แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป
“อ๊ะ อื้อ...”
จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้ว
การเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูง
ไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ
“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุด
ริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม
“อื้อ...! คุณไนต์~”
“เธอนับดาวได้กี่ดวงแล้ว” เสียงแหบพร่ากระซิบถามชิดใบหู ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าสวยของเธอ
“มะ ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้นับอ๊ะ อ๊า~” คนถูกกระซิบถามสั่นหน้าพรืดตอบด้วยเสียงกระเส่าที่ฟังแทบไม่ได้ใจความ
ก็บอกไปแล้วว่าเธอไม่สามารถโฟกัสอย่างอื่นได้นอกจากเขาที่กำลังปรนเปรอความสุขให้เธออยู่ในตอนนี้
“เธอกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอจัสมิน” ร่างกายแกร่งที่เคลื่อนไหวถี่รัวหยุดลงกะทันหัน กลั่นแกล้งคนตัวเล็กที่กำลังจะเสร็จให้อารมณ์ค้าง
“คุณไนต์~” จัสมินถึงกับส่งเสียงเรียกชื่อคนตัวสูงอย่างอ้อนวอน ยกสะโพกลอยขึ้นจากโซฟาเพื่อให้คนด้านบนช่วยสานต่อส่งเธอให้ถึงฝั่ง
ไนต์กัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ ไม่ใช่แค่เธอที่ใกล้จะถึงจุดสุดยอดของความสุข เขาเองก็ไม่ต่างกัน ยิ่งเธอยกสะโพกลอยขึ้นหาพร้อมกับขยับไปมายิ่งสร้างความกระสั่น แต่ทว่าเขาก็ยังอยากแกล้งเธออยู่
“นับได้กี่ดวง” เสียงเข้มแหบพร่าเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับแกล้งดึงแก่นกายออกจนเกือบจะหลุดออกจากจุดเชื่อมต่อกัน
“ดะ ได้หนึ่งค่ะ... หนึ่งดวง อ๊ะ...!” จัสมินรีบตอบจนลิ้นพันกัน ยกสะโพกตามแก่นกายใหญ่ที่ถูกดึงออกอย่างกลัวว่าเขาจะไม่ทำต่อ
“หึ” คำตอบของคนตัวเล็กทำเอาไนต์ส่งเสียงหัวเลาะในลำคออย่างพึงพอใจ
คนตัวสูงกดแก่นกายใหญ่กระแทกเข้าในร่องรักคับแน่นอีกครั้ง เร่งจังหวะหนักหน่วงถี่รัวจนร่างบางของคนตัวเล็กกระตุกเฮือก สองแขนเรียวเล็กโอบกอดเขาแน่นกว่าเดิม ทั้งจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบ
ร่างบางสั่นสะท้านเมื่อถูกส่งถึงจุดสุดยอดตามที่ปรารถนา สองแขนที่เคยโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่นอ่อนแรงลงพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่
“จัสมิน...อ่าส์!” ไนต์กัดฟันแน่นเมื่อคนตัวเล็กถึงจุดสุดยอดนำไปก่อน
ภายในผนังร้อนจัดตอดรัดแก่นกายเขาถี่ ไม่กี่วินาทีกายแกร่งกระตุกเฮือกไม่ต่างกัน เขากดแก่นกายใหญ่ที่ห่อหุ้มด้วยเกราะป้องกันบางเบาเข้าลึกในร่องคับแน่นที่ตอดกระตุกถี่ไม่หยุด
ใบหน้าหล่อเหลาซบลงที่ซอกคอคนตัวเล็ก ทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับเธออย่างแนบชิด หอบหายใจถี่เป่ารดไหล่บางที่ชื้นเหงื่อเล็กน้อย โดยที่แก่นกายใหญ่ยังคงกดลึกอยู่ภายในร่องรักคับแน่นของเธออยู่แบบนั้น
นานหลายนาทีที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่อารมณ์ปรารถนาจบลง คนตัวเล็กที่ร่างกายและลมหายใจกลับมาเป็นปกติก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ยังเต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมาย ก่อนจะเริ่มนับหนึ่งที่ดวงดาวดวงที่เด่นชัดที่สุดในสายตาของเธอ ไล่นับไปรอบๆ ข้างอย่างตั้งใจ
