พวกเขาคงมีความรู้สึกบางอย่างต่อกันมาพอควรแล้ว ทั้งยังคงสานสัมพันธ์กันลับหลังนางมาแล้วระยะหนึ่ง
มิเช่นนั้นพวกเขาจะแต่งงานกันภายในวันเดียวหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกหานางได้อย่างไร
เมื่อคิดได้กระจ่างแจ้งเช่นนั้น เฮ่อเหลียนจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตนเอง แล้วเงยหน้ามองชายผู้เป็นสามีอย่างเต็มตา เห็นเขาก้มหน้ามองนางอย่างละอายแก่ใจอยู่บ้าง
แต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำลงไปแล้ว...
หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปอย่างยากลำบาก “ท่านกับนางมิใช่ว่าเคยเจอกันครั้งแรกใช่หรือไม่? อาชาง”
น้ำเสียงเย็นเยียบทำผู้ถูกถามต้องหลบตา ซึ่งนั่นคือคำตอบโดยไม่ต้องเอ่ย ผ่านไปนานทีเดียวกว่าเส้นเสียงแหบพร่าจะตอบกลับมา
“ข้าเฟ้นหาสตรีที่พอจะมีทายาทให้ข้าได้ และคนที่บ้านของฟางเอ๋อร์ก็มีลูกง่ายกันทุกคน”
“อ้อ...” เฮ่อเหลียนตอบรับเสียงแหบแห้งสะเทือนอารมณ์
ในน้ำเสียงนั้นนางเย้ยหยันเขาและตนเองไปพร้อมกัน “เช่นนั้นหรือ?”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ แต่ทว่าดวงตาของนางกลับสะท้อนความขมขื่นเต็มไปหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย็นชา
นางไม่อาจไม่เข้าใจ…
หญิงสาวไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือสามีอีกต่อไป ว่าเขายังคงรักและเมตตาปรานีนางมากกว่าผู้อื่น
ใดๆ ล้วนมีเหตุผล การนอกใจก็เช่นกัน
เขาถึงขนาดลอบเฟ้นหาลับหลังนาง
ไม่ปรึกษานางสักคำ
นานเท่าไหร่แล้วกระนั้นหรือ?
ไม่เลย...นางไม่จำเป็นต้องรู้
ในเมื่อหลี่ชางมีสตรีที่ดีพร้อมยิ่งกว่านางแล้วในวันนี้ สตรีที่สามารถทำตามความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดี
ทั้งเรื่องทายาท ทั้งเรื่องตอบสนองความใคร่ ทั้งเรื่องลีลาถึงใจบนเตียงนอน ล้วนประจักษ์แจ้งแก่ใจนาง จากการฟังเสียงครางทั้งคืน
หลี่ชางร่วมรักกับฟางเอ๋อร์นับครั้งไม่ถ้วนในคืนเดียว
คนสดใหม่ขาวอวบคับแน่น ย่อมตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าคนเก่าที่เขาบอกรักและให้คำมั่นสัญญา
เฮ่อเหลียนล้วนเข้าใจ...
