ที่ว่าการอำเภอ
งานเลี้ยงเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในจวน ส่วนมากจะเป็นหัวหน้ามือปราบและทหารที่จะมาปรึกษาหารือกันเท่านั้น งานเลี้ยงนี้จึงคล้ายกับการประชุมเสียมากกว่า ที่จะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหาร ซูหวินซี เดินตรวจดูความเรียบร้อย ของอาหารและเครื่องดื่มจนครบหมดทุกอย่างแล้วจึงเดินไปหาผู้ดูแลจวนคนสนิทของท่านตา ที่กำลังดูแลการจัดที่นั่งอยู่กับบ่าวรับใช้ " ท่านพ่อบ้านใหญ่เจ้าคะ " นางเอ่ยเรียกท่านพ่อบ้านใหญ่ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เด็กด้วยความเคารพ นางนับถือท่านพ่อบ้านใหญ่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง " คุณหนู ท่านจะกลับ แล้วหรือขอรับ " " ใช่เจ้าค่ะ จากนี้ข้าต้องรบกวนท่านพ่อบ้านแล้ว " " รบกวนอะไรกันขอรับ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วง .... ส่วนเจ้าหลี่เจิน ดูแลคุณหนูให้ดี ๆ นะ " ท่านพ่อกล่าวกับคุณหนูด้วยท่าทางนอบน้อม และหันไปสั่งหลานสาวของตนที่อยู่ด้านหลังของคุณหนูเสียงเข้ม " ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน.......ทีกับคุณหนูมีเสียงหนึ่งเสียงสอง พอกับหลานตัวเองฟังแทบไม่ได้ " หลี่เจินแอบบ่นให้ท่านตาของนางเบา ๆ " ยัยเด็กบ้า เจ้าบ่นอะไร ข้าได้ยินนะ " " เปล่าเจ้าค่ะท่านตา ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนะเจ้าคะ คุณหนูเรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ" หลี่เจินรีบไปหลบข้างหลังคุณหนูของตนแล้วเอ่ยปากชวนนางกลับ " ท่านพ่อบ้าน ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ ฝากบอกท่านตาด้วย " " ขอรับคุณหนู " ท่านพ่อบ้านใหญ่มองตามเด็กสาวทั้งสองไปจนลับสาย ก่อนที่เขาจะกลับไปตรวจดูความเรียบร้อยของงานอีกรอบหนึ่งเพื่อความแน่ใจ ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เรือนรับรอง ไป๋มู่จินเดินนำหน้าเสี่ยวฮัวเข้ามาในจวน ก่อนที่เขาจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน " เรียนท่านแม่ทัพ มีคนมารอพบท่านที่ศาลาด้านซ้ายเรือนขอรับ เขาบอกว่าเป็นสหายของท่านขอรับ " บ่าวรับใช้ในจวนรีบมารายงานเมื่อเห็นท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว ไป๋มู่จินเพียงแค่พยักหน้ารับรู้และเปลี่ยนทิศทางในการเดิน แล้วตรงไปหาแขกผู้มาเยือนในทันที ยิ่งเขาเดินมาเลื่อย ๆ กลิ่นหอมนั้นยิ่งชัดเจนขึ้น จนเสี่ยวฮัวเองยังเริ่มมองหาที่มาของกลิ่นเช่นเดียวกัน " เจ้ามาทำไม " เมื่อเดินมาถึงศาลาเขาจึงเอ่ยขึ้นถามสหายของตนเองที่นั่งยิ้มอยู่อย่างสบายใจ เหมือนเขาไม่เคยมีเนื่องทุกร้อนใด ๆ เลย " เฮ้อ ข้าจะมาชวนเข้าไปดื่มสุราที่หอจันทราเสียหน่อย ไปยนโฉมสาวงาม ที่ผู้คนต่างเล่าลือกันว่างดงามดุจเทพธิดา " " ไม่ไป " เขาตอบเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับเซียวเทียนเฟิง " ถ้าอย่างนั้นข้าให้คนพามาส่งให้ดีไหม " ไป๋มู่จินมองหน้าสหายของตนที่นั่งทำหน้าทะเล้น อยู่ไม่ไกล เขารู้ดีว่าเจ้านั่นหมายถึงอะไร แต่เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด " ไม่ " " เออ ไม่ก็ไม่ เชิญเจ้ารอดาวความรักของเจ้าต่อไปเถอะ แต่หากเปลี่ยนใจ ก็ตามมาก็แล้วกันนะ ข้าไปหล่ะ " พูดจบเซียวเทียนเฟิง ก็ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามและเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม ไป๋มู่จินมองตามหลังสหายของตนไปก่อนที่จะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกลับห้องของตนเองเพื่อไปเตรียมตัว ที่ว่าการอำเภอ ท่านนายอำเภอและท่านแม่ทัพรวมถึง หัวหน้ามือปราบทุกคน กำลังวางแผนการบุกรังโจรภูเขาอยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ทุกคนนั่งรอบโต๊ะตัวใหญ่ที่มีแผนที่อยู่ตรงกลางโต๊ะ เวย่ฉีหลินหัวหน้ากองปราบเป็นคนปักหมุด ที่ตั้ง ของค่ายโจร และเส้นทางเข้าออก ทั้งหมดที่เข้าถึงค่ายโจรมากกว่าสิบเส้นทาง " เส้นทางการหลบหนีมีมากเกินไป หากจะนำคนขึ้นไปล้อมจับ คงจะเป็นไปได้ยาก ทั้งสภาพแวดล้อมและเส้นทาง ก็ล้วนมีแต่พวกเป็นมันที่ได้เปรียบ เราจะต้องหาทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด " ท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้น เมื่อเขามองดูแผนที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้วยังไงโจรพวกนั้นก็ยังได้เปรียบอยู่ดี แต่ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง " แต่หากจะจับโจร ก็คงต้องใช้วิธีของโจร คิดในแบบที่พวกมันคิด ก็อาจจะเจรจากันได้ " " ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ " หัวหน้ามือปราบเวย่ เอ่ยถามแทนทุกคนที่ดูเหมือนจะสงสัยเช่นก็ จะมีก็แต่คนของหน่วยพยักฆ์เท่านั้นที่ดูเหมือนจะเห็นเป็นเรื่องปกติ ต้าฉีมองสบตากับท่านแม่ทัพก่อนที่จะเป็นคนตอบคำถามแทนท่านแม่ทัพ " ท่านแม่ทัพคงหมายถึง การใช้วิธีโจรจับโจร ที่อาจจะลดการนองเลือดในครั้งได้ มา เชิญพวกท่านดูทางนี้ " ต้าฉีเรียกให้ทุกคนดูแผนที่และเริ่มต้นอธิบายวิธีการล้อมจับในแบบของหน่วยพยักฆ์ บางคนอาจจะมองว่ามันแปลกและโหดร้าย แต่นในความเป็นจริงแล้วก็มิอาจที่จะปฏิเสธได้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดคนพวกนั้นได้ เมื่อการหารือได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ท่านนายอำเภอจึงเชิญทุกคนให้ไปร่วมรับประทานอาหารที่ห้องโถงใหญ่ ไป๋มู่จินมองดูอาหารตรงหน้าแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างอย่างพอใจ อารหารที่อาจจะดูธรรมดาแต่ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความใส่ใจและความจริงใจของผู้ที่ดูแลได้เป็นอย่างดี " เชิญท่านแม่ทัพและทุกท่านตามสบาย " ท่านนายอำเภอกล่าวเชิญให้ทุกคนทานอาหาร โดยมีพ่อบ้านฉีเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้าง ๆ " ไม่ทราบว่าอาหารพื้นเมืองพวกนี้จะถูกปากท่านแม่ทัพหรือไม่ หากท่านแม่ทัพต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกกับท่านพ่อบ้าได้นะขอรับ " ท่านนายอำเภอเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง ทำให้ท่านแม่ทัพหันมายิ้มให้ผู้สูงวัย " ท่านนายอำเภอเกรงใจเกินไปแล้ว อาหารพวกนี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของผู้ที่ฝึก วรยุทธที่สุดแล้ว รวมทั้งชาบำรุงนี้ด้วย ช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี นับว่าผู้ดูแลใส่ใจเห็นความสำคัญของสุขภาพมากเป็นแน่ แบบนี้คงต้องขอบคุณผู้ดูแลมากกว่านะขอรับ " ท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปยิ้มให้ท่านพ่อบ้านอย่างเป็นมิตร " ไม่เป็นไร ท่านแม่ทัพไม่ต้องเกรงใจ ทานต่อเถอะขอรับ " ท่านนายอำเภอเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะทานอาหารต่อและเชิญให้ท่านแม่ทัพอยู่ดื่มสุราด้วยกันเพื่อคุยรายละเอียดของการปราบโจรต่ออีกหน่อยที่ว่าการอำเภอ งานเลี้ยงเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในจวน ส่วนมากจะเป็นหัวหน้ามือปราบและทหารที่จะมาปรึกษาหารือกันเท่านั้น งานเลี้ยงนี้จึงคล้ายกับการประชุมเสียมากกว่า ที่จะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหาร ซูหวินซี เดินตรวจดูความเรียบร้อย ของอาหารและเครื่องดื่มจนครบหมดทุกอย่างแล้วจึงเดินไปหาผู้ดูแลจวนคนสนิทของท่านตา ที่กำลังดูแลการจัดที่นั่งอยู่กับบ่าวรับใช้ " ท่านพ่อบ้านใหญ่เจ้าคะ " นางเอ่ยเรียกท่านพ่อบ้านใหญ่ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เด็กด้วยความเคารพ นางนับถือท่านพ่อบ้านใหญ่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง " คุณหนู ท่านจะกลับ แล้วหรือขอรับ " " ใช่เจ้าค่ะ จากนี้ข้าต้องรบกวนท่านพ่อบ้านแล้ว " " รบกวนอะไรกันขอรับ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วง .... ส่วนเจ้าหลี่เจิน ดูแลคุณหนูให้ดี ๆ นะ " ท่านพ่อกล่าวกับคุณหนูด้วยท่าทางนอบน้อม และหันไปสั่งหลานสาวของตนที่อยู่ด้านหลังของคุณหนูเสียงเข้ม " ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน.......ทีกับคุณหนูมีเสียงหนึ่งเสียงสอง พอกับหลานตัวเองฟังแทบไม่ได้ " หลี่เจินแอบบ่นให้ท่า
เซียวเทียนเฟิง เดินทางมาถึงอำเภอชิงเหอพร้อมกับท่านแม่ทัพ แต่เขาแยกตัวออกมาพักที่โรงเตี๊ยมด้านนอกแทน หากจะให้คนที่รักอิสระอย่างเขาไปอยู่ที่เรือนรับรองกับเจ้าแม่ทัพจอมเผด็จการณ์นั่นคงจะไม่ไหว " เมิ่งฉี เจ้าว่าเราจะพักที่ไหนกันดี " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของตน เมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อทั้งสองแห่งของอำเภอชิงเหอที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นโรงเตี๊ยมชิงฮุยที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสเลิส ที่รวมเอาอาหารขึ้นชื่อของทุกเมืองมาไว้ที่เดียวกัน ส่วนอีกฝั่งเป็นจุดศูนย์รวมของผู้ที่ชื่นชอบการชิมชาชั้นเลิสที่รวบรวมเอาใบชาจากทั่วทุกสารทิศมารวมกันไว้ในโรงเตี๊ยมฟู่หลงแห่งนี้ " ข้าว่า โรงเตี้ยมฟู่หลง เหมาะแก่การพักผ่อนดีขอรับคุณชาย " " อืม ข้าเห็นด้วย ไปกัน " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเดินนำ ลูกน้องคนสนิทเข้าไปในโรงเตี๊ยมฟู่หลง เพียงแค่พวกเขาก้าวผ่านประตูของโรงเตี๊ยมเข้ามา กลิ่นหอมจาง ๆ ของน้ำชาก็โชยมาตามลม ทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปพลันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แค่กลิ่นยังขนาดนี้ แล้วหากได้ลิ้ม
ซูหวินซี เดินตรวจดูรายการอาหารที่นางให้หลี่เจินไปซื้อมา เพื่อที่จะได้นำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนอยู่ในตอนนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ไปเอง แต่ก็ให้คนนำไปส่งให้อยู่ดี นางนำเงินส่วนตัวที่ได้กำไรจากการขายเครื่องหอมส่วนหนึ่งมาซื้อของใช้ที่จำเป็นและยารักษาโรคไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนอยู่ " ซีซี มีอะไรให้ข้าช่วยไหม " " ไม่ " นางตอบโดยไม่หยุดคิดซักนิด และไม่หันไปมองให้เสียเวลาด้วยซ้ำว่าใครอาสามาช่วยนาง แค่ฟังเสียงนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร จะเป็นใครไปได้นอกจาก ' ซานเป่าโจ ' สหายที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ที่ตอนนี้เขาเป็นถึงมือปราบหนุ่มที่สาว ๆ ในอำเภอชิงเหอแห่งนี้ต่างก็หมายปอง " เจ้าจะไม่คิดซักนิดเลยหรือ " " คิดทำไม ข้ามิกล้ารบกวนเวลาอันมีค่าของท่านมือปราบซานหรอกเจ้าค่ะ " " สตรีทุกคนในอำเภอนี้ล้วนอยากให้ข้าช่วยกันทั้งนั้น มีแต่เจ้านี่แหล่ะ ที่ชอบผลัก ไสไร่ส่งข้า " นางหยุดดูรายการของในมือแล้วหันมามองหน้าสหายอย่างจริงจัง " เจ้าดูนั่น " นางชี้นิ้วไปที่สะพานฝั่งตรง
