“พี่รู้เหรอว่ามี่กำลังคิดอะไร”
“มี่...อย่างี่เง่าได้ไหม ขอร้อง” ดิฐกรบ่นอย่างหงุดหงิด
“งี่เง่าเหรอ...มี่งี่เง่า แล้วพี่ล่ะเรียกอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้พี่อยากเลิกกับมี่ เพื่อนร่วมงานเหรอ แอบกินกันไปกี่รอบแล้วล่ะ แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าพี่มีแฟนแล้ว หรือว่าถึงรู้ก็ยังจะแย่งผัวคนอื่น”
“พอได้แล้วมี่!” ดิฐกรตวาดใส่อย่างเหลืออด “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เอาเวลาที่มาสงสัยพี่ไปดูตัวเองเถอะ เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อ แม้แต่บ้านก็ยังไม่อยากกลับ”
มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นของเขา
“เบื่อมากไหม”
“มากสิ...” ชายหนุ่มตอกกลับก่อนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของอีกฝ่าย
“ก็ได้... ถ้าเบื่อมากนัก งั้นต่อไปมี่จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกแล้วกัน อยากจะไปเอากับใครก็เชิญเลย”
ประโยคนั้นทำให้ดิฐกรแอบใจหาย มองหน้าคนพูดนิ่งค้าง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเลิกกับเธอแบบนี้ ก็แค่อยากห่างกันสักพักให้เขาได้รู้ใจตัวเอง แต่เธอกลับขอเลิก
“อ้อ...อีกเรื่อง เงินฝากที่เราฝากร่วมกันน่ะ ถ้าพี่จะเลิกก็โอนส่วนของมี่คืนมาแล้วกัน จากนั้นก็ทางใครทางมัน”
มิรันดาตัดสินใจออกปาก ในเมื่อเขามีคนอื่นแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ เงินนั่นเธอก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงเหมือนกัน อีกอย่างมันจำเป็นสำหรับลูกของเธอที่กำลังจะเกิดมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดิฐกรได้ฟังก็ฉุนกึก จนฟิวส์ขาด
“ได้สิ เดี๋ยวพี่โอนให้ อยากได้อะไรอีกไหม”
“ไม่ล่ะ มี่ขอแค่เงินฝากส่วนที่เป็นของมี่ อย่างอื่นไม่เอา”
ดิฐกรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดรัวๆ ครู่หนึ่ง พร้อมกับเสียงสัญญาณข้อความในมือถือของหญิงสาวดังขึ้น
“พี่โอนให้แล้ว มากกว่าที่มี่ฝากด้วย พอใจหรือยัง”
มิรันดารู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เมื่อมองเห็นยอดเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีที่มีมากถึงหกหลักนิดๆ สิ่งสุดท้ายที่เขาและเธอมีร่วมกันในที่สุดก็จบสิ้นลงตรงนี้สินะ
“อืม พอใจแล้ว งั้นมี่ไปล่ะ ขอให้เราไม่ต้องเจอกันอีก” เธอบอกเสียงเรียบ ไม่มีคำอวยพรใดๆ ให้ เธอไม่ใช่คนใจดีที่จะมานั่งอวยพรให้ผัวเก่ามีความสุข หรือมีคนรักใหม่ที่ดีกว่า
เรื่องอะไร! สิ่งที่เธออยากจะเขาได้รับคือคำแช่งต่างหาก เธอขอแช่งให้เขาทรมานจากการไม่มีเธอในชีวิต และไม่มีโอกาสรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา
ในเมื่อเขาไม่ต้องการของขวัญในท้องเธอ เขาก็ไม่ควรได้โอกาสในการเป็นพ่อของลูกเธออีกต่อไป
ไปลงนรกที่ไหนก็ไปเลย แล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ
ไอ้ผัวเฮงซวย!
