LOGINในร้านอาหารชื่อดังย่านใจกลางเมือง เสียงพูดคุยเบาๆ ดังคลอไปกับเสียงดนตรีที่เปิดขับกล่อมลูกค้า เพราะการตกแต่งสไตล์เรียบหรูแต่ผ่อนคลาย ทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นมีฐานะและกลุ่มนักธุรกิจ
ม่านบุษยานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนเรียนสมัยมหาวิทยาลัย ที่นัดรวมตัวกันหลังเรียนจบตามวาระโอกาสที่อำนวย ด้วยต่างคนต่างมีงานทำ มีหน้าที่ มีโลกของตัวเอง แต่ก็ยังนัดเจอกันเพื่อย้อนคืนวันเก่า ๆ และถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
“บัวดูผอมลงนะ ทำงานหนักเหรอ?”
เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นขณะพนักงานเสิร์ฟเพิ่งวางจานสเต๊กลงตรงหน้า
“อืม... นิดหน่อยน่ะจ้ะ”
ม่านบุษยายิ้มบางๆ พยายามทำให้เสียงสดใสเท่าที่จะทำได้ ทุกครั้งที่เจอเพื่อน หล่อนมักเลี่ยงที่จะคุยเรื่องงาน เพราะงานของหล่อนไม่น่าพิสมัยนักหรอก
“พักผ่อนบ้างนะแก งานเยอะแค่ไหน ก็ต้องบำรุงบ้าง”
“ฉันก็พยายามอยู่ แต่ช่วงนี้ไม่อยากอาหารเลย” ก็จะอยากได้อย่างไร แค่เห็นข่าวเมื่อวาน อาหารก็ไม่ได้ตกถึงท้องอีกเลย
“ไม่อยากก็ต้องกินนะ นานๆ เจอกันที ไม่อยากเห็นแกป่วย”
แค่คำอาทรห่วงใยของเพื่อนก็พานจะทำให้หล่อนน้ำตาไหลเสียตรงนี้ ทว่ากลุ่มเพื่อนกลับพากันทำหน้าตาทึ่งและมองไปที่ด้านหน้าร้าน
“บัวดูนั่นสิ”
เสียงตื่นเต้นของเพื่อนอีกคนทำให้หล่อนต้องหันไปมอง
ที่หน้าร้านผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเคียงคู่มากับสาวสวยที่ใครๆ ก็ต่างพากันรู้จักเพราะเธอเป็นนางเอกละครชื่อดังที่กำลังมีผลงานซีรีส์ในแอปพลิเคชันข้ามชาติ
พนักงานของร้านรีบออกไปต้อนรับและทำท่าทางราวกับว่าทั้งคู่ได้จองที่นั่งไว้แล้ว ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะพนักงานผายมือไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล แต่กลับอยู่ในทิศทางของระดับสายตาหล่อนพอดี
แค่ทั้งคู่มาถึงโต๊ะ ก็มีไวน์รินไว้พร้อมดื่ม จากนั้นอาหารจานแรกก็ตามมา พร้อมกับเสียงเพลงดังคลอในร้านก็เปลี่ยนเป็นโหมดเพลงรักทันที บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการจัดเตรียมมาแล้วเป็นอย่างดี
ใครล่ะจัดเตรียม ถ้าไม่ใช่เขา... พชร
ม่านบุษยามองบรรยากาศในร้าน ทุกอย่างดูลงตัว เหมาะเจาะ เหมาะสม ราวกับหล่อนกับเพื่อนๆ กำลังอยู่ในฉากของละคร ที่พระเอกรูปหล่อพานางเอกสาวสวยมารับประทานอาหาร ก็นั่นนางเอกละครจริงๆ นี่นา
‘วิกัญญา’ คู่หมั้นคู่หมายของเขา
ทั้งคู่ยกแก้วไวน์ขึ้นชนกัน และพูดบางอย่าง ใบหน้าหล่อเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
‘ยิ้ม’ ที่ไม่เคยเป็นของหล่อนเลยสักครั้ง
ม่านบุษยาหันกลับ ไม่กล้าหาญให้หัวใจได้เจ็บปวดซ้ำๆ บอกตัวเองว่าไม่เห็นจะดีกว่า แต่เพื่อนก็ไม่ปรานีหล่อนเลย
“ว้าว! ตัวจริงคุณเพชรหล่อกว่าที่คิดอีกแฮะ”
“เหมาะสมกันสุด ๆ เลยนะแก ผู้ชายก็หล่อมากกกกก... ผู้หญิงก็สวย เหมือนหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเลยอะ”
“แหม... หล่อมากลากเสียงยาวเลยนะ”
