ผ่านไปเพียงห้านาที โดยประมาณเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉุดให้ของขวัญรีบเช็ดน้ำตา ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เคาะพอเป็นมารยาทเท่านั้น ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาคือกมลนั่นเอง ของขวัญรีบฮึบแล้วกลืนน้ำตาเข้าไปไว้ในอก แต่มีหรือที่ผู้ใหญ่อย่างกมลจะดูไม่ออก ตาแดง จมูกแดงขนาดนี้
“นายโทรตามให้มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ กินอะไรหรือยัง” กมลถาม ก่อนจะเหลือบมองที่จานอาหาร“เขาจะไม่เข้ามาอีกแล้วเหรอคะ” “เห็นว่ามีงานด่วนค่ะ ถ้าเข้าก็คงจะค่ำๆ มั้งคะ” กมลตอบก่อนจะนั่งที่ขอบเตียง จ้องหน้าของขวัญก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้“ดีขึ้นบ้างไหมคะ” ประโยคคำถามนี้มันแทนได้ทุกเรื่องเลย ซึ่งมันไม่ดีขึ้น ทำให้ของขวัญร้องไห้มาอย่างอัดอั้น“พี่มล... ขวัญ ขวัญไม่ไหวแล้ว ขวัญจะทำยังไงดีคะ” เธอถามพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่มลอยากถาม คุณขวัญทำอะไรนายเหรอคะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”“วันนั้นขวัญทำผิด เขาโกรธมากเลยรุนแรงกับขวัญ ขวัญเลยอาศัยจังหวะที่เขาหลับซ่อนมีดเอาไว้” “ถามจริงๆ จะฆ่าเขาให้ตายเลยเห“เรื่อง?” เขาถามเสียงทุ้มนุ่ม ทว่าเธอกลับเอามือชี้ไปที่หน้าอกของเขา ก่อนจะจับมือข้างขวาแล้วบังคับให้แบมือ เธอจับเอาไว้แน่นแล้วลูบไปมา มันทำให้นึกถึงคืนนั้นที่เขากำมีดเอาไว้แน่น แต่จังหวะเดียวกันนั้นเขาก็ดึงมือกลับ“ต้องการให้มันเป็นแบบจริงเหรอ ถ้าอยากฆ่าฉันจริงๆ ฉันก็ยอมเธอแล้วไง ทำไมไม่ทำ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าวมากเลยทีเดียว จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งคุยกันดีๆ “ทำไม ฆ่าฉันเธอก็ปิดจ๊อบทุกอย่างได้ ได้เป็นอิสระ ได้กลับบ้าน ฉันไม่ให้ใครเอาเรื่องเธอก็ได้” เขากระซิบเบาลง“ขวัญไม่รู้ แล้วทำไมคุณต้องยอมด้วยล่ะ”“ฉันอยากเห็นสีหน้าคนใจร้าย อยากรู้ว่าถ้าฉันเจ็บ คนทำจะเป็นยังไงแต่ก็ได้รู้แล้ว มีอย่างที่อยากรู้เหมือนกัน” เขาพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระทั่งหน้าผากแนบกัน“เกลียดมากไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ฆ่าเมื่อมีโอกาส” เขากระซิบเบากว่าเดิมเสียอีก“ขวัญ... ไม่รู้” เธอตอบได้แค่ไม่รู้พลาง
ผ่านไปเพียงห้านาที โดยประมาณเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉุดให้ของขวัญรีบเช็ดน้ำตา ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เคาะพอเป็นมารยาทเท่านั้น ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาคือกมลนั่นเอง ของขวัญรีบฮึบแล้วกลืนน้ำตาเข้าไปไว้ในอก แต่มีหรือที่ผู้ใหญ่อย่างกมลจะดูไม่ออก ตาแดง