“เธอนับดาวได้กี่ดวง”
เสียงแหบพร่าที่ดังอยู่ข้างใบหูอย่างแนบชิดทำให้คนที่นอนนับดาวอยู่หยุดชะงัก ละสายตาจากบนท้องฟ้าลงมามอง แต่ก็มองเห็นเพียงไหล่กว้างและแผ่นหลังของเขาเท่านั้น
“หนึ่งดวงล่ะมั้งคะ” เสียงเล็กตอบกลับคล้ายไม่มั่นใจ
เมื่อกี้เธอเริ่มนับมันแล้ว แต่ก็ลืมไปแล้วว่านับได้เท่าไหร่
“ทำไมยังได้แค่หนึ่ง” ไนต์ถามพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น ถอดถอนแก่นกายใหญ่ออกจากร่องรักคับแน่น
มือหนาถอดถุงยางอนามัยที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นอยู่ด้านในออกอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้หกลงเลอะโซฟา แต่ก็ลืมไปว่าถึงเขาจะไม่ทำเลอะแต่คนตัวเล็กก็ทำเลอะไปแล้ว
เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะนับดาวได้สักกี่ดวง เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอไม่ได้นับมันตั้งแต่แรก เขาก็แค่แกล้งถามเธอไปอย่างนั้น
จัสมินรีบลุกขึ้นนั่งตามทันทีเมื่อคนตัวสูงลุกออกห่าง เธอรีบหุบขาเข้าแนบชิดกันแล้วรีบก้มหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกทิ้งอยู่ข้างโซฟาขึ้นมาเตรียมสวมใส่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเข้มของคนตัวสูงดังขึ้นมา
“ไปอาบน้ำ” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยสภาพที่ยังเปลือยเปล่าไปทั้งตัว ก้มลงหยิบกางเกงตัวเองแล้วเดินนำออกไปจากตรงนี้ทันที
จัสมินที่เห็นเขาเดินเปลือยกายไปอย่างไม่อายก็เกิดอาการหน้าร้อนผ่าว แค่นึกว่าตัวเองต้องเดินตามเขาไปทั้งที่เสื้อผ้าไม่ใส่ก็รู้สึกอายจนแทบจะบ้าแล้ว
“จัสมิน”
“ปะ ไปแล้วค่ะ!” แค่เขาเรียกชื่อเธอก็ทำให้เธอรีบขานตอบแล้วยกเสื้อผ้าในมือขึ้นปิดบังร่างกายส่วนหน้าไว้แล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังเขาให้ทัน
ถึงบ้านเขาจะไม่มีใคร แต่มันก็น่าอายเกินไปที่เขาจะมาพาเธอเดินเปลือยกายอยู่ในบ้านแบบนี้
9:30 PM
จัสมินเดินออกมาจากห้องนอนของเจ้าของบ้านหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ แต่กว่าจะได้อาบก็ถูกเขาตักตวงความสุขในห้องน้ำไปอีกรอบ
เธอเดินมาที่มุมห้องกระจกเหมือนเดิม เพราะเจ้าของบ้านที่อาบน้ำเสร็จก่อนเธอนั้นกลับมานั่งจิบไวน์มองท้องฟ้าอยู่ที่โซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ ขาเรียวยาวตวัดพาดกับสตูวางขา ท่าทางผ่อนคลายอย่างที่เธอเห็นเป็นประจำหลังจากที่กิจกรรมเร่าร้อนของกามอารมณ์จบลง
“ฉันสามารถลงไปเอากุญแจรถที่ล็อบบี้ได้เลยใช่ไหมคะ”
คำถามของคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินมาถึงทำให้ไนต์ต้องละสายตาที่ทอดมองท้องฟ้ากลับลงมามองที่เจ้าของประโยคเมื่อกี้นี้
สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่สวมเสื้อผ้าชุดเดิมของตัวเองแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว
“ทำไมยังใส่ชุดเดิม”
จัสมินก้มลงมองตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบคำถามของคนตัวสูง
“ก็ฉันไม่มีชุดอื่นนี่คะ”
“ไปเปลี่ยนชุด”
“คะ? แต่ฉันไม่มี...”
