“แต่เอยยังไม่ได้รับเงินจากคุณเพลิงเลยนะคะ เพราะฉะนั้นเอยสามารถยกเลิกสัญญาได้” ฉันพยายามพูดทุกอย่างด้วยเหตุผล ถึงแม้จะรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าเอามาก ๆ
“เธอไม่รับแต่ยายเธอรับไปแล้ว เห็นว่าน้องชายเธอค้างค่าเทอมไว้ป่านนี้คงเอาเงินนั้นไปจ่ายค่าเทอมแล้ว”
“คะ… คุณเพลิงเอาเงินให้ยายเอยได้ยังไงคะ รู้ที่อยู่ของเอยได้ยังไง” มันเริ่มกลัวมากขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ”
“หลอกเอยอยู่ใช่ไหมคะ เอยขอร้องอย่าทำอะไรเอยเลยนะคะ เอยจะช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่เอาเงินเลยสักบาทก็ได้แต่คุณเพลิงช่วยยกเลิกสัญญานั่นได้ไหม” ฉันลองขอร้องดูเผื่อผู้ชายตรงหน้าจะเห็นใจ แต่สายตาของเขามันบ่งบอกว่าต่อให้พูดไปก็เท่านั้น
“ถ้าไม่เชื่อเธอก็โทรไปถามยาย เมื่อวานหลังจากที่เซ็นเอกสารฉันให้ลูกน้องที่ไทยจัดการเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้ยายเธอ”
“…” ฉันเม้มปากแน่น อยากจะโทรไปถามยายแต่ก็กลัวคำตอบ
“เห็นว่าน้องชายเธอค้างค่าเทอมอยู่ฉันอุตส่าห์ใจดีช่วย คำขอบคุณสักคำก็ไม่มีเธอนี่ใจดำซะจริง ๆ”
“… เอยไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น หนึ่งล้านสำหรับเอยมันเยอะมาก ๆ” ฉันบอกไปอย่างหมดหนทาง ไม่อยากให้คุณเพลิงใจร้ายทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่าห์ชื่นชมเขาแท้ ๆ
“มีสิ โฉนดที่ดินบ้านหลังที่ยายเธออยู่น่าจะขายได้สักล้าน”
“ทะ… ทำแบบนั้นแล้วยายกับน้องเอยจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ” จะร้องไห้แล้วนะ ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้เลย มันทั้งกลัวและคิดอะไรมากมายในหัว
“มีแค่สองทางเลือก หนึ่งขายบ้าน สองยอมเป็นของฉัน”
“เอยไม่เลือก เอยไม่เลือกอะไรทั้งนั้น อึก~”
บ่อน้ำตามันทะลักออกมา ฉันทรุดตัวนั่งลงที่พื้นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ชีวิตที่ผ่านมาของฉันมันยังหนักหนาไม่พออีกหรือไง ทำไมสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งกันนัก
“เอยไม่ขายตัว อึก~”
ฉันพยายามเรียนให้หนัก อ่านหนังสือให้มาก ๆ เพื่อจะได้มีความรู้ติดตัว พยายามจนสอบได้ทุนมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ชีวิตกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ สิ่งที่ต้องการก็แค่เรียนและทำงานส่งเงินให้ยายกับน้อง แต่ไม่ใช่งานที่ต้องเอาตัวมาแลกแบบนี้
“หยุดร้อง! ถ้าไม่มีเงินมาคืนก็แค่ยอมรับในความไม่รอบคอบของเธอเอง”
“อึก~ ไม่เอาเอยไม่ทำ คุณเพลิงใจร้ายหลอกเอยทำไม” ฉันร้องไห้โวยวาย
“ฉันหลอกยังไง ในเมื่อเอกสารเมื่อวานที่เธอเซ็นมันระบุไว้ชัดเจน”
“ก็เอยไม่ได้อ่านนี่คะ อึก~ ถ้าอ่านเอยก็คงไม่เซ็น”
“แล้วเธอย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้นอกจากยอมรับมันแล้วทำให้มันจบ ๆ ไปซะ”
