“ค่ะ” ลักษณ์นันท์รับคำเสียงแผ่วเบาแล้วหันหลังจะเดินเข้าห้อง แต่แล้วจู่ๆ พชรก็เข้ามาคว้าตัวเธอไปสวมกอด
“ฉันจะไม่ยอมให้คุณแม่ทำอะไรเธออีก” เขากระซิบที่ข้างหูกระชับตัวเธอเข้าหาแน่นขึ้นอีก
“ลักษณ์ไม่เป็นไรค่ะ” เธอไม่อยากให้เขาเป็นกังวลจึงรีบบอก
“เธอรู้ใช่ไหมว่าเรื่องวันก่อนเป็นฝีมือคุณแม่ แล้วทำไมไม่บอกฉัน” ชายหนุ่มค่อยๆ จับคนในอ้อมกอดให้หันหน้ามาหา
“ลักษณ์ไม่อยากให้คุณเพชรมีปัญหา แล้วอีกอย่าง...
“อีกอย่างอะไร” เขาเชยคางสวยได้รูปขึ้นสบตาคู่ที่หลบลงไม่มองหน้า
“อย่าบอกนะว่าคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง ถ้าทำแบบนั้นไม่มีทางชนะคุณแม่ได้ แล้วในที่สุดเธอก็จะต้องไปจากฉัน”
พชรพูดไม่ผิดหรอก เพราะจนบัดนี้ลักษณ์นันท์ยังหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ทางเดียวที่คิดได้แต่ไม่กล้าทำก็คือ การเดินออกจากชีวิตของชายคนนี้ตามความต้องการของคุณหญิงมุกดา
ทว่า ความกลัวและความอาลัยในความผูกพันที่มีมานาน เป็นเหมือนโซ่ตรวนให้เธอไปไหนไม่ได้ แค่คิดว่าจะไปก็เจ็บปวดหัวใจเหลือเกินแล้ว
“หรือว่าเธออยากไปจากฉันจริงๆ” พชรกระซิบถาม ปลายนิ้วไล้เบาๆ ที่ข้างแก้มอย่างถนอม
“ลักษณ์ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าอีกครั้ง
“ถ้าไม่คิดแบบนั้นก็ทำตามที่ฉันบอก เข้าใจไหม ฉันไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปอีก” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“แล้วคุณหญิงล่ะคะ” หญิงสาวรู้ว่าคุณหญิงมุกดาไม่มีวันยอมจบเรื่องนี้แน่
“ลักษณ์ไม่อยากให้คุณมีปัญหากับท่าน”
“ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นฉันจัดการเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ไปอาบน้ำนอนเถอะ”
“แล้วคุณจะอาบน้ำเลยไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขอนั่งพักสักแป๊ป ลักษณ์ไม่ต้องห่วงไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป” พชรส่งยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยแล้วเดินเลี่ยงไปหามุมสงบ เพื่อคิดหาทางว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรต่อดี
เขารู้ดีว่ามารดาไม่รามือง่ายๆ แน่ และหากเป็นเช่นนี้ลักษณ์นันท์ก็คงตกอยู่ในอันตราย พชรรู้ดีว่าตนไม่สามารถดูแลหญิงสาวได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบอันแสนมากมาย
ที่สำคัญ …
ไม่มีใครรู้เรื่องเขากับลักษณ์นันท์เลยนอกจาก...
“แกนอนหรือยัง รวิช” พชรส่งเสียงทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ฉันมีเรื่องขอให้แกช่วยหน่อย”
ช่วงนี้รวิชมาที่คอนโดบ่อยเรียกว่าแทบจะเป็นแขกประจำเลยก็ว่าได้ พชรขอให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนลักษณ์นันท์ยามที่ตนออกไปทำงาน นอกจากนั้นยังจัดการให้หญิงสาวลาออกจากบริษัทเพื่อที่จะปิดช่องทางการเข้าหาของคุณหญิงมุกดา
แม้ว่าทีแรกลักษณ์นันท์ไม่เห็นด้วย แต่พชรยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ พร้อมทั้งหาทางออกด้วยการให้สัญญาว่าจะหางานอย่างอื่นให้ทำ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เธอเป็นลูกจ้างใครอีก จึงให้โจทย์ไปคิดว่าอยากจะทำธุรกิจอะไรเป็นของตนเอง โดยชายหนุ่มจะเป็นผู้ออกเงินลงทุนให้ก่อน
ลักษณ์นันท์จำใจต้องรับข้อเสนอนี้ โดยมีรวิชเป็นผู้ช่วยในการหาข้อมูลและบางครั้งก็พาหญิงสาวออกไปดูทำเล หรือทำธุระอย่างอื่นตามที่เจ้าตัวต้องการ
“ลักษณ์เลยทำให้พี่รวิชลำบากไม่ต้องทำงานทำการเลย” ลักษณ์นันท์เอ่ยด้วยความเกรงใจระหว่างที่นั่งกินอาหารกลางวันที่ฟู๊ดคอร์ตของห้างสรรพสินค้า
“อย่าคิดมาก ตอนนี้พี่ว่างมากตั้งแต่โรคระบาดมา อีกอย่างพี่ก็เต็มใจช่วย” รวิชเอ่ยจากใจ
ทันทีที่เพื่อนรักโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ เขาไม่ลังเลที่จะช่วยพชรทันที แม้รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาต้องการอะไร แต่รวิชมีความรักเพื่อนและเอ็นดูลักษณ์นันท์เป็นทุนเดิม อีกทั้งไม่อยากเห็นเพื่อนมีกังวลและไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บตัวอีก
“แล้วนี่ตกลงคิดได้หรือยังว่าจะทำอะไร เย็นนี้เจ้าเพชรมันต้องถามอีกแน่”
“ก็โรคระบาดแบบนี้ ลักษณ์ไม่อยากลงทุนอะไรเลยค่ะ มันเสี่ยงเกินไป” ลักษณ์นันท์พูดตามตรง
“ก็คิดๆ ไว้ แล้วถ้ามีโอกาสก็เริ่มต้นทำซะ New Normal ไปเลย ไหนๆ ก็ทำแล้ว”
รวิชเสนอไอเดียดีๆ อีกหลายอย่าง ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น แค่เห็นเบอร์ที่ติดต่อเข้ามาชายหนุ่มก็แทบจะหมดอารมณ์ ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกทันที
“ครับ คุณหญิง”
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้