จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้ว
คนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้
ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...
ฟุ่บ!
ขวับ!
ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย
“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอา
ไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยราเมงวางอยู่ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่ิอบนโต๊ะมีเพียงแค่ราเมงกับน้ำเปล่าเท่านั้น
ถ้าเธอจะกินแค่นี้ทำไมต้องเสียเวลาขับรถฝ่ารถติดมาด้วย สั่งไปกินที่ห้องไม่ดีกว่าหรือไง
“ทำไมกินแค่นี้”
“คะ?”
“เรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่ม”
“แต่ฉันอิ่มแล้วค่ะ”
“...”
“ถ้าคุณจะทานอีก...เดี๋ยวฉันเรียกให้ค่ะ” พูดจบเธอก็มองหาพนักงานเพื่อเรียกให้มารับออเดอร์ที่โต๊ะของเธอ แต่ทว่ากลับถูกคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ คว้ามือที่กำลังจะยกขึ้นไว้ก่อน
“ไม่ต้อง อิ่มแล้วก็ลุก” ไนต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ปล่อยมือจากแขนเล็กหยิบเงินสดออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วหันไปดึงแขนเธอให้ลุกตาม
จัสมินที่ยังงุนงงรีบคว้ากระเป๋าตัวเองเดินตามแรงดึงของคนตัวสูงออกไปอย่างเร่งรีบ
“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเขาจะพาเธอหยุดเดินจนต้องเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักทันทีเมื่อมีคำถามดังมาจากคนตัวเล็กด้านหลัง
ไนต์หันกลับไปมองพร้อมกับปล่อยมือจากเธอให้เป็นอิสระ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังจะพาเธอไปที่ไหน
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ ไม่ไปทำงาน?”
“วันนี้วันหยุดฉันค่ะ”
“...”
“ฉันออกมาซื้อของ” เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงไม่ได้พูดอะไรเธอจึงพูดต่อ บอกจุดประสงค์ของตัวเองที่ออกมาที่ห้างสรรพสินค้าในวันนี้
“ซื้ออะไร” ไนต์ถามต่อ
“ของใช้จำเป็นแล้วก็เครื่องสำอางค่ะ”
“นำไปสิ”
“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” จัสมินถามอย่างไม่มั่นใจนัก
แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ หญิงสาวในชุดนักศึกษาที่มากับเขาไปไหนแล้ว
คำตอบของคำถามเมื่อครู่มีเพียงความเงียบ และเขายังคงยืนนิ่งมองเธออยู่ที่เดิม ทำให้ไม่ต้องถามอะไรให้มากความอีก ก่อนที่เธอจะเดินนำหน้าเขาไปตามที่เขาบอก แม้จะสงสัยอยู่มากว่าผู้หญิงที่มากับเขาหายไปไหนแล้ว แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปถามเรื่องส่วนตัวของเขาเลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
จัสมินเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาที่ร้านเครื่องสำอางแบรนด์ที่ตัวเองใช้อยู่ประจำ โดยมีไนต์เดินตามหลังมาติดๆ
“มีอะไร” ไนต์ถามเสียงเรียบเมื่อเห็นคนที่เดินนำมา หยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านเครื่องสำอางแห่งหนึ่ง เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“เปล่าค่ะ” จัสมินบอกปัดแล้วเดินเข้าไปในร้านทันที
ตอนแรกก็กะจะถามว่าเขาจะตามเข้าไปด้วยไหม แต่ถ้าเขาเดินตามมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงไม่ต้องถามให้เสียเวลา เพราะถ้าเขาจะไม่ตามก็คงไม่ตามตั้งแต่แรก
จัสมินเดินตรงไปที่ชั้นวางลิปสติกเป็นอันดับแรก ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังยืนเลือกลิปสติกอยู่ มองจากทางด้านหลังเธอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะคุ้นตา ทั้งรูปร่าง ทรงผมสีผม เหมือนเพิ่งจะเคยเห็นมาหมาดๆ เหมือนผู้หญิงที่นั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นไม่มีผิด
และแล้วความสงสัยของเธอก็ถูกคลี่คลายเมื่อเธอคนนั้นหันกลับมา
ใช่จริงๆ ด้วยสินะ
ผู้หญิงคนนี้คือคนที่นั่งทานอาหารอยู่กับไนต์ในร้านอาหารญี่ปุ่นจริงๆ ด้วย
“พี่ไนต์!”
