ซูหวินซี กำลังสกัดน้ำหอมอยู่ในเรือนของตนเองเหมือนทุกวัน
" คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจินมาหาเจ้าค่ะ " " ออ ให้นางไปรอที่เดิมนะเดี๋ยวข้าตามไป " " เจ้าค่ะ " หลี่เจินเดินออกไปหาแขกของคุณหนู แล้วพานางไปนั่งรอที่ศาลากลางสวนดอกไม้ ที่ประจำของพวกนาง เพียงไม่นานซูหวินซีก็เดินตามออกมา นางเห็นสตรีชุดสีน้ำเข้นั่งหันหลังอยู่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เหตุใดนางถึงอยู่ในชุดมือปราบ " ฟู่หลง วันนี้ไม่ใช่เวรเจ้ามิใช่หรือ " " ออ ใช่ พอดีวันนี้เหล่ามือปราบทุกคนต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่นำหน่วยพยักฆ มาปราบโจรในครั้งนี้เป็นใคร " จินฟู่หลงเอ่ยถามสหายของตนด้วยรอยยิ้ม นางเป็นหนึ่งในมือปราบมือดีของอำเภอชิงเหอ แต่ผู้ที่ได้เข้าร่วมประชุมมีเพียงหัวหน้ามือปราบเท่านั้น " ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าผู้ใดกันที่ทำให้มือปราบ ฟู่หลงของพวกเรายิ้มได้ขนาดดี " " ข้าจะบอกให้ก็ได้ เขาเป็นผู้บรรชาการหน่วยพยักฆ ท่านแม่ทัพ ' ไป๋มู่จิน ' " ชื่อที่สหายของนางเอ่ยออกมานั้น ทำให้ซูหวินซีที่กำลังจิบชาอยู่แทบจะสำลักน้ำชา แม่ทัพไป๋มู่จิน " ซีซี เจ้าเป็นอะไรรึป่าว " " เอ่อ ป่าว ๆ ข้าไม้ได้เป็นอะไร เจ้าว่าผู้ที่มาเขาคือผู้ใดนะ " ซูหวินซี เอ่ยถามสหายของตนเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ " อ๋อ ท่านแม่ทัพ ไป๋มู่จิน เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือซีซี " " ออ ป่าวหรอก ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง ว่าแต่เจ้าคงไม่ได้มาหาข้าเพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ " ซูหวินซี รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้สหายของตนสงสัย " ไม่ใช่แน่นอน ข้านำสุราดอกไม้ที่ข้าหมักเองมาให้เจ้าลองชิมดู หวานมากเลยนะ แต่แรงไปนิด ดื่มมากไม่ได้เดี๋ยวจะเมาเอาได้ง่าย ๆ " " ไหนขอข้าชิมหน่อย " ซูหวินซี รับจอกสุราจากฟู่หลงมาจิบดู สุรานี้มีรสหวานละมุนรวมทั้งกลิ่นยังหอมอ่อน ๆ อีกด้วย " อืม สุราดี " " จ้าดี แต่อย่าดื่มมากนักนะ ข้าต้องไปก่อน เดี๋ยวต้องแวะไปส่งใบชาให้ท่านแม่อีก " " อืม ขอบคุณนะ กลับดี ๆ หล่ะ " " ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอก ไปนะ " ซูหวินซีโบกมือลาสหาย ที่ส่งยิ้มมาให้นางแล้วเดินออกไป หลี่เจินนางได้ยินทุกอย่างที่สตรีทั้งสองคุยกัน นางจึงเดินเข้ามาหาคุณหนูของตนที่นั่งมองดอกไม้ในสวนอย่างเหม่อลอย ภายในใจของนางพลันเกิดความกังวลขึ้นมา " คุณหนู ท่านคงไม่คิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ หรอกนะเจ้าคะ " ซูหวินซี ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะหันกลับมาหาสาวใช้คนสนิทของตน " ในเมื่อข้าอยากมีแค่ลูก เค้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีมิใช่หรือ เราไม่รู้จักกัน ก็จะไม่ผูกพันธ์ การจากลาก็จะไม่เจ็บปวด ไม่คิดถึง คนึงหา ท่านแม่ทัพ ใหญ่อย่างเขาคงมีสตรีสูงศักดิ์หมายตาเอาไว้แล้ว เขาคงจะไม่สนใจสตรีบ้านป่าอย่างพวกเราหรอก ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป " " แต่หากท่าน ตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง ๆ หล่ะเจ้าคะ " " ก็ดีสิ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ " " แต่ว่า ท่านนายอำเภอจะ " " หลี่เจิน เจ้าจะคิดมากทำไม