“ก็คุณเพชรเขาหล่อจริงไรจริงนี่แก นี่ถ้าฉันได้เป็นเมียเขาสักคืนนะ จะไม่ลืมพระคุณเลย ให้ตายเถอะ”
“ว้าย! ยัยบ้า! คืนเดียวไม่พอย่ะ หล่อลากดินแบบนี้ต้องสักสองวันสามคืน ว่าไหมบัว”
“เอ่อ... พูดอะไรกันก็ไม่รู้”
ม่านบุษยาอึกอักไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะสถานะของหล่อนตอนนี้ก็คือ ‘เมีย’ ของพชร แม้จะเป็นเมียเก็บก็ตาม
“ไปถามบัวแบบนั้นได้ไง เจ้านายบัวเขา”
“เออใช่ ฉันลืมไปว่าบัวทำงานอยู่บริษัทของคุณเพชร”
“บัวไปทักไหม เดี๋ยวคุณเพชรจะว่าเห็นแล้วไม่ทักนะ”
“ไม่ทักหรอกจ้ะ นี่เป็นเวลาส่วนตัวของคุณเพชร อีกอย่างพนักงานแปลเอกสารอย่างฉัน คุณเพชรก็ไม่ได้รู้จักหรอก แค่เคยเห็นหน้าบ้างเท่านั้นเอง”
เพราะสถานะระหว่างหล่อนกับพชรคือความลับขั้นสูงสุด เพื่อนๆ ต่างรู้แค่ว่าหล่อนทำงานที่บริษัทของพชร ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว หล่อนคือคนที่ต้องนอนในอ้อมกอดของเขาทุกคืน
แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นแค่เมียเก็บ แต่ก็จะสุขตามที่ควรจะเป็น เพราะพชรโสด ดังนั้นสถานะเมียเก็บแม้จะเจ็บลึกๆ แต่หล่อนก็รับได้ เพราะนั่นคือเงื่อนไขในสัญญาที่หล่อนสมยอมด้วยตัวเอง
เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากของเด็กชายตัวน้อยดังก้องไปทั่วสนามหญ้าหน้าบ้านที่กว้างมาก เพราะรั้วกั้นระหว่างกันถูกรื้อออก ‘น้องพอร์ช’ เด็กชายวัย 1 ปีเต็ม เดินเป๋ไปเป๋มา แต่ก็พยายามหนีคุณพ่อที่ทำหน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาดคลานสี่ขาหยอกเย้าเจ้าตัวน้อยหัวเราะเมื่อคุณพ่อไล่ตามทัน พร้อมกับแกล้งนอนบนผืนหญ้าเหมือนยอมแพ้ แต่พอคุณพ่อผละออก เด็กน้อยก็พลิกตัวคลานเข่าแล้วรอดหนีจากใต้ท้องสัตว์ประหลาดมาได้ม่านบุษยายืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน ยกกล้องในมือถือบันทึกทุกช่วงเวลาแห่งความสุขเอาไว้ ใครกันจะคาดคิดว่าท่านประธานแห่งธาราธรกรุ๊ป จะมีโมเมนต์แบบนี้ด้วยกล้องในมือแพลนไปยังจุดที่แม่นั่งอยู่ที่เปลชิงช้าไม่ไกลจากจุดที่พชรกำลังเล่นกับลูก และที่หน้าบ้านม่านมัสลินกำลังบังคับวีลแชร์ไปตามทางปูนเล็กๆ ที่พชรสั่งให้คนงานมาทำเชื่อมกันไว้กับทุกจุดของบ้าน เพื่อตรงไปยังรถยนต์ของไปรษณีย์ที่เพิ่งมาจอดเทียบ และคุณลุงชัยของน้องพอร์ช ซึ่งตอนนี้ได้เลื่อนขึ้นมาขับรถรับพัสดุฯ กำลังก้าวลงมาชีวิตสงบ เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความรักม่านบุษยามองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยความสุข ขณะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปด้านหลังของคุณพ่อที่อุ้มลูกชายขึ้นนั่งบนบ่า
คนขับรถที่พูดแบบติดตลก แต่เขาตลกไม่ออกเลย คำ ‘รัก’ เหรอ เพิ่งเคยได้พูดไปแค่ 2 ครั้ง แต่คำว่ารักจะมีความหมายอะไร ถ้าการกระทำสวนทาง‘ฉันรักบัวนะ ถ้าไม่รักจะทำแบบนี้เหรอ นายก็เห็นว่าฉัน... ฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ เปลี่ยนไปในทางที่ดี ที่คิดว่าคนอย่างฉันไม่น่าจะทำได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่รัก