เซียวเทียนเฟิง เดินทางมาถึงอำเภอชิงเหอพร้อมกับท่านแม่ทัพ แต่เขาแยกตัวออกมาพักที่โรงเตี๊ยมด้านนอกแทน หากจะให้คนที่รักอิสระอย่างเขาไปอยู่ที่เรือนรับรองกับเจ้าแม่ทัพจอมเผด็จการณ์นั่นคงจะไม่ไหว
" เมิ่งฉี เจ้าว่าเราจะพักที่ไหนกันดี " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของตน เมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อทั้งสองแห่งของอำเภอชิงเหอที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นโรงเตี๊ยมชิงฮุยที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสเลิส ที่รวมเอาอาหารขึ้นชื่อของทุกเมืองมาไว้ที่เดียวกัน ส่วนอีกฝั่งเป็นจุดศูนย์รวมของผู้ที่ชื่นชอบการชิมชาชั้นเลิสที่รวบรวมเอาใบชาจากทั่วทุกสารทิศมารวมกันไว้ในโรงเตี๊ยมฟู่หลงแห่งนี้ " ข้าว่า โรงเตี้ยมฟู่หลง เหมาะแก่การพักผ่อนดีขอรับคุณชาย " " อืม ข้าเห็นด้วย ไปกัน " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเดินนำ ลูกน้องคนสนิทเข้าไปในโรงเตี๊ยมฟู่หลง เพียงแค่พวกเขาก้าวผ่านประตูของโรงเตี๊ยมเข้ามา กลิ่นหอมจาง ๆ ของน้ำชาก็โชยมาตามลม ทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปพลันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แค่กลิ่นยังขนาดนี้ แล้วหากได้ลิ้มลองจะขนาดไหนกัน ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของบุรุษทั้งสองอย่างไม่ได้นัดหมาย " ขอห้องพักชั้นหนึ่ง หนึ่งห้อง " " ได้ขอรับ " เมิ่งฉี เดินกลับไปหาเจ้านายของตนเมื่อได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว และนำทางเขาขึ้นไปบนโรงเตี๊ยม เพื่อเอาสัมภาระไปเก็บไว้ จวนรับรอง ไป๋มู่จิน ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ ที่ตนเองยังสวมชุดเมื่อวานอยู่ " ตื่นแล้วหรือขอรับท่านแม่ทัพ " " นี่ข้าหลับข้ามวันเลยอย่างนั้นหรือ " เขาเอ่ยถามเสี่ยวฮัวด้วยความประหลาดใจ และแปลกใจในคราเดียวกัน " ใช่ ขอรับ หากท่านไม่หายใจข้าก็คงนึกว่าท่านตายไปแล้วเสียอีก " เสี่ยวฮัวตอบเสียงเรียบ ไป๋มู่จินเลิกคิ้วขึ้นสูงและมองหน้าลูกน้องของตนเองที่ยืนหน้านิ่งอยู่ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังคุยกับตัวเองเลยก็ว่าได้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเขายังได้กลิ่นหอมประหลาดแบบเมื่อวานอยู่ เขาหันไปมองรอบ ๆ ตัวเอง " ท่านหานี่อยู่หรือขอรับ " เสี่ยวฮัวยื่นถุงหอมให้ท่านแม่ทัพ ที่มองมันด้วยความสนใจ " นี่คือถุงหอมของร้านขายเครื่องหอมหวินซี ถุงหอมนี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสบาย เหมาะแก่คนที่ทำงานหนักขอรับ " " เจ้ารู้ได้อย่างไร " " ข้าไปสืบมา ตอนที่ท่านหลับขอรับ " ไป๋มู่จินพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะจับเจ้าถุงหอมพลิกไปมาก่อนที่จะมองหน้าของลูกน้องของตนอีกครั้ง " ออ ข้าเจอมันวางอยู่ที่หัวเตียงของท่าน ข้าเดาว่าผู้ดูแลคงจะนำมาวางไว้น่ะขอรับ " ท่านแม่ทัพจึงพยักหน้ารับรู้อีกครั้ง และนำมันไปวางไว้ที่เดิม ก่อนที่จะลุกขึ้นยื่นเต็มความสุง " ไปกันเถอะ " เขาเดินนำเสี่ยวฮัวออกจากห้องนอนไป เขาต้องไปดูลาดลาวก่อน ว่าจะวางแผนกำจัดโจรพวกนั้นอย่างไร