ภายในเรือนหลังน้อยของอนุภรรยานามฟางเอ๋อร์
เฮ่อเหลียนยังไม่ทันมีเรี่ยวแรงก้าวขาออกจากห้องนี้เพื่อกลับไปทำใจในเรือนตน เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมา
“พี่ชาง ฟางเอ๋อร์อับอายเหลือเกินเจ้าค่ะ ฟางเอ๋อร์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฟางเอ๋อร์จะกลับบ้าน”
กล่าวจบก็ปิดหน้าสะอื้นไห้ปานจะขาดใจอย่างน่าสงสาร ท่าทางของนางน่าทะนุถนอมมากกว่าผู้ใด
เสียงนั้นทำเอาหลี่ชางต้องขมวดคิ้วมุ่น เขายังคงยืนก้มหน้ามองเฮ่อเหลียนนิ่งงัน ในแววตาเผยคำตำหนิเจือจาง
ถึงแม้จะบางเบาแทบมองไม่เห็น หากแต่เฮ่อเหลียนกลับสัมผัสได้ด้วยหัวใจที่แหว่งเว้า
หญิงสาวจึงหลับตาลงช้าๆ รู้สึกเพียงความเจ็บปวดไปทั่วทั้งใจ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาใหม่ แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเฉยชาสายตาเยียบเย็น “ท่านควรดูแลนางให้ดี อยู่กับนางที่นี่ เพื่อทายาทของท่าน”
ถึงแม้ว่าในแววตาของหลี่ชางมีความรู้สึกสำนึกผิดอยู่ลึกๆ จนเฮ่อเหลียนสัมผัสได้ แต่กระนั้นเขากลับไร้ซึ่งคำพูดโต้แย้ง
เขาคงยินดีที่นางจะคิดการณ์อันใดไปเองทั้งหมดกระมัง หรือไม่เช่นนั้น คงคิดว่านางเป็นสตรีที่ดี ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีและใจกว้างมากพอ
หรือคิดอีกที พวกบุรุษก็มักจะเป็นเช่นนี้
พวกเขาเป็นมนุษย์มากรักตั้งแต่บรรพกาล!
เฮ่อเหลียนพาร่างบอบบางที่ห่อหุ้มหัวใจบอบช้ำออกจากเรือนแห่งนั้น โดยมีซือจิงคอยจับประคองมิให้นางล้มลงไปอย่างน่าอับอาย
เมื่อกลับมาถึงเรือนก็นอนหลับตาหวังเพียงตื่นมาแล้วลืมทุกสิ่งไป แต่ยังมิทันได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยใจ ก็มีคนของฮูหยินผู้เฒ่าเรียกให้ไปพบ
เฮ่อเหลียนแค่นเสียงหยันในลำคอ เรื่องที่นางบุกห้องหอเมื่อเช้านี้คงรู้ไปถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
หญิงสาวเลือกที่จะออกไปพบแม่สามีอย่างกล้าหาญ ไม่มีความหวาดหวั่นต่อความผิดของตนแต่อย่างใด
ซือจิงยังคงช่วยจับประคองเฮ่อเหลียนให้เดินไปตามทางอย่างใจเย็น สองมือของนางช่วยนวดคลึงเบาๆ ที่ท่อนแขนอย่างให้กำลังใจนายสาวตลอดเวลา
ไม่นานเกินรอ เฮ่อเหลียนก็ปรากฏกายต่อหน้าผู้เฒ่าทั้งสองภายในห้องโถงของเรือนกลาง
ในห้องนี้ไร้เงาสามีของนางยืนอยู่ เขาคงอยู่ปลอบใจภรรยาคนใหม่ของเขาอยู่ในเรือนนั้น
หากนางมองไม่ผิด ยามที่กำลังเดินมาเรือนกลาง หางตาของนางคล้ายกับมองไปทางเรือนหลังน้อยแห่งนั้น แล้วเห็นเงาร่างสองสายยืนซ้อนหลังกัน
ฝ่ายหญิงกำลังก้มหน้าร่ำไห้โดยมีฝ่ายชายโอบกอดจากทางด้านหลังเพื่อปลอบประโลมกันอย่างอบอุ่น
อีกคราที่เฮ่อเหลียนต้องยิ้มขื่นอยู่ในใจอย่างรวดร้าว
