LOGIN
“นายครับ”
“มีใครมาก่อกวนไหม” “ไม่ครับ” “แล้วเดซี่ไปไหน เธอควรอยู่ดูแลโซนนี้ไม่ใช่เหรอ” ดวงตาคมกริบกวาดมองหาหญิงสาวที่ควรจะอยู่ประจำที่ตัวเอง ทว่ากลับไม่พบแม้เงาของเธอ “วันนี้คุณเดซี่ลาครับ” “แล้วใครมาแทน” “เด็กใหม่ครับ เห็นคุณเดซี่บอกว่าเป็นรุ่นน้อง” “แล้วเธออยู่ไหน” “ห้องวีไอพีสามครับ” “อืม” เขาพยักหน้าให้ลูกน้องก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องทำงานตัวเองที่อยู่ชั้นสี่ ชั้นบนสุด ระหว่างที่เดินสายตาก็คอยสอดส่องดูลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกันล้นหลาม ทว่าอยู่ ๆ ต้องหยุดชะลอเท้าที่กำลังก้าวเมื่อกำลังจะผ่านห้องวีไอพีสามไป แอดด “อยู่นิ่ง ๆ สิวะอีนี่” พรึ่บ! “ปล่อยฉันนะ!” ไม่รู้อะไรทำให้เขาเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่สิ่งที่ทำเขาชะงักไปนั่นก็คือภาพที่ผู้ชายสามคนกำลังช่วยกันกดขี่ข่มเหงผู้หญิงคนหนึ่ง ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาเธอคนนั้นก็พุ่งตัวมาหลบหลังเขาทันที “พวกมึงทำอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเยือกเย็นแววตานิ่งน่ากลัว “พะ พวกผมไม่ได้ทำอะไรครับ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นน่ากลัวแค่ไหน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าที่จะต่อกลอนด้วย “แล้วที่กูเห็นนี่คืออะไร” ถ้าปฏิเสธถือว่าหน้าตัวเมียมาก ภาพมันฟ้องขนาดนี้แล้วว่าพวกมันกำลังจะข่มขืนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางสู้ ยังจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ “ผู้หญิงคนนี้เข้ามายั่วพวกผมครับ!” “ใครยั่วพวกนาย ฉันแค่เข้ามาดูแลตามหน้าที่ แต่พวกนายกลับกระชากฉันลงไปทำมิดีมิร้าย” ร่างสูงเอี้ยวหน้าไปมองหญิงสาวที่เถียงกลับทันควัน ดูเธอเองก็เอาเรื่องใช่ได้ ปากกล้าดี “มันทำอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามทำใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมอง ดวงตากลมโตนิ่งชะงักไปทันทีเมื่อเห็นใบหน้าเขาชัด ๆ สันจมูกโด่ง ใบหน้าของเขาดูดีจนเธอไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ ทว่า.. “จะตอบฉันได้ยัง” เสียงของเขาดึงสติเธอให้กลับมา หญิงสาวพสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะเอ่ยอย่างฉะฉาน “พวกเขาจะเอาเหล้าที่ผสมยาให้ฉันกิน” เพราะเธอเห็นหนึ่งในนั้นกำลังเทยาลงใส่แก้ว และเธอก็ไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่ามันคือยาอะไร ในสถานที่แบบนี้มีแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ “ยา?” “ใช่ค่ะ” พยักหน้าตอบ “ใครอยู่ข้างนอก!” ชายหนุ่มตะโกนเรียกลูกน้องที่ยืนรอเขาอยู่ด้านนอกให้เข้ามา “ครับนาย” “ลากคอพวกมันออกไปกระทืบ” เขาสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยมพลางจ้องไปยังทั้งสามแววตาดุดัน แม้เขาจะเปิดผับก็จริง แต่ร้านเขามีกฎชัดเจนว่าห้ามนำอาวุธและสิ่งเสพติดเข้ามาในร้านเด็ดขาด หากฝ่าฝืนเขาไม่จำเป็นต้องส่งพวกมันให้กับตำรวจ ในเมื่อตัวเองสามารถจัดการได้ทำไมเราต้องส่งให้คนอื่นจัดการแทนล่ะ ว่าไหม? “พวกผมขอโทษครับคุณไมเนอร์” “ลากมันออกไป” “ไป!” เสียงร้องขอให้ชายหนุ่มไว้ชีวิตดูจะไม่เป็นผลเมื่อเขาทำเพียงปรายตามองพวกมันเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสามถูกลากออกไปยังหลังร้าน ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือแค่เขากับหญิงสาวอีกคน “กลับไปทำงานตัวเองซะ” เขาสั่งหญิงสาวให้กลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว “ขอบคุณนะคะ” ร่างบางยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขาไปอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ หากไม่ได้ผู้ชายตรงหน้าเธอก็แย่เช่นกัน “อืม” เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้องไป ทว่า.. “เดี๋ยวค่ะ!” เท้าที่ก้าวหยุดชะงักโดยที่เขาไม่ได้หันกลับมา หญิงสาวมองเสี้ยวใบหน้าอีกคนก่อนแนะนำตัวเองให้เขาได้รู้จัก “ฉันฝันดีค่ะ แล้วคุณเอ่อ..” “ไม่จำเป็นไม่ต้องอยากรู้จัก” เพราะเธอไม่ได้มีค่ามากพอที่เขาจะต้องทำความรู้จักด้วย “แค่ชื่อก็บอกไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวพึมพำเสียงเบา แค่ชื่อเองนะ บอกกันไม่ได้เลยงั้นเหรอ “....” ครั้งนี้ไมเนอร์ยอมหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด เธอเป็นใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับเขา “เธอคงจะมาแทนเดซี่” เขาไล่สายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสบตากับเธออีกครั้ง “ใช่ค่ะ คุณรู้จักพี่เดซี่ด้วยเหรอ” ทำไมเขาจะไม่รู้ เขาน่ะ..รู้ลึกเลยต่างหาก “งั้นเธอก็ควรรีบไปทำงานตัวเองดีกว่ามายืนถามชื่อคนที่เพิ่งรู้จักกัน” “ฉันแค่..” “หวังว่าเธอจะเข้าใจที่ฉันบอกนะ” พูดจบเขาก็เดินหันหลังออกจากห้องไปทันที “ขี้เก็กชะมัด” ปากเล็กขยับว่าตามหลังอีกคนไปด้วยความหมั่นไส้ ฝันดี หญิงสาววัย 29 ปีเจ้าของความสูง 170 เซนติเมตร เธอมีนิสัยที่ไม่ค่อยยอมคนสักเท่าไหร่ กล้าได้กล้าเสีย เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักตัวเองมากนัก และวันนี้เธอก็ว่างพอดีเลยมารับจ๊อบทำงานแทนรุ่นพี่สาวคนสนิทอย่างพี่เดซี่ ค่าจ้างที่นี้ค่อนข้างสูงและสวัสดิการดีมาก ทุกครั้งที่มาเธอจะได้ทิปคืนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสี่ห้าพัน ทำให้เธอสนุกกับการทำงานเป็นที่สุด และแน่นอนว่างานกลางคืนมันค่อนข้างเสี่ยงกับเธอเช่นกัน เพราะต้องกลับบ้านดึก ๆ คนเดียว ไหนจะลูกค้าที่เมาแล้วเริ่มแสดงความหื่นกามออกมา เธอต้องคอยรับมือกับคนพวกนี้ตลอด แต่ดีที่ไม่ได้มาบ่อยเท่าไหร่ แม้เงินจะดีแต่มันก็ยังเสี่ยงสำหรับเธออยู่ดี ฝันดีมองตามร่างสูงที่เข้ามาช่วยเธอไปจนลับตา เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน เธอแค่อยากขอบคุณที่เขาเข้ามาช่วยเธอได้ทันพอดีเท่านั้น หากไม่ได้เขาเธอคงแย่ไปแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอมาทำที่นี่ และไม่ว่าจะมากี่ครั้งหญิงสาวก็ไม่เคยเห็นหรือรู้จักเจ้าของร้านเลยสักครั้ง เคยได้ยินผ่าน ๆ ว่าหน้าตาดีมากแล้วก็โหดมากเช่นเดียวกัน เธอเองก็อยากเห็นเพราะไม่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นคนยังไง ส่วนครอบครัวของเธอ..