“เสื้อผ้าฉันอยู่ในตู้” ไม่รอให้คนตัวเล็กพูดจบเขาก็รีบพูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดเล็กน้อย
จัสมินยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง คิดเอาเองว่าเขาคงไม่อนุญาตให้เธอกลับ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไล่ให้ไปเปลี่ยนชุด สุดท้ายเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งจะเดินมา เพื่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดิมที่สวมใส่ตั้งแต่บ่ายออก ถ้าเขาบอกตั้งแต่แรกว่าไม่ให้เธอกลับเธอก็คงจะถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าเขาแล้ว ไม่ใส่ชุดเดิมที่เหม็นกลิ่นเหงื่อตัวเองออกมาหรอก
ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีคนตัวเล็กก็เดินออกมาที่เดิมด้วยชุดใหม่ ที่ทั้งตัวเธอสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขา ด้านในถูกปล่อยโล่งจนรู้สึกวาบหวิว ความยาวของชายเสื้อคลุมลงมาจนเกือบถึงเข่า
ไนต์ปรายตามองคนตัวเล็กที่เดินกลับมาด้วยเสื้อผ้าตัวใหม่ ก่อนจะใช้สายตาเรียกให้เธอเดินเข้ามาหา ซึ่งคนตัวเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่าย
หมับ
ฟุ่บ!
ร่างบางถูกคนตัวสูงตวัดแขนโอบรั้งเอวคอดดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งในท่าหันข้างโดยไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
“จะทำต่อเหรอคะ” คนถูกดึงมานั่งบนตักเอ่ยถามเสียงอ่อนพร้อมกับเม้มปากแน่น
“อืม” เสียงเข้มขานรับในลำคอสั้นๆ ก่อนที่เขาจะปรับแสงสว่างของห้องกระจกให้มืดลงเหมือนเดิม เหลือไว้เพียงแสงสว่างจากโคมไฟตามมุมห้องเท่านั้น
จัสมินหันไปมองเจ้าของตักแกร่งที่ขานตอบในลำคอว่าจะทำเรื่องอย่างว่าอีก แต่ทว่าพอแสงไฟถูกปรับให้มืดลงเขากลับไม่ทำอะไร เพียงแค่ปล่อยมือจากเอวคอดของเธอย้ายมาวางที่ต้นขาแทน แค่วางเฉยๆ ไม่ได้ลูบไล้หรือทำอะไรที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของเธอขึ้นมาอีก
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา นานหลายนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าคนตัวสูงที่บอกจะทำต่อนั้นทำอะไร เขายังคงนั่งเอนหลังกับโซฟาอยู่เงียบๆ สายตาคมทอดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่หมู่ดาวเริ่มขยับย้ายที่ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่เหมือนเดิม
“หน้าฉันมีอะไรติด” ไนต์ละสายตาจากการมองท้องฟ้าลงมาสบตากับคนตัวเล็กบนตักที่เอาแต่จ้องมองหน้าเขาไม่เลิก
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรติด” จัสมินส่ายหน้าเบาๆ แล้วรีบหันไปอีกทาง ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อหลบหนีสายตาคมที่เรียบนิ่งของคนตัวสูง
บางทีเธอก็อยากจะอ่านแววตานิ่งๆ ของเขาออกบ้าง อยากรู้ว่าภายใต้แววตาคู่นั้นของเขามีอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าจะจ้องมองสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถอ่านเขาออกได้เลย
การเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทำให้ร่างกายของเธอเอนไปตามองศาการเงยหน้าอย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งแขนของเธอแนบชิดลงกับอกแกร่งเปลือยเปล่าของคนตัวสูงที่เอนหลังอยู่กับโซฟา ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังนอนดูดาวไปพร้อมกับเขาเลย
แค่คิดหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงจนเธอต้องรีบขยับตัวขึ้นนั่งเหมือนเดิม เพราะกลัวว่าคนตัวสูงจะรับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะของเธอ
แต่ทว่าก็ถูกมือหนาดึงให้กลับไปอยู่ในท่าเดิม เพิ่มเติมคือเขาจับให้เธอนั่งหันหน้าไปทางเดียวกันกับเขา จากที่แขนแนบอกก็กลายเป็นแผ่นหลังแนบชิดกับอกแกร่งของเขาแทน
ตึกตัก ตึกตัก...
