จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว
“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”
จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู
“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้ว
แต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม
“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”
ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู
“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน
“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”
“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่จะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนนั้นเธอไม่รู้
“...” จัสมินถึงกับชะงัก เพราะมัวแต่กลัวว่าเทียร์น่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไนต์จึงไม่ทันได้คิดว่านี่คือน้ำหอมผู้หญิง และคนอย่างไนต์คงไม่ใช้เหมือนที่น้องสาวเขาว่า
“งั้นเอากลิ่นเดิมแล้วก็กลิ่นนี้ด้วยนะคะ” เทียร์น่าจัดการทุกอย่างเองโดยไม่รอคำตอบจากอีกคน พูดจบเธอก็หยิบทุกอย่างใส่ในตะกร้าของจัสมินทันที
ทั้งสองสาวยังคงเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเครื่องสำอาง ต่างจากคนรอที่ยืนอยู่นอกร้านเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าทั้งสองคนจะหยุดง่ายๆ
สายตาคมกวาดมองหาเป้าหมายของตัวเอง เมื่อเจอตัวก็รีบเดินตรงเข้าหาทันที เพราะเขาปล่อยให้สองคนนั้นสนุกกันนานเกินไปแล้ว
“เสร็จรึยัง” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นเมื่ิอเดินมาถึงเป้าหมายของตัวเอง
จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบสกินแคร์ขึ้นมาดู ก่อนจะรีบวางมันลงที่เดิมเมื่อได้ยินเสียงเข้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างๆ
“เสร็จแล้วค่ะ แต่ว่าคุณเทียร์น่ายังไม่...”
“เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงิน ไหนว่ามีของที่ต้องซื้ออีกไม่ใช่รึไง” ไม่รอให้คนตัวเล็กพูดจบประโยคเขาก็พูดแทรกขึ้น พร้อมกับจ้องมองเธอด้วยแววตาดุดันที่บอกให้รู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดเมื่อต้องมารออะไรนานๆ แบบนี้
จัสมินชั่งใจอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ ระหว่างทางก็ชะเง้อคอมองหาเทียร์น่าไปด้วย เห็นว่าจะเดินไปดูน้ำหอมอีกรอบแต่ที่โซนน้ำหอมกลับไม่มีหญิงสาวในชุดนักศึกษาอยู่เลย
เธอควรเลิกสนใจคนอื่นแล้วรีบไปจ่ายเงินเพื่อจะได้ไปซื้ออย่างอื่นต่อ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่เธอจะต้องซื้อ
บัตรเครดิตสุดพรีเมียมจากมือหนาถูกยื่นมาตรงหน้า จัสมินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบัตรที่ไม่ได้พูดอะไรแต่อยู่ๆ ก็ยื่นมันมาให้กับเธอ
“คุณจะจ่ายให้ฉันเหรอคะ”
“ก็เห็นอยู่ ทำไมต้องถาม”
นั่นสินะ ทำไมเธอต้องถามให้ตัวเองถูกเขาพูดจาเสียดสีใส่ด้วย แค่รับมาแล้วจ่ายไปก็จบแล้ว
จัสมินรับบัตรเครดิตมาจากมือหนาแล้วยื่นต่อให้กับพนักงาน รอไม่นานเครื่องสำอางที่เธอเลือกซื้อวันนี้ก็ถูกจัดใส่ถุงชอปปิ้งให้เป็นอย่างดี ก่อนจะถูกยื่นกลับมาให้พร้อมบัตรเครดิตและใบเสร็จ
บัตรเครดิตถูกยื่นคืนให้เจ้าของ ทว่าคนตัวสูงกลับทำเพียงแค่มองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับแต่อย่างใด
“จะซื้ออะไรอีก นำไปสิ”
“แล้วคุณเทียร์น่าล่ะคะ”
“กลับแล้ว”
“คะ?” คำตอบของคนตัวสูงทำเอาเธอถึงกับงุนงง รีบมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนที่ตัวเองถามถึง แต่ภายในร้านกลับไม่มีหญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษาอยู่เลย
กลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“จิ๊!”
เสียงจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดดังมาจากคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกัน จัสมินรีบหันกลับมามองก่อนจะพบกับสีหน้าไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่ายที่กำลังดูจะหงุดหงิดเธออยู่
ตอนนี้เธอควรเลิกสนใจเรื่องของเทียร์น่าแล้วรีบไปซื้อของต่อให้เสร็จ คิดได้ดังนั้นก็เดินนำหน้าคนตัวสูงออกไป เก็บบัตรเครดิตในมือที่ยื่นคืนเจ้าของแต่เขาไม่รับใส่ลงในกระเป๋าตัวเองไว้ก่อน
จัสมินเดินมาอีกร้านที่ขายจำพวกครีมอาบน้ำแชมพูต่างๆ ยี่ห้อโปรดของเธอ มาถึงก็ตรงไปหยิบสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยที่ด้านหลังยังคงมีไนต์เดินตามเงียบๆ
ตุบ!