ฝันดีมีเพียงแม่ที่อยู่ด้วย ณ ตอนนี้ เธอเสียพ่อไปตอนอายุ 20 ทำให้หญิงสาวและแม่ต่างดิ้นรนทำงานจนได้บ้านมาหนึ่งหลัง พอการเงินเริ่มเข้าที่เธอจึงให้แม่อยู่บ้าน ส่วนตัวเองออกมาทำงาน บริษัทที่เธอทำเงินเดือนก็ดีใช้ได้ ทำให้เหลือกินเหลือใช้ในทุก ๆ เดือนไม่มีสะดุด ฝันดีเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแกร่งและไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบตัวเองได้ง่าย แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ไม่สู้เพราะตัวเองสู้ไม่ไหว นั่นมันผู้ชายสามคนเลยนะใครจะไปสู้ไหวกัน แต่ในขณะนั้นเอง.. “น้อง!” เสียงตะโกนเรียกซึ่งไม่รู้ว่าเรียกใครทำฝันดีหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังเรียกเธอ “ค่ะพี่” พี่ไว้ก่อนเพราะไม่รู้อายุของคนที่เรียก “มาช่วยโซนนี้หน่อย” “ได้ค่ะ” เธอรีบไปช่วยเพื่อนทำงานด้วยความเร่งรีบ หญิงสาวทำงานอย่างนขมักเขม้นจนกระทั่งเวลาเลิกงาน หญิงสาวรับเงินแล้วกลับไปพักผ่อนทันที ก่อนกลับไม่ลืมที่จะแวะซื้อโจ๊กไปฝากแม่และของตัวเองหนึ่งถุง เพราะเวลาที่เธอเลิกงานมันก็เกือบเช้าแล้ว ดีที่เป็นวันหยุดเลยไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ หลังจากซื้อของเสร็จเธอก็เรียกวินเพื่อกลับบ้านตัวเองไปทันทีคอนโดไมเนอร์ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถ พร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดฝั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ฝันดีนั่งกอดอกตัวเองไม่ยอมลงแต่อย่างใด ทำให้ไมเนอร์เริ่มหงุดหงิดกระชากตัวเธอลงจากรถอย่างแรง หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปที่พื้นจนเข่าเธอกระแทกไปกับพื้นปูนทำให้ถลอกแล้วมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย“อ๊ะ!” ปากเล็กร้องออกมาด้วยความรู้เจ็บจี๊ดบริเวณหัวเข่า เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เอาแต่นิ่งมองมายังเธอเช่นเดียวกันก่อนที่เขาจะเอ่ย“จะเลิกอวดดีได้หรือยัง” เขาถามโดยไม่สนว่าตอนนี้เธอกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า“แล้วคุณเป็นบ้าอะไรลากฉันมาด้วย!” ฝันดีเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้วเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะลากเธอมาด้วยทำไม“ลากมาสั่งสอนไง สั่งสอนให้รู้ว่าอย่าอวดเก่งกับฉัน” เขาเอ่ยเสียงเย็น เธอพยศใส่เขาเกินไป อายุเขาและเธอก็ห่างกันพอสมควรแต่หญิงสาวกลับทำตัวปีนเกลียวไม่เลิก“อย่าลืมสิว่าคุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างเรื่องคืนนั้นฉันก็แค่อยากลองเฉย ๆ ไม่ได้อยากจริงจังด้วยสักหน่อย การที่คุณทำแบบนี้ มันเหมือนว่าคุณนั่นแหละที่ติดใจฉัน” แม้จะเจ็บสักแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายคนนี้เด็ดขาด คนอย่างเ
คนตัวเล็กเดินตรงไปยังสถานที่หนึ่ง ในมือมีช่อดอกไม้ที่เธอมักซื้อติดมือมาทุกครั้งที่มาที่นี่ เดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเจดีย์ใส่อัฐิพ่อของเธอ..“เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” เอ่ยถามเสียงเบาหวิวพลางยื่นมือสัมผัสรูปที่แปะติดอยู่หน้าเจดีย์อัฐิอย่างเบามือ ดวงตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ ฝันดีจะลางานมาหาพ่อของเธอในทุก ๆ ปี จนมันกลายเป็นวันหยุดประจำตัวของเธอไปแล้ว“...”“คิดถึงหนูกับแม่ไหม”“...”“ทำไมหนูคิดถึงพ่อจังเลย ฮึก~” เธอก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม้จะเข้มแข็งสักแค่ไหนก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีมุมอ่อนแอเหมือนคนอื่น เธอมันพวกแข็งนอกอ่อนในต่างหาก“....”“ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” คิดถึงรอยยิ้มของพ่อที่เคยยิ้มให้ คิดถึงอ้อมกอดที่เคยได้รับ คิดถึงคำสอนที่พ่อเคยบอกเอาไว้ คิดถึงทุกอย่างที่เป็นท่าน“...”“หนูกลัว~ ฮึก!” ตั้งแต่สูญเสียพ่อไปฝันดีก็กลายเป็นคนขี้กลัวโดยไปเลย ไม่ใช้กลัวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เธอกลัวการสูญเสียคนที่รักไปอีกครั้ง เธอคงทำใจไม่ได้หากแม่ต้องจากไปอีกคน ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตชีวิตจะเป็นยังไง วันนี้อาจนั่งคุยกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ใครจะรู้ ทุกคนมองว่าเธอเป็นผู้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“แกนะแก ถ้าเป็นแบบนี้อีกฉันจะทุบให้หลังหักเลยคอยดู” ใยไหมบ่นให้เพื่อนตัวดีที่หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว เธอก็เป็นห่วงแทบตายกลัวคนจะหลอกเพื่อนไปฆ่า ฝันดีเพิ่งติดต่อเธอกลับวันที่ไปเที่ยวทะเล แล้วนี่ก็เป็นวันแรกที่หญิงสาวกลับมาทำงานตามปกติ เลยต้องมานั่งฟังเพื่อนใยไหมบ่นอยู่แบบนี้กลางศูนย์อาหารในบริษัท“ขอโทษ”“ต่อไปนี้จะไม่พาไปเที่ยวอีกแล้วถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันก็เป็นห่วงแทบตาย” ถ้าแม่ฝันดีไม่บอกก่อนว่าเจอเพื่อนแล้วเธอจะไปแจ้งความจริง ๆ“ฉันก็กลับมาแล้วไง ไม่เป็นอะไรด้วยเห็นไหม”“ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก”“อย่าบ่นเยอะสิตีนกาขึ้นเลยเห็นไหมน่ะ” ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ทั้งสองไม่ได้ออกไปทานข้าวข้างนอกแต่ลงมานั่งทานที่ศูนย์อาหาร วันนี้รู้สึกว่าคนเยอะแปลก ๆ ทั้งที่ปกติคนชอบออกไปข้างนอกกันมากกว่าเพราะอาหารที่บริษัทรู้สึกว่าจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ คนเลยไม่นิยมมาทานกัน แต่วันนี้เหมือนว่าทุกคนจะอยู่กันเยอะกว่าทุกวันซึ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แล้วทั้งสองก็ต้องเงียบแล้วหันมองไปยังเสียงเอะอะโวยวายที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เขามุงดูอะไรกัน” ใยไหมหรี่ตามองกลุ่มสาว ๆ ที่ยืนชะเง้อเหมือนกำล
เขากระชากคนตัวเล็กเข้าหาอย่างแรง ไมเนอร์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่เธอปากเก่งกล้าพยศใส่เขา ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนไม่มีใครกล้าเดินหนี ถือว่าเธอกล้ามากที่ทำมัน แบบนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ ทั้งที่ได้เขาเป็นผัวแต่เธอยังกล้าทำตัวกระหายผู้ชายไม่เลิก“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน”“ทำไม หรือฉันทำให้ไม่ถึงใจถึงได้วิ่งตามผู้ชายมาถึงที่นี่”“ทุเรศ” เธอพ่นคำด่าหยาบคายใส่หน้าเข้าเต็ม ๆ“ว่าไงนะ?”“คุณมันทุเรศที่สุด”“จะด่าอะไรก็ระวังปากหน่อย อีกอย่างเรื่องเมื่อคืนฉันก็ไม่ได้เป็นคนร้องขอนะอย่าลืม” เธออนุญาตให้เขาทำเอง เขาไม่ผิดสักหน่อย ไหน ๆ ก็เคยได้แล้วถ้าได้อีกครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งว่าไหม?“ฉันไม่น่าพลาดให้คุณเลย”“อันนั้นฉันก็ช่วยไม่ได้” เขาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ เธอเสนอเขาก็แค่สนอง วิน ๆ กันทั้งคู่“ปล่อย” ฝันดีพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของอีกคน“ไหน ๆ ก็เจอแล้วฉันว่าเรา..”“ไปตายซะ”“เหอะ!” ไมเนอร์ดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิด เธอกำลังทำให้เขาหมดความอดทน ไปตายงั้นเหรอ..“ปล่อย”“....”“ฉันบอกให้ปล่อยไง!”“เพ้อเจ้ออะไรอยู่”“จะไม่ปล่อยใช่ไหม”“เธอเป็นใครทำไมฉันต้องเชื่อฟัง” ไมเนอร์ลอยห
