LOGINเกือบสว่างภูริโซซัดโซเซกลับเข้ามาในคอนโด กลิ่นเหล้ายังคละคลุ้งติดตามเสื้อผ้า เขาวางกระเป๋าแล้วหันไปมองบนเตียงในห้องนอนเล็กๆ เห็นลูกชายตัวน้อยนอนดิ้นไปมามือเล็กๆ ฟาดอากาศ ก่อนที่ดวงตากลมใสจะลืมขึ้น
“อือ…”
น้องภูผาส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้เขา ยิ้มเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจภูริสะดุดไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั้นเหมือนจะปลดเปลื้องความเหนื่อยล้าและความผิดทั้งหมดที่เขาแบกไว้
เขาเหลือบมองไปทางเดียร์ที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวบอกชัดว่าเธอเหนื่อยมากเพียงใด ภูริอุ้มลูกชายออกมาที่ห้องโถงวางตัวเล็กไว้บนตัก มือใหญ่ลูบแก้มกลมใสเบาๆ
“ไงครับคนเก่ง ตื่นมาหาปะป๊าเหรอ หืมมม”
น้องภูผาหัวเราะคิกคัก มือเล็กคว้าจมูกของเขาอย่างซุกซน เสียงหัวเราะเล็กๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้าภูริยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาก้มลงหอมแก้มลูกซ้ายทีขวาที
“ปะป๊าขอโทษนะครับ ที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยต่อไปปะป๊าจะพยายามนะ” เสียงกระซิบเบาๆ ราวกับคำสัญญาที่เขายังไม่รู้เลยว่าจะรักษาได้หรือไม่
เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของน้องภูผาดังพอจะปลุกเดียร์ให้สะลึมสะลือตื่น เธอค่อยๆ ลุกขึ้น เดินออกมาที่ห้องโถง ภาพที่เห็นคือภูรินั่งอุ้มลูกหยอกล้อกันอย่างอ่อนโยนหัวใจเธอสั่นไหวไปชั่วขณะ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“เดียร์ฝากที่ภูดูลูกก่อนนะจะไปเตรียมข้าวเช้าให้ลูก”
“ฝากอะไรกันพี่ก็เป็นพ่อเขานะ” เขาดูออกว่าในใจของเดียร์เริ่มมีกำแพงกั้นระหว่างเขากับหญิงสาว
“...” เธอไม่ตอบเดินเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหารเช้าให้ลูกชาย หลังจากป้อนข้าวลูกเสร็จจัดการชำระร่างกายให้น้องภูผา เด็กน้อยก็หลับเพราะวันนี้ตื่นตั้งแต่เช้ามืด
“ปล่อยเดียร์”
“พี่ขอโทษนะช่วงนี้พี่เครียดไปหน่อย พี่รู้สึกผิดที่พูดไม่ดีกับเดียร์” เขากอดเธอจากทางด้านหลังแน่น วางปลายคางที่บ่าของหญิงสาว พร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อนที่เขามักใช้ประจำเวลาง้อแม่ของลูก
“พี่ภูพูดแรงเกินไปแล้วนะ” ปากพูดตำหนิเขา แต่ในใจก็ยอมให้อภัยเขาอยู่ดี
“พี่ขอโทษจริงๆ พี่ปากไม่ดีเองเดียร์รักพี่มากไม่ใช่เหรอ จะให้อภัยพี่ไม่ได้เลยเหรอ”
เธอเม้นปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรออกมา ระหว่างที่กำลังนึกคิด ปากหนาก้มลงหอมแก้มเธอทั้งซ้ายและขวา จนเธอต้องหันกลับไปมองเขา
“พี่ภู”
“ยิ้มแบบนี้หายงอนแล้วใช่ไหม”