ข้ายังไม่ได้ไปนอนอกับเขาเสียหน่อย เขาหน้าตาเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย สมุดภาพนั้นจะเชื่อถือได้แค่ไหนกันเชียว เจ้าไปนอนได้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าก็จะไปเหมือนกัน" " แต่ว่า คุณหนูเจ้าคะ " " ไม่มีแต่ ไปได้แล้ว " นางเอ่ยไล่สาวใช่คนสนิทก่อนที่จะรินสุราให้ตนเองอีกครั้ง ไหนฟู่หลงบอกว่าแรงไง ทำไมข้าดื่มไปตั้งหลายจอกแล้วยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย ซูหวินซีมองไปยังจวนรับรองที่อยู่ติดกันกับเรือนของนาง มีเพียงกำแพงสูงกั้นกลางเอาไว้เท่านั้น นางรู้ดีว่าความคิดนี้อาจจะประหลาดและเห็นแก่ตัวไปหน่อย เรื่องที่นางอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี มือเรียวหยิบเอาดอกกุหลาบที่ปักอยู่บนแจกันกลางโต๊ะขึ้นมา เขากับนางอยู่ห่างไกลกันหลายพันลี้ แต่ตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้านางแล้ว " ข้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสิน หากโชคชะตามีจริง ข้าก็จะทำตามประสงค์ของสวรรค์ " นางเด็ดกลีบดอกกุหลาบออกที่ละกลีบไปเลื่อย ๆ จนเหลือเพียงสองกลีบสุดท้าย " ไม่ไป ไป .....ไปก็ไปสิจะกลัวอะไร " ซูหวินซีทอดมองไปยังเรือนรับรองอีกครั้ง ก่อนที่นางจะตัดสินใจก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูบานเล็กที่เป็นทางเชื่อมลับของจวนทั้งสอง สตรีร่างบาง เดินมาตามทางที่คุ้นเคยเข้ามาในจวนรับรอง ตอนนี้ทุกคนคงจะหลับกันหมดแล้ว จึงไม่มีใครเห็นนางเข้ามา มือเรียวผลักประตูเข้าไปในห้องของท่านแม่ทัพ นางมองไปรอบ ๆ ห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนกับตอนแรกที่นางตกแต่งเอาไว้เลย มีเพียงเสื้อคลุมสีดำตัวโตแค่ผืนเดียวเท่านั้นที่บงบอกว่าเจ้าของห้องเป็นใครเท่านั้น ' หรือว่าเขาจะไม่ได้กลับมานอนที่นี่กันนะ ' เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากนูน นางรู้สึกถึงความร้อนภายในร่างกายของตนที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนว่าริดของสุราดอกได้กำลังเริ่มเล่นงานนางเข้าแล้ว ' ช่างเถอะ ข้าก่อนกลับดีกว่า ' ในขณะที่ซูหวินซีกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู มือหนาของใครบางคนก็เข้ามาคว้าเอวบางจากทางด้านหลัง แล้วดันคนที่ตัวเล็กกว่าเข้าไปชิดกลับประตู ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ยกขึ้นมาปิดปากของนางเอาไว้ จึงทำให้ซูหวินซีไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ร้องออกมา ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมองสบตาคมของบุรุษร่างสูงตรงหน้า หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าคมสันอยู่ห่างจากนางไม่ถึงครึ่งฝ่ามือ เขาสวมเพียงเสื้อคลุมตัวอาบน้ำเพียงตัวเดียวแล้วยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามไรผมอีกด้วยซูหวินซี กำลังสกัดน้ำหอมอยู่ในเรือนของตนเองเหมือนทุกวัน " คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจินมาหาเจ้าค่ะ " " ออ ให้นางไปรอที่เดิมนะเดี๋ยวข้าตามไป " " เจ้าค่ะ " หลี่เจินเดินออกไปหาแขกของคุณหนู แล้วพานางไปนั่งรอที่ศาลากลางสวนดอกไม้ ที่ประจำของพวกนาง เพียงไม่นานซูหวินซีก็เดินตามออกมา นางเห็นสตรีชุดสีน้ำเข้นั่งหันหลังอยู่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เหตุใดนางถึงอยู่ในชุดมือปราบ " ฟู่หลง