ดิฐกรมองตามหลังคนเคยรักอย่างใจหายแปลกๆ เพราะเขารู้สึกเบื่อชีวิตที่มีเธอมาพักใหญ่ๆ แล้ว หลังจากได้ห่างกันสักพัก เขากลับรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมา ราวกับภาระหนักอึ้งที่แบกมานานปีถูกวางลง ความอิสระได้กลับมาเป็นหนุ่มโสดอีกครั้ง
เขาควรดีใจที่เธอคืนอิสรภาพให้แบบถาวร แต่ทำไมนะ มันเหมือนดีใจไม่สุดยังไงก็บอกไม่ถูก
“พี่ดิว มาแล้วเหรอคะ”
คนถูกถามเงยหน้ามองหญิงสาวที่เขาพามาด้วย เธอคือเพื่อนร่วมงานคนใหม่จริงๆ ตามที่เขาบอกกับมิรันดา แต่ที่ไม่ได้บอกคือตอนนี้เขากำลังทดสอบหัวใจตัวเองด้วยการลองเปิดโอกาสพบคนใหม่ๆ เข้ามาบ้าง แล้วดูสิว่าความรู้สึกจะเป็นอย่างไร
ความรักที่เคยมีให้มิรันดาจะยังเหลือมากพอที่จะทำให้เขารักคนอื่นไม่ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนขอไปจากชีวิตเขาเอง
“เพื่อนรุ่นน้องพี่ล่ะคะ ไปแล้วเหรอคะ”
“อืม ไปแล้วล่ะ”
ดิฐกรตอบเสียงเนือย ตามองอาหารน่าอร่อยที่หญิงสาวตรงหน้าสั่งมาให้ แต่ตอนนี้เขากลับคอตีบตันจนกินอะไรไม่ลงเสียแล้ว
“คือ...เจนี่ไม่รู้ว่าพี่ชอบทานอะไรน่ะค่ะ ก็เลยสั่งแบบกลางๆ มา” เจนิสาบอกเสียงหวาน ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์เสียคมกริบมองเขาอย่างออดอ้อนในที
เธอถูกตาต้องใจหัวหน้าแผนกหล่อๆ อย่างดิฐกรตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ และในงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ เขาก็อาสาพาเธอไปส่งที่คอนโด แต่เจนิสาก็ไม่ได้เชื้อเชิญเขาขึ้นห้องตั้งแต่แรกพบกัน เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองง่าย ทำให้เขาเบื่อหน่ายไปเสียก่อน
เธอรู้จักจุดอ่อนของผู้ชายดีว่าชอบความท้าทาย อะไรที่ได้มายากๆ มันย่อมน่าสนุกกว่ายอมง่ายๆ
ได้ยินว่าอีกไม่นานผู้ชายตรงหน้ากำลังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไปประจำที่เมืองนอกเพราะบริษัทกำลังจะเปิดสาขาใหม่เร็วๆ นี้ อีกทั้งใครๆ ก็บอกว่าเขาโสดยังไม่แต่งงาน แต่ไม่ได้บอกว่ามีแฟนหรือเปล่า
เธอไม่ได้โง่ที่จะเชื่อว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้จะเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้องของดิฐกร ทว่าในเมื่อผู้ชายแนะนำแบบนั้นเองเรื่องอะไรเธอต้องขัดล่ะ
ของดีๆ แบบนี้ใครดีใครได้
“พี่ดิวคะลองทานซาชิมินี่สิคะ สดมากๆ เลยนะคะ” ว่าพลางคีบเนื้อปลาสีส้มใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ
ดิฐกรมองปลาแซลมอนสีสวยแล่มาอย่างดีในจานค้าง เขาไม่ชอบกินของดิบ กินทีไรก็ท้องเสียทุกที หากเป็นมิรันดา เธอจะรู้ใจ เมื่อไปกินข้าวด้วยกัน หญิงสาวไม่เคยพลาดที่จะสั่งของโปรดมาให้เขา
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