ของบางอย่างที่ถูกโยนลงในตะกร้าทำให้คนตัวเล็กที่เลือกดูอย่างอื่นเพิ่มเติมรีบก้มลงมอง ก่อนจะพบว่ามันคือครีมโกนหนวด และคนที่โยนมันใส่ในตะกร้าของเธอก็หนีไม่พ้นคนที่เดินตามมาตั้งแต่แรก
“เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงิน”
“เดี๋ยวอันนี้ฉันจ่ายเองค่ะ” เธอบอกแล้วเปิดกระเป๋าตั้งท่าจะหยิบบัตรเครดิตของเขาคืนให้เขาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ให้เธอฟรีๆ อยู่แล้ว”
มือเล็กที่หยิบบัตรเครดิตได้แล้วถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาคมอีกรอบ
“เสร็จแล้วตามไปที่ร้านนาฬิกา” ไนต์เอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นคนตัวเล็กเงียบไป พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
จัสมินเม้มปากแน่นมองตามหลังร่างสูงโปร่งที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ รีบไปจ่ายเงินเพื่อจะได้ตามเขาไปที่ร้านขายนาฬิกาแบรนด์เนมชื่อดังแบรนด์หนึ่งที่เขากำลังเดินไป
บางทีก็เหมือนจะดี แต่ดูดีๆ ก็ใจร้ายอยู่มาก
บัตรเครดิตสุดพรีเมียมใบเดิมถูกหยิบยื่นให้พนักงานเพื่อใช้จ่ายค่าสินค้า เสร็จจากตรงนี้คนตัวเล็กก็รีบถือถุงชอปปิ้งเดินตามไปที่ร้านนาฬิกาทันที ขืนมัวชักช้าเขาคงได้ทำหน้าหงุดหงิดใส่เธออีก
มาถึงก็เห็นคนตัวสูงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาภายในร้าน บนโต๊ะตรงหน้ามีกล่องนาฬิกาแบรนด์หรูวางอยู่ด้วย
ไนต์เงยหน้าขึ้นมองเมื่อคนที่เขารออยู่มาถึง ก่อนจะส่งสายตาให้เธอมานั่งลงข้างๆ
จัสมินที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปนั่งลงข้างๆ กับเขาโดยไม่พูดอะไร และเพียงแค่เธอนั่งลงบนโซฟาได้ก็มีพนักงานสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตั้งแต่แรกเดินมานั่งคุกเข่าลงข้างเธอ
“ขออนุญาตนะคะ” เสียงของพนักงานสาวดังขึ้นพร้อมกับดึงเอาถุงชอปปิ้งออกจากมือเล็กของจัสมิน
คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่หันมองคนตัวสูงที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกันด้วยความงุนงง สัมผัสเย็นๆ จากบางอย่างที่แตะลงบนผิวกายทำให้เธอต้องละสายตาจากคนตัวสูงหันกลับมามองที่พนักงานคนเดิม ก่อนจะพบว่านาฬิกาที่เคยอยู่ในกล่องบนโต๊ะตอนนี้มันเข้ามาอยู่ที่ข้อมือของเธอแล้ว
“ประมาณนี้พอดีมั้ยคะ”
“คะ? ค่ะ...” จัสมินได้แต่ขานรับอย่างงุนงงกับคำถามของพนักงานที่กำลังวัดปรับระดับสายนาฬิกาข้อมือให้พอดีกับข้อมือของเธออยู่
“เดี๋ยวทำการปรับสายให้สักครู่นะคะ”
นาฬิกาเรือนหรูถูกถอดออกจากข้อมือเล็กเพื่อนำไปปรับสายใหม่ให้พอดีกับขนาดข้อมือของคนตัวเล็ก
หลังจากที่พนักงานเดินออกไปจัสมินก็หันไปมองคนตัวสูงข้างๆ โดยที่ไนต์เองก็มองมาที่เธอเช่นกัน
“คุณให้ฉันเหรอคะ” ที่เธอถามนั้นหมายถึงนาฬิกาเรือนเมื่อกี้ ที่พนักงานนำไปปรับสายให้อยู่ ถึงจะไม่รู้ราคาที่แน่ชัด แต่ก็รู้ว่ามันมีมูลค่ามากถึงหกหลัก
“...”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อเห็นเขาเงียบเธอจึงเอ่ยขอบคุณเขาออกไปทันทีโดยไม่ถามอะไรอีก
เธออยู่กับเขามานานพอที่จะรู้ว่าถ้าเขาเงียบแสดงว่าคำตอบของเขาคือใช่
มือเล็กเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบบัตรเครดิตออกมาเตรียมจะยื่นคืนให้เขา ก่อนจะมีน้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นมาในจังหวะที่เธอยื่นบัตรไปตรงหน้า
“รู้ไว้ด้วยว่าเธอเป็นของเล่นที่ราคาแพงที่สุดเท่าที่ฉันเคยจ่ายมา”
ประโยคที่ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ทว่าคนฟังถึงกับสะอึก
ดวงตาคู่สวยจ้องมองสบตาคมพลางเม้มปากแน่น รู้ตัวเองดีว่าสถานะที่มีก็แค่ของเล่น แต่พอถูกตอกย้ำด้วยคำพูดจากเขาทีไรกลับรู้สึกแปลกๆ ที่หัวใจทุกที...
แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป“อ๊ะ อื้อ...”จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้วการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุดริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม“อื
“อ๊ะ...”เสียงครางแผ่วดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดด้วยความตั้งใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวสูงไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ“เป็นอะไร ทำต่อสิ” ไนต์ถามเสียงเรียบทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขากำลังก่อกวนเธอด้วยการบีบเคล้นสะโพกของเธออยู่“คุณก็อยู่นิ่งๆ ก่อนสิคะ”“สั่งฉัน?”“ถ้าคุณไม่นิ่งฉันก็ทำไม่ได้ เงยหน้าหน่อยค่ะ”ไนต์เงยหน้าขึ้นตามที่คนตัวเล็กบอก หยุดมือที่บีบขย้ำสะโพกของเธอลง ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้เขายอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เธอโกนหนวดให้ต่อไปจัสมินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวสูงยอมเงยหน้าตามที่เธอบอกง่ายๆ แถมยังยอมหยุดขย้ำสะโพกเธอด้วย แต่มือเขาก็ยังวางแหมะอยู่ที่ข้างต้นขาของเธอไม่ยอมขยับออกห่าง“เม้มปากให้หน่อยค่ะ”เป็นอีกครั้งที่ไนต์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ถกเถียงอะไร ทำให้การโกนหนวดของจัสมินราบรื่นขึ้นจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยมือเล็กลูบเบาๆ ไปตามกรอบหน้าและปลายคางของคนตัวสูง เพื่อทดสอบดูว่าตัวเองนั้นโกนหนวดให้เขาเกลี้ยงเกลาดีแล้วหรือเปล่าสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูจริงจังอย่างตั้งใจไม่วางตา เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไรเขาถึงได้เล่นกับเธอได้นานขน
จัสมินกลับถึงคอนโดตัวเองในช่วงเย็นที่แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ เธอกับไนต์แยกกันที่ลานจอดรถ และเธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหนต่อ หรือเอาง่ายๆ คือเธอไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องส่วนตัวของเขา แม้จะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจกล่องนาฬิกาเรือนหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ถูกหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าไว้ในตู้โชว์อย่างดิบดี ดวงตาคู่สวยกวาดมองดูตู้เครื่องประดับของตัวเองที่มีทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อย แหวน รวมไปถึงตุ้มหู และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วในตู้นี้มีมูลค่ามากถึงเลขเจ็ดหลัก ถ้ารวมพวกกระเป๋ารองเท้าด้วยราคาก็น่าจะเหยียบแปดหลักได้เธอคงจะเป็นของเล่นราคาแพงอย่างที่เขาว่าจริงๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ให้มา แต่จะมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ลูกค้าประจำที่เธอดูแลซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไนต์ไม่รู้ เขาคิดว่าเธอซื้อเอง และเธอก็ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะให้มีปัญหาตามมาครืน… ครืน…สมาร์ทโฟนที่ถูกปิดเสียงไว้เกิดแรงสั่นขึ้นให้ได้ยิน จัสมินละสายตาจากตู้เครื่องประดับมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองคิ้วเรียว
จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้วแต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่
จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้วคนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...ฟุ่บ!ขวับ!ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอาไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวกายที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ปลุกให้คนตัวเล็กที่หลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลียรู้สึกตัว มือเล็กเอื้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายตัวเองจนถึงคอทั้งที่ตายังหลับ ขยับขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแรงขยับตัวของเธอดึงความสนใจจากคนตัวสูงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมอง ไนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางการนอนของคนตัวเล็กผ่านรูปร่างของผ้าห่มผืนใหญ่ เธอขดตัวเข้าหากันจนแทบจะเป็นก้อนกลมๆ อยู่แล้วสายตาคมเหลือบมองที่รีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศ เอื้อมมือหยิบขึ้นมากดปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขามาถึงเขาเปิดทิ้งไว้ที่ 18 องศา จากนั้นก็มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปไม่น้อยกว่าสองรอบ ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าอุณหภูมินั้นเย็นเกินไป แต่ตอนนี้กิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และคนตัวเล็กเจ้าของห้องก็หมดแรงไปแล้วอย่างที่เห็นหมับ!ไนต์รีบหันกลับมามองเมื่อมีแรงกอดกระชับลงบนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม คนที่เคยนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขยับตัวเองมาแนบชิดกอดขาเขาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ข้างเอวสอบของเขาไปด