วันนี้ไม่ใช่เวรเจ้ามิใช่หรือ " " ออ ใช่ พอดีวันนี้เหล่ามือปราบทุกคนต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่นำหน่วยพยักฆ มาปราบโจรในครั้งนี้เป็นใคร " จินฟู่หลงเอ่ยถามสหายของตนด้วยรอยยิ้ม นางเป็นหนึ่งในมือปราบมือดีของอำเภอชิงเหอ แต่ผู้ที่ได้เข้าร่วมประชุมมีเพียงหัวหน้ามือปราบเท่านั้น " ข้าชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าผู้ใดกันที่ทำให้มือปราบฟู่หลงของพวกเรายิ้มได้ขนาดดี " " ข้าจะบอกให้ก็ได้ เขาเป็นผู้
ที่ว่าการอำเภอ งานเลี้ยงเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในจวน ส่วนมากจะเป็นหัวหน้ามือปราบและทหารที่จะมาปรึกษาหารือกันเท่านั้น งานเลี้ยงนี้จึงคล้ายกับการประชุมเสียมากกว่า ที่จะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหาร ซูหวินซี เดินตรวจดูความเรียบร้อย ของอาหารและเครื่องดื่มจนครบหมดทุกอย่างแล้วจึงเดินไปหาผู้ดูแลจวนคนสนิทของท่านตา ที่กำลังดูแลการจัดที่นั่งอยู่กับบ่าวรับใช้ " ท่านพ่อบ้านใหญ่เจ้าคะ " นางเอ่ยเรียกท่านพ่อบ้านใหญ่ที่ดูแลนางมาตั้งแต่เด็กด้วยความเคารพ นางนับถือท่านพ่อบ้านใหญ่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง " คุณหนู ท่านจะกลับ แล้วหรือขอรับ " " ใช่เจ้าค่ะ จากนี้ข้าต้องรบกวนท่านพ่อบ้านแล้ว " " รบกวนอะไรกันขอรับ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วท่านไม่ต้องเป็นห่วง .... ส่วนเจ้าหลี่เจิน ดูแลคุณหนูให้ดี ๆ นะ " ท่านพ่อกล่าวกับคุณหนูด้วยท่าทางนอบน้อม และหันไปสั่งหลานสาวของตนที่อยู่ด้านหลังของคุณหนูเสียงเข้ม " ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน.......ทีกับคุณหนูมีเสียงหนึ่งเสียงสอง พอกับหลานตัวเองฟังแทบไม่ได้ " หลี่เจินแอบบ่นให้ท่า
เซียวเทียนเฟิง เดินทางมาถึงอำเภอชิงเหอพร้อมกับท่านแม่ทัพ แต่เขาแยกตัวออกมาพักที่โรงเตี๊ยมด้านนอกแทน หากจะให้คนที่รักอิสระอย่างเขาไปอยู่ที่เรือนรับรองกับเจ้าแม่ทัพจอมเผด็จการณ์นั่นคงจะไม่ไหว " เมิ่งฉี เจ้าว่าเราจะพักที่ไหนกันดี " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของตน เมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อทั้งสองแห่งของอำเภอชิงเหอที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นโรงเตี๊ยมชิงฮุยที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสเลิส ที่รวมเอาอาหารขึ้นชื่อของทุกเมืองมาไว้ที่เดียวกัน ส่วนอีกฝั่งเป็นจุดศูนย์รวมของผู้ที่ชื่นชอบการชิมชาชั้นเลิสที่รวบรวมเอาใบชาจากทั่วทุกสารทิศมารวมกันไว้ในโรงเตี๊ยมฟู่หลงแห่งนี้ " ข้าว่า โรงเตี้ยมฟู่หลง เหมาะแก่การพักผ่อนดีขอรับคุณชาย " " อืม ข้าเห็นด้วย ไปกัน " เซียวเทียนเฟิง เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเดินนำ ลูกน้องคนสนิทเข้าไปในโรงเตี๊ยมฟู่หลง เพียงแค่พวกเขาก้าวผ่านประตูของโรงเตี๊ยมเข้ามา กลิ่นหอมจาง ๆ ของน้ำชาก็โชยมาตามลม ทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปพลันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แค่กลิ่นยังขนาดนี้ แล้วหากได้ลิ้ม