“บอกหัวใจของเธอด้วย อย่าให้มันทรยศต่อสถานะที่มี”
แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป“อ๊ะ อื้อ...”จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้วการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุดริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม“อื
“อ๊ะ...”เสียงครางแผ่วดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดด้วยความตั้งใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวสูงไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ“เป็นอะไร ทำต่อสิ” ไนต์ถามเสียงเรียบทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขากำลังก่อกวนเธอด้วยการบีบเคล้นสะโพกของเธออยู่“คุณก็อยู่นิ่งๆ ก่อนสิคะ”“สั่งฉัน?”“ถ้าคุณไม่นิ่งฉันก็ทำไม่ได้ เงยหน้าหน่อยค่ะ”ไนต์เงยหน้าขึ้นตามที่คนตัวเล็กบอก หยุดมือที่บีบขย้ำสะโพกของเธอลง ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้เขายอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เธอโกนหนวดให้ต่อไปจัสมินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวสูงยอมเงยหน้าตามที่เธอบอกง่ายๆ แถมยังยอมหยุดขย้ำสะโพกเธอด้วย แต่มือเขาก็ยังวางแหมะอยู่ที่ข้างต้นขาของเธอไม่ยอมขยับออกห่าง“เม้มปากให้หน่อยค่ะ”เป็นอีกครั้งที่ไนต์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ถกเถียงอะไร ทำให้การโกนหนวดของจัสมินราบรื่นขึ้นจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยมือเล็กลูบเบาๆ ไปตามกรอบหน้าและปลายคางของคนตัวสูง เพื่อทดสอบดูว่าตัวเองนั้นโกนหนวดให้เขาเกลี้ยงเกลาดีแล้วหรือเปล่าสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูจริงจังอย่างตั้งใจไม่วางตา เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไรเขาถึงได้เล่นกับเธอได้นานขน
จัสมินกลับถึงคอนโดตัวเองในช่วงเย็นที่แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ เธอกับไนต์แยกกันที่ลานจอดรถ และเธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหนต่อ หรือเอาง่ายๆ คือเธอไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องส่วนตัวของเขา แม้จะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจกล่องนาฬิกาเรือนหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ถูกหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าไว้ในตู้โชว์อย่างดิบดี ดวงตาคู่สวยกวาดมองดูตู้เครื่องประดับของตัวเองที่มีทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อย แหวน รวมไปถึงตุ้มหู และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วในตู้นี้มีมูลค่ามากถึงเลขเจ็ดหลัก ถ้ารวมพวกกระเป๋ารองเท้าด้วยราคาก็น่าจะเหยียบแปดหลักได้เธอคงจะเป็นของเล่นราคาแพงอย่างที่เขาว่าจริงๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ให้มา แต่จะมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ลูกค้าประจำที่เธอดูแลซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไนต์ไม่รู้ เขาคิดว่าเธอซื้อเอง และเธอก็ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะให้มีปัญหาตามมาครืน… ครืน…สมาร์ทโฟนที่ถูกปิดเสียงไว้เกิดแรงสั่นขึ้นให้ได้ยิน จัสมินละสายตาจากตู้เครื่องประดับมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองคิ้วเรียว
จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้วแต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่
จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้วคนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...ฟุ่บ!ขวับ!ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอาไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวกายที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ปลุกให้คนตัวเล็กที่หลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลียรู้สึกตัว มือเล็กเอื้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายตัวเองจนถึงคอทั้งที่ตายังหลับ ขยับขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแรงขยับตัวของเธอดึงความสนใจจากคนตัวสูงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมอง ไนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางการนอนของคนตัวเล็กผ่านรูปร่างของผ้าห่มผืนใหญ่ เธอขดตัวเข้าหากันจนแทบจะเป็นก้อนกลมๆ อยู่แล้วสายตาคมเหลือบมองที่รีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศ เอื้อมมือหยิบขึ้นมากดปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขามาถึงเขาเปิดทิ้งไว้ที่ 18 องศา จากนั้นก็มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปไม่น้อยกว่าสองรอบ ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าอุณหภูมินั้นเย็นเกินไป แต่ตอนนี้กิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และคนตัวเล็กเจ้าของห้องก็หมดแรงไปแล้วอย่างที่เห็นหมับ!ไนต์รีบหันกลับมามองเมื่อมีแรงกอดกระชับลงบนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม คนที่เคยนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขยับตัวเองมาแนบชิดกอดขาเขาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ข้างเอวสอบของเขาไปด