ในตอนนี้สติของขวัญรดายังไม่กระจ่างชัดมากนัก...และยังที่เธอไม่ทันได้ขบคิดให้มากความ...โลกของเจ้าตัวก็ได้หมุนคว้างในขณะที่ร่างเล็กของเธอถูกอุ้มกระเตงเข้าเอวอย่างไม่ใคร่จะถนัดนักของคนเป็นแม่
หลังจากช่อฟ้าคว้าตัวลูกสาวขึ้นมาได้ หล่อนก็กระหืดกระหอบกระเตงเด็กหญิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพัก พร้อมกับเสียงหอบหายใจปะปนกับเสียงพึมพำปลอบโยนที่จับใจความไม่ได้และยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน...
ส่วนขวัญรดาในตอนนี้...เธอรับรู้ได้เพียงสัมผัสของอ้อมแขนที่กอดรัด แรงกระแทกเป็นจังหวะและกลิ่นดินปนกลิ่นสนิมจาง ๆ จากเสื้อผ้าของคนที่เธอยังไม่มั่นใจ
ไม่นานนัก แรงกระแทกก็หยุดลง พร้อมกับร่างของเธอที่ถูกวางลงบนพื้นไม้กระดานเย็น ๆ เธอพยายามปรือตาขึ้นมอง แต่ภาพที่เห็นก็ยังพร่าเลือน เห็นเพียงเงาตะคุ่มของบ้านไม้เก่า ๆ และตุ่มดินเผาใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
และก่อนที่วิญญาณาของขวัญรดาจะได้ประมวลผลอะไรไปมากกว่านั้น น้ำเย็นเฉียบก็ถูกสาดราดลงมาบนร่าง!
ซ่า!
ความเย็นนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาปลุกทุกสัญชาตญาณของร่างกายที่บอบช้ำให้ตื่นขึ้น มันไม่ใช่การชำระล้างที่อ่อนโยน
แต่เป็นอีกหนึ่งความรุนแรงที่ร่างกายต้องเผชิญ จิตใจของหญิงชราอยากจะกรีดร้องให้หยุด แต่ร่างกายของเด็กวัยห้าขวบกลับมีปฏิกิริยาของมันเอง...
"อุแหวะ! อ้วกกก!"
ร่างเล็กงอตัวเป็นกุ้ง สำรอกเอาของเหลวเหม็นคลุ้งที่เพิ่งสำลักเข้าไปออกมาจนหมดสิ้น มันเป็นปฏิกิริยาที่เธอควบคุมไม่ได้ เป็นการต่อสู้ของร่างกายเพื่อเอาชีวิตรอดล้วน ๆ
จิตวิญญาณของขวัญรดาทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ความน่าอดสูนี้อย่างช่วยไม่ได้
และหลังจากการสำรอกครั้งสุดท้ายที่ทำให้ร่างทั้งร่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง...ความโกลาหลในหัวของเธอก็พลันสงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาด
ความเจ็บปวด...ความสับสน...ความหนาวเหน็บ...ทั้งหมดเริ่มจางหายไป ก่อนถูกแทนที่ด้วยสัมผัสของฝ่ามืออุ่น ๆ ที่กำลังลูบแผ่นหลังของเธอเบา ๆ ตามด้วยความสากของผ้าขนหนูผืนเก่าที่กำลังซับน้ำออกจากผิวของเธอ
ในขณะนี้ขวัญรดาได้พยายามลืมตาขึ้นอีกครั้ง...แต่คราวนี้...ภาพที่เห็นไม่ได้พร่าเลือนอีกต่อไป
และภาพแรกที่เธอเห็นก็คือ...ใบหน้าของหญิงสาวที่เปี่ยมด้วยความรักและความกังวลจนแทบคลั่งอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ...ซึ่งใบหน้านี้ก็ได้ตรงกับภาพโฮโลแกรมของแม่ผู้จากไปเร็ว...จากภาพถ่ายขาวดำใบเก่า...และใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้า...ซึ่งทั้งหมดในตอนนี้ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในความทรงจำ
นี่คือแม่...แม่ของเธอ...ที่มีชีวิตและเลือดเนื้อ...หยาดน้ำตาที่ไม่ใช่ของเด็กห้าขวบ ค่อย ๆ ไหลรินออกจากดวงตาเล็ก ๆ มันคือน้ำตาหยดแรกของการกลับมา...การกลับบ้านที่แท้จริง
ช่อฟ้าที่กำลังจะเอ่ยปากปลอบใจลูกสาวถึงกับชะงักไปเพราะโดยปกติแล้ว เด็กที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์น่ากลัวมาควรจะร้องไห้กระจองอแง หรือกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับไม่ใช่...
ลูกสาวของเธอกำลังร้องไห้...แต่เป็นการหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน...เงียบจนน่าใจหาย และที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือดวงตาของลูกสาวที่จ้องมองมาที่เธอ
ดวงตาคู่นั้นทั้งนิ่งและเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง...รวมถึงอารมณ์ซับซ้อนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของเด็กหญิง...ซึ่งมันไม่ควรจะใช่แววตาของเด็กอายุเพียงห้าขวบที่เพิ่งรอดตาย แต่มันเหมือน...เหมือนแววตาของคนที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนานแล้วเพิ่งได้กลับพบเจอกันอีกครั้ง
"ขวัญ...ขวัญลูก เป็นอะไรไป" น้ำเสียงของช่อฟ้าสั่นเครือด้วยความไม่เข้าใจ "แม่ทำหนูเจ็บตรงไหนเหรอ บอกแม่สิลูก"
เด็กหญิงไม่ตอบ...ทำเพียงส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะโผเข้าซุกอกผู้เป็นแม่แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างเงียบงัน อ้อมแขนเล็ก ๆ กอดรัดร่างกายผอมบางของแม่เอาไว้แน่น...
แน่นเสียจนคนเป็นแม่รู้สึกได้ถึงความโหยหาอันมหาศาล...ความโหยหาที่ดูหนักหน่วงเกินกว่าที่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะรู้สึกได้
แม้ว่าช่อฟ้าจะมึนงง...แต่หล่อนก็ได้แต่กอดตอบลูกสาวไว้แน่น พร้อมกับลูบศีรษะที่เปียกชื้นที่เธอสระให้ลูกสาวจนสะอาดด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสับสนและความประหลาดใจในคราวเดียว
ลูกของเธอปลอดภัยแล้ว...แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนว่า...เด็กในอ้อมแขนคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวคนเดิมที่เธอรู้จักอีกต่อไป...
แต่สำหรับขวัญรดาแล้วมันคือความโหยหาที่อัดแน่นมาตลอดแปดสิบห้าปีในที่สุดก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมาในรูปแบบของน้ำตาและอ้อมกอดที่เธอได้รับจากผู้เป็นแม่
จิตวิญญาณของหญิงชราในร่างเด็กน้อยเหมือนจะเริ่มคลายจากความตึงเครียดทั้งหมด ร่างกายที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมาและใช้พลังงานไปกับการอาเจียนจนหมดสิ้น บัดนี้กำลังเรียกร้องการพักผ่อนอย่างหนักหน่วง
เปลือกตาของเธอหนักอึ้งเกินจะฝืนต้านทานไหว...และ สุดท้าย...เด็กหญิงตัวน้อยก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดที่เธอโหยหามาทั้งชีวิต
ขณะที่ร่างกายภายนอกของเด็กหญิงจมดิ่งสู่การหลับใหล...ในห้วงสำนึกที่ลึกที่สุดของขวัญรดาซึ่งมืดมิดและว่างเปล่า พลันปรากฏเสียง "ติ๊ง!" ที่นุ่มนวลดังขึ้น
ก่อนจะมีหน้าต่างแสงสีทองอ่อน...ปรากฏขึ้นตรงหน้า ราวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ในโลกอนาคต ที่มุมขวามีรูปอุ้งเท้าแมวสีขาวเล็ก ๆ กระดิกเบา ๆ
[กำลังเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณผู้ใช้งาน...] [...เชื่อมต่อสำเร็จ!...] [ยินดีต้อนรับผู้ถูกเลือกเข้าสู่ระบบแมวกวักนำโชค!]
ตัวอักษรปรากฏขึ้นแล้วหายไป ก่อนจะมีข้อมูลชุดใหม่แสดงขึ้นมา
[ตรวจสอบสภาวะร่างกายผู้ใช้งาน พลังกาย: 5/100 อยู่ในสภาวะอ่อนเพลียรุนแรง สภาวะจิตใจ: ความทรงจำสองภพขัดแย้งกัน...ไม่เสถียรอย่างยิ่ง คำแนะนำสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน: วิกฤตของครอบครัวกำลังจะเกิดขึ้น คำใบ้: คำพูดที่อ่อนน้อมและจริงใจ คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส]
หลังจากสิ้นสุดประโยคนี้...หน้าต่างแสงนั้นก็จางหายไปอีกครั้ง ทิ้งให้จิตของขวัญรดาจมสู่การหลับใหลที่แท้จริง...
ภายนอก...ช่อฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวหลับไปแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ลูกก็จะได้พักผ่อน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พาลูกเข้าไปนอนในบ้านดี ๆ เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ และเสียงอ้อแอ้ของลูกชายก็ดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน
"มะ..แม่..มา..มา" มนัสในวัยสองขวบเดินเตาะแตะนำหน้าโดยมีสุ่นลั้งหาบตะกร้าผักที่เพิ่งเก็บมาจากสวนของเพื่อนบ้านเดินตามมาติด ๆ
และเมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นสภาพของหลานสาวที่ตัวเปียกปอนอยู่ในอ้อมแขนของลูกสะใภ้ ตะกร้าผักในมือก็แทบร่วงลงพื้น
"อาช่อ! เกิดอะไรขึ้น!" หล่อนอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ รีบวางตะกร้าแล้วปรี่เข้ามาดูหลานสาวทันที "แล้วทำไมขวัญถึงเป็นสภาพนี้ไปได้!"
"ขวัญตกท่อจ้ะแม่" ช่อฟ้าตอบเสียงแผ่วด้วยความเหนื่อยอ่อน "แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ เธอแค่ตกใจเลยร้องไห้จนหลับไป"
สุ่นลั้งใช้หลังมืออังหน้าผากหลานสาวอย่างรวดเร็วเพื่อวัดไข้ เมื่อเห็นว่าตัวไม่ร้อนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วสายตาของเธอก็กวาดไปเห็นว่าปี๊บเศษอาหารได้หายไป คิ้วที่ขมวดด้วยความเป็นห่วงเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนเป็นความกังวลในเรื่องใหม่ทันที