LOGIN“ไหนว่าพี่ภูมาทำรายงานแล้วนี่อะไร!” เดียร์ตะโกนออกไปทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง หันมามองหญิงสาว
“มาได้ยังไง” เขาถามด้วยความตกใจที่เดียร์มาที่นี่ถูก
“พี่ทำแบบนี้กับเดียร์ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่นทั้งเสียใจและโกรธเขามาก จนแวบหนึ่งความรู้สึกของเธอบอกให้พอตั้งแต่ตอนนี้
“เดียร์ใจเย็นก่อนสิ”
เพื่อนที่อยู่ในห้องต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแล้วทำไมภูริถึงได้มีท่าทีที่แปลกไป แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ทำเพียงแค่ใส่ใจกันแบบเงียบๆ
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” รอบนี้เดียร์โกรธจนเริ่มไม่มีสติ ความอดทนทั้งหมดขาดสะบั้นลงทันที
“ตั้งสติหน่อยออกมาคุยกันด้านนอก”
พี่กลัวใครรู้เหรอว่าพี่มีเมียมีลูกแล้ว หรือกลัวใครจะเสียใจ”
“ภูพริมว่ากลับไปคุยกันดีๆ ดีกว่า” พีรญาลุกขึ้นมาห้ามทั้งสอง ไม่อยากให้คนอื่นมองภูริไม่ดี
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังลั่นจนคนรอบข้างหันมอง พีรญาเซไปเล็กน้อยมือกุมแก้ม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เดียร์ทำบ้าอะไรของเธอ” เพื่อนต่างพากันอึ้งที่พีรญาโดนตบ
“นี่พี่ไปทำอะไรให้” พีรญาถามเสียงสั่น แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เดียร์เห็นแล้วรูปที่พี่ส่งมา เดียร์ไม่โง่นะ คิดว่าจะแอบคบกันลับหลังได้เหรอ!” เธอหอบหายใจแรง น้ำตาคลอเบ้าแต่แววตากลับแข็งกร้าว
“อะไรนะ!” พีรญาอึ้งหน้าแดงก่ำทั้งจากแรงตบและความโกรธปนงุนงง
“เดียร์! หยุดนะพริมไม่ได้มีอะไรกับพี่ เขาเป็นแค่เพื่อน” ทันใดนั้นภูริก็รีบพุ่งเข้ามาคว้าแขนของเดียร์ไว้แน่น
“เพื่อนที่คอยหิ้วพี่กลับมาส่งถึงห้องแบบนั้นน่ะเหรอ เพื่อนที่พี่ไว้ใจจนมากกว่าเมียตัวเอง!” แต่เดียร์สะบัดแขนออก น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความน้อยใจ
ภูริไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมานอกจากทำเพียงแค่จ้องมองเมียตัวเองด้วยความขัดใจก่อนที่เดียร์จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหว และลากภูริออกมาจากคอนโดอย่างไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอับอายหรือเปล่า เพราะคนที่ควรจะต้องรู้สึกโกรธควรจะเป็นเธอไม่ใช่คนที่ทำอะไรที่ไม่คิดหน้าคิดหลังแบบภูริ
“พี่ภูเดียร์ยังพูดกับพี่ไม่จบ!” สีหน้าขุ่นเคืองเต็มไปด้วยโทสะ เดียร์รีบวิ่งตามหลังแล้วเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเขาไว้แน่น แต่ชายหนุ่มสะบัดมือออกเต็มแรง ราวกับการจับนั้นเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ
“ปล่อย! ทำแบบนี้พี่เสียหน้าหมดเลยนะเดียร์รู้มั้ย”
“เสียหน้าเหรอ? แล้วที่พี่ทำมันไม่อายหรือไงพี่กล้าหลอกเดียร์ กล้านั่งกอดกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าพี่ไม่อาย แต่กลับมาโกรธที่เดียร์” ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำด้วยทั้งโกรธและเสียใจ เธอเชิดหน้าขึ้นน้ำเสียงสั่นแต่แฝงด้วยความดื้อดึง
“เดียร์อย่ามาทำเป็นสั่งสอนพี่ก็มีชีวิตของพี่ ไม่ใช่เด็กที่ต้องให้คอยจับผิดตลอดเวลา!” ภูริกัดฟันแน่น เสียงเข้มขึ้น
“ใช่สิ เพราะพี่ไม่เคยคิดถึงลูก ไม่เคยคิดถึงเดียร์เลยสักครั้ง พี่อยากไปมีความสุขข้างนอกก็ไปสิ แต่เลิกหลอก เลิกทำให้เดียร์ต้องมานั่งเจ็บแบบนี้”
“กลับไปคุยกันที่บ้าน”
“อายหรือไง ที่ตอนไปมีคนอื่นไม่เห็นจะอาย”
“บอกให้หยุดพูดไงวะ” เขาเริ่มโมโหขึ้นมาเมื่อหญิงสาวเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง
“อยากอยู่ด้วยกันมากใช่ไหม งั้นก็ไปอยู่ด้วยกันเลยเดียร์ไม่ทนอีกแล้ว”
“ขึ้นรถ!”
เสียงโต้เถียงดังก้องไปทั่วลานจอดรถ ผู้คนบางส่วนเริ่มเหลียวมองด้วยความสนใจ แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครยอมถอย ไม่มีใครยอมลดราวาศอกให้กันเลยสักนิด ราวกับความรักที่เคยหวานชื่นบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยรอยร้าวและความโกรธเกรี้ยวที่ไม่มีวันประสานง่ายๆ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นโถงทางเดินคอนโดดังถี่ๆ ภูริกระชากแขนเดียร์เดินนำหน้ามาอย่างแรงจนหญิงสาวแทบจะล้ม ข้อมือเธอถูกบีบแน่นจนขึ้นรอยแดง
“เจ็บนะปล่อยเดียร์!” เธอร้องเสียงสั่น
แต่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง แววตาแดงก่ำเหมือนคนถูกไฟโทสะเผาเขาเม้มปากแน่น ดวงหน้าขึงขังจนคนที่เดินผ่านต่างหลีกเลี่ยงสายตา เมื่อถึงห้องเขาผลักประตูเปิดออกแล้วดันเธอเข้าไปทันที ปิดประตูดังจนบรรยากาศในห้องตึงเครียดเกินทน
“เดียร์รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไปทำให้พี่เสียหน้า ทำให้เพื่อนพี่ต้องอับอายขนาดนั้น” เสียงภูริดังก้องไปทั่วห้อง
“แล้วพี่ล่ะทำอะไรกับเดียร์บ้าง พี่เคยคิดถึงความรู้สึกเดียร์กับลูกมั้ย รูปนั่นมันหมายความว่ายังไง ถ้าไม่ใช่อย่างที่เดียร์คิดพี่ก็อธิบายมาสิ!” น้ำตาคลอ แต่หัวใจยังคงเต็มไปด้วยความโกรธ เธอเชิดหน้าสวนกลับทันที
“รูปปอะไร? พริมเป็นแค่เพื่อน แต่เดียร์กลับไปทำร้ายเขาต่อหน้าคนอื่น มันน่าอายแค่ไหนรู้มั้ย” ภูริตะโกนตอบทันควัน เขาไม่รู้ว่ารูปที่เธอพูดถึงคืออะไร
“แล้วเดียร์ที่ต้องมานั่งโง่รอพี่ทุกคืน มองโทรศัพท์ทุกครั้งที่พี่กดตัดสายมันไม่อายบ้างเหรอ เดียร์เสียใจจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว!”