ขวับ! ทั้งไมเนอร์และฝันดีหันขวับไปมองยังที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียง ร่างสูงของใครบางคนเดินยิ้มมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นคนที่เธอนั้นรู้จักเป็นอย่างดี ส่วนไมเนอร์นั้น...มันเป็นใคร?“คุณแผ่นดิน?” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนมาใหม่ด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมาเจออีกคนที่นี่ แม้จะอดสงสัยไม่ได้แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป“มาคุณอะไรกัน” แผ่นดินดีดนิ้วลงที่หน้าผากมนเบา ๆ อย่างไม่แรงนัก บอกหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่เคยจำว่าอยู่ข้างนอกให้เรียกเขายังไง“แหะ~ พี่แผ่นดิน” แผ่นดินเคยบอกกับเธอไว้ตั้งเจอกันช่วงแรก ๆ เขาขอให้เธอเรียกพี่แทนเรียกคุณ ฝันดีได้ยินแบบนั้นก็ปฏิเสธทันที แผ่นดินคือเพื่อนสนิทของฟินิกซ์ คนที่เป็นถึงประธานบริษัทเจ้านายเธอเลยนะ จะให้มาเรียกเหมือนคนสนิทกันมันคงจะเป็นไปไม่ได้ แผ่นดินเห็นหญิงสาวมีท่าทีลำบากใจจึงยื่นข้อเสนอใหม่ให้นั่นก็คือ.. เวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกเขาพี่ตามที่บอกไปตอนแรก ส่วนคุณให้เรียกเฉพาะตอนที่อยู่ในที่ทำงานเท่านั้น ฝันดีคิดจะค้านแต่สุดท้ายก็ต้องรับปากในที่สุดเมื่อเขาใช้ไม้เด็ด“แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ” เขามองดูเธอก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับรอยแดงบริเวณลำคอหญิงสาว แม้มัน
วันต่อมา “นี่ค่ารถค่ะ” ฉันยื่นค่าโดยสารให้ลุงคนขับ “ไม่เป็นไรยัยหนู ลุงไม่คิดเงิน” ได้ไงอะ จุดที่ฉันลงรถมาถึงที่พักไม่ใช่ใกล้ ๆ เลยนะ ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฉันพยายามยัดเงินใส่มือคุณลุงทว่าลุงแกก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ” ค่าน้ำมันค่าเสียเวลาอีก แบบนี้ฉันไม่โอเคหรอกนะถ้าจะให้ฉันนั่งมาฟรี ๆ รู้แหละว่าคุณลุงคงไม่คิดอะไรมากแต่ฉันไม่ไง มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "ลุงเห็นว่าเราเป็นลูกกตัญญูพาแม่มาเที่ยว เอาไปเถอะบ้านลุงอยู่แถวนี้พอดี" "แต่คุณลุงคะ.." ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ล่ะ "ลุงไปละ เที่ยวให้สนุกนะยัยหนู" ว่าจบลุงสามล้อก็ขับรถออกไปทันที ฉันกับแม่มองตามรถลุงไปจนสุดสายตาก่อนจะหันสบตากันนิ่ง "คุณลุงใจดีมากเลย" ฉันพูดขึ้นพลางเก็บเงินไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม "นั่นสิ" "เราเข้าไปเช็คอินกันเถอะ" ทุกอย่างมันปุ๊บปั๊บไปหมด แล้วโรมแรมนี้ว่างพอดีฉันเลยทำการจองทันที ฉันเข้าไปติดต่อพนักงานเพื่อเข้าพัก หลังจากชำระค่าอะไรเรียบร้อยก็เดินไปหาแม่ที่นั่งรออยู่ "ปะ" รับกระเป๋ามาถือพร้อมกับเดินไปขึ้นลิฟต์ โรมแรมที่ฉันมาพักมันก็ไม่ได้แย่นะทุกคนถือว่าดีเลยแหละ ทั้งวิวทั้งราคาทุกอย่างโอเคหมดเลย ระหว่างที
![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