บุรุษชุดดำใบหน้าคมสันควบม้ามาหยุดที่ลานกว้างนอกหมู่บ้านที่ตั้งเป็นที่พักของเหล่าทหารและมือปราบ ที่มาช่วยกันออกราชตะเวนตามพื้นที่โดยรอบ เพื่อที่จะไม่ให้โจรพวกนั้นมา สร้างความเดือดร้อนเพิ่ม " ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้ขอรับ " ต้าฉี หนึ่งในหัวหน้าหน่วยพนักฆ์ที่เดินทางล่วงหน้ามาตั้งแต่เมื่อวาน " ท่านแม่ทัพ ขออภัยที่ข้าน้อยไม่ได้ออกไปต้อนรับท่านด้วยตนเอง " เวย่ฉีหลิง ทำความเคารพท่านแม่ทัพและกล่าวขออภัย เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาเป็นใคร " ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร " " เชิญท่านแม่ทัพทางนี้ขอรับ " เวย่ฉีหลิงเดินนำไป๋มู่จินไปยังแผนที่ ที่วางไว้อยู่ตรงกลางห้อง และเริ่มอธิบายสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ตั้งของค่ายโจรที่อยู่ในป่าลึก ที่มีทางเข้าออกหลายเส้นทาง โจรพวกนี้มีแต่ชายฉกรรจ์ที่มีฝีมือ จึงยากต่อการจับกุม หลังจากดูแผนที่คร่าว ๆ แล้วพวกเขาจึงออกไปสำรวจพื้นที่จริงในทันที เวย่ฉีหลิง กับลูกน้องคนสนิทเป็นผู้นำทางท่านแม่ทัพและหัวหน้าหน่วยพยักฆ์ขึ้นเขาไปสำรวจเส้นทาง ระหว่างทางที่เดินไปไป๋มู่จิน ก็ส่งสัญญานให้ทุกคนหยุดเดินและหาที่หลบ " ลูกพี่ พวกเราจะเอายังไงกับพวกมือปราบพวกนั้นดี " ลูกสมุนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ในระหว่างทางที่กำลังจะกลับค่าย " จะกลัวอะไร พวกมันมีแต่พวกไก่อ่อนทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าขึ้นเขามาหรอก " " ก็จริงอย่างที่ลูกพี่ว่า ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยเห็นเจ้าพวกนั้นขึ้นมาบนเขาซักที " " แล้วหัวหน้าใหญ่ เขาจะกลับมาเมื่อไหร่ หากเขารู้ว่าพวกเราก่อเรื่องไว้...." " เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง นายท่านไม่เก็บมาใส่ใจหรอก " กลุ่มชายฉกรรจ์หกคนเดินคุยกันผ่านพวกเขาไป โดยไม่รู้เลยว่าไป๋มู่จินและคนของเขาแอบดูอยู่ ฟังจากที่พวกมันคุยกันตอนนี้หัวหน้าใหญ่ของพวกมันไม่อยู่ พวกมันเลยทำอะไรได้ตามใจชอบ ไป๋มู่จินและคนอื่น ๆ กลับลงมาหาลือกันที่ค่ายพัก และจะเข้าไปวางแผนร่วมกันกับนายอำเภอในตอนเย็นสายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนอกกว้างของตน ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ความรักกำลังเบ่งบาน แถมพวกเขากำลังจะมีพยานรักด้วยกันอีก ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากับมีเรื่องต้องเดินทางไกล ' มันใช่เวลาที่ไหน แถมเพื่อนร่วมเดินทาง ก็ยังชอบทำหน้าตากวนประสาทเขาอยู่เรื่อยอีก หากไม่ติดว่าเป็นพี่ภรรยาแล้วก็นะ ' และหากไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะรับปากฝ่าบาทเป็นแน่ อีกทั้งเขาต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าสหายของเขา นางยังปลอดภัยดีหรือไม่ " นอนไม่หลับหรือเจ้าค่ะ " เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นข้างกายดึงสติของเขาให้กลับมา มือเรียวสวยสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา เขาจึงเอื้อมมือมาจับมือของนางมากุมไว้ " พรุ่งนี้เช้าจะต้องเดินทางแล้ว " " จะเดินทางก็ยิ่งต้องพักนะ " เขาพ่นลมหายใจออกมาเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น และกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แต่ก็มิวายหอมแก้มนวลไปฟอดใหญ่ และตักตวงกลิ่นหอมจากคนในอ้อมแขน หลายเดือนมานี้เขากับนางตัวติดกันตล