“เสียใจมากก็เลิกกันไปเลยดิวะ! ให้ใช้ให้เธอมาทนกับผู้ชายที่มันเลวแบบฉัน” เขาตะคอกเสียงดังเมื่อหญิงสาวไม่ฟังอะไร
เสียงโต้เถียงปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ห้องที่เคยอบอุ่นกลายเป็นเวทีแห่งความเจ็บปวด เป็นครั้งแรกที่ภูริได้เห็นเดียร์โกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเจ็บลึกจนเขาเถียงไม่ออก เขากำข้อมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย สาระเลวที่บ้านกสอนมาดีทำไมทำตัวเหี้*ยๆ แบบนี้”
“หุบปาก! เธอมันดีนักเหรอท้องตั้งแต่ยังเด็ก”
“เดียร์จะท้องได้ยังไงถ้าพี่ไม่ทำ”
“ก็แค่จะเอาเล่นๆ แต่แม่งดันท้องขึ้นมาจริงๆ”
เสียงเถียงกันยังดังไม่หยุด ก่อนที่เดียร์จะหมดความอดทน เธอยกมือขึ้นตบเต็มแรงไปบนแก้มภูริ จนหน้าของเขาหันไปตามแรงตบ
เพียะ!
บรรยากาศเงียบลงทันควันชายหนุ่มชะงักไปเพียงวินาที ความโกรธปะทุขึ้นในดวงตาแดงก่ำ เขายกมือขึ้นสูงตั้งใจจะฟาดกลับ แต่ค้างไว้กลางอากาศไม่สามารถทำมันได้
“ทำไมไม่ตบล่ะ! ตบเดียร์เลยสิ” เธอตะโกนน้ำตาไหลอาบแก้ม
มือที่สั่นระริกของภูริหยุดกลางคัน หัวใจเขาราวกับถูกกดทับด้วยพันความรู้สึกที่ปะปนกันทั้งโกรธทั้งรักและสับสน
แทนที่จะลงกับเธอ เขาหันไปชกกำแพงเสียงดังสะท้อนจนผนังแทบสั่น รอยเลือดซึมออกมาตามข้อนิ้วที่แตกเดียร์สะดุ้งเฮือก แต่ยังยืนนิ่งน้ำตาไม่หยุดไหล
“พี่เบื่อ! พี่รำคาญเดียร์เต็มทนแล้ว ทำไมต้องคอยจับผิด ต้องคอยสั่งต้องคอยบงการชีวิตพี่ตลอดเวลา!”” เสียงของเขาดังลั่น น้ำเสียงสั่นเครือแต่แฝงด้วยความโกรธจัด
“ฮึก~” เธอถามเสียงสั่น ตัวสั่นไปทั้งร่าง
“พี่ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากมีชีวิต อยากมีอิสระบ้าง ไม่ใช่ต้องมาติดอยู่กับคนที่คอยควบคุมทุกลมหายใจแบบเดียร์!” แต่ภูริกลับยิ่งพูดออกมาอย่างไม่ยั้งปาก
ทุกคำเหมือนคมมีดกรีดซ้ำลงไปในหัวใจของหญิงสาว เธอยืนตัวแข็งน้ำตาไหลพราก พยายามกลั้นสะอื้นแต่ไม่อาจห้ามได้
“พี่อายคนที่มีครอบครัว พี่อดทนมาตลอดเพราะคำว่าลูก แต่เดียร์เริ่มล้ำเส้นไปทุกที”
“เดียร์ทำไปทั้งหมดเพราะรักพี่เชื่อคำสัญญาของพี่”
“เราก็เด็กด้วยกันทั้งคู่ รักคืออะไรยังไม่แน่ใจเลย” เขาพูดออกมาช้าๆ น้ำเสียงเจือด้วยความเหนื่อยล้า
“แล้วเดียร์ผิดตรงไหนที่รักพี่” หัวใจหญิงสาวเหมือนถูกบีบจนแทบขาด เธอพยายามฝืนถามทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด
“เดียร์ไม่ผิดหรอก แต่พี่ผิดเองที่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมแล้ว” เขาหลุบตาลงไม่กล้าสบตาเธอ ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจน
เธออยากตะโกนอยากร้องไห้ออกมาให้สุดเสียง แต่กลับมีเพียงความเงียบที่โอบล้อมรอบตัว หัวใจร่วงหล่นจนแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
น้ำตาเอ่อรื้นร่วงลงอาบแก้มอย่างช้าๆ ขณะที่สายตายังคงจ้องไปยังคนที่เธอรักหมดหัวใจ ทว่ากลับเป็นคนเดียวกันที่กำลังใช้ถ้อยคำทิ่มแทงจนเลือดออกในใจ
“พี่…” เดียร์อ้าปากจะพูด แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา นอกจากลมหายใจสั่นสะท้าน ในวินาทีนั้นโลกทั้งใบของเธอเหมือนพังทลายลงตรงหน้า เหลือเพียงความเจ็บปวดที่แหลกละเอียดเกินกว่าจะเยียวยา
“ฮึก ฮือ~” เธอปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร
“เดียร์พี่...”