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา นางนั่งมองชายหนุ่มข้างกายอยู่นิ่งๆ เห็นเขาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ เป็นรอยยิ้มละมุนตาที่นางโหยหาทุกค่ำคืนเฮ่อเหลียนหลับตาลงอย่างช้าๆ นึกปวดแปลบอยู่ในใจหลี่ชางบอกว่าฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว จึงได้มารับนางกลับไป เขาหมายความว่าอย่างไร?หลี่ชางคล้ายเข้าใจคำถามนั้นของเฮ่อเหลียน ถึงแม้ว่านางมิได้เอ่ย แต่คำตอบกลับออกมาจากปากเขาช้าๆ เพื่ออธิบาย“การที่ฟางเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วหนึ่งเดือนหลังจากที่เข้าหอกับข้าเพียงสองเดือน นั่นก็แสดงว่าร่างกายของข้าปกติดี”ประโยคนี้ทำผู้ฟังได้แต่อึ้งงัน หมายความว่าเป็นนางที่ร่างกายบกพร่องเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่?“เจ้าอย่าด่วนคิดมากไป” อีกครั้งที่หลี่ชางเอ่ยอย่างเข้าใจเฮ่อเหลียน “ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่า เมื่อมีสตรีมารับหน้าที่ตั้งครรภ์แทนเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาทอีก จากนี้เราอยู่กันแบบสามคนสามีภรรยาด้วยดีเถิด ข้ายังคงรักเจ้าเช่นเดิม”อ้อ...กระนั้นหรือ?หญิงสาวตอบคำเขาอยู่ในใจ หาได้เอ่ยออกมาไม่ นางมิรู้ว่าควรคุยกับเขาอย่างไรดีความรู้สึกเจ็บลึกยังคงมีไม่สร่างซาคำว่าสามคนสามีภรรยาล้วนเสียดแทงใจแต่ทว่านางกำลังรู้สึกบางอย่างที่เขา
เฮ่อเหลียนพาซือจิงที่ร่างกายบอบช้ำจากการถูกโบยมารักษาตัวที่บ้านเดิมของตน สินเจ้าสาวก็มิได้นำมาคนบ้านเฮ่อต่างมองนางด้วยสายตาไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางถึงเป็นสตรีจิตใจคับแคบ แค่สามีรับอนุเข้าบ้านเพียงหนึ่งคนต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และคำต่อว่าอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่คนในบ้านล้วนอับอายเพราะนางเป็นสตรีที่หย่าสามีกลับมาเช่นนี้ คนทั้งบ้านเฮ่อ ทั้งบิดาและมารดาเลี้ยงทั้งหลาย ล้วนกล้ำกลืนฝืนทนกับการกลับมาเยือนอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ของเฮ่อเหลียนทุกคนของสกุลเฮ่อ ต้องถูกชาวบ้านเหยียดศักดิ์ศรีอย่างไม่เหลือดีเพราะสตรีหย่าสามีเป็นเรื่องน่าอับอายเฮ่อเหลียนมิใช่ไม่รู้สึก นางเป็นคนธรรมดาย่อมอับอายยิ่งกว่าพวกเขาอย่างที่สุดคำว่าใจร้อน ใจแคบ ล้วนดังเข้าหูให้นางได้ยินทุกวัน และนางก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางไม่คิดปฏิเสธแต่จะให้นางทำอย่างไร นางในยามนี้เจ็บปวดเหลือเกินไยไม่มีใครเข้าใจ...สามเดือนหลังจากนั้น นับได้ว่านานเกินพอที่ซือจิงจะหายดี หากแต่สภาพจิตใจของเฮ่อเหลียนกลับไร้ทางเยียวยาซือจิงเห็นนายสาวยังไม่หายเศร้าโศกจึงเอ่ยปากชวนกันไปเที่ยวนอกบ้าน สถานที่ปลายทางคือชานเมืองที่มีป่าผืนน้อยร้างผู้คน ข่าวว่า