ไป๋มู่จินนั่งลงตรงข้ามกับซานเป่าโจที่มาในนามของราชทูต พร้อมกับองค์ชายสาม เขามองสบตาองค์ชายสามเหมือนต้องการคำอธิบาย " นี่คือราชทูตคนใหม่ของแคว้นเหลียง ลู่ซีหยาง บุตรชายบุญธรรมของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย ลู่เกาหยง " เขากุมมือภรรยาของตนให้แน่นขึ้น น่าดูเหมือนว่านางจะหน้าซีด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ที่มากกว่านั้นคงจะเป็นเพราะ นางเพิ่งจะรู้ว่าสหายตรงหน้า ความจริงแล้วเขาเป็นใครมากกว่า " มา เรามาทานอาหารกันดีกว่า " เมื่อองค์ชายสามเอ่ยเช่นนั้นทุกคนในห้องจึงลงมือทานอาหารอย่างเงียบ ๆ องค์ชายสามหันไปมองสบตากับศิษย์พี่ของเขา เพราะเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องดูเงียบผิดปกติ แต่ศิษย์พี่ของเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่จ้องมองราชทูตคนใหม่ ที่แอบมองฮูหยินน้อยอยู่เป็นระยะ ๆ แต่นางก็เอาแต่นิ่งเงียบและไม่พูดกับใครเลยแล้วจะครึ่งคำ ซานเป่าโจรู้ดีว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึง แล้วเขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่า ยังจะต้องโกรธและเกลียดเขามากเป็นแน่ แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้ว เขากลับอ
บุรุษร่างสูงสวมชุดคลุมสีดำ เดินตรงไปด้านหน้าอย่างมั่นคง สายตาคมกวาดมองหาใครบางคนที่บอกว่าจะมารอเขา ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มบางๆออกมาเมื่อมองเห็นสตรีชุดสีขาวที่ยืนอยู่กลางสะพาน นางเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่นางจะยกมือขึ้นมาประสานกันที่หน้าอกเหมือนกำลังขอพรกับหมู่ดาวที่ส่องแสงสกาวระยิบระยับเต็มท้องนภา ตอนนี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้าไปในงานกันหมดแล้ว คงจะเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังยืนรอคนรักของตนอยู่ และมีบางคนที่เดินกลับไปอย่างหมดหวังเพราะคนที่รอคงไม่มาแล้ว เท้ายาวก้าวเดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยังยืนหลับตาอยู่ตรงราวสะพาน จูหลงหันมายิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง บนสะพานแห่งนี้จึงเหลือแค่เขากับนางเพียงสองคน เขาเดินตรงเข้าไปสวมกอดนางจากทางด้านหลัง และใช้มือของตนกุมมือเล็ก ๆ ของนางเอาไว้ คนในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมาและเอียงหน้ามามองหน้าเขา และมองสบตากับเขา " อธิฐานต่อสิ " นางส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ก่อนที่จะหันกลับไปแล้วหลับตาลงเหมือนเดิม เขากระชับอ้อมแขนให้แ