เขาจะเข้ามาปลอบแต่เธอปัดมือเขาออก ภูรินิ่งอยู่แบบนั้นอยู่กันไปแบบนี้มีแต่ทรมานกันไปเปล่าๆ ทางที่ดีพวกเราควรจะถอยคนละก้าว
‘เชือกที่ตึงยิ่งดึงก็ยิ่งเจ็บ แต่ถ้าปล่อยออกแม้จะเจ็บอยู่บ้างก็จะไม่นานอีกต่อไป’
เวลาผ่านไปหลายเดือนภูริเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เดียร์เองก็ไม่คิดว่าจะเห็น เขาตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทอย่างหนัก ไม่เพียงเพื่ออนาคตของตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของครอบครัวเล็กๆ ที่เขารักที่สุดจากชายหนุ่มที่เคยใช้อารมณ์นำเหตุผล วันนี้ภูริกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมและรู้จักรับผิดชอบ เขาไม่เพียงพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น แต่ยังพิสูจน์ให้หญิงสาวได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆหลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวและลูกชายอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกอบอุ่นในอกยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาตัดสินใจบางอย่างในใจ เขาจะขอเดียร์แต่งงานอีกครั้ง เดียร์เดินมาหยุดตรงลานน้ำพุยามค่ำคืนตามข้อความของภูริ สายลมเย็นพัดเบาๆ กลิ่นน้ำและแสงไฟจากเสาเรียงรายรอบทางสร้างบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงความตื่นเต้นในใจ เธอก้มมองข้อความในมือถืออีกครั้ง“รอตรงนี้นะ อย่าไปไหน”“รีบมานะคะ” ก็กดส่งข้อความตอบกลับเขาไปหญิงสาวยืนรออยู่นานจนเริ่มสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรกลับ เสียงพลุดังขึ้นเหนือฟ้าพลุหลากสีระเบิดกระจายกลีบแสงออกไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำ งดงามราวภาพในฝันน้ำพุกลางลานเริ่มพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับแสงไฟหลากสีส่องขึ้นต
เช้าวันถัดมาน้องภูผาวิ่งมากอดแม่แน่นหลังจากกลับมาจากนอนบ้านป้าดีนี่ แต่สายตาเจ้าตัวเล็กกลับสะดุดเข้ากับรอยแดงช้ำตรงลำคอของเดียร์“แม่ไปทำอะไรมาคับ ทำไมตรงนี้แดงแบบนี้” เสียงเล็กๆ เต็มไปด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาเธอชะงักหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนภูริที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เกือบหลุดหัวเราะ เธอรีบเอามือปิดคอไว้แล้วพูดเสียงแผ่ว“มดกัดจ้ะลูก มดมันชอบแกล้งแม่”“แล้วมดอยู่ไหนคับภูผาจะตีให้!” ภูผาทำหน้างง หันไปมองรอบๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “มดอยู่ในห้องลูกปะป๊าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ” เขาตอบเบาๆ แล้วตอบแทนพร้อมรอยยิ้มขำกลั้นไม่อยู่เดียร์รีบส่งสายตาคาดโทษให้เขาทันที ส่วนภูผาก็ยังคงทำหน้างุนงง ก่อนจะกอดแม่อีกครั้งแล้วพูดเสียงเบาๆ“คราวหน้าถ้ามดมากัดอีกบอกภูผานะคับ ภูผาจะช่วยแม่เอง”“เด็กน้อยของแม่” เธอยิ้มจางๆ พลางลูบหัวลูกชาย ส่วนภูริก็ได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น“ไปเล่นน้ำกันดีกว่าพ่อพาไปว่ายน้ำ”“ไปคับ ภูผาขอไปเล่นน้ำ” ภูผาหันมาขออนุญาตแม่ เมื่อเห็นว่าแม่พยักหน้าเขาจึงจับมือพ่อเดินออกไปทันที“มดตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอดูเหนื่อยๆ” ดีนี่มองน้องสะใภ้แล้วหัวเราะเบาๆ เชิงล้อเลี
