“มี่! นี่มัน...”
ดิฐกรอุทานลั่น หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวชาไปหมดเมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่อง แท่งตรวจครรภ์ที่มีขีดสีแดงขึ้นชัดสองขีด เขาไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร
“มี่ท้อง! ลูกของพี่”
มิรันดาโพล่งออกไป สองมือเย็นเฉียบกุมกันไว้แน่น ตามองอาการตกใจของอีกฝ่ายอย่างลุ้นและรู้สึกผิดไปพร้อมกัน
“มี่...”
“มี่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดเซอร์ไพร์สพี่”
เซอร์ไพร์สเหรอ...ใช่ตอนนี้เขาทั้งเซอร์ไพร์สและงุนงงเหมือนโดนชกสมองจนมึนชาไปแล้ว
เขาอยากเว้นระยะห่างกับเธอเพื่อสำรวจหัวใจ แต่เธอกลับบอกว่ากำลังมีลูกกับเขาเสียนี่ เขาควรดีใจที่มีลูก แต่ทำไมนะ มันถึงไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่คิด
“พี่รู้แบบนี้แล้ว ยังจะขอเลิกกับมี่อยู่อีกไหม” เธอท้าวัดใจเขาไปตรงๆ ต่อให้ไม่รักเธอแล้ว แต่เขาก็ควรรักเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองบ้างสิ
“มี่...พี่ขอเวลาหน่อย พี่ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหม”
คำนั้นของเขาทำให้หญิงสาวสตั้นไปชั่วขณะ
“คิดเหรอ พี่จะคิดอะไร หรือยังคิดจะทิ้งมี่กับลูก ไปอยู่ห่างกันสักพักอีกงั้นเหรอ นี่พี่จะทิ้งพวกเราได้ลงคอจริงเหรอ”
“ไม่! ไม่ใช่ พี่ไม่ได้ทิ้งมี่กับลูก ก็แค่...” ดิฐกรยกมือปาดเลือดที่หางคิ้ว ก่อนจะสบถแรงๆ ออกมา
“โธ่เว้ย!”
มิรันดาผงะ ใจหายวาบ
“มี่ท้องได้ยังไง ก็ไหนว่ากินยาคุมไม่ขาดไม่ใช่เหรอ พี่ก็ป้องกันทุกครั้งนี่นา”
คำถามนั้นทำให้คนถูกถามถึงกับสะท้านไปทั้งตัว นี่เขากำลังโยนความผิดให้เธองั้นเหรอ
“นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ”
“เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม”
มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร
“พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในแววตาคู่นั้นอีกแล้ว
คนหนึ่งใจหมดรัก แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ
“มี่...วันนี้เราพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว พี่ว่ามี่ไปนอนก่อนดีกว่า ไว้อารมณ์ดีๆ เราค่อยมาพูดกันอีกทีเรื่องลูก” ดิฐกรเอาน้ำเย็นเข้าลูบเมื่อเห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของอีกฝ่าย
“พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม”
คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้
“มี่...”
มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ
“งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ”
พอขาดคำ หญิงสาวก็คว้ากล่องของขวัญและที่ตรวจครรภ์เดินไปทิ้งที่ถังขยะต่อหน้าเขา พร้อมกับถอดสร้อยรูปหัวใจแทนความรัก ของขวัญวันเกิดที่เขามอบให้ ก่อนเดินตรงมาที่ร่างสูงอีกครั้ง และจับมือของเขาแบออก พร้อมกับวางมันลงไปบนฝ่ามือนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“มี่...”
“ถ้าพี่ไม่ต้องการมี่แล้ว งั้นเราก็เลิกกันเถอะ” ประโยคนั้นราวกับคมมีดกรีดใจทั้งคนพูดและคนฟังจนฉีกขาดย่อยยับ
ดิฐกรมองสร้อยในมืออย่างร้อนรุ่ม เขาไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ จริงอยู่ที่เขายังไม่อยากแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้อยากเสียเธอไป
“วันนี้เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว รอให้ใจเย็นกว่านี้ ค่อยมาคุยกันอีกทีเถอะนะ”
“มี่ไม่ได้ท้องหรอก” จู่ๆ เธอก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ว่าไงนะ!”
“นั่นที่ตรวจครรภ์ปลอม มี่ก็แค่อยากลองใจพี่ ว่าถ้าเรามีลูกด้วยกันแล้วพี่จะแต่งงานกับมี่ไหม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าต่อให้มีลูกด้วยกัน เมื่อคนหมดใจแล้วมันก็ไร้ประโยชน์”
“หมายความว่ามี่โกหกพี่งั้นเหรอ”
“...”
หญิงสาวยืนนิ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร นอกจากน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย เธอไม่ได้ฟูมฟายหรือโวยวายใส่เขาด้วยซ้ำ แต่ความนิ่งเฉยเมยนี้กลับบีบรัดหัวใจเขามากกว่า
“งั้นวันนี้พี่จะไปนอนบ้านไอ้รามแล้วกัน”
ชายหนุ่มตัดสินใจหนีไปตั้งหลัก คิดว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าทะเลาะกันแบบนี้
“สร้อยเส้นนี้พี่ให้มี่แล้ว พี่ไม่เอาคืน” เขายื่นสร้อยในมือคืนให้คนรัก แต่เธอกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับ เขาจึงตัดปัญหาด้วยการวางมันบนโต๊ะอาหารที่มีเค้กวันเกิดและอาหารเย็นชืดวางอยู่
“เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งไป” เธอเอ่ยพลางเดินไปหยิบของในลิ้นชักเก็บของและเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร มันคือไฟแช็กนั่นเอง หญิงสาวใช้ไฟแช็กนั่นค่อยๆ จุดเทียนวันเกิดให้เขาทีละเล่มๆ จนครบ
“เป่าเทียนวันเกิดก่อนสิคะ ถึงมันจะเลยวันไปแล้ว แต่มี่ก็ตั้งใจทำเค้กนี่ให้พี่”
ดิฐกรใจวิบหวิวกับคำพูดของคนรัก
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