คงไม่ทำแบบนี้หรอก’‘แล้วคุณบัวเชื่อไหมครับ’นั่นคือคำถามจากคนขับรถที่เขาให้คำตอบไม่ได้‘อย่าว่าผมแนะนำเลยนะครับ ที่คุณเพชรทำกับคุณบัวมันหนักหนา ถ้าคุณบัวจะไม่เชื่อว่าคุณเพชรรักเธอจริง แต่เธอคิดว่าที่คุณเพชรมาทำดีด้วยเพราะต้องการลูก ผมว่ามันจะไปกันใหญ่ รักแล้วต้องแสดงออกทุกอย่างนะครับ ต้องทำให้เมียแน่ใจเชื่อใจว่ารักเธอจริงๆ แล้วก็ต้องพูดว่ารักออกมาจากปากด้วยครับ ผู้หญิงเป็นเพศที่ซับซ้อน ไม่ว่าคุณเพชรจะพยายามแสดงออกว่ารักมากแค่ไหน แต่พวกเธอก็อยากได้ยินคำนั้นด้วยครับ แค่บอกว่ารักเมีย มันง่ายจะตาย คำสั้นๆ ง่ายๆ แต่พวกเธอมีความสุข’พชรพยายามจะยกมือขึ้นจะเช็ดน้ำตาที่เจิ่งนองใบหน้าสวย แต่อาการขัดยอกก็ทำให้ยกช้า ม่านบุษยาจึงรีบปาดน้ำตาตัวเองจนแห้ง ยิ้มน้อยๆ ว่าหล่อนทำเองได้สิ่งที่เห็นยิ่งทำให้พชรสะท้อนใจ ไม่มีเขา ม่านบุษย
สายฝนโปรยปรายตลอดเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ และปราณบุรี“ช้าหน่อยนะครับคุณเพชร ฝนตกหนักมากเลยครับ”“อืม... ไม่เป็นไร ไปเรื่อยๆ เอาปลอดภัยไว้ก่อน”พชรบอกคนขับรถ นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ได้เอารถไปจอดไว้ที่ข้างบ้านม่านบุษยา เพราะตลอด 1 เดือนก่อนที่หล่อนจะคลอด เขาตีรถจากกรุงเทพฯ มาปราณบุรีทุกวัน พอเคลียร์งานเรียบร้อย เขาก็ออกเดินทาง โดยมีคนขับรถมาให้ พอคนขับส่งเขาที่บ้าน ก็ไปจอดนอนพักที่โฮมสเตย์ของป้าแป้น เพื่อตี 5 จะตีรถเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง เรียกได้ว่าคนขับรถของเขา เทียวไปเทียวมาจนคุ้นชินกับทุกหลุมบนท้องถนน ที่บ้านม่านบุษยา แม่ชำเลืองมองไปที่หน้าบ้านบ่อยครั้ง เพราะว่าดึกแล้วแต่พชรก็ยังไม่มา “บัว คุณเพชรเขาโทร.มาบอกแม่ว่า จะกลับมาวันนี้ แต่นี่มันดึกแล้วนะลูก ฝนก็ตกหนักอีก” แม่เหมือนจะบ่นให้ฟัง แต่ม่านบุษยารู้ว่านั่นคือความเป็นห่วง หล่อนเองก็ห่วงพชรเช่นกัน “ลองโทร.หาดีไหมลูก” ม่านบุษยาพยักหน้า ก่อนจะกดโทร.ออก ทว่าติดแต่ไม่มีคนรับ ลางสังหรณ์บางอย่างพวยพุ่ง หัวใจของหล่อนสั่นไหว เพราะถึงเสียงฝนจะดัง แต่ถ้าพชรกำลังเดินทาง เขาต้องเ
ข่าวหน้าแรกของเว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจชื่อดังพาดหัวว่า[‘พชร ธาราธร’ ผงาด! คว้าโควต้าส่งออกอาหารทะเลล็อตใหญ่ เปิดตลาดใหม่สู่ยุโรป]ตามด้วยภาพของเขาในชุดสูทเรียบหรู กำลังก้าวลงจากเวทีพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ได้ดุดันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพจข่าวบันเทิงอีกด้านกลับดึงประเด็นดราม่าเก่า[อดีตคู่หมั้นที่วิกัญญาเคยฟ้องว่านอกใจ-ทำร้ายร่างกาย แต่พชรกลับได้เป็นผู้นำธุรกิจไทย]เนื้อข่าวมองมาแต่ดาวอังคารยังรู้ว่านี่การขุดหลุมฝังกลบวิกัญญา แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เรียกยอดวิวได้มากที่สุด เพราะเหล่าบรรดาประชาชนช่างใส่ใจเข้ามาคอมเมนต์โพสต์กันจ้าละหวั่น[ใครจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกันง่ายๆ ล่ะคะ คุณเพชรเขามีคนรักอยู่แล้ว เขารักกันมา 6 ปี ไม่ใช่เรื่องนอกใจค่ะ]คอมเมนต์จากผู้ใช้ชื่อ ‘ม่านฝัน’ มีคนมากดไลก์นับหมื่นและแชร์กระหน่ำ กระแสกลับตาลปัตรอย่างสมบูรณ์ และชื่อของพชรกลายเป็นภาพจำใหม่ของ ‘ผู้ชายที่มีความรักมั่นคง’ ในสายตาชาวเน็ตแต่เรื่องที่ทำให้คนทั้งประเทศฮือฮา ก็คือการให้สัมภาษณ์สดกับช่องเศรษฐกิจชื่อดังในช่วงเย็นของวันนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามคำถามสุดท้าย“มีข่าวซุบซิบว่าคุณเพชรหายไปหนึ่งเดือนกว่าๆ เพราะลาค