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป? เหลียนเอ๋อร์!”เส้นเสียงทุ้มต่ำของนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามอย่างตำหนิมาทางเฮ่อเหลียนตามด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าไยทำตัวไม่มีเหตุผลเช่นนี้ สตรีเราเมื่อไม่สามารถมีทายาทให้สามี หากไม่ถูกขับออกก็ต้องยินดีที่จะมีสตรีอื่นมาแบ่งเบา ไฉนเจ้าไม่เข้าใจ เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าไม่เคยเกิดที่บ้านใด เจ้าจะเห็นแก่ตัวมิได้”ฮูหยินเอกหมาดๆ แห่งคฤหาสน์หลี่ทำได้เพียงเงียบงัน ไม่ต่อวาจาใดนายท่านผู้เฒ่าจึงเอ่ยอีกครา “เจ้ารู้หรือไม่? ว่าฟางเอ๋อร์ หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ข้าต้องลำบากออกปากเนิ่นนานกว่าที่บิดามารดาของนางจักยินยอมให้แต่งเป็นเพียงอนุของอาชาง”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสริมอีกครั้งอย่างรู้สึกผิดต่อสตรีผู้นั้นเป็นอย่างมาก “ใช่แล้วเหลียนเอ๋อร์ เมื่อเช้านี้เจ้าทำฟางเอ๋อร์ตกใจจนร่ำไห้ไม่หยุด ปากก็ร่ำๆ ว่าจะกลับบ้านไป ไม่สืบทายาทแล้ว”เฮ่อเหลียนยืนนิ่งอึ้งฟังประโยคเหล่านั้นด้วยหัวใจแข็งกระด้างเย็นเยียบสตรีนางนั้นเป็นคุณหนูสูงส่ง ยอมลดตัวแต่งเป็นแค่อนุต่ำต้อยให้หลี่ชาง สามารถมีทายาทให้บ้านหลี่ได้ชื่นใจ ทุกคนดูเกรงอกเกรงใจต่อนางเหลือเกินเมื่อเห็นภรรยาของบ
พวกเขาคงมีความรู้สึกบางอย่างต่อกันมาพอควรแล้ว ทั้งยังคงสานสัมพันธ์กันลับหลังนางมาแล้วระยะหนึ่งมิเช่นนั้นพวกเขาจะแต่งงานกันภายในวันเดียวหลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกหานางได้อย่างไรเมื่อคิดได้กระจ่างแจ้งเช่นนั้น เฮ่อเหลียนจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตนเอง แล้วเงยหน้ามองชายผู้เป็นสามีอย่างเต็มตา เห็นเขาก้มหน้ามองนางอย่างละอายแก่ใจอยู่บ้างแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำลงไปแล้ว...หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปอย่างยากลำบาก “ท่านกับนางมิใช่ว่าเคยเจอกันครั้งแรกใช่หรือไม่? อาชาง”น้ำเสียงเย็นเยียบทำผู้ถูกถามต้องหลบตา ซึ่งนั่นคือคำตอบโดยไม่ต้องเอ่ย ผ่านไปนานทีเดียวกว่าเส้นเสียงแหบพร่าจะตอบกลับมา“ข้าเฟ้นหาสตรีที่พอจะมีทายาทให้ข้าได้ และคนที่บ้านของฟางเอ๋อร์ก็มีลูกง่ายกันทุกคน”“อ้อ...” เฮ่อเหลียนตอบรับเสียงแหบแห้งสะเทือนอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นนางเย้ยหยันเขาและตนเองไปพร้อมกัน “เช่นนั้นหรือ?”หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ แต่ทว่าดวงตาของนางกลับสะท้อนความขมขื่นเต็มไปหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเย็นชานางไม่อาจไม่เข้าใจ…หญิงสาวไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคิดเข้าข้างตัวเองหรือสามีอีกต่อไป ว่าเขายังค