ซูหวินซี เดินตรวจดูรายการอาหารที่นางให้หลี่เจินไปซื้อมา เพื่อที่จะได้นำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนอยู่ในตอนนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ไปเอง แต่ก็ให้คนนำไปส่งให้อยู่ดี นางนำเงินส่วนตัวที่ได้กำไรจากการขายเครื่องหอมส่วนหนึ่งมาซื้อของใช้ที่จำเป็นและยารักษาโรคไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนอยู่ " ซีซี มีอะไรให้ข้าช่วยไหม " " ไม่ " นางตอบโดยไม่หยุดคิดซักนิด และไม่หันไปมองให้เสียเวลาด้วยซ้ำว่าใครอาสามาช่วยนาง แค่ฟังเสียงนางก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร จะเป็นใครไปได้นอกจาก ' ซานเป่าโจ ' สหายที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ที่ตอนนี้เขาเป็นถึงมือปราบหนุ่มที่สาว ๆ ในอำเภอชิงเหอแห่งนี้ต่างก็หมายปอง " เจ้าจะไม่คิดซักนิดเลยหรือ " " คิดทำไม ข้ามิกล้ารบกวนเวลาอันมีค่าของท่านมือปราบซานหรอกเจ้าค่ะ " " สตรีทุกคนในอำเภอนี้ล้วนอยากให้ข้าช่วยกันทั้งนั้น มีแต่เจ้านี่แหล่ะ ที่ชอบผลัก ไสไร่ส่งข้า " นางหยุดดูรายการของในมือแล้วหันมามองหน้าสหายอย่างจริงจัง " เจ้าดูนั่น " นางชี้นิ้วไปที่สะพานฝั่งตรง
เมืองหลวง จวนตระกูลไป๋ ท่านโหวไป๋ซ่างเจินกลับมาที่จวนของตนในช่วงสาย เขาเดินตรงไปยังห้องตำรา แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าภาพเหมือนของสตรีนางหนึ่ง ที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา นางคือ ไป๋ฮูหยิน หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเยว่เฟยซิน มารดาผู้ให้กำเนิด ' ไป๋มู่จิน ' บุตรชายคนเดียวของเขา นางจากไปตั้งแต่ ไป๋มู่จิน อายุได้เพียงสองขวบเท่านั้นหลังจากนั้นเขาก็โตมากับแม่นมของเขาที่เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเยว่เฟยซิน ความสัมพันธ์พ่อลูกของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก เพราะในตอนนั้นหลังจากที่เยว่เฟยซินจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกตำแหน่งฮูหยินใหญ่ให้ฮูหยินรองที่นางเป็นคนตกแต่งเข้ามาให้กับไป๋ซ่างเจิน ทำให้เขาและบุตรชายห่างเหินกันนับตั้งแต่นั้นมา และเมื่อไป๋มู่จิน ได้รับตำแหน่งแม่ทัพ เขาก็แยกตัวออกไปอยู่ที่จวนของตนเองและไม่เคยกลับมาที่จวนตระกูลไป๋อีกเลย " ซินเอ๋อ เจ้าไม่น่าจากข้าไปเร็วเยี่ยงนี้เลย ข้ากับเขายังมิอาจมีโอกาสได้คุยกันดี ๆ เลยสักครั้ง หากเจ้ายังอยู่ก็คงดีกว่านี้ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน " ไป๋ซ่างเจิน ยืนจ้องมองภาพเสมื
เมืองหลวง & จวนแม่ทัพ ค่ำคืนที่เงียบสงบ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง สายลมเย็นพัดผ่านร่างบุรุษ ชุดดำใบหน้าคมเข้มรูปร่างสูงโปร่งดวงตาคมจมูกโด่งสัน ที่ฝึกเพลงดาบประจำตระกูลอยู่กลางลานบ้าน โดยมีลูกน้องคนสนิทนาม ' เสี่ยวฮัว ' ยืนเฝ้าผู้เป็นนายอยู่ไม่เคยห่างกาย เขาคือมัจจุราชเดินดินที่มีหน้าตาเปรียบเสมือนลูกรักของพระเจ้า หรือที่สหายของเขาชอบเรียกเขาว่าเพชรฆาตหน้าหยก ที่มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แดนเหนือ ' ไป๋มู่จิน ' เป็นลูกชายคนเดียวของท่านโหว ' ไป๋ซ่างเจิน ' คนส่วนใหญ่ต่างหลีกหนีไปให้ไกล แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไม่เว้น เพราะหากใครทำผิด เขาก็ลงโทษตามกฎ โดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนเรื่องอิสตรียิ่งแล้วใหญ่ เพียงแค่เจอสายตาเย็นชาของเขา พวกนางก็วิ่งหนีแทบไม่ทัน แต่หากเขาได้สนใจอะไรเข้าแล้วละก็ เขาจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ จนกว่าจะได้ของสิ่งนั้นมาครอบครอง " เฮ้อ....กลับมาเมืองหลวงทั้งที ใยเจ้าถึงยังเอาแต่ซ้อมดาบอยู่