“แม่”
“ว่าไง” “วันนี้หนูทำโอทีอาจกลับดึกนะ” “ให้ไปรอรับไหม” เพราะมีกันแค่สองคน พวกเขาจึงดูสนิทมาก ฝันดีและแม่ของเธอจะเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า มีปัญหาหรือไม่สบายใจเธอมักจะมาปรึกษาแม่ตัวเองตลอด ทุกเรื่องเธอจะเล่าให้แม่ฟังหมด ผู้เป็นแม่เองก็ให้คำปรึกษาลูกสาวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน “ไม่ต้องเลยนะ พักผ่อนไปเถอะฝันกลับเองได้” “ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” “เค ฝันไปทำงานก่อนนะ” “อืม” บริษัทไอที “สวัสดีจ้าน้องฝัน” “มอนิ่งค่ะพี่น้อยหน่า” หญิงสาวส่งยิ้มทักทายรุ่นพี่ที่ทำงาน วันนี้ฝันดีรีบมาแต่เช้าเพื่อเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จ จะได้ไม่กลับดึกมาก “ทำไมมาเช้าจังวันนี้” “รีบมาเคลียร์งานให้จบค่ะ” “ฮ่า ๆ เรานี่หน่า” เพื่อนที่ทำงานมักเรียกเธอว่าฝันเพียงสั้น ๆ หลังจากทักทายพี่น้อยหน่าหัวหน้าแผนกบัญชีเสร็จเธอก็ขึ้นไปยังชั้นทำงานของตัวเอง ทันทีที่ตูดถึงเก้าอี้ฝันดีก็เริ่มลงมือทำงานในส่วนของตัวเองทันที แต่ในขณะนั้นเอง.. “ไงแสบ” เสียงทุ้มของใครบางคนทำใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมอง “อ้าวคุณแผ่นดิน” ฝันดีระบายยิ้มให้ใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะมาหยุดนิ่งข้างโต๊ะทำงานของเธอ “มาเช้านะ” เขามองไปรอบ ๆ ก็เห็นแค่เธอเท่านั้นที่นั่งทำงานอยู่ “มาหาท่านประธานเหรอคะ” “ใช่ แต่เผอิญเห็นเราพอดี” แผ่นดินหรือที่ทุกคนรู้จักเขาในนามเพื่อนสนิทของท่านประธานของที่นี่ แต่เพราะแผ่นดินรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวทำให้เขาชอบแวะมาทักทายเธอทุกครั้งที่เข้ามาหาเพื่อนตัวเอง อย่างเช่นวันนี้ก็เหมือนกัน “แหะ” ฝันดีทำเพียงยิ้มแห้งไปให้ร่างสูงตรงหน้า เพราะรู้ว่าเขากำลังจะบ่นเธอยังไงล่ะ “ไม่ต้องมายิ้มกลบเกลื่อนเลย แล้วนี่กินอะไรมายัง” “ฝันกินมาจากบ้านแล้วค่ะ” “ไว้เจอกัน ฉันต้องไปแล้ว” แผ่นดินดูเวลาก็เห็นว่าจะถึงเวลานัดแล้วจึงขอตัวออกไป ร่างสูงเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้นของผู้บริหาร “เฮ้ออ” พ่นลมหายใจออกมาอย่างเมื่อยล้าพลางเอนตัวพิงไปด้านหลัง เสร็จสักทีงานที่ได้รับ ยังเหลืออีกส่วนที่น่าจะเสร็จทันก่อนเลิกงานแน่นอน ตึกตึก “ยัยฝันดี” ฝันดีขยับสายตามองไปยังคนที่เรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนสาวตัวเองนั่นก็คือใยไหม เพื่อนสาวของเธอเดินยิ้มมาอย่างอารมณ์ดีจนเธอต้องขมวดคิ้วสงสัย เพื่อนไปโดนตัวไหนมา? “ว่า” “คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม” ใยไหมเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอชวนไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้ ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่มาทำงานวันแรก ด้วยนิสัยใยไหมเป็นคนที่พูดเก่งและเข้ากับคนได้ง่าย วันแรกที่ฝันดีก้าวเข้ามาในบริษัทแห่งนี้ ใยไหมเป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายฝันดีจนทำให้ทั้งสองเริ่มสนิทกันโดยปริยาย "ได้ดิ สองคนเราแล้วใช่ป่ะ” "มันต้องสองคนแหละเพราะเรามีกันแค่นี้ ไม่มีใครคบเรานะเพื่อนรัก" ใยไหมเอ่ยติดตลก มีกันอยู่สองคนจะให้ไปชวนใครอีก "ลืมไปเลย เราอย่าเลิกคบกันนะ" "ฮ่า ๆ ยัยบ้านี่" สองสาวมักชวนกันไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง เป็นปกติ ของวัยอย่างเธอที่จะต้องมีดื่มสังสรรค์กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยถึงขนาดทุกวัน และวันนี้ฝันดีเองก็เหนื่อย ๆ กับงานด้วยไปปลดปล่อยสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ก่อนไปเธอไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกแม่ว่าคืนนี้อาจกลับดึก ซึ่งคนเป็นแม่ก็เข้าใจเพราะลูกสาวเองก็โตแล้ว ท่านเลยเลือกที่จะไม่ห้ามแล้วปล่อยให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตของตัวเองไป "ร้านไหนดี" ฝันดีเงยหน้าถามเพื่อนตัวเอง "มีร้านใหม่ที่เขาเปิดนานแล้วแหละ แต่ฉันไม่เคยไปสักทีฉันอยากลองไป ไปกันนะ" "ได้ดิ ตามใจเธอเลย" "ว่าจะพาเพื่อนไปหาผัวสักหน่อย" "ก่อนจะหาให้ฉัน หาให้ตัวเองก่อนไหม ชิ" ใยไหมเองก็ใช่ว่ามีแฟน โสดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ "ไหนเราสองคนสัญญากันแล้วไงว่าจะไม่เอาผัว เราจะแก่ไปด้วยกัน" "ขอถอนคำพูดทันไหม" ฝันดีทำหน้าปลง จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทำงาน จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน "ฝันดีทางนี้" ใยไหมที่เสร็จก่อนลงมารอเพื่อนที่ด้านล่าง ทว่ารอได้ไม่นานอีกคนก็ตามลงมา "ไปรถอะไรอะ" "มันไม่ไกลแก นั่งรถจากนี้ไปประมาณสิบห้านาทีอะ เดี๋ยวเรานั่งแท็กซี่ไปก็ได้เนอะ" "ได้ ๆ” "เออว่าแต่ ช่วงนี้คุณแผ่นดินยังเข้าไปทักทายแกป่ะ เมื่อเช้าฉันเห็นเขามาอยู่หนิ เขาได้แวะไปอยู่ใช่ไหม" "มา แอบเกร็ง ๆ เหมือนกันนะ กลัวคนจะเข้าใจผิดแต่จะให้ทำไงได้ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงเหมือนกัน ทำได้มากสุดก็แค่ยิ้มทักทายตามมารยาท" "ไม่เป็นไรหรอกน่า เขาอาจจะชอบแกก็ได้แกจะไปสนใจคนอื่นทำไม เขาไม่ได้มาหาให้เราแดกสักหน่อย เราเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรอีกอย่างคุณแผ่นดินก็โสดไม่มีใคร ไม่แปลกป่ะคนโสดกับโสดมาเจอกัน ถ้าเขาจะรักมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาถ้าแกมัวแต่แคร์คนอื่นชาตินี้แกก็ไม่ได้ผัวหรอกนะ หัดเลิกแคร์คนทั้งโลกแล้วมาแคร์ตัวเองบ้างเถอะยัยซื่อบื้อ" "กลายเป็นคนขี้บ่นแล้วเหรอเรา" "แต่ก่อนไม่เป็นหรอก มาเป็นก็ตอนที่คบกับแกนี่แหละ" ยังมีนิสัยบางอย่างที่ทั้งสองไม่ค่อยเหมือนกันนั่นก็คือ..ใยไหมจะเป็นคนตรง ๆ แรง ๆ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น เธอเป็นคนที่ปากไวแต่เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองผิดก็จะขอโทษ ณ ตรงนั้นเลยจะไม่ปล่อยให้ค้างคา แต่กลับฝันดี เธอจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมามีเหตุผลก็จริง แต่บางอย่างเธอก็ไม่กล้าพูดมันออกไป เธอเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกรงใจคนแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้โกรธหรือเกลียดใครแล้วเธอจะไม่ยุ่งด้วยทันที "นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วใช่ป่ะที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกัน" "ใช่ ช่วงนี้ทั้งฉันและแกงานเยอะพอกัน อยากไปเที่ยวทะเลอะ" “จริงแก” "ไว้แกออกรถแล้วเราไปกัน" ใยไหมพูด เพราะเห็นว่าฝันดีมีโปรแกรมจะออกรถยนต์ไว้ขับเพื่อความสะดวกแก่การเดินทางเวลาจะพาแม่ไปเที่ยว อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปนั่งรถโดยสาร มีรถเป็นของตัวเองมันก็สะดวกอีกอย่าง เธอเองก็ขับรถเป็นใบขับขี่ก็มีเพียงแต่ยังไม่มีรถเท่านั้น ฝันดีไปดูรุ่นที่จะเอาไว้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาที่จะไปทำเรื่อง เธอไม่ได้ซื้อเงินสดหรอกผ่อนปกตินี่แหละอีกด้านทันทีที่ขึ้นมาบนห้อง ไมเนอร์รีบพาตัวเองไปยืนตรงระเบียงพร้อมกับแง้มม่านมองลงไปยังโต๊ะที่หญิงสาวนั่งอยู่ นั่นก็คือคนที่เข้ามาทักเขาก่อนหน้านี้ ทำไมเขาจะจำเธอไม่ได้ จำได้แม่นเลยแหละไมเนอร์ ชายหนุ่มอายุ 39 ปีเจ้าของความสูง 190 เซนติเมตร เขาเป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ และยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทางด้านสถานะหัวใจตอนนี้ปิดสนิท ไม่เปิดรับให้ใครเข้ามา สำหรับผู้หญิงแล้วเขาให้ได้แค่ในฐานะคู่นอนเท่านั้น แล้วจะไม่มีกินรอบสองเด็ดขาด ส่วนเรื่องครอบครัวเขาขอไม่เปิดเผยก็แล้วกันเพราะไม่อยากพูดถึง รู้แค่ว่าครอบครัวของเขาตอนนี้มีแค่น้องชายก็พอแล้ว"นายครับ" อคิน ลูกน้องคนสนิทของไมเนอร์เข้ามาหาผู้เป็นนายหลังจากได้รับข้อความ"ไปเรียกเดซี่มาหากู" เขาสั่งโดยที่สายตายังจับจ้องไปยังหญิงสาว ทั้งสองที่นั่งอยู่โต๊ะโซนล่าง"ครับ"อคินออกไปแล้วทว่าไมเนอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ในจังหวะนั้นเอง.. ฝันดีดันเงยหน้าขึ้นมาทำให้เขารีบเอาตัวหลบอย่างไว ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ที่เขาสั่งให้ลูกน้องไปเรียกเดซี่มาก็เพราะว่าเขามีบางอย่างที่อยากจะคุยกับอีกคน..“ค่ะคุณไ
ฝันดีเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องเงินนิดหนึ่ง กว่าเธอจะตัดสินใจซื้ออะไรได้แต่ละอย่างก็โดนใยไหมขยั้นขยออยู่หลายครั้ง เมื่อมานั่งคำนวณรายจ่ายในแต่ละเดือน หักค่ารถค่าบ้านค่าอะไรไปหมดแล้วเธอยังเหลือใช้เหลือกิน นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะออกมันในที่สุดเมื่อทั้งสองมายืนรอรถอยู่หน้าบริษัทได้ครู่หนึ่งรถแท็กซี่ก็ขับมาจอดอยู่ตรงหน้า พวกเธอพากันขึ้นไปนั่งก่อนจะบอกสถานที่แก่โชเฟอร์"ดีนะฉันมีชุดมาเปลี่ยน" ใยไหมพูดขึ้น"ปกติเธอก็เป็นคนแต่งตัวแซ่บอยู่แล้วป่ะ" ไม่จำเป็นต้องหาชุดมาเปลี่ยนเพื่อนเธอก็สวยได้"แซ่บแล้วยังไง ชุดทำงานกับชุดเที่ยวจะใส่รวมกันไม่ได้นะจ๊ะสาวน้อย""เวลาทำงานนี้จะเป็นจะตายกันนะ ถึงเวลาเที่ยวนี่ดี๊ด๊ากันจังเลย""แน่นอน""ฟ้าก็ช่างส่งเราสองคนมาเจอกัน""คนสวยกับคนสวยมันก็ต้องคู่กันอยู่แล้ว"ไม่นานสองสาวก็มาถึงร้าน ฝันดีทำการจ่ายค่าโดยสารไปก่อนจะลงจากรถตามเพื่อนสาวไป ทั้งคู่ยืนนิ่งมองเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าร้าน ทำใบหน้าสวยหันมองหน้ากันทันทีก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วจูงมือกันเดินเข้าไปยังด้านใน"บัตรค่ะ" ใยไหมยื่นบัตรตัวเองแล้วก็ของฝันดีให้กับชายชุดดำนำไปตรวจดู เมื่อตรวจเ
“แม่”“ว่าไง”“วันนี้หนูทำโอทีอาจกลับดึกนะ” “ให้ไปรอรับไหม” เพราะมีกันแค่สองคน พวกเขาจึงดูสนิทมาก ฝันดีและแม่ของเธอจะเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า มีปัญหาหรือไม่สบายใจเธอมักจะมาปรึกษาแม่ตัวเองตลอด ทุกเรื่องเธอจะเล่าให้แม่ฟังหมด ผู้เป็นแม่เองก็ให้คำปรึกษาลูกสาวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน“ไม่ต้องเลยนะ พักผ่อนไปเถอะฝันกลับเองได้”“ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”“เค ฝันไปทำงานก่อนนะ”“อืม”บริษัทไอที“สวัสดีจ้าน้องฝัน”“มอนิ่งค่ะพี่น้อยหน่า” หญิงสาวส่งยิ้มทักทายรุ่นพี่ที่ทำงาน วันนี้ฝันดีรีบมาแต่เช้าเพื่อเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จ จะได้ไม่กลับดึกมาก“ทำไมมาเช้าจังวันนี้”“รีบมาเคลียร์งานให้จบค่ะ”“ฮ่า ๆ เรานี่หน่า” เพื่อนที่ทำงานมักเรียกเธอว่าฝันเพียงสั้น ๆ หลังจากทักทายพี่น้อยหน่าหัวหน้าแผนกบัญชีเสร็จเธอก็ขึ้นไปยังชั้นทำงานของตัวเอง ทันทีที่ตูดถึงเก้าอี้ฝันดีก็เริ่มลงมือทำงานในส่วนของตัวเองทันที แต่ในขณะนั้นเอง..“ไงแสบ” เสียงทุ้มของใครบางคนทำใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมอง“อ้าวคุณแผ่นดิน” ฝันดีระบายยิ้มให้ใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะมาหยุดนิ่งข้างโต๊ะทำงานของเธอ“มาเช้านะ” เขามองไปรอบ ๆ ก็
“นายครับ”“มีใครมาก่อกวนไหม”“ไม่ครับ”“แล้วเดซี่ไปไหน เธอควรอยู่ดูแลโซนนี้ไม่ใช่เหรอ” ดวงตาคมกริบกวาดมองหาหญิงสาวที่ควรจะอยู่ประจำที่ตัวเอง ทว่ากลับไม่พบแม้เงาของเธอ“วันนี้คุณเดซี่ลาครับ”“แล้วใครมาแทน”“เด็กใหม่ครับ เห็นคุณเดซี่บอกว่าเป็นรุ่นน้อง”“แล้วเธออยู่ไหน”“ห้องวีไอพีสามครับ”“อืม” เขาพยักหน้าให้ลูกน้องก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องทำงานตัวเองที่อยู่ชั้นสี่ ชั้นบนสุด ระหว่างที่เดินสายตาก็คอยสอดส่องดูลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกันล้นหลาม ทว่าอยู่ ๆ ต้องหยุดชะลอเท้าที่กำลังก้าวเมื่อกำลังจะผ่านห้องวีไอพีสามไปแอดด“อยู่นิ่ง ๆ สิวะอีนี่”พรึ่บ!“ปล่อยฉันนะ!” ไม่รู้อะไรทำให้เขาเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่สิ่งที่ทำเขาชะงักไปนั่นก็คือภาพที่ผู้ชายสามคนกำลังช่วยกันกดขี่ข่มเหงผู้หญิงคนหนึ่ง ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาเธอคนนั้นก็พุ่งตัวมาหลบหลังเขาทันที“พวกมึงทำอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเยือกเย็นแววตานิ่งน่ากลัว“พะ พวกผมไม่ได้ทำอะไรครับ” เพราะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นน่ากลัวแค่ไหน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าที่จะต่อกลอนด้วย“แล้วที่กูเห็นนี่คืออะไร” ถ้าปฏิเสธถือว่าหน้าตัวเมียมาก ภาพมันฟ้องขนาดนี้แล้วว่าพวกมันกำ