เดียร์สะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ข้างคอ เธอพลิกตัวจะกรีดร้องแต่เสียงนั้นถูกมือใหญ่ปิดไว้แน่น“พี่เองอย่าร้อง” เสียงต่ำของภูริสั่นเล็กน้อยเหมือนคนที่กลัวจะถูกปฏิเสธ“คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” เดียร์ดันหน้าอกเขาออก“เดียร์ช่วยฟังพี่ก่อนนะ แค่คืนนี้ขอให้พี่พูดได้ไหม” แต่ภูริไม่ยอมขยับ เขาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เหมือนหมดแรง“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เธอเสียงสั่น กำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตา“พี่รู้พี่ทำผิดหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเดียร์ ตอนนั้นพี่ยังเด็กอาจจะพูดไม่คิด แต่พอไม่มีเดียร์มันทำให้รู้ว่าพี่ไม่เคยหมดรักเดียร์เลย” เขาจับมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม“หยุดพูดได้แล้ว” เธอสะบัดมือออก น้ำตาไหลอาบแก้ม“เดียร์ยังรักพี่อยู่ไหม พี่ไม่เคยนอนกับพริมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย รูปทุกอย่างพี่ส่งให้เจ้ดีนี่ดูแล้วพี่ตกเป็นเหยื่อ” เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ “พี่ไม่ได้เข้าหาเดียร์เพราะต้องการอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากไถ่โทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง”“...” เธอเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เขามองเห็นน้ำตาเธอในเงาแสงจันทร์บรรยากาศในห้องเงียบจนได้ยินเสียงห
ภายในโรงแรมมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟติดผนัง พีรญาก้าวเข้าไปในห้องที่นัดหมาย มือหญิงสาวสั่นน้อยๆ แต่พยายามเก็บอาการให้ดูมั่นคง ประตูเพิ่งปิดไม่ทันขาดเสียง กัมปนาทก็ลุกพรวดจากโซฟา ก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มราวกับผู้ล่า“ในที่สุดก็มาหากูสักที”“นายต้องการอะไรกันแน่” พีรญามองคนตรงหน้ายอมรับว่าตัวเองไม่น่าพลาดมาเจอคนแบบนี้เลย“กูโทรหาไม่รับเสือกไปวิ่งตามผู้ชายคนอื่น” กัมปนาทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม“เราไม่มีอะไรต้องติดต่อกันอีก” พอเธอไม่ให้เงินเขามักจะทุบตีทำร้ายเป็นประจำ จนทนไม่ไหวครั้งนี้เลยเลือกที่จะหนีออกมา“มึงท้องลูกกู แล้วจะหนีไปหาพ่อใหม่มันไม่ได้นะ”เขายื่นมือจะคว้าแขนเธอ แล้วโน้มตัวลงหมายจะจูบ หญิงสาวเบี่ยงตัวหนีทันที ผลักหน้าอกเขาออกแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ“อย่ามาแตะต้องฉันมันไม่ใช่ลูกของแก!”“ไม่ใช่ลูกกูเหรอ? ท้องได้สามเดือนแล้วไม่ใช่ หรือมึงลืมไปว่าใครเป็นคนลากมึงเข้าโรงแรมก่อนหน้านี้” กัมปนาทหัวเราะหยัน เสียงทุ้มต่ำเหมือนเยาะเย้ยคำพูดของเขาแทงใจเหมือนคมมีด พีรญากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอแต่ยังยืนตัวตรง“ฉันอาจเคยโง่ แต่ลูกในท้องฉันไม่เ
เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและสั่นเครือพีรญายืนอยู่ตรงหน้าใบหน้าซีดเผือด ดวงตาบวมแดงเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มือหนึ่งจับหน้าท้องของตัวเองไว้แน่น“ภูริอยู่ไหนเขาไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความฉันหามาหลายวันแล้ว” ไม่คิดว่าคนอย่างภูริจะใจแข็งและใจร้ายขนาดนี้เธอนิ่งไปชั่วขณะ มองซ้ายมองขวากลัวว่าน้องภูผาจะได้ยินก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่หัวใจเต้นแรง“ไม่รู้”“อย่ามาโกหกเลย เธอยังอยู่กับเขาใช่ไหม เธออย่าคิดจะยึดเขาไว้คนเดียว ลูกของฉันก็เป็นลูกของเขาเหมือนกันนะ”” หญิงสาวพูดพลางกัดริมฝีปากน้ำเสียงเริ่มสั่นคำพูดนั้นเหมือนมีดแหลมแทงเข้ากลางอก เดียร์พยายามกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสั่น เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาแฝงความเจ็บปวด“คุณกำลังเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่อยากรู้ไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”“แต่ลูกในท้องฉันมันคือหลักฐานฉันไม่ได้พูดเล่น!” พีรญาส่ายหน้า ดวงตาเริ่มมีน้ำคลอเดียร์เผลอกำมือแน่น เสียงลมหายใจของเธอสั่นระรัวเธอพยายามไม่หลุดอารมณ์ออกมาพยายามไม่ร้องไห้ตรงหน้าใคร“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาภูริเอง
เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังขึ้นเบาๆ เดียร์เงยหน้าขึ้นจากเครื่องชงกาแฟ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะเห็นว่าภูริที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่ก็ชะงักไปเช่นกันเธอจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนของภูริ และเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาร้าวราน จนถึงขั้นแยกทางกัน“พริมมีเรื่องจะคุยกับภูเรื่องสำคัญ” พีรญาทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงนี้เลย เดียร์ไม่ต้องหลบอะไรทั้งนั้น” เขากำลังวุ่นวายกับการเช็ดทำความสะอาดหน้าเคาเตอร์บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหมือนอากาศหนืดขึ้นจนหายใจลำบาก เดียร์มองหน้าทั้งคู่พลางเช็ดแก้วในมือช้าๆ“พริมท้อง” พีรญาสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมาเสียงสั่น เพล้ง!เสียงแก้วในมือเดียร์หล่นกระทบพื้นดัง เธอยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำเสียงแผ่วเบาแทบไม่ออกจากลำคอ มือของเธอสั่นเทา “พูดบ้าอะไรของเธอ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เขาหันขวับไปมองพีรญา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“พริมไม่ได้โกหกคืนนั้นภูก็เมา แถมไม่ได้ป้องกันอีก” พีรญาไม่ยอมแพ้เอาเรื่องคืนนั้นมาอ้าง เพื่อให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจนเดียร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบ