Share

บทที่ 3

"แล้วเรื่องของเฮียเส็งจะทำยังไงล่ะลูก... ป่านนี้แกคงรอแย่แล้ว"

คำพูดของแม่สามีทำให้ใบหน้าของช่อฟ้าเริ่มซีดเผือด "ตายจริง! ฉันมัวแต่ตกใจเรื่องลูก เลยทิ้งปี๊บไว้ตรงที่เกิดเรื่องเลยจ้ะแม่"

"เฮ้อ..." สุ่นลั้งถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้ม "เอาอย่างนี้แล้วกัน...เดี๋ยวแม่เฝ้าหลานให้เอง ช่อรีบไปที่เล้าหมูก่อนดีไหม ไปเก็บปี๊บแล้วอธิบายให้เฮียเส็งแกฟัง...แม่ว่าแกคงเข้าใจ"

ยังไม่ทันที่ช่อฟ้าจะได้ตอบรับ ร่างสูงใหญ่ของมนตรีที่เพิ่งเลิกงานก็เดินมาถึงพอดี...

"มีเรื่องอะไรกัน" เขาถามขึ้นเสียงดังตามประสาคนที่คุ้นชินกับเสียงร้องระงมของหมูในโรงเชือด

"ลูกพลัดตกท่อจ้ะพี่" ช่อฟ้าเป็นฝ่ายตอบเสียงแผ่ว

หลังสิ้นเสียงของคนเป็นภรรยา...ชายหนุ่มก็รีบเดินผ่านทุกคนเข้าไปดูลูกสาวที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ เมื่อเห็นว่าลูกได้รับการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวเก่าแล้ว และไม่มีร่องรอยบาดแผลภายนอกให้เห็นจึงค่อยวางใจลง

"ท่อหน้าปากซอยนั่นใช่ไหม" เขาถามขึ้น เพราะระหว่างทางที่เดินกลับบ้านเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าฝาท่อไม้ผุ ๆ แผ่นหนึ่งมีร่องรอยชำรุดแตกหัก

"ใช่จ้ะ" ช่อฟ้าผงกหัวเป็นการยืนยัน

"ฉันว่าแล้ว...สักวันต้องได้เกิดเรื่อง!" มนตรีสบถออกมาอย่างหัวเสีย "ไม้มันเก่าขนาดนั้น...แทนที่จะมีเจ้าหน้าที่มาดูมาซ่อมก็ปล่อยไว้ ดีนะที่ลูกของเราปลอดภัย ไม่เป็นอะไรมาก"

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปนเปกับความโมโหในโชคชะตาและไร้ความรับผิดชอบของคนอื่น พร้อมกับยกมือลูบศีรษะลูกสาวเบา ๆ เป็นการปลอบขวัญ ก่อนจะหันมามองหน้าภรรยาที่ยังคงซีดเซียว

"แล้วเรื่องเฮียเส็ง..." เขาเอ่ยขึ้น

"ฉันกำลังจะไปจ้ะ"

มนตรีถอนหายใจยาว เขามองหน้าภรรยาที่อ่อนล้าเต็มที แล้วมองลูกสาวที่ยังหลับอยู่ "ไปพร้อมกันนี่แหละ รีบไปรีบกลับ จะได้มาอยู่กับลูก"

พูดจบเขาก็หันไปบอกมารดา "ม๊า...ฝากดูลูกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพวกผมรีบไปรีบกลับ"

สุ่นลั้งพยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงรีบเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังเล้าหมูของเถ้าแก่เส็งที่อยู่ไม่ไกลอย่างเร่งด่วน

เมื่อคนทั้งคู่ไปถึง พวกเขาก็ได้ยินเสียงหมูร้องดังระงมเพราะความหิวมาแต่ไกล โดยมีเถ้าแก่เส็งกำลังยืนเท้าสะเอวหน้าตาบูดบึ้งอยู่หน้าเล้า พอเห็นหน้าช่อฟ้าแกก็เตรียมจะอ้าปากต่อว่าทันที

"มาช้าจริงนะอาช่อ! ปล่อยให้หมูอั๊วร้องจน..."

"พอดีลูกสาวผมพลัดตกท่อครับเถ้าแก่" มนตรีเป็นฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแฝงความจริงจัง "เลยเสียเวลาไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยครับ"

คำพูดของมนตรีทำให้เถ้าแก่เส็งชะงักไป เขามองหน้าสองสามีภรรยาสลับกันไปมา ก่อนที่สีหน้าเกรี้ยวกราดจะค่อย ๆ อ่อนลง ความเป็นพ่อคนทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ได้ไม่ยาก

"เออ ๆ! รู้แล้วก็รีบเข้าไปจัดการซะสิ!" เขาพูดเสียงดังกลบเกลื่อน "เดี๋ยวหมูของอั๊วก็ได้กินกันเองพอดี! ผสมอาหารแล้วก็อย่าลืมล้างคอกให้มันดี ๆ ด้วยล่ะ!"

ว่าจบ เถ้าแก่เส็งก็เดินหันหลังกลับไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าบ้านของตัวเองไป ผู้มากวัยกว่าคนทั้งคู่ก็หยุดฝีเท้าของตนลง แล้วจึงล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมายื่นส่งให้ ช่อฟ้า

"เอ้านี่! ค่าจ้างล่วงหน้า" เขาพูดด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นตามนิสัยของเจ้าตัว "ลื้อเอาไปก่อน...เผื่ออาหมวยอีตัวร้อนเป็นไข้จะได้มีเงินพาไปหาหมอ อั๊วไม่อยากให้คนงานขาดงานเพราะลูกป่วย"

ช่อฟ้ากับมนตรีมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม เถ้าแก่เส็งไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงโบกมือปัด ๆ แล้วเดินเข้าบ้านไป

ทางด้านสุ่นลั้ง...ในระหว่างที่ลูกชายและลูกสะใภ้ไปทำงาน หล่อนก็ไม่ได้อยู่เฉย หลังจากอุ้มหลานสาวเข้าไปนอนในห้องเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกมาดูแลหลานชายตัวเล็กต่อ

"มา...อามนัสมาหาอาม่ามา" เธอกวักมือเรียกหลานชายวัย 2 ขวบที่กำลังคลานเล่นอยู่บนพื้น ก่อนจะใช้ผ้าขาวม้าผืนใหญ่ค่อย ๆ อุ้มและผูกเขาไว้บนแผ่นหลังของตนอย่างชำนาญ เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เธอสามารถทำงานอื่นไปพร้อมกับดูแลหลานไม่ให้คลาดสายตาได้

เมื่อมั่นใจว่าหลานชายอยู่บนหลังอย่างปลอดภัยแล้ว หญิงวัยกลางคนก็เดินไปที่หลังบ้าน และเริ่มก่อเตาถ่าน...แม้ในยุคสมัยนี้จะมีไฟฟ้าใช้บ้างแล้ว แต่สำหรับครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำเช่นเธอ การหุงหาอาหารด้วยเตาถ่านก็ยังคงเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด

หล่อนใช้พัดที่สานจากใบตาลโบกเบา ๆ จนถ่านในเตาลุกโชนเป็นสีแดงฉาน จากนั้นจึงยกหม้อข้าวใบเก่าที่ผ่านกาลเวลามานานขึ้นตั้งบนเตา

ไม่นานนัก...ควันสีขาวก็ลอยกรุ่นขึ้น พร้อมกลิ่นหอมของข้าวสุกที่อบอวลไปทั่วบ้าน...กลิ่นนั้นไม่ใช่เพียงกลิ่นของอาหาร แต่คือสัญลักษณ์ของความรักและห่วงใยที่เธอมีต่อลูก...หลาน หลังจากข้าวสุกได้ที่และถูกยกลงจากเตามาพักไว้ให้ระอุดีแล้ว สุ่นลั้งก็ไม่ได้หยุดพัก เธอยกกระทะเหล็กใบเก่าที่ผ่านการใช้งานมานับครั้งไม่ถ้วนขึ้นตั้งบนเตาถ่านที่ไฟยังคงแรงอยู่

กับข้าวมื้อเย็นของบ้านก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก วันนี้มีเนื้อหมูแดดเดียวที่ลูกชายได้มาจากโรงเชือดอยู่หนึ่งชิ้น ที่เป็นความใจดีของเถ้าแก่เจ้าของโรงเชือดที่มักจะแบ่งปันเนื้อส่วนที่ขายไม่หมดให้ลูกน้องอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นก็มีเปลวไขมันหมูติดหนังอีกก้อนหนึ่งซึ่งสุ่นลั้งได้รับมาจากแผงขายหมูในตลาด

หญิงวัยกลางคนเริ่มต้นด้วยการนำเปลวไขมันหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะโยนลงไปในกระทะที่ร้อนจัด เสียงไขมันที่แตกตัวดังฉ่า! พร้อมกับส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณครัวหลังบ้าน... เธอใช้ตะหลิวค่อย ๆ คั่วมันเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ จนไขมันใส ๆ ถูกรีดออกมาจนเกือบหมด

เหลือเพียงกากหมู...ชิ้นเล็กสีเหลืองทองกรอบน่ากิน ซึ่งเธอตักขึ้นมาพักไว้ในถ้วย กากหมูเหล่านี้คือของวิเศษสำหรับเด็กสองพี่น้องเพราะแค่นำมาคลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ เหยาะน้ำปลาเล็กน้อยก็อร่อยจนแทบไม่ต้องมีกับข้าวอื่น

ในกระทะบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำมันหมูใหม่ที่หอมกรุ่น สุ่นลั้งจึงนำหมูแดดเดียวที่หั่นเตรียมไว้ลงไปทอด เสียงเนื้อหมูที่กระทบกับน้ำมันร้อน ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ลอยไปไกลจนมนัสที่อยู่บนหลังของเธอเริ่มขยับตัวยุกยิกเพราะได้กลิ่น