“พี่อย่าออกไปข้างนอกดึกๆ อีกได้ไหมเดียร์เป็นห่วง หรือโทรมาบอกก็ได้ว่าติดธุระ”
“ได้สิพี่ทำได้” เขาส่งยิ้มอบอุ่นให้หญิงสาว กอดจะคว้าเธอมากอดไว้ ถึงแม้หญิงสาวจะชอบบ่นเขาบ่อยๆ แต่ในหัวใจก็ยังมีหญิงสาวเสมอ
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ไม่ถึงสามวันภูริก็เริ่มเป็นแบบเดิม คือเขาสนใจแต่โทรศัพท์มากกว่าลูกชายตัวเอง พรุ่งนี้หมอนัดฉีดวัดซีนของลูก แต่ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่กลับบ้าน
“ฮัลโหล…” เสียงเขาดังปนไปกับเสียงเพลง
“พี่ภูทำไมถึงไปผับอีกล่ะคะ” เสียงเธอสั่นๆ แฝงด้วยความน้อยใจ
“เพื่อนมันชวนจะให้ปฏิเสธยังไงล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ภูริยกแก้วในมือขึ้นดื่ม ก่อนตอบเสียงแข็งกลบความผิด
“จะกลับกี่โมงคะ” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเบา
“ดึกๆ หน่อยไม่ต้องรอหรอก” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ดังแทรกเข้ามาในสายเหมือนตอกย้ำระยะห่างระหว่างทั้งสอง
“พรุ่งนี้เช้าน้องภูผาต้องฉีดวัคซีนพี่ลืมเหรอ”
“ไม่ลืมหรอกกลับทันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรพี่วางแล้วนะ”
“ดะ...เดี๋ยว”
“ภูริมาสนุกกันต่อสิ” เสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมาจากปลายสาย และเขาก็ตัดสายทิ้งไป พอเธอโทรไปอีกรอบเขาตัดสายทิ้ง และจบลงด้วยเขาปิดเครื่องหนี
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนแก้ม แต่เสียงปลายสายกลับยังเต็มไปด้วยความสนุกสนานของโลกที่ไม่เคยมีเธอและลูกอยู่ในนั้นเลย
“เมียโทรตามแล้วเหรอ” พีรญามองเพื่อนที่เพิ่งวางสายไป เพื่อนในกลุ่มมีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่รู้ว่าภูรินั้นมีครอบครัวแล้ว
“อืม พรุ่งนี้ลูกฉีดวัคซีน” เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเพื่อนหรอก แต่มันยังไม่ถึงเวลาบังเอิญพีรญาดันมาเห็นรูปของน้องภูผาเสียก่อน หญิงสาวจึงรู้และสัญญาว่าจะไม่บอกใคร
“กลับก่อนดีไหมภูเดี๋ยวเมียเป็นห่วง”
“น่าเบื่อกลับไปก็บ่นมีเมียเหมือนมีแม่” เขามานั่งลงที่เดิม และดื่มกับเพื่อนไปเรื่อยๆ ความเครียดที่สะสมมาทำให้เขาดื่มหนักจนเมา
“ไอ้ภูมึงกลับไหวมั้ยวะ” เตชินสะกิดเพื่อนที่นอนนิ่งบนโชฟาตัวยาว
“อืมม”
“เดี๋ยวพริมเรียกแท็กซี่ไปส่งภูที่คอนโดเอง”
“จะไปทำไมพริมเป็นผู้หญิงเกิดไปเจอมันแอบซุกผู้หญิงไว้ทำไม” ดอกไม้ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเอ่ยขึ้น ไม่ชอบที่เพื่อนแสดงออกชัดเจนว่าชอบภูริ แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะชอบกลับ
“เตกับสิงห์รู้เหรอว่าภูพักที่ไหน”
ทั้งสองส่ายหน้าพวกเขาเคยขอมาดื่มเหล้าที่คอนโดของภูริ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกไม่ค่อยสะดวก เลยไม่อยากรบกวน