ซูหวินซีนั่งมองกล่องไม้ใบเล็กที่สลักลวดลายสวยงามวางทับซองจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ มือเรียวหยิบซองจดหมายมาเปิดอ่าน ข้อความข้างในทำให้นางยิ้มกว้างและส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงคนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสามีของนางนั่นเอง เขาหายตัวไปตั้งแต่เช้า ทิ้งไว้เพียงกล่องไม้กับซองจดหมาย แต่เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแดงขึ้นไปอีก พูดอะไรผิดนิดผิดหน่อยก็ไม่ได้ เขาคนนั้น เป็นต้องคอยย้ำตลอดเลย แค่บอกว่าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนยังผิดเลย และยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนนางแต่เป็น..... คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย " อ่านอะไรอยู่อะ " " อะ จูหลงเจ้า.....เสียมารยาท " นางรีบเก็บจดหมายไว้ในแขนเสื้อทันทีเมื่ออยู่ ๆ จูหลงก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ถึงแม้ว่านางจะมองไม่ทัน แต่ก็ยังทำหน้าล้อเลียนอยู่ไม่ไกล " ใต้เท้าเสี่ยว " ซูหวินซีหันไปโบกมือเรียกเสี่ยวฮัวที่กำลังเดินผ่านมาพอดี แต่จูหลงนั่งหันหลังอยู่จึงมองไม่เห็นเขา " หุห
แดนเหนือที่สงบสุขมานานพักหลังนี้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายนับไม่ถ้วน ไป๋มูจินมองข้อความในกระดาษที่เสี่ยวฮัวนำมาให้ ด้วยความกังวลใจ ช่วงนี้ที่แถบชายแดนมีคนต่างแคว้นลักลอบเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ถูกหน่วยลับที่ต้าฉีจัดตั้งจับตัวได้ เห็นทีเขาต้องออกไปดูด้วยตัวเองเสียแล้ว ว่าคนพวกนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ " เสี่ยวฮัว ไปเตรียมม้าด่วนเลย " " ขอรับ " ร่างสูงเดินออกจากห้องตำราเขาเดินตรงไปยังเรือนของตนเอง แต่ก็ต้องหยุดมองใครบางคนที่นั่งอยู่กลางสวนดอกไม้ นางกำลังทำอะไรบางอย่างกับแปลงดอกไม้พวกนั้น " ซีซี เจ้าทำอะไร " เขาเอ่ยถามคนตัวเล็กพร้อมกับพยุงนางให้ลุกขึ้น จากแปลงดอกไม้ที่นางกำลังพรวนดินอยู่ " ก็แค่....ปลูกดอกไม้เอง.....ไม่ได้หรอ " ใบหน้าหวานหันมามองเขาด้วยความสงสัย หากเขาบอกว่าไม่ได้ นางคงจะหาว่าเขาเป็นจอมบงการหรือเปล่า ตอนนี้นางยังตั้งครรภ์อยู่ ก็ไม่ควรที่จะมาทำอะไรแบบนี้ " เอ่อ ได้เดี๋ยวข้าช่วย " " ท่านไม่ต
นางรู้ดีว่าบุรุษคนนี้ไม่เคยพูดล้อเล่นก็เหมือนกับตอนนี้ ที่พอมาถึงจวนปุ๊บเขาก็ชวนนางมาที่ห้องเลยน่ะสิ มือเรียวรับชุดทำแผลมาจากสาวใช้คนสนิท ก่อนที่พวกนางจะออกไปแล้วปิดประตูให้อย่างเสร็จสับ รู้งานเสียจนน่าหมั่นไส้ นางหันกลับไปมองคนที่นั่งถอดเสื้อรออยู่ที่เตียง แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นรอยช้ำสีม่วงขนาดใหญ่บนไหล่ของเขาอย่างชัดเจนขึ้น มือเรียวสัมผัสรอยช้ำอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะลงมือทายาให้กับเขา " ท่านช่วยอยู่นิ่ง ๆ ได้ไหมเจ้าคะ " นางบ่นเบา ๆ เมื่อคนตรงหน้าขยับไปมาและชอบเอานิ้วมามาหมุนผมของนางเล่นซนเหมือนเด็ก ๆ เลย เมื่อเขายังไม่หยุดนางจึงหยุดทายาแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มมุมปากด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ คล้ายกับหมาป่าที่กำลังวางแผนตะครุบเหยื่อ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เหยื่อที่ว่า ก็คงจะเป็นนาง " เอ่อ ...ยาเจ้าค่ะ " หลี่เจินเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยา ดวงตาของนางหันไปสบตา กับสาวใช้คนสนิทของตนและมองถ้วยยาด้วยรอยยิ้ม