เมื่อหมูทอดจนเหลืองกรอบได้ที่ เธอก็ตักขึ้นมาพักไว้ ถัดจากนั้นเป็นลำดับต่อมาเธอก็ตักน้ำมันขึ้นใส่อวยและล้างกระทะใบเดิม ก่อนจะใส่น้ำและนำผักบุ้งที่เก็บมา...นำมาลวกในน้ำเดือดอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้สีซีดคล้ำ

ที่ตั้งใจว่าจะนำมากินคู่กับพริกน้ำปลาที่ทำง่าย ๆ เพียงซอยพริกขี้หนูสดกับกระเทียมแล้วบีบมะนาวตาม เหยาะด้วยน้ำปลาดีอีกนิดหน่อย

อาหารเพียงสามอย่าง...หมูแดดเดียวทอด กากหมู ผักบุ้งลวก และพริกน้ำปลาถ้วยเล็ก ถูกจัดวางเตรียมพร้อมไว้บนโต๊ะไม้เก่ารอเพียงข้าวสวยร้อน ๆ ที่จะตักมาเติมเต็มมื้ออาหาร

สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นเพียงอาหารบ้าน ๆ ที่เรียบง่ายจนเกินไป...แต่สำหรับสุ่นลั้งและครอบครัวของเธอแล้ว อาหารเพียงเท่านี้ก็เพียงพอและเป็นความสุขใจที่ยิ่งใหญ่แล้ว สำหรับผู้ใหญ่สามคนและเด็กกำลังกินอีกสองคนในบ้านหลังนี้...
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 96

    “กูเองก็เห็นด้วย” เมฆก็ได้เอ่ยเสริมออกมาบ้าง“บางทีเจ้าลายมันอาจจะชอบน้องเขาก็ได้นี่ หรือไม่มันก็รู้สึกผิดที่กัดน้องเขาไปเมื่อวาน” ปฐพีพยายามบอกปัด ก่อนจะทำงานของตนต่อไป ส่วนเจ้าลายที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของขวัญรดาก็หาได้สนใจความคิดของมนุษย์ทั้งสามแต่อย่างใดและเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองต่างมองมาทางเธอ

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 95

    หลายวันต่อมา ขวัญรดาที่กำลังประหม่าเรื่องของปฐพีก็ได้ถูกลูกตื้อของเพื่อนสาวเอ่ยร้องขอให้เธอไปเป็นเพื่อนที่คณะเกษตรฯ“เธอสองคนไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะขวัญ นะเจ้าจอมนะ ๆ” กิ่งเพื่อนสาวร่างเล็กเอ่ยขอร้องเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาอ้อนวอน“พอดีฉันมีชีทเรียนต้องเอาไปให้เพื่อนที่เรียนอยู่คณะเกษตรฯ น่ะ... ไปคนเดี

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 94

    และในขณะที่บทสนทนาของทุกคนกำลังออกรสอยู่นั้นเอง... เจ้าจอมที่นั่งหันหน้าออกไปยังทางเดินก็พลันเบิกตากว้าง...“เฮ้ย! พวกแก...” เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “นั่นใช่พี่ดิน คณะเกษตรไหมคำกล่าวนี้ของเธอทำให้ทุกคนยกเว้นขวัญรดาที่นั่งหันหลังอยู่ ต่างหันไปมองตามการพยักพเยิดของเจ้าจอมเป็นตาเดียวกัน“โห! ตัว

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 93

    เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นขี่รถจากไปแล้ว ช่อฟ้าและสุ่นลั้งที่ยืนรออยู่บนชานเรือนก็รีบเดินลงมาสมทบทันที“ขวัญ! เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมากไหม!” ช่อฟ้าตรงเข้ามาจับมือลูกสาวพลางดูแผลที่นิ้วของเธอด้วยความเป็นห่วง“หนูไม่เป็นไรแล้วจ้ะแม่ แผลเล็กนิดเดียวเอง” ขวัญรดาตอบพร้อมกับรอยยิ้มออกมา ซึ่งทุกคนเองก็โล่งใ

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 92

    เมื่อสายตาของเจ้าตัวเหลือบไปเห็นตะกร้าในมือของ ลูกสาว... และยิ่งไปกว่านั้น... คือร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนเดียวกับที่เคยไปส่งลูกสาวที่บ้าน...“ป๊าจ๋า...” ขวัญรดารีบเป็นฝ่ายอธิบายออกมาก่อนที่พ่อจะเข้าใจผิด “คือว่าเจ้าลาย... หนูหมายถึงแมวของพี่ปฐพีเขาน่ะค่ะ พอดีทางหอพักเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ ช่วงนี้ฝนต

  • ขวัญรดาลูกแม่ค้า   บทที่ 91

    คำว่า “รับออกแบบจัดสวน” เหมือนจะไปสะกิดบางอย่างในใจของทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว ปฐพีกับขวัญรดาเลยเผลอมองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง... และช่วงเวลาสั้น ๆ นี้กลับเพียงพอที่จะทำให้เพื่อน ๆ รอบข้างจับสังเกตได้ทันที“เฮ้ย... มึงว่าไอ้ดินมันสนใจน้องเขาหรือเปล่าวะ” ภัทรเอ่ยกระซิบกับเมฆ พลางเหลือบมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status