“มี่...”
“เป่าเทียนสิคะพี่ดิว” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาพลางยื่นเค้กในมือไปตรงหน้าเขา ทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมทำตามที่เธอต้องการ
เทียนวันเกิดค่อยๆ ดับทีละเล่มสองเล่มจนท้ายที่สุดก็ดับจนหมด ราวกับความรักของเขาที่มีต่อเธอที่ตอนนี้มันคงมอดจนไม่เหลืออีกต่อไป
“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”
“อืม...งั้นพี่ไปก่อนนะ มี่ก็รีบพักผ่อนได้แล้ว”
มิรันดายิ้มเย็นชา เธอจะนอนหลับลงได้อย่างไรในคืนนี้ เขาช่างพูดง่ายเหลือเกิน ไม่สิ เธอต่างหากที่ง่าย ง่ายจนเขาไม่เห็นค่า อยากทิ้งก็ทิ้งกันได้ลงคอ
“พี่ดิวคะ...คำถามสุดท้าย พี่ยังรักมี่อยู่ไหม”
คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังหันหลังจะเดินจากไปชะงักเท้านิ่งกับที่ แต่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเกรงว่าเขาจะใจอ่อน
“ไม่รู้สิ ตอนนี้พี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
พูดจบเขาก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่มองตามหลังเขาไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงในคำตอบที่ได้ยิน
ในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้น
หลังจากเสียพ่อแม่และยายไป ดิฐกรก็เป็นหลักยึดเดียวในชีวิต แต่ตอนนี้หลักที่ว่าก็ดันไม่มั่นคงเสียแล้ว
มิรันดาร้องไห้โฮออกมาอย่างคนใจสลาย จากนี้ไปเธอก็ไม่เหลือใครให้รักได้อีกต่อไปแล้ว ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในโลกใบนี้ แล้วเธอจะอยู่ไปทำไม
งั้นก็อย่าอยู่เลยดีกว่า...
ดวงตาสิ้นหวังมองเหม่อไปที่ระเบียงอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่จะประคองตัวเองลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูระเบียง และเปิดมันออก
หญิงสาวยื่นมือเกาะราวระเบียงนั้นไว้ ชะโงกมองข้างล่างเป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นรถเก๋งสีเทาคันหนึ่งเพิ่งแล่นออกไป
รถของเขา...
ไม่สิ จะว่าไป ห้องที่เธออยู่ก็เป็นชื่อเขา ที่ผ่านมาเธอพึ่งพาดิฐกรไปเสียทุกอย่าง ให้เขาเป็นผู้นำ เขาบอกอะไรเธอก็ทำตามไม่ขัด เพราะรักเขามากนั่นเอง แล้วตอนนี้เป็นไง เขาตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่ายังรักเธอหรือเปล่า หรือไม่ก็ไม่กล้าตอบว่าไม่รักแล้วก็ได้
“หึ...”
หญิงสาวแค่นหัวเราะเยาะตัวเอง พลางจับราวระเบียงแน่นขึ้น ห้องที่เธออาศัยอยู่ชั้นสิบของคอนโดแห่งนี้ ความสูงของมันก็ไม่ใช่เล่น ถ้าตกลงไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
หากเธอตายไป เขาจะเสียใจไหมนะ
อาจจะเสียใจ หรือไม่ก็คงดีใจที่ไม่มีเธออยู่ให้รำคาญหูรำคาญตาอีกต่อไป เขาขอให้เราห่างกันสักพัก
ได้สิ...เธอจะทำให้ ไม่ใช่แค่สักพักหรอก
แต่เป็นชั่วนิรันดร์ต่างหาก
สายลมราตรีพัดโชยมาต้องกายที่ยืนบนระเบียงคอนโดแห่งนั้นจนหนาวยะเยือกไปทั้งร่าง ใบหน้าสวยหวานเปื้อนน้ำตาจนกลบทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ภาพช่วงเวลาดีๆ ที่เราเคยใช้ชีวิตร่วมกันโผล่ขึ้นมาในสมองทีละภาพๆ เธอรักเขาเหลือเกิน รักจนไม่เผื่อใจที่จะเจ็บจากความรักครั้งนี้ นาทีที่เท้าข้างหนึ่งกำลังจะก้าวขึ้นไปเหยียบราวระเบียง ทันใดนั้นเองหัวใจของเธอก็ปวดแปลบก่อนที่ความเจ็บปวดนั้นจะลามลงมาปั่นป่วนในช่องท้องราวกับคลื่นสึนามิที่โหมซัดเข้าใส่จนรู้สึกคลื่นเหียนวิงเวียนขึ้นมาในฉับพลัน
“อุ๊บ! โอ้ก...” หญิงสาวเกาะราวระเบียงโก่งคออาเจียนออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ความรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ร่างบอบบางจึงค่อยๆ รูดลงมาตามราวระเบียงมานั่งแปะที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่แบบนั้น
มิรันดาพาดคอกับราวระเบียงพลางมองลงไปที่พื้นด้านล่างก็เกิดรู้สึกหวิวกับความสูง สิบชั้นเชียวนะ หากเธอร่วงลงไปด้านล่าง ศพคงไม่สวยแน่ แล้วถ้าเกิดดิฐกรรู้ข่าวว่าเธอคิดสั้นลาโลกด้วยการโดดตึกล่ะ
เขาคงจะสมเพชเธอไม่น้อย หรือไม่ก็คงโล่งอกที่ไม่มีตัวน่ารำคาญมาคอยถ่วงชีวิตอีกต่อไป แล้วเขาก็อาจจะหาเมียใหม่สวยๆ มาแทนที่เมียเก่าที่กลายเป็นผีสิ้นคิดอย่างเธอ แล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ส่วนเธอที่คิดสั้นโดดตึกตายก็อาจต้องวนเวียนโดดตึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่ากรรมที่ทำไปจะสิ้นสุดเหมือนที่เคยได้ยินว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาปหนัก ไม่ได้ผุดได้เกิดง่ายๆ
เรื่องอะไรวะ!
ทำไมเธอต้องตายเพื่อให้ผัวเฮงซวยนั่นมีความสุขกับเมียใหม่ด้วย แถมตายอนาถอีกต่างหาก คอหัก แขนขาหักผิดรูป ยิ่งถ้าเอาหน้าลงพื้นก็คงเสียโฉมกลายเป็นผีหน้าเละตุ้มเป๊ะชวนให้สยองไปอีก
มิรันดาสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ภาพเลวร้ายในสมองออกไป พลางสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ
แล้วเรื่องอะไรเธอต้องมาตายอย่างทุเรศทุรังเพื่อผู้ชายคนเดียวเพียงเพราะเขาหมดรักด้วยล่ะเนี่ย
“อีโง่เอ๊ย!” ด่าตัวเองไปหนึ่งดอก
ใช่ เธอมันโง่ โง่ที่รักคนอื่นจนลืมรักตัวเอง
ถ้าเขาไม่รัก เธอก็แค่กลับมารักตัวเองก็สิ้นเรื่อง
แต่มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
“ช่างแม่ง! ไม่รักก็ไม่ต้องรัก ผัวเฮงซวยเอ๊ย!”
หญิงสาวสบถออกมา พลางนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เธออ้วกแตกหมดไส้หมดพุงเสียก่อนที่จะทำร้ายตัวเองสำเร็จ ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หลาไปบนพื้นระเบียง ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลออกมาให้หนำใจ และเผลอหลับไปทั้งสภาพแบบนั้นจนถึงเช้า
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