“ข้าหลี่ชาง ขอสัญญาว่าจะรักเพียงเฮ่อเหลียนและจะมีเพียงเหลียนเอ๋อร์คนเดียวตลอดไป...”ประโยคนี้ที่หวานล้ำลึกซึ้งเมื่อกาลก่อน เหตุใดวันนี้ถึงคล้ายใบมีดคมร้อนฉ่าที่กรีดเฉือนใจนางจนขาดวิ่นไม่เหลือดีเฮ่อเหลียนไม่เข้าใจว่าความทรมานรวดร้าวในโพรงอกยามนี้จักพรรณนาเป็นคำพูดว่าอย่างไรเฮ่อเหลียนไม่เข้าใจว่าจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร เมื่อหัวใจของนางถูกฉีกทึ้งจนเป็นแผลกว้างยากจะประสานได้ถึงเพียงนี้เสียงเตียงโยกโยนเกิดขึ้นอีกครั้งในเช้านี้ เสมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา หากแต่หญิงสาวมิได้เพียงแค่ยินเสียงแต่ภาพของสามีนางกำลังขึ้นคร่อมอยู่บนร่างของสตรีนางนั้น พร้อมจังหวะกลางลำตัวไม่มีสะดุดลงสักครา ผสานกับเสียงครวญครางอย่างสุขสมขาดเป็นห้วงๆ เช่นนี้ ทำเอาสติอันน้อยนิดกับความยั้งคิดเส้นสุดท้ายของเฮ่อเหลียนขาดสะบั้นลงโดยพลัน “อาชาง...”หญิงสาวเจ็บปวดเสียจนน้ำเสียงสั่นเครือยามเอ่ยปากเรียกขานนามของสามีแต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของหญิงสาวจะน้อยจนเกินไป เสียงเรียกของนางจึงไม่อาจดังไปกว่าเสียงหอบครางที่กำลังเกิดขึ้นบนเตียงนอนร่างระหงในชุดคลุมสีขาวเตรียมนอนแต่ไม่ยอมนอน จึงเยื้องกรายเข้าใกล้พวกเขาอีกเล็กน้อยอย
แต่กระนั้นการเดินจากไปนางก็ไม่อาจทำได้เช่นกันในก้นบึ้งของหัวใจยังคงเอ่ยย้ำซ้ำๆ ว่าหลี่ชางยังคงไม่ได้สติจากฤทธิ์ของเหล้า เช้าแล้วเขาคงสร่างเมา เมื่อเขาหายเมาแล้วคงรีบลุกขึ้นมาแล้วออกไปหานางและนางก็กำลังยืนอยู่ตรงนี้ รอเขาลุกมาหานางคำขอโทษจากปากเขา นางพร้อมรับฟัง เหตุผลร้อยแปดสารพัดว่าจำเป็นอย่างมากกับการนอกใจ นางยินดีแบกรับเอาไว้แม้จะเจ็บปวดเจียนคลั่งชั่วจังหวะที่เฮ่อเหลียนกำลังปรับอารมณ์ให้กลายเป็นสตรีมีเหตุผลอย่างที่สมควรกระทำ ซึ่งมองดูแล้วก็ไร้เหตุผลสิ้นดีที่คิดจะทำตามสติอันน้อยนิดเมื่อมีความรักบังตาอยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล บนเตียงนอนพลันมีเสียงขยับตัวของฝ่ายหญิง เฮ่อเหลียนจึงหยุดทุกความคิดแล้วจ้องนิ่งที่ปฏิกิริยาของฝ่ายชายนางกลั้นหายใจจนเจ็บโพรงอก เมื่อเห็นหลี่ชางเริ่มสลึม สลือปรือตาตื่นขึ้นมา มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะบ่นพึมพำด้วยเสียงทุ้มพร่าว่า “เจ้าจะไปไหน?” ฝ่ามือของเขาล้วงเข้าไปในผ้าห่มแล้วไล้ไปมาเบาๆ บนเนินเนื้อนางในอ้อมแขนฝ่ายสตรีช้อนตามองเขาอย่างเอียงอาย ใบหน้าแดงก่ำ เรียวปากแดงช้ำเพราะถูกกดจูบทั้งคืนเอ่ยเสียงแผ่วหวาน “ท่านพี่ ฟางเอ๋อร์จะลุกไปเตรียมน้ำให้