คอนโดที่นิลุบลพาเธอไปดูนั้นถือว่าสภาพดีมากเกินกว่าราคาเช่า เพราะเจ้าของอยู่เอง แต่เมื่อต้องไปทำงานที่เมืองนอกก็ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ พอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของนิลุบลที่เป็นญาติทางสามีกัน ก็เลยตกลงให้เช่าง่ายๆ โดยไม่เก็บมัดจำ
เย็นวันนั้นมิรันดาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าทันที พร้อมกับตอบแทนเพื่อนรักที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วยการพาไปกินชาบูที่ร้านโปรด
หลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็กลายเป็นคนกินจุ กินดุขึ้น อาการแพ้ท้องนั้นไม่รุนแรงมากเท่าตอนแรกแล้ว ทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ดูเหมือนลูกจะปรานีเธอตามที่ร้องขอไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคำขอเธอจะทำให้พ่อของลูกโดนเล่นงานด้วยอาการแพ้ท้องแทนหรือไม่
“แก...นั่นกระเทียมนะ” นิลุบลเอะอะ เมื่อเห็นเพื่อนสาวตักกระเทียมใส่ในน้ำจิ้มชาบู
“แล้วไงแก” คนพูดถามพลางตักน้ำจิ้มเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ
“แกไม่เหม็นกระเทียมเหรอ”
“ไม่นี่...อร่อยดี ฉันชอบกิน”
คำบอกเล่านั้นทำเอาคนเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนสองหนถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน
“ทำไมเหรอ” มิรันดาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการนั้นของเพื่อน
“แกไม่รู้อะไร ตอนฉันท้องนะ ได้กลิ่นกระเทียมนิดเดียวก็อ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วัน เหม็นจะแย่ แกกินเข้าไปได้ไงน่ะ”
ว่าที่คุณแม่ชะงักตะเกียบในมือค้างเติ่ง
“คนท้องกินกระเทียมไม่ได้เหรอแก ฉันกินไปแล้วอะมันจะเป็นอะไรไหม”
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ตอนแพ้ท้องมันจะเหม็นอาหารไง พวกกระเทียม พวกปลาหรือเนื้อสัตว์งี้ นี่แกไม่เหม็นอะไรบ้างเลยเหรอ”
มิรันดาตัดสินใจลองคีบปลาดอลลี่ในหม้อชาบูขึ้นมาจ่อที่จมูกตัวเองเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของเพื่อน ก่อนส่ายหน้า
“ไม่เหม็นนี่แก หอมมากเลย” ว่าแล้วก็คีบปลาจิ้มน้ำจิ้มชาบูที่มีกระเทียมผสมเข้าปากโชว์อย่างเอร็ดอร่อย เอนจอยอีทติ้งสุดๆ
“เหลือเชื่อน่า นี่มันอภิชาตบุตรมาเกิดชัดๆ ตอนฉันท้องลูกคนแรกนะ กินได้แต่ข้าวต้มกับมะม่วงเปรี้ยวทุกวัน ส่วนคนที่สองน่ะดีหน่อย กินไข่กินนมได้ นอกนั้นกินอะไรไปเหม็นจนอ้วกออกหมด แกโชคดีว่ะ”
“โชคดีเหรอ...มารู้ตัวว่าท้องก็ตอนเลิกกับผัวเนี่ยนะ โชคดีตรงไหน”
“ก็โชคดีที่มีลูกน่ารักไม่ทรมานแม่ตอนท้องไง หรือว่าเจ้าหนูในท้องอาจจะสงสารแม่ก็ได้นะ จริงสิ! แกคิดหรือยังว่าอยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย”
คนถูกถามนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนตอบ
“อะไรก็ได้ ขอแค่ให้แข็งแรงครบสามสิบสองก็พอแล้ว จะชายจะหญิงฉันก็รักหมดแหละ” มิรันดาลูบหน้าท้องเบาๆ ราวกับส่งข้อความนั้นไปให้คนในท้อง
ถึงตอนนี้เธอไม่มีเขา แต่ก็ไม่เหงาเท่าที่คิดเพราะมีเจ้าตัวเล็กในท้องคอยเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาแทน แต่มันคงจะดีกว่านี้หากมีพ่อของลูกมาช่วยแบ่งปันความรู้สึกนี้ร่วมกัน
“มี่ๆ แกดูนั่นสิ”
มิรันดาหลุดจากภวังค์ เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเอะอะขึ้น
“อะไรเหรอแก เสียงดังอายคนเขา”
“ดูนั่น ทางนั้นน่ะ”
หญิงสาวรีบหันไปทางที่เพื่อนบอกทันที ก่อนที่จะชาวาบไปทั้งตัว เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ชายหญิงคู่หนึ่งเดินคุยกันอย่างสนิทสนมเดินผ่านหน้าร้านชาบูตรงไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรูที่อยู่ถัดไป
เธอคงจะไม่สนใจถ้าหากว่าฝ่ายชายนั้นไม่ใช่คนใจร้ายที่เคยบอกว่าให้เราอยู่ห่างกันสักพัก
ห่างกับเธอ แต่ไปใกล้กับผู้หญิงอื่นแทนเนี่ยนะ
ไอ้ผัวเฮงซวย!