“อึก~”
“ฉันไม่ได้ให้เธอนอนแก้ผ้าบนเตียงฟรี ๆ ค่าตอบแทนก็มีแถมยังได้มากกว่าที่เธอไปทำงานทั้งปีซะอีก”
“หน้าตาก็ดีทำไมถึงได้เป็นคนบ้ากามแบบนี้ล่ะคะ อึก~ นี่มันครั้งแรกของเอย เอยจะเก็บไว้ให้ผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นพ่อของลูก” ฉันพูดไปพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย
“เธอว่าฉัน ?” สายตาอำมหิตจ้องฉันเขม็ง
คุณเพลิงเดินมาหยุดตรงหน้าฉันที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ จากนั้นเขาก็นั่งลงแล้วใช้มือจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น
“ถ้าอยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้พ่อของลูก ถ้างั้นฉันจะเป็นให้”
“อึก~ ปะ เป็นอะไรคะ”
“พ่อของลูกเธอ”
“อึก~” คุณเพลิงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้มาพูดกับคนที่เพิ่งเจอกันว่าจะเป็นพ่อของลูกให้
“อยากมีลูกฉันก็จะทำให้ แต่เธอต้องสอนลูกเอาไว้ว่าลูกของเธอไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าพ่อ”
“เอยไม่อยากมีลูก อึก~”
“เธอพูด”
“เอยบอกว่า อึก จะเก็บครั้งแรกเอาไว้ให้พ่อของลูกไม่ใช่อยากมีลูกตอนนี้”
“ฉันนี่ไงจะเป็นครั้งแรกและพ่อของลูกเธอ”
“ไม่!! เอยไม่ยอมเอยจะกลับ อึก~”
ฉันปัดมือคุณเพลิงออกก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตู ถึงแม้จะหวาดกลัวแต่ตอนนี้ฉันต้องเอาตัวรอด
หมับ!! มือยังไม่ทันจะเอื้อมถึงลูกบิดร่างของฉัยก็ถูกกระชากจนตัวแทบปลิวก่อนจะถูกเหวี่ยงกระแทกลงมากับพื้น
ตุบ! มันถึงกับจุกจนลุกแทบไม่ขึ้น
“อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด ถ้าไม่มีเงินมาคืนก็ยอมขึ้นเตียงกับฉัน!!!”
“อึก~ ไอ้คนใจร้ายหลอกเอยทำไม เอยอุตส่าห์ไว้ใจคุณ”
“เธอไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้นเอิงเอย”
“คุณเพลิงก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเอย เอยจะแจ้งตำรวจ อึก~”
“หึ! คิดว่าทำอะไรฉันได้ก็ลองดู จะได้รู้ว่าฉันกับตำรวจใครใหญ่กว่ากัน”
“เอยอยากกลับ อึก~”
คุณเพลิงนั่งลงมาเอามือจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้นอีกครั้ง ฉันรีบขยับหน้าออกแต่การทำแบบนั้นทำให้ถูกฝ่ามือใหญ่คว้ามาบีบปลายคางแน่น
“อึก~ คะ… คุณเพลิงเอยเจ็บ”
“ฉันถูกใจเธอมาก ๆ รู้ไหมหื้ม”
“เอยไม่อยากขายตัว อึก”
“ถ้างั้นก็ให้เพื่อนของเธอมาทำแทน จะเอาแบบนั้น ?”
“มะ… ไม่ อย่าทำอะไรเพื่อนเอยเลยนะคะ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันยุ่งกับเพื่อนของเธอ เธอก็ควรเป็นเด็กดีนะเอิงเอย”
“…” มันจนมุมทุกอย่าง ทั้งลายเซ็นและเรื่องที่เขาบอกว่ายายรับเงินไปแล้ว แบบนี้ฉันจะหลุดพ้นได้ยังไงกัน
“ไปรอฉันที่เตียง”
“อะ… เอยขอโทรถามยายก่อนได้ไหมคะ”
“เชิญ”
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