฟจากเสาเรียงรายรอบทางสร้างบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงความตื่นเต้นในใจ เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง“รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน”“รีบมานะคะ” ก็กดส่งข้อความตอบกลับเขาไปหญิงสาวยืนรออยู่นานจนเริ่มสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรกลับ เสียงพลุดังขึ้นเหนือฟ้าพลุหลากสีระเบิดกระจายกลีบแสงออกไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำ งดงามราวภาพในฝันน้ำพุกลางลานเริ่มพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงไฟหลากสีส่องขึ้นต
เช้าวันถัดมาน้องภูผาวิ่งมากอดแม่แน่นหลังจากกลับมาจากนอนบ้านป้าดีนี่ แต่สายตาเจ้าตัวเล็กกลับสะดุดเข้ากับรอยแดงช้ำตรงลำคอของเดียร์“แม่ไปทำอะไรมาคับ ทำไมตรงนี้แดงแบบนี้” เสียงเล็กๆ เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเธอชะงักหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนภูริที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เกือบหลุดหัวเราะ เธอรีบเอามือปิดคอไว้แล้วพูดเสียงแผ่ว“มดกัดจ้ะลูก มดมันชอบแกล้งแม่”“แล้วมดอยู่ไหนคับภูผาจะตีให้!” ภูผาทำหน้างง หันไปมองรอบๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “มดอยู่ในห้องลูกปะป๊าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เขาตอบเบาๆ แล้วตอบแทนพร้อมรอยยิ้มขำกลั้นไม่อยู่เดียร์รีบส่งสายตาคาดโทษให้เขาทันที ส่วนภูผาก็ยังคงทำหน้างุนงง ก่อนจะกอดแม่อีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาๆ“คราวหน้าถ้ามดมากัดอีกบอกภูผานะคับ ภูผาจะช่วยแม่เอง”“เด็กน้อยของแม่” เธอยิ้มจางๆ พลางลูบหัวลูกชาย ส่วนภูริก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าพ่อพาไปว่ายน้ำ”“ไปคับ ภูผาขอไปเล่นน้ำ” ภูผาหันมาขออนุญาตแม่ เมื่อเห็นว่าแม่พยักหน้าเขาจึงจับมือพ่อเดินออกไปทันที“มดตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอดูเหนื่อยๆ” ดีนี่มองน้องสะใภ้แล้วหัวเราะเบาๆ เชิงล้อเลี
เดียร์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างคอ เธอพลิกตัวจะกรีดร้องแต่เสียงนั้นถูกมือใหญ่ปิดไว้แน่น“พี่เองอย่าร้อง” เสียงต่ำของภูริสั่นเล็กน้อยเหมือนคนที่กลัวจะถูกปฏิเสธ“คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” เดียร์ดันหน้าอกเขาออก“เดียร์ช่วยฟังพี่ก่อนนะ แค่คืนนี้ขอให้พี่พูดได้ไหม” แต่ภูริไม่ยอมขยับ เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนหมดแรง“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เธอเสียงสั่น กำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตา“พี่รู้พี่ทำผิดหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเดียร์ ตอนนั้นพี่ยังเด็กอาจจะพูดไม่คิด แต่พอไม่มีเดียร์มันทำให้รู้ว่าพี่ไม่เคยหมดรักเดียร์เลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม“หยุดพูดได้แล้ว” เธอสะบัดมือออก น้ำตาไหลอาบแก้ม“เดียร์ยังรักพี่อยู่ไหม พี่ไม่เคยนอนกับพริมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย รูปทุกอย่างพี่ส่งให้เจ้ดีนี่ดูแล้วพี่ตกเป็นเหยื่อ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พี่ไม่ได้เข้าหาเดียร์เพราะต้องการอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากไถ่โทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง”“...” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เขามองเห็นน้ำตาเธอในเงาแสงจันทร์บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงห
ภายในโรงแรมมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟติดผนัง พีรญาก้าวเข้าไปในห้องที่นัดหมาย มือหญิงสาวสั่นน้อยๆ แต่พยายามเก็บอาการให้ดูมั่นคง ประตูเพิ่งปิดไม่ทันขาดเสียง กัมปนาทก็ลุกพรวดจากโซฟา ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ล่า“ในที่สุดก็มาหากูสักที”“นายต้องการอะไรกันแน่” พีรญามองคนตรงหน้ายอมรับว่าตัวเองไม่น่าพลาดมาเจอคนแบบนี้เลย“กูโทรหาไม่รับเสือกไปวิ่งตามผู้ชายคนอื่น” กัมปนาทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก” พอเธอไม่ให้เงินเขามักจะทุบตีทำร้ายเป็นประจำ จนทนไม่ไหวครั้งนี้เลยเลือกที่จะหนีออกมา“มึงท้องลูกกู แล้วจะหนีไปหาพ่อใหม่มันไม่ได้นะ”เขายื่นมือจะคว้าแขนเธอ แล้วโน้มตัวลงหมายจะจูบ หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีทันที ผลักหน้าอกเขาออกแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ“อย่ามาแตะต้องฉันมันไม่ใช่ลูกของแก!”“ไม่ใช่ลูกกูเหรอ? ท้องได้สามเดือนแล้วไม่ใช่ หรือมึงลืมไปว่าใครเป็นคนลากมึงเข้าโรงแรมก่อนหน้านี้” กัมปนาทหัวเราะหยัน เสียงทุ้มต่ำเหมือนเยาะเย้ยคำพูดของเขาแทงใจเหมือนคมมีด พีรญากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอแต่ยังยืนตัวตรง“ฉันอาจเคยโง่ แต่ลูกในท้องฉันไม่เ
เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและสั่นเครือพีรญายืนอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเผือด ดวงตาบวมแดงเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มือหนึ่งจับหน้าท้องของตัวเองไว้แน่น“ภูริอยู่ไหนเขาไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความฉันหามาหลายวันแล้ว” ไม่คิดว่าคนอย่างภูริจะใจแข็งและใจร้ายขนาดนี้เธอนิ่งไปชั่วขณะ มองซ้ายมองขวากลัวว่าน้องภูผาจะได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นแรง“ไม่รู้”“อย่ามาโกหกเลย เธอยังอยู่กับเขาใช่ไหม เธออย่าคิดจะยึดเขาไว้คนเดียว ลูกของฉันก็เป็นลูกของเขาเหมือนกันนะ”” หญิงสาวพูดพลางกัดริมฝีปากน้ำเสียงเริ่มสั่นคำพูดนั้นเหมือนมีดแหลมแทงเข้ากลางอก เดียร์พยายามกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสั่น เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาแฝงความเจ็บปวด“คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่อยากรู้ไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”“แต่ลูกในท้องฉันมันคือหลักฐานฉันไม่ได้พูดเล่น!” พีรญาส่ายหน้า ดวงตาเริ่มมีน้ำคลอเดียร์เผลอกำมือแน่น เสียงลมหายใจของเธอสั่นระรัวเธอพยายามไม่หลุดอารมณ์ออกมาพยายามไม่ร้องไห้ตรงหน้าใคร“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาภูริเอง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังขึ้นเบาๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเครื่องชงกาแฟ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะเห็นว่าภูริที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่ก็ชะงักไปเช่นกันเธอจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของภูริ และเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาร้าวราน จนถึงขั้นแยกทางกัน“พริมมีเรื่องจะคุยกับภูเรื่องสำคัญ” พีรญาทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย เดียร์ไม่ต้องหลบอะไรทั้งนั้น” เขากำลังวุ่นวายกับการเช็ดทำความสะอาดหน้าเคาเตอร์บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหมือนอากาศหนืดขึ้นจนหายใจลำบาก เดียร์มองหน้าทั้งคู่พลางเช็ดแก้วในมือช้าๆ“พริมท้อง” พีรญาสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมาเสียงสั่น เพล้ง!เสียงแก้วในมือเดียร์หล่นกระทบพื้นดัง เธอยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ออกจากลำคอ มือของเธอสั่นเทา “พูดบ้าอะไรของเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาหันขวับไปมองพีรญา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“พริมไม่ได้โกหกคืนนั้นภูก็เมา แถมไม่ได้ป้องกันอีก” พีรญาไม่ยอมแพ้เอาเรื่องคืนนั้นมาอ้าง เพื่อให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจนเดียร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบ


![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