พชรทำตัวเหมือนเป็นคนในครอบครัว เช้าตรู่เขามาพาลูกไปรับวิตามินดี พอเอาลูกมาส่งคืนแม่ เขาก็ไปช่วยซักผ้าอ้อม ซึ่งทุกวันก็จะมีผ้าที่เปื้อนอึ แม้ว่าแม่จะล้างอึออกไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นเป็นรอยที่ต้องขยี้ซัก และก็มีบ้างบางวันที่เจ้าตัวน้อยอึออกมาสดๆ ร้อนๆ ขณะที่เขากำลังซักผ้าอ้อมอยู่“ผมทำเองครับแม่”“อุ๊ย! ไม่ได้ค่ะคุณเพชร เดี๋ยวแม่ล้างเอง คุณเพชรไปซักกองนั้นก็พอค่ะ”แม่ของม่านบุษยาพูดขึ้นอย่างเกรงใจ แม้จะเรียกแทนตัวเองว่า ‘แม่-ลูก’ กันไปแล้ว แต่ใครจะกล้าใช้ท่านประธานบริษัทมาล้างอึลูก“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากทำ”“มันเหม็นนะคะ”พชรกลับส่ายหน้า อมยิ้มน้อยๆ“อึลูกไม่เหม็นหรอกครับ ผมอยากทำให้เขา”คนพูดไปน้ำตาคลอไป ทำให้ม่านมัสลินที่แอบดูอยู่ที่ข้างประตูหัวเราะคิกคัก“พี่เพชรหอมจนร้องไห้เลยนะคะ”อีกคนที่เรียกพชรว่า ‘พี่’ อย่างสนิทสนมม่านบุษยานั่งให้นมลูกและฟังเสียงพูดคุยของทั้งสามคนไปด้วย บรรยากาศในบ้านที่อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ อดไม่ได้ที่จะทำให้หล่อนยิ้มตาม คงมีเพียงหล่อนคนเดียวที่ไม่มีความสนิทสนมกับเขาจนน้องพอร์ชอายุได้ 1 เดือน พชรก็ยังมีกิจวัตรเหมือนเดิม ไม่ได้กลับไปทำงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ งานเ
เสียงร้องเบาๆ ของเด็กทารกดังลอดออกมาจากบ้านไม้หลังกะทัดรัดข้างเคียง พชรยืนอยู่ข้างรั้วชะเง้อมอง แต่ไม่กล้าก้าวเข้าไป เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาต ตั้งแต่วันที่ม่านบุษยาคลอดลูก และกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกเลย เขารู้ว่าหล่อนเหนื่อย แต่กลับมาบ้านแล้ว ม่านบุษยาก็ยังไม่ได้เรียก ไม่ได้คุยกับเขา ทว่าทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงลูกร้อง ใจเขาจะขาด“แม่ครับ! น้องพอร์ชเป็นอะไรครับ ทำไมร้องเสียงดังล่ะครับ”อดไม่ได้ที่จะตะโกนถาม เมื่อเห็นแม่ของม่านบุษยาเดินออกมาหญิงสูงวัยท่าทางใจดีกวักมือเรียกเขา และทำท่าจุ๊ปากไม่ได้เขาพูด แค่นั้นก็เข้าใจทันทีพชรแทบจะเหาะเข้าไปในบ้านของม่านบุษยา และแม่ของหล่อนก็จูงมือเขาไปแอบอยู่ข้างประตูกระจก ให้แอบมองด้านใน ที่เห็นก็คือ ม่านบุษยากำลังนั่งให้นมลูก และแม่ก็เข้ามากระซิบ“น้องพอร์ชหิวนมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”พชรพยักหน้าแต่สายตามองภาพนั้นไม่หยุด ภาพใบหน้าสวยหวานของม่านบุษยาที่ทอดมองลูกชายตัวน้อยของเขา แค่เห็นก็มีความสุขเหลือเกิน“เด็กอ่อนยังเอาออกมาโดนลมมากไม่ได้ แต่เช้าๆ ตอนพระอาทิตย์ขึ้น แม่จะอุ้มเขาออกมารับวิตามินดี”“ครับ ขอบคุณครับ”เขารู