จมูกแดงขนาดนี้“นายโทรตามให้มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ กินอะไรหรือยัง” กมลถาม ก่อนจะเหลือบมองที่จานอาหาร“เขาจะไม่เข้ามาอีกแล้วเหรอคะ”“เห็นว่ามีงานด่วนค่ะ ถ้าเข้าก็คงจะค่ำๆ มั้งคะ” กมลตอบก่อนจะนั่งที่ขอบเตียง จ้องหน้าของขวัญก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้“ดีขึ้นบ้างไหมคะ” ประโยคคำถามนี้มันแทนได้ทุกเรื่องเลย ซึ่งมันไม่ดีขึ้น ทำให้ของขวัญร้องไห้มาอย่างอัดอั้น“พี่มล... ขวัญ ขวัญไม่ไหวแล้ว ขวัญจะทำยังไงดีคะ” เธอถามพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น“พี่มลอยากถาม คุณขวัญทำอะไรนายเหรอคะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”“วันนั้นขวัญทำผิด เขาโกรธมากเลยรุนแรงกับขวัญ ขวัญเลยอาศัยจังหวะที่เขาหลับซ่อนมีดเอาไว้”“ถามจริงๆ จะฆ่าเขาให้ตายเลยเห
เจอพิษไข้รุมเร้าตั้งแต่เย็นวานนี้ ยาวมาจนตลอดทั้งคืน มาเช้าวันนี้ค่อยยังชั่วขึ้น ของขวัญปวดหัวน้อยลง ตัวเย็นแล้วพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร้อนและเหนียวตัวพอสมควร กระทั่งเธอลืมตาขึ้นจึงเห็นว่าอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถ้าจะขยับออกแล้วเขาจะตื่นหรือเปล่านะ ตอนนี้ไม่อยากให้เขาตื่น อยากเงยหน้ามองให้ชัดๆ เป็นครั้งแรก เขาตัดผมโกนหนวด สะอาดสะอ้าน ปากกระจับ จมูกโด่ง คิ้วหนาเข้ม แผงอกแน่น กล้ามแขนเป็นมัดใหญ่หล่อเกินจะมาเป็นนายใหญ่ของที่นี่ หล่อเกินที่เธอจะเอื้อมถึงและคู่ควร คิดแล้วก็น้ำตาไหลอีกครั้งพลางซบหน้ากับอกกว้าง ทว่าเธอกลับเหลือบเห็นแผลบนอก เป็นรอยเย็บซึ่งแผลยังดูใหม่อยู่ เหมือนเพิ่งจะหาย ใช่มันเป็นรอยที่เธอทำ เธอเอามีดแทงเขาดีที่มันไม่ลึก แต่เลือดที่เห็นยังคงติดตาอยู่“ขวัญขอโทษ” ของขวัญลอยๆ เบาๆ พลางเอามือลูบแผลนั่น ในจังหวะเดียวกันนั้นปราชญ์ขยับตัว คลายอ้อนกอดเหมือนเมื่อยแต่ไม่ได้ตื่น ทำให้เธอได้เป็นอิสระและดันตัวออกทันที ยิ่งทำให้เห็นชัดตรงต้นแขนที่เป็นรอยมีด เขาเย็บกี่เข็มกันเนี่ย เธอคิดพลางเอามือแตะแล้วลูบเบาๆ“อืม”
เขาคิดถามตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อกร้ามกับกางเกงขาสั้น เพื่อกลับมาแต่งตัวให้กับเธอ ชุดชั้นในไม่ต้องใส่ โนบราแบบนี้แหละ เขาทำได้เช่นนี้ก็ถือว่าบุญโขแล้วเพราะไม่เคยใส่เสื้อผ้าให้ใคร เก่งแต่ถอด เสร็จแล้วเขาก็กลับออกไปด้านนอก โดยมีกมลเตรียมอาหารเอาไว้ให้คนป่วยแล้วเรียบร้อย อีกทั้งหยูกยาอีกต่างหาก“เป็นยังไงบ้างคะนายพี่ว่าจะออกมาเอายา ก็เลยทำอาหารให้ซะเลย”“เข้าไปเห็นเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ พี่มลไม่ต้องดูแลอะไรแล้ว” เขาบอกเสียงหม่นพร้อมกับสั่งการ“งั้นพี่จะไม่รบกวนแล้ว แต่ขออย่าง นายอย่าไปไหนอีกเลยนะคะ สงสารคนตัวเล็กตัวน้อย”“นี่ไม่มีใครสงสารผมใช่ไหม” เขาถามเสียงเรียบ แต่ไม่รับปากกมลแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็เดินไปหาชรัน ซึ่งนั่งรออยู่ตรงโซฟารับแขก ลูกน้องบางส่วนต้องทยอยออกไปรวมถึงกมลด้วย เหลือไว้แต่ชรันคนสนิทเท่านั้น ทว่าปราชญ์ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเดินออกนอกบ้านหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พ่นควันออกไปอย่างเครียดๆ“อย่างที่พี่มลบอก อย่าไปไหนอีกเลยนะครับ หนึ่งอาทิตย์น่าจะเพียงพอให
ซึ่งก็เข้าใจได้แหละเป็นปกติของคนทำงาน และเช่นเดียวกัน ด้วยความเป็นลูกคุณหนู ร่างกายมันเกินจะทนกับความเหน็ดเหนื่อย ที่มันคงสะสมมานับอาทิตย์ เพราะตรากตรำทำงานหนักมาก ทำให้ของขวัญหน้ามืดเมื่อลุกขึ้นยืน ทุกอย่างหมุนติ้ว มืดและมีดาวระยิบระยับเต็มไปหมดเธอเป็นลมล้มลงไปนอนกับพื้นหญ้า“ว๊ายตายแล้ว นายรัน ยัยหนูขวัญเป็นลม” คนงานคนหนึ่งตะโกนขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปดู ชรันเห็นดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาและประคองเอาไว้เช่นกัน“คุณขวัญ! ให้ตายสิ ทำงานต่อนะเดี๋ยวพาขึ้นไปข้างบนก่อน”“ค่ะค่ะ” ทุกคนรับคำ จากนั้นชรันจึงอุ้มของขวัญกลับไปที่บ้านเพื่อปฐมพยาบาล พัดวี เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าและเนื้อตัวให้ ก่อนจะเอายาดมมาจ่อจมูก“ตายจริง! คุณขวัญ!” กมลเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง“คงเหนื่อยน่ะ ฝากดูแลได้ไหม คนงานขนองุ่นอยู่จะลงไปคุมต่อ”“ค่ะค่ะ คุณรันไปเถอะ ว่าแต่...”“ว่าแต่อะไร”“ช่างเถอะค่ะ”“ถ้าฟื้นแล้วหาอะไรให้ดื่มด้วยล่ะ จะได้สดชื่น”&nb
“ยังไม่เห็นเหมือนกัน เอ็งถามทำไมเหรอ ไม่เห็นอ่ะดีแล้ว เราจะได้ทำงานสะดวก ไม่งั้นสั่นประสาทกันหมดน๊า นายยิ่งดุอยู่ด้วย” “หนูก็แค่... แปลกๆ ค่ะ คนสนิทก็ไม่เห็นสักคน” “ตั้งใจทำงานเถอะอีหนู เผื่อนายมาจะได้เห็นว่าขยัน จะได้ไม่ดุ” “ค่ะ” ของขวัญรับคำสั้นๆ ก้มหน้าทำงานต่อ ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ เธอเหนื่อยแต่เริ่มชินกับความร้อน ทุกคนทนได้เธอก็ต้องทนได้ จนกว่าจะได้รับอิสระ จนว่าปราชญ์จะได้ในสิ่งที่ต้องการ เธอไม่ควรมีปากเสียงกับคนที่สามารถฆ่าเธอและครอบครัวให้ตายทั้งเป็นได้ด้วยความจน ซึ่งแน่นอนว่าเวลานี้ปราชญ์กำลังทำ ของขวัญทำงานอย่างขยันขันแข็ง เริ่มเก็บองุ่นเป็นแล้ว และไม่สร้างความเสียหาย ทำในฐานะลูกจ้างไม่ใช่เมียหรือนางบำเรอ แต่เธอไม่เห็นปราชญ์ทั้งวัน ขณะที่เธอกลับอยู่ในสายตาของปราชญ์ตลอดเวลา เพียงแค่เขาไม่ออกไปให้เห็นเท่านั้น ในเมื่อเธอเกลียด โกรธ อยากฆ่าให้ตาย ก็งดเจอกันก่อน ส่วนเรื่องเอาเธอมาเรียกค่าไถ่กับเพชรน่ะเขารอได้ รอมาหลายปี รออีกนิดจะเป็นไร เขาจะให้เธอนั่นแหละนำเครื่องเพชรมา ทว่าตอนนี้คงจะสบายใจมากกระมังที่ไม่เห็นหน้าเขา พอช่วงเย็นเ