“แค่เรียกแท็กซี่ไปส่งเพื่อนเอง” พีรญายืนยันจะไปส่งภูริ เพื่อนๆ เลยหิ้วปีกเขาขึ้นรถแท็กซี่ต่างคนต่างเมาเลยไม่มีใครคิดอะไร
เสียงกดออดหน้าห้องดังขึ้นในเวลาเกือบตีสอง เดียร์รีบลุกขึ้นเพราะกลัวว่าลูกจะสะดุ้งตื่น เธอเดินไปเปิดประตูด้วยใจที่ทั้งโกรธทั้งกังวล แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
ภูริยืนโงนเงนสภาพแทบจะทรงตัวไม่อยู่ และที่น่าตกใจกว่านั้นข้างกายเขามีผู้หญิงรูปร่างสะสวยที่กำลังหิ้วปีกเขาเข้ามา
“พี่ภู” เสียงหญิงสาวหลุดออกมาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความสั่นไหว
“พี่ชื่อพริมพอดีภูเมาเลยอาสามาส่ง น้องคงไม่ว่าอะไรนะ” พีรญายิ้มเก้อๆ พลางพูดเสียงเรียบ
เดียร์ยืนชะงักราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ภาพตรงหน้าเหมือนย้ำชัดกับความคิดฟุ้งซ่านที่เธอเฝ้ากลัวมาตลอด
“ขอเข้าไปส่งภูข้างในได้ไหม”
“อ๋อ ไม่สะดวกค่ะพอดีในห้องรกนิดหนึ่งแถมลูกยังหลับอยู่ด้วย” ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามีความสัมพันธ์แบบไหนกับสามีของเธอ
“ไม่เป็นไรส่งภูตรงนี้ก็ได้” พีรญามองสำรวจอีกฝ่าย ยังเด็กแต่ใบหน้าสวยไม่น้อย โตมากกว่านี้ผู้ชายคงรุมแย่งกันจีบ ขนาดภูริยังหลงเสน่ห์
“ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นมือไปรับตัวเขาพอก้าวพ้นประตูจึงรีบปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะทำไมเขาถึงมาส่งพี่ภูได้”
“อืม คนไหน” คนเมาตอบเสียงอ้อแอ้เขายังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง และจำเสียงเดียร์ได้ดีเลยได้สติว่าตอนนี้เขาอยู่กับหญิงสาว
“นี่คือเหตุผลที่พี่ออกไปเที่ยวบ่อยๆ ใช่ไหม” เธอถามย้ำเขาอีก พร้อมกับน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจ
“จะร้องไห้ทำไมเดียร์พี่ไม่ได้ไปเอากับใครสักหน่อย”
“ถ้าไม่มีเดียร์อยู่ในห้องคงได้กันแล้ว”
“พูดอะไรไร้สาระ” เขาเมาแทบทรงตัวไม่อยู่ พิงหลังกับประตูหน้าห้องสายตาจ้องมองหญิงสาว สี่ปีผ่านไปไวมากเขาไม่น่าพลาดทำอีกฝ่ายท้องเลย
“ฮึก”
“จะร้องไห้ทำไมพี่ก็ยังเป็นของเดียร์อยู่วันยังค่ำ อย่าบ่นอย่าด่าบ่อยผู้ชายมันเบื่อเข้าใจไหม”
“เดียร์รักพี่หมดหัวใจ ยอมพี่ทุกอย่างแต่สิ่งที่พี่ทำกำลังเหยียบหัวใจเดียร์”
“กะอีแค่เพื่อนมาส่งที่หน้าห้องมันเป็นปัญหามากเลยเหรอวะเดียร์ คนไม่มีเพื่อนแบบเธอจะเข้าใจอะไร” ความเมาทำให้ภูริเริ่มพูดไม่คิด
“เดียร์ไม่มีเพื่อนก็เพราะพี่” เป็นเธอที่ต้องเลี้ยงลูกของเขา ยอมไม่มีอนาคตเพราะลูก
“แล้วใครใช้ให้เธอมาจมปลักกับพี่ละ มีทางเลือกอื่นตั้งเยอะแยะ เรียนไม่จบไม่มีอนาคตเลิกกับพี่ไปเธอจะมีค่าอะไร เหมือนหมาตัวหนึ่งแหละ”
“พี่ภู!”
เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดจาแบบนี้ออกมา ในความคิดของเขาคงอยากเลิกกับเธอ เดียร์นั่งร้องไห้ต่อหน้าเขาทันที ทำไมคนที่ตั้งใจรักตั้งใจทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครัว ถึงได้ดูไร้ค่าขนาดนี้
เวลาผ่านไปหลายเดือนภูริเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เดียร์เองก็ไม่คิดว่าจะเห็น เขาตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างหนัก ไม่เพียงเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวเล็กๆ ที่เขารักที่สุดจากชายหนุ่มที่เคยใช้อารมณ์นำเหตุผล วันนี้ภูริกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและรู้จักรับผิดชอบ เขาไม่เพียงพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แต่ยังพิสูจน์ให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวและลูกชายอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกอบอุ่นในอกยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตัดสินใจบางอย่างในใจ เขาจะขอเดียร์แต่งงานอีกครั้ง เดียร์เดินมาหยุดตรงลานน้ำพุยามค่ำคืนตามข้อความของภูริ สายลมเย็นพัดเบาๆ กลิ่นน้ำและแสงไฟจากเสาเรียงรายรอบทางสร้างบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงความตื่นเต้นในใจ เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง“รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน”“รีบมานะคะ” ก็กดส่งข้อความตอบกลับเขาไปหญิงสาวยืนรออยู่นานจนเริ่มสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรกลับ เสียงพลุดังขึ้นเหนือฟ้าพลุหลากสีระเบิดกระจายกลีบแสงออกไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำ งดงามราวภาพในฝันน้ำพุกลางลานเริ่มพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงไฟหลากสีส่องขึ้นต
เช้าวันถัดมาน้องภูผาวิ่งมากอดแม่แน่นหลังจากกลับมาจากนอนบ้านป้าดีนี่ แต่สายตาเจ้าตัวเล็กกลับสะดุดเข้ากับรอยแดงช้ำตรงลำคอของเดียร์“แม่ไปทำอะไรมาคับ ทำไมตรงนี้แดงแบบนี้” เสียงเล็กๆ เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเธอชะงักหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนภูริที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เกือบหลุดหัวเราะ เธอรีบเอามือปิดคอไว้แล้วพูดเสียงแผ่ว“มดกัดจ้ะลูก มดมันชอบแกล้งแม่”“แล้วมดอยู่ไหนคับภูผาจะตีให้!” ภูผาทำหน้างง หันไปมองรอบๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “มดอยู่ในห้องลูกปะป๊าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เขาตอบเบาๆ แล้วตอบแทนพร้อมรอยยิ้มขำกลั้นไม่อยู่เดียร์รีบส่งสายตาคาดโทษให้เขาทันที ส่วนภูผาก็ยังคงทำหน้างุนงง ก่อนจะกอดแม่อีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาๆ“คราวหน้าถ้ามดมากัดอีกบอกภูผานะคับ ภูผาจะช่วยแม่เอง”“เด็กน้อยของแม่” เธอยิ้มจางๆ พลางลูบหัวลูกชาย ส่วนภูริก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าพ่อพาไปว่ายน้ำ”“ไปคับ ภูผาขอไปเล่นน้ำ” ภูผาหันมาขออนุญาตแม่ เมื่อเห็นว่าแม่พยักหน้าเขาจึงจับมือพ่อเดินออกไปทันที“มดตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอดูเหนื่อยๆ” ดีนี่มองน้องสะใภ้แล้วหัวเราะเบาๆ เชิงล้อเลี
เดียร์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างคอ เธอพลิกตัวจะกรีดร้องแต่เสียงนั้นถูกมือใหญ่ปิดไว้แน่น“พี่เองอย่าร้อง” เสียงต่ำของภูริสั่นเล็กน้อยเหมือนคนที่กลัวจะถูกปฏิเสธ“คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” เดียร์ดันหน้าอกเขาออก“เดียร์ช่วยฟังพี่ก่อนนะ แค่คืนนี้ขอให้พี่พูดได้ไหม” แต่ภูริไม่ยอมขยับ เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนหมดแรง“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เธอเสียงสั่น กำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตา“พี่รู้พี่ทำผิดหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเดียร์ ตอนนั้นพี่ยังเด็กอาจจะพูดไม่คิด แต่พอไม่มีเดียร์มันทำให้รู้ว่าพี่ไม่เคยหมดรักเดียร์เลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม“หยุดพูดได้แล้ว” เธอสะบัดมือออก น้ำตาไหลอาบแก้ม“เดียร์ยังรักพี่อยู่ไหม พี่ไม่เคยนอนกับพริมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย รูปทุกอย่างพี่ส่งให้เจ้ดีนี่ดูแล้วพี่ตกเป็นเหยื่อ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พี่ไม่ได้เข้าหาเดียร์เพราะต้องการอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากไถ่โทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง”“...” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เขามองเห็นน้ำตาเธอในเงาแสงจันทร์บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงห
ภายในโรงแรมมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟติดผนัง พีรญาก้าวเข้าไปในห้องที่นัดหมาย มือหญิงสาวสั่นน้อยๆ แต่พยายามเก็บอาการให้ดูมั่นคง ประตูเพิ่งปิดไม่ทันขาดเสียง กัมปนาทก็ลุกพรวดจากโซฟา ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ล่า“ในที่สุดก็มาหากูสักที”“นายต้องการอะไรกันแน่” พีรญามองคนตรงหน้ายอมรับว่าตัวเองไม่น่าพลาดมาเจอคนแบบนี้เลย“กูโทรหาไม่รับเสือกไปวิ่งตามผู้ชายคนอื่น” กัมปนาทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก” พอเธอไม่ให้เงินเขามักจะทุบตีทำร้ายเป็นประจำ จนทนไม่ไหวครั้งนี้เลยเลือกที่จะหนีออกมา“มึงท้องลูกกู แล้วจะหนีไปหาพ่อใหม่มันไม่ได้นะ”เขายื่นมือจะคว้าแขนเธอ แล้วโน้มตัวลงหมายจะจูบ หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีทันที ผลักหน้าอกเขาออกแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ“อย่ามาแตะต้องฉันมันไม่ใช่ลูกของแก!”“ไม่ใช่ลูกกูเหรอ? ท้องได้สามเดือนแล้วไม่ใช่ หรือมึงลืมไปว่าใครเป็นคนลากมึงเข้าโรงแรมก่อนหน้านี้” กัมปนาทหัวเราะหยัน เสียงทุ้มต่ำเหมือนเยาะเย้ยคำพูดของเขาแทงใจเหมือนคมมีด พีรญากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอแต่ยังยืนตัวตรง“ฉันอาจเคยโง่ แต่ลูกในท้องฉันไม่เ
เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและสั่นเครือพีรญายืนอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเผือด ดวงตาบวมแดงเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มือหนึ่งจับหน้าท้องของตัวเองไว้แน่น“ภูริอยู่ไหนเขาไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความฉันหามาหลายวันแล้ว” ไม่คิดว่าคนอย่างภูริจะใจแข็งและใจร้ายขนาดนี้เธอนิ่งไปชั่วขณะ มองซ้ายมองขวากลัวว่าน้องภูผาจะได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นแรง“ไม่รู้”“อย่ามาโกหกเลย เธอยังอยู่กับเขาใช่ไหม เธออย่าคิดจะยึดเขาไว้คนเดียว ลูกของฉันก็เป็นลูกของเขาเหมือนกันนะ”” หญิงสาวพูดพลางกัดริมฝีปากน้ำเสียงเริ่มสั่นคำพูดนั้นเหมือนมีดแหลมแทงเข้ากลางอก เดียร์พยายามกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสั่น เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาแฝงความเจ็บปวด“คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่อยากรู้ไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”“แต่ลูกในท้องฉันมันคือหลักฐานฉันไม่ได้พูดเล่น!” พีรญาส่ายหน้า ดวงตาเริ่มมีน้ำคลอเดียร์เผลอกำมือแน่น เสียงลมหายใจของเธอสั่นระรัวเธอพยายามไม่หลุดอารมณ์ออกมาพยายามไม่ร้องไห้ตรงหน้าใคร“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาภูริเอง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังขึ้นเบาๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเครื่องชงกาแฟ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะเห็นว่าภูริที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่ก็ชะงักไปเช่นกันเธอจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของภูริ และเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาร้าวราน จนถึงขั้นแยกทางกัน“พริมมีเรื่องจะคุยกับภูเรื่องสำคัญ” พีรญาทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย เดียร์ไม่ต้องหลบอะไรทั้งนั้น” เขากำลังวุ่นวายกับการเช็ดทำความสะอาดหน้าเคาเตอร์บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหมือนอากาศหนืดขึ้นจนหายใจลำบาก เดียร์มองหน้าทั้งคู่พลางเช็ดแก้วในมือช้าๆ“พริมท้อง” พีรญาสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมาเสียงสั่น เพล้ง!เสียงแก้วในมือเดียร์หล่นกระทบพื้นดัง เธอยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ออกจากลำคอ มือของเธอสั่นเทา “พูดบ้าอะไรของเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาหันขวับไปมองพีรญา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“พริมไม่ได้โกหกคืนนั้นภูก็เมา แถมไม่ได้ป้องกันอีก” พีรญาไม่ยอมแพ้เอาเรื่องคืนนั้นมาอ้าง เพื่อให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจนเดียร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบ







