Home / โรแมนติก / ขังรักน้องสาวในนาม / บทที่ 12 สมบัติของศรัณย์

Share

บทที่ 12 สมบัติของศรัณย์

last update Last Updated: 2025-08-01 23:15:23

การออกมาใช้ชีวิตข้างนอกโดยไม่มีตระกูลพทักษ์ธรานนท์ซัพพอร์ตสำหรับดาริกามันไม่ง่ายเลยจริง ๆ 

เธอต้องอยู่ห้องเช่าเก่า ๆ แคบ ๆ มันน่าอนาถกว่าห้องพักสำหรับคนใช้ที่บ้านพิทักษ์ธรานนท์อีก กลางวันต้องแบกสังขารไปเรียน ส่วนกลางคืนต้องไปทำงานที่บาร์ 

เดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้าจนขาเป็นเกลียวเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะเลิกงานก็ตีสองทุกคืน 

ผ่านไปแค่ห้าวันเธอก็ได้รู้ซึ้งแล้ว แต่สิ่งที่ทรมานสุดคือต้องทนต่อความคิดถึงที่มีต่อผู้ชายใจร้ายทั้งที่เขาร้ายแสนร้ายกับเธอเพียงใดหัวใจไม่รักดีก็ยังเลิกรัก เลิกคิดถึงเขาไม่ได้

ทว่าคนอย่างเธอยอมทรมานเพราะความคิดถึงดีกว่ากลับไปให้เขาเหยียบย่ำหัวใจ และคนอย่างเธอไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อยู่แล้วต่อให้หนักหนากว่านี้ก็จะไม่หวนกลับไปขอความช่วยเหลือจากะิทักษ์ธรานนท์เด็ดขาด

จะทำให้ผู้ชายใจร้ายเห็นว่าไม่มีพิทักษ์ํรานนท์เธอก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง

"สภาพแกไม่ไหวเลยยัยดา" เสียงพูดของมิ้นท์ทำให้ดาริกาที่นั่งสัปหงกอยู่ในห้องเรียนรู้สึกตัว พยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองหน้าเพื่อนสาว

"ใช่..ฉันง่วงมากเลย" เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเนื่อย ๆ ใบหน้าแสดงออกถึงความง่วงงุนและเหนื่อยล้าเสียเต็มประดา 

"ไม่ไหวก็ลองหางานอื่นทำดูไหม" แยมออกความคิดเห็น

"ถ้าเป็นงานพาร์ทไทม์เวลากลางวันเราก็ได้ทำแค่เวลาไม่มีเรียนหรือเลิกเรียน มันไม่กี่ชั่วโมงเองคงได้ไม่กี่บาท ส่วนงานที่บาร์ถึงจะเหนื่อยและอดหลับอดนอนแต่ก็ได้เงินดีเราว่ามันดีกว่า" 

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากหางานอื่นทำ แต่เพราะมันไม่ตอบโจทย์เรื่องการเงิน งานที่บาร์เหนื่อยหน่อยแต่เงินดีเพราะนอกจากจะได้เงินเดือนเดือนละหมื่นสองแล้วยังได้ทิปจากลูกค้าอีก คืนตั้งสี่ห้าร้อย

"ถ้าแกคิดว่าทำไหวก็ทำ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนร่างกาย" แยมเอ่ยดาริกายิ้มรับ จากนั้นก็หันไปตั้งใจฟังอาจารย์สอน

-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-

"ช่วงนี้แป้งรู้สึกว่าอารมณ์ของพี่ศรัณย์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะเล่าให้แป้งฟังได้นะ" 

เสียงถามไถ่ของว่าที่คู่หมั้นทำให้ศรัณย์ที่นั่งหน้าตึง คิ้วขมวดแทบจะชนกันได้สติ เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมระบายยิ้มให้ว่าที่คู่หมั้นสาวบาง ๆ

"พี่แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรหรอก"

"เรื่องงานเหรอคะ"

"ใช่ครับ" เขาตอบไปแบบนั้นทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ที่เขาหงิดหงิดงุ่นง่าน และอารมณ์ไม่ดีตลอดหลายวันมานี้เป็นเพราะเรื่องของผู้หญิงอวดดีค่อยรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลาต่างหากไม่ใช่เรื่องงาน

แม้พยายามสลัดเรื่องของเธอออกจากสมองเท่าไร พยายามทำตัวให้ยุ่งมากแค่ไหนแต่สุดท้ายก็วนกลับมาคิดเรื่องเธออยู่ดี

เขาไม่ได้เป็นห่วงเธอ แค่คิดว่าทำไมเขาต้องปล่อยให้เธอออกไปใช้ชีวิตข้างนอกอย่างสบายใจในขณะที่เขาต้องจมอยู่กับความโกรธความขุ่นข้องหมองใจที่แม่ของเธอเป็นต้นเหตุ

พลันลุกขึ้นยืนจนว่าที่คู่หมั้นสาวตกใจ มองเขาด้วยสายตางุนงง "พี่ศรัณย์เป็นอะไรคะ"

"เปล่าครับ พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่ายังมีงานที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จ" 

"อ๋อคะ"

"พี่ไปบริษัทก่อนนะครับ" 

"ค่ะ"

ศรัณย์โกหกว่าที่คู่หมั้นว่ามีงานที่บริษัท แต่ความจริงจะไปหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีต่างหาก 

เขาขับรถไปยังมหาวิทยาลัย ขับมาจอดข้าง ๆ ตึกที่เธอเรียนอยู่เพื่อดักรอ ถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเธอเรียนตึกไหนเวลาไหนก็เพราะเขามีตารางเรียนของเธอยังไงล่ะ 

เมื่อครั้งยังดีกันเขาเคยขอตารางเรียนของเธอดูอยากรู้ว่าแต่ละวันเธอเข้าและเลิกเรียนเวลาไหนบ้าง หรือวันไหนไม่มีเรียนจะได้รู้ว่าเธอแอบเถลไถลที่ไหนหรือเปล่า

นั่งรอราวหนึ่งชั่วโมงก็เห็นเธอเดินออกมาจากตึกเรียนพร้อมด้วยกลุ่มเพื่อน ๆ สองสามคน ก่อนเธอจะโบกมือลาเหล่าเพื่อน ๆ ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มสดใส 

รอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว...

สองคิ้วเข้มพลันขมวดแทบจะชนกันในเวลาต่อมาเมื่อมีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดลงริมถนนตรงหน้าเธอ ก่อนจะมีผู้ชายเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาหาเธอ 

รูปร่างดีและหน้าตาหล่อใช้ได้ ท่าทางการพูดคุยดูสนิทสนมกันมากทีเดียวเธอพูดไปก็ยิ้มหวานไปเห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด

สองมือหนากำพวงมาลัยรถจนเส้นเลือดบนหลังมือยาวไปขึ้นแขนปูดนูน ครั้นร่างบางเดินไปขึ้นรถที่หนุ่มคนนั้นเปิดรออยู่พร้อมทั้งโน้มตัวผายมือเชื้อเชิญเธอดุจดั่งเจ้าหญิง ซึ่งใครเห็นก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นแฟนกัน

หรือทั้งสองจะเป็นแฟนกันเมื่อความคิดนี้แวบเข้ามาในสมองเขาก็ใช้ลิ้นดุ้นกระพุ้งแก้ม แววตาทอประกายวาวโรจน์ หน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู 

เธอเป็นสมบัติของเขาใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง

เขาแอบขับรถตามทั้งสองไปห่าง ๆ พยายามข่มอารมณ์เอาไว้สุดฤทธิ์ยังไงตอนนี้ต้องรู้ที่อยู่เธอให้ได้ก่อน เรื่องอีกไว้จัดการที่หลังก็ยังไม่สายยังไงเธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่แล้ว

"โธ่เว้ย!" 

แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเอาเสียเลยเพราะเขาดันติดไฟแดงขณะที่รถของทั้งสองผ่านไฟแดงไปอย่างเฉียดฉิว กว่าจะไฟเขียวก็หลายวินาทีทำให้ตามทั้งสองไม่ทัน

เขาโกรธจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่รัวกำปั้นทุบพวงมาลัยรถซ้ำ ๆ อย่างแรงโดยไม่สนว่ามันจะพังหรือไม่

หญิงสาวทำเขาโกรธขนาดนี้หากตามเจอตัวเขาจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่

หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาเพื่อนชายคนสนิท

(ว่าไงไอ้รัณ)

"คืนนี้มึงเข้าบาร์ไหม" 

(เข้า มีอะไร)

"เดี๋ยวกูเข้าไปหาที่บาร์" 

(เออ ๆ)

วางสายจากเพื่อนชายเขาก็เปลี่ยนเส้นทางจากจะกลับบ้านก็ไปบาร์เพื่อนชายแทน ไปดื่มแอลกอฮอล์เย็น ๆ สักหน่อยเผื่อจะดับความคุกรุ่นในใจได้บ้าง

ทางด้านดาริกาเธอไม่รู้เลยสักนิดว่าถูกแอบตามจากผู้ชายใจร้าย แต่ก็สามารถคลาดแคล้วได้เพราะไฟแดงช่วย

"ขอบคุณนะคะพี่โจ" เธอกล่าวขอบคุณรุ่นพี่หนุ่มด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ หลังจากรถมาจอดลงหน้าหอพัก

วันนี้รุ่นพี่หนุ่มขับรถผ่านหน้าตึกคณะแล้วเห็นเธอยืนอยู่พอดีจึงจอดลงมาคุย เธอจึงถือโอกาสนี้เลี้ยงข้าวขอบคุณเขาที่ไปส่งบ้านวันนั้นเลย พอทานข้าวเสร็จเขาก็อาสามาส่งที่หอพักอีก

"ไม่เป็นไรครับ ทางผ่านกลับหอพักพี่พอดี" โจส่งยิ้มหวานให้รุ่นน้องสาวอย่างเอ็นดู 

"อ๋อค่ะ" นี่เป็นความบังเอิญจริง ๆ ที่หอพักเธอกับหอพักรุ่นพี่หนุ่มอยู่แถวเดียวกัน ทว่าแม้จะรู้ว่าเป็นทางผ่านของรุ่นพี่เธอก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี "แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ"

"ครับ"

หลังจากร่ำลารุ่นพี่หนุ่มเสร็จเธอก็เดินเข้าหอพัก จัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินทางไปทำงานที่บาร์เหมือนเช่นทุกวัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทส่งท้าย

    หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 83 เข้าหอ (จบ)

    งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 82 ตลอดไป

    หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 81 แต่งงานกันนะ

    วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 80 ความสุข

    วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ

  • ขังรักน้องสาวในนาม   บทที่ 79 เริ่มต้นใหม่

    ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status