เมืองหลวง จวนตระกูลไป๋ ท่านโหวไป๋ซ่างเจินกลับมาที่จวนของตนในช่วงสาย เขาเดินตรงไปยังห้องตำรา แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าภาพเหมือนของสตรีนางหนึ่ง ที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา นางคือ ไป๋ฮูหยิน หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเยว่เฟยซิน มารดาผู้ให้กำเนิด ' ไป๋มู่จิน ' บุตรชายคนเดียวของเขา นางจากไปตั้งแต่ ไป๋มู่จิน อายุได้เพียงสองขวบเท่านั้นหลังจากนั้นเขาก็โตมากับแม่นมของเขาที่เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเยว่เฟยซิน ความสัมพันธ์พ่อลูกของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก เพราะในตอนนั้นหลังจากที่เยว่เฟยซินจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกตำแหน่งฮูหยินใหญ่ให้ฮูหยินรองที่นางเป็นคนตกแต่งเข้ามาให้กับไป๋ซ่างเจิน ทำให้เขาและบุตรชายห่างเหินกันนับตั้งแต่นั้นมา และเมื่อไป๋มู่จิน ได้รับตำแหน่งแม่ทัพ เขาก็แยกตัวออกไปอยู่ที่จวนของตนเองและไม่เคยกลับมาที่จวนตระกูลไป๋อีกเลย " ซินเอ๋อ เจ้าไม่น่าจากข้าไปเร็วเยี่ยงนี้เลย ข้ากับเขายังมิอาจมีโอกาสได้คุยกันดี ๆ เลยสักครั้ง หากเจ้ายังอยู่ก็คงดีกว่านี้ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน " ไป๋ซ่างเจิน ยืนจ้องมองภาพเสมื
เมืองหลวง & จวนแม่ทัพ ค่ำคืนที่เงียบสงบ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง สายลมเย็นพัดผ่านร่างบุรุษ ชุดดำใบหน้าคมเข้มรูปร่างสูงโปร่งดวงตาคมจมูกโด่งสัน ที่ฝึกเพลงดาบประจำตระกูลอยู่กลางลานบ้าน โดยมีลูกน้องคนสนิทนาม ' เสี่ยวฮัว ' ยืนเฝ้าผู้เป็นนายอยู่ไม่เคยห่างกาย เขาคือมัจจุราชเดินดินที่มีหน้าตาเปรียบเสมือนลูกรักของพระเจ้า หรือที่สหายของเขาชอบเรียกเขาว่าเพชรฆาตหน้าหยก ที่มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แดนเหนือ ' ไป๋มู่จิน ' เป็นลูกชายคนเดียวของท่านโหว ' ไป๋ซ่างเจิน ' คนส่วนใหญ่ต่างหลีกหนีไปให้ไกล แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไม่เว้น เพราะหากใครทำผิด เขาก็ลงโทษตามกฎ โดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนเรื่องอิสตรียิ่งแล้วใหญ่ เพียงแค่เจอสายตาเย็นชาของเขา พวกนางก็วิ่งหนีแทบไม่ทัน แต่หากเขาได้สนใจอะไรเข้าแล้วละก็ เขาจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ จนกว่าจะได้ของสิ่งนั้นมาครอบครอง " เฮ้อ....กลับมาเมืองหลวงทั้งที ใยเจ้าถึงยังเอาแต่ซ้อมดาบอยู่
สตรีร่างบางนั่งเก็บขวดน้ำหอมลงในตระกร้าอย่างระมัดระวัง นี่เป็นน้ำหอมที่นางพึ่งสกัดเสร็จนางพยายามหากลวิธีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อที่จะให้ความหอมคงอยู่ได้นานขึ้น " คุณหนูเจ้าคะ " " ว่าไงหลี่เจิน ข้าใกล้เสร็จแล้ว " นางขานรับสาวใช้ของตนทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ " ของที่ท่านให้ข้าไปหาได้แล้วเจ้าค่ะ " " ออ....เสร็จแล้วเจ้าเอาไปเก็บที " " เจ้าค่ะ " หลี่เจินรับตระกร้าน้ำหอมไปเก็บไว้บนชั้น แล้วกลับมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามคุณหนูของนาง ก่อนที่จะแกะกระดาษห่อหนังสือออก ข้างในมีสมุดภาพเปลือยของชายหญิงกำลังร่วมรักกันในท่วงท่าต่าง ๆ ซูหวินซีกวาดตามองแล้วพยักหน้าเบา ๆ " เข้าใจแล้ว...ก็ไม่เห็นจะยากอะไร...เจ้าว่าไหม " นางเงิยหน้าขึ้นมาคุยกับสาวใช้คนสนิทที่นั่งเอามือปิดตาตัวเองไว้ แล้วส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เด็กหนอเด็ก " แล้วนั่นอะไรอยู่ในมือเจ้าน่ะ " " อ๋อ....นี่คือภาพเหมือนและประวัติของคุณชายที่มีชื่อเสียงตามลำดับหนึ่งถึงสิบ