“นั่นมันพี่ดิวผัวแกไม่ใช่เหรอ เขามากับผู้หญิงที่ไหนน่ะ อ้าว! ไอ้มี่ แกจะไปไหนน่ะ รอฉันด้วยสิ” นิลุบลเอะอะ แต่จะลุกตามไปก็ยังไม่ได้จ่ายเงิน แถมเพิ่งกินได้ไม่กี่คำก็แอบเสียดาย จึงรีบไปเรียกพนักงานมาทันที
มิรันดาเดินฉับๆ เข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม ตั้งแต่คบกันมาดิฐกรไม่เคยพาเธอมากินที่ร้านแบบนี้เลยสักครั้ง อย่างดีก็พาเข้าร้านชาบู ไม่ก็ร้านตามสั่งใกล้บ้าน แต่นี่เขากลับพาผู้หญิงคนอื่นมากินข้าวกันสองต่อสองในร้านแพงๆ เนี่ยนะ
มองหาเพียงไม่นาน เธอก็ได้พบคนที่ตามหามาหลายวัน เขานั่งตรงนั้น ดิฐกรคนที่เธอรักและหวังฝากชีวิตที่เหลือไว้ในมือ แต่เขากลับทำลายความหวังเธอด้วยคำว่าขออยู่ห่างกันสักพัก แต่กลับมาอี๋อ๋อใกล้ชิดกับผู้หญิงคนใหม่แบบนี้เนี่ยนะ
“พี่ดิว!”
เสียงเย็นเฉียบนั้นทำให้คนถูกเรียกเย็นสันหลังวาบ รีบหันขวับไปมองคนเรียกทันที
“มี่...มาอยู่นี่ได้ไง”
“อร่อยไหมคะ” คำตอบไม่ตรงคำถาม มิรันดาปรายตามองหญิงสาวสวยที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับคนรักของตน อีกฝ่ายเองก็มองกลับมาที่เธอด้วยสีหน้าแปลกใจ
“พี่ดิวคะ คนนี้คือ...”
ใช่แต่คนถาม แต่มิรันดาเองก็อยากฟังคำตอบจากปากของเขาเช่นกันว่า สถานะตอนนี้เธอเป็นอะไรสำหรับเขากันแน่ หากแล้วสิ่งที่ออกจากปากอีกฝ่ายก็ทำให้หญิงสาวตัวชาวาบ
“นี่เพื่อนรุ่นน้องพี่เอง”
“เพื่อนรุ่นน้อง...”
มิรันดาทวนคำเสียงเบาหวิว คำตอบนั้นไม่ผิด เธอเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของเขาจริงๆ แต่ทว่ามันใช่คำตอบที่เขาควรแนะนำกับผู้หญิงอื่นไหม
“งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวสักครู่นะครับ น้องเจนี่อยากกินอะไรก็สั่งมาได้เลยนะครับ ไปมี่ ไปคุยกันข้างนอก” ว่าแล้วเขาก็เดินนำเธอดุ่ยๆ ออกไปนอกร้านจนกระทั่งถึงมุมลับสายตา
“มี่ตามพี่มาทำไม”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมพี่แนะนำมี่กับเขาว่าอย่างนั้น” มิรันดาเค้นเสียงถาม
“เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของพี่ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