หญิงสาวในชุดนักศึกษาคนนั้นหันกลับมาพร้อมกับเรียกชื่อคนที่เดินตามหลังของเธอมาด้วยสีหน้าตกใจ
“ทำไมมาอยู่ที่นี่คะ ไหนว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการไง”
จัสมินหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง สลับกับมองไปที่หญิงสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าตาสงสัยมองเธอสลับกับคนด้านหลังไปมาเช่นกัน
“แล้วตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะ เทียร์เห็นพี่เอาแต่มองเธอตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้วนะ”
จัสมินยังเอาแต่ยืนมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาตั้งคำถามใส่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอไม่หยุด ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเป็นตัวปัญหาระหว่างพวกเขาสองคนไปโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วสิ
ไนต์ปรายตามองร่างบางที่ยืนเยื้องอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่เจ้าของคำถามที่ขมวดคิ้วจ้องมองมาด้วยสีหน้าสงสัยไม่เลิก
“บอกไปแล้วไงว่าพนักงานที่คลับ”
น้ำเสียงราบเรียบที่ดังมาจากปากของคนตัวสูงทำให้คนฟังอย่างจัสมินถึงกับเม้มปากแน่น รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินแบบนั้น แต่มันก็อย่างที่เขาพูด เพราะเธอก็แค่พนักงานคนหนึ่งจริงๆ อย่างไม่มีข้อโต้แย้งได้
“ธุระด่วนที่ว่าคือพาพนักงานมาซื้อเครื่องสำอางเหรอคะ”
“อืม” ไนต์ขานรับในลำคอทันทีเมื่อมีคำถามเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่พี่เซอร์วิสพนักงานแบบนี้ทุกคนหรือแค่กับคนนี้คะ”
“เลิกสงสัย จะเอาอะไรก็ไปเลือก” ไนต์เอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูก เทียร์น่า น้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองถามซักไซ้ไม่หยุด
และเขาคงไม่ต้องมาตอบคำถามอะไรแบบนี้ถ้าไม่ดันมาบังเอิญเจอน้องสาวตัวแสบในร้านเครื่องสำอางนี้
“อันนี้บอกเทียร์หรือบอกเธอคะ” เทียร์น่าเอียงคอถามพลางมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่พี่ชายตัวเองบอกว่าเป็นพนักงานของคลับ
“ทั้งคู่” พูดจบเขาก็ปรายตากลับมามองคนที่ยืนเงียบคั่นกลางมาตลอดตั้งแต่ต้น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปนอกร้านโดยไม่พูดอะไรอีก
จัสมินมองตามหลังร่างสูงที่เดินกลับออกไปจากร้านเครื่องสำอาง ริมฝีปากอวบอิ่มยังคงเม้มเข้าหากันแน่นอย่างทำตัวไม่ถูกที่ถูกทิ้งให้อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก
จึก!
แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้จัสมินรีบละสายตาจากการมองตามหลังร่างสูงของไนต์หันกลับมามอง ก่อนจะเห็นหญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังส่งยิ้มมาให้
“ไปเลือกเครื่องสำอางกันค่ะ”
“เอ่อ...คือว่า...”
“อ้อ! เทียร์น่าค่ะ เป็นน้องสาวพี่ไนต์” เมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอวนของคนตรงหน้าที่ดูเกร็งไม่น้อย เธอจึงรีบแนะนำตัวเองทันที
“น้องสาวเหรอ...” แค่ได้ยินคำว่าน้องสาวก็ทำให้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใจที่เคยห่อเหี่ยวกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเพราะคำว่า ‘น้องสาว’ ที่คนตรงหน้าแนะนำตัวเองออกมา
“ใช่ค่ะ แล้วพี่ชื่ออะไรคะ”
“จัสมินค่ะ”
“พี่เป็นอะไรกับพี่ไนต์เหรอคะ” เมื่อพยายามเค้นถามพี่ชายตัวเองตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้ว และเมื่อกี้ก็ถามย้ำอีกแล้วว่าเป็นอะไรกัน แต่คำตอบที่ได้ยังคงเหมือนเดิม ทำให้เธอต้องมาเค้นถามคนที่พี่ชายบอกว่าเป็นแค่พนักงาน เพื่อจะหาคำตอบที่ชัดเจน
ถ้าคนตรงหน้าเป็นพนักงานก็จะต้องพนักงานที่สำคัญมากๆ คนหนึ่ง ถึงได้ทำให้ไนต์ทิ้งเธอให้กลับบ้านเองเพื่อตัวเองจะกลับไปพาพนักงานมาเดินซื้อเครื่องสำอางต่อแบบนี้
“พวกพี่เป็นอะไรกัน” เทียร์น่าถามย้ำอีกครั้งอย่างกดดัน
“ฉันเป็นพีอาร์ที่คลับคุณไนต์ค่ะ” คำถามที่ย้ำมาอีกรอบทำให้จัสมินรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง ว่าเธอนั้นเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง
“แค่นั้นเหรอคะ”
“ค่ะ แค่นั้น”
“โอเคค่ะ แค่นั้นก็แค่นั้น งั้นเราไปเลือกเครื่องสำอางกันค่ะ” เทียร์น่าตอบอย่างยอมแพ้ ไม่ว่าจะถามยังไงคำตอบก็ยังเหมือนเดิม ก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือไปดึงมือของอีกคนให้เดินตามไปดูเครื่องสำอางด้วยกัน
จัสมินที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้แต่เดินตามไปอย่างงงๆ เธอยังตั้งตัวไม่ทันเมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คืิอน้องสาวของไนต์ แถมยังดูไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยเหมือนตอนที่คุยกับพี่ชายอีกด้วย
แบบนี้เธอสามารถใช้คำว่าเบาใจได้ไหม ที่ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะทำผิดต่อผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เพราะผู้หญิงหน้าตาดีคนนี้ไม่ใช่คนรักของเขาอย่างที่เธอคิด
แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป“อ๊ะ อื้อ...”จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้วการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุดริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม“อื
“อ๊ะ...”เสียงครางแผ่วดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดด้วยความตั้งใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวสูงไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ“เป็นอะไร ทำต่อสิ” ไนต์ถามเสียงเรียบทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขากำลังก่อกวนเธอด้วยการบีบเคล้นสะโพกของเธออยู่“คุณก็อยู่นิ่งๆ ก่อนสิคะ”“สั่งฉัน?”“ถ้าคุณไม่นิ่งฉันก็ทำไม่ได้ เงยหน้าหน่อยค่ะ”ไนต์เงยหน้าขึ้นตามที่คนตัวเล็กบอก หยุดมือที่บีบขย้ำสะโพกของเธอลง ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้เขายอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เธอโกนหนวดให้ต่อไปจัสมินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวสูงยอมเงยหน้าตามที่เธอบอกง่ายๆ แถมยังยอมหยุดขย้ำสะโพกเธอด้วย แต่มือเขาก็ยังวางแหมะอยู่ที่ข้างต้นขาของเธอไม่ยอมขยับออกห่าง“เม้มปากให้หน่อยค่ะ”เป็นอีกครั้งที่ไนต์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ถกเถียงอะไร ทำให้การโกนหนวดของจัสมินราบรื่นขึ้นจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยมือเล็กลูบเบาๆ ไปตามกรอบหน้าและปลายคางของคนตัวสูง เพื่อทดสอบดูว่าตัวเองนั้นโกนหนวดให้เขาเกลี้ยงเกลาดีแล้วหรือเปล่าสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูจริงจังอย่างตั้งใจไม่วางตา เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไรเขาถึงได้เล่นกับเธอได้นานขน
จัสมินกลับถึงคอนโดตัวเองในช่วงเย็นที่แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ เธอกับไนต์แยกกันที่ลานจอดรถ และเธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหนต่อ หรือเอาง่ายๆ คือเธอไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องส่วนตัวของเขา แม้จะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจกล่องนาฬิกาเรือนหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ถูกหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าไว้ในตู้โชว์อย่างดิบดี ดวงตาคู่สวยกวาดมองดูตู้เครื่องประดับของตัวเองที่มีทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อย แหวน รวมไปถึงตุ้มหู และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วในตู้นี้มีมูลค่ามากถึงเลขเจ็ดหลัก ถ้ารวมพวกกระเป๋ารองเท้าด้วยราคาก็น่าจะเหยียบแปดหลักได้เธอคงจะเป็นของเล่นราคาแพงอย่างที่เขาว่าจริงๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ให้มา แต่จะมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ลูกค้าประจำที่เธอดูแลซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไนต์ไม่รู้ เขาคิดว่าเธอซื้อเอง และเธอก็ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะให้มีปัญหาตามมาครืน… ครืน…สมาร์ทโฟนที่ถูกปิดเสียงไว้เกิดแรงสั่นขึ้นให้ได้ยิน จัสมินละสายตาจากตู้เครื่องประดับมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองคิ้วเรียว
จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้วแต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่
จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้วคนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...ฟุ่บ!ขวับ!ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอาไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวกายที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ปลุกให้คนตัวเล็กที่หลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลียรู้สึกตัว มือเล็กเอื้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายตัวเองจนถึงคอทั้งที่ตายังหลับ ขยับขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแรงขยับตัวของเธอดึงความสนใจจากคนตัวสูงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมอง ไนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางการนอนของคนตัวเล็กผ่านรูปร่างของผ้าห่มผืนใหญ่ เธอขดตัวเข้าหากันจนแทบจะเป็นก้อนกลมๆ อยู่แล้วสายตาคมเหลือบมองที่รีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศ เอื้อมมือหยิบขึ้นมากดปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขามาถึงเขาเปิดทิ้งไว้ที่ 18 องศา จากนั้นก็มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปไม่น้อยกว่าสองรอบ ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าอุณหภูมินั้นเย็นเกินไป แต่ตอนนี้กิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และคนตัวเล็กเจ้าของห้องก็หมดแรงไปแล้วอย่างที่เห็นหมับ!ไนต์รีบหันกลับมามองเมื่อมีแรงกอดกระชับลงบนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม คนที่เคยนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขยับตัวเองมาแนบชิดกอดขาเขาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ข้างเอวสอบของเขาไปด