"น้องดา..."
ทันทีที่โผล่หน้าเข้าบาร์เจ๊ลิลลี่ผู้จัดการบาร์ก็พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็ว
"เจ๊ลิลลี่มีอะไรรึเปล่าค่ะ" มองหน้าถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติเจ๊ลิลลี่จะไม่ค่อยมาวุ่นวายกับพนักงานเท่าไร
"วันนี้บัวลาป่วย แต่มีแขกวีไอพีที่บัวดูแลประจำมา เจ๊มอบงานนี้ให้เธอดูแลแทนแล้วกัน"
"เอ่อ..."
ประโยคบอกกล่าวจากเจ๊ลิลลี่ทำเธอหนักใจไม่น้อยเพราะงานของบัวคือเด็กนั่งดริ้งค์ ต้องแต่งตัวเซ็กซี่แถมยังต้องนั่งเอาอกเอาใจลูกค้าแบบใกล้ชิดอีกเธอทำไม่ได้จริง ๆ
"ฉะ.." ทำท่าจะปฎิเสธแต่เจ๊ลิลลี่พูดแทรกเสียก่อน หนำซ้ำยังทำหน้าอ้อนวอน
"ถือว่าช่วยเจ๊หน่อยนะ ถ้าน้องดาไม่ช่วยเจ๊แย่แน่ เจ๊มองไม่เห็นใครแล้วนอกจากเธอ แขกคนนี้ใจป้ำมากนะถ้าเธอดูแลดีอาจจะได้ทิปเป็นกอบเป็นกำเลย"
แม้เจ๊ลิลลี่จะทำหน้าอ้อนวอนเธอก็ไม่คิดใจอ่อน หากแต่คำว่าทิปเป็นกอบเป็นกำมากกว่าที่ดึงดูดความสนใจเธอ "ที่ว่าเป็นกอบเป็นกำนี่เท่าไรคะ"
"เห็นที่บัวเคยได้นะไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น บางครั้งสี่ห้าหมื่นก็มี"
"จริงเหรอคะ" ดวงตากลมถึงกับลุกวาวหากได้ทิปเยอะขนาดนั้นก็ดีสิเธอกำลังต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมพอดีเพราะที่มีอยู่ยังไม่พอเลย ไหนจะค่ากินค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก
"ฉันทำก็ได้ค่ะ" ตัดสินใจตกลงเพราะมันก็ไม่มีอะไรเสียหายหากเธอเซฟตัวเองดี ๆ ทนทำแค่ไม่นานก็ได้เงินก้อนถือว่าคุ้มอยู่
"งั้นตามเจ๊มา..ต้องแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย" เจ๊ลิลลี่ยิ้มพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังห้องแต่งตัวสำหรับพนักงาน
ดาริกาถูกจับแปลงโฉมและเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ จากนั้นเจ๊ลิลลี่ก็พาเธอไปแนะนำกับลูกค้าที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีหกบนชั้นสองซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงานเจ้าของบาร์
ดาริกาไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังนั่งดื่มอยู่ด้านใน
ศรัณย์นั่งกระดกวิสกี้ลงคอราวกับน้ำเปล่าหวังว่ามันจะช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ยิ่งดื่มสมองของเขาก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านว่าตอนนี้หญิงสาวอยู่กับไอ้หน้าส้นตีนนั่นแล้วกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกันหรือไม่
"บัดซบ!!"
เขาสบถคำหยาบออกมาดังลั่นพร้อมวางแก้ววิสกี้ในมือกระแทกโต๊ะอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น น้ำสีอำพันในแก้วกระชอน เกิดรอยร้าวไปทั่วก้นของแก้ว
"ไอ้เหี้ย! มึงเป็นอะไรว่ะ" คนที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนอย่างดนุภพเจ้าของบาร์ถึงกับสะดุ้งตกใจ ร้องถามเพื่อนชายทันควัน
เพราะทันทีที่มาถึงเพื่อนชายก็สั่งเครื่องดื่มมา แล้วนั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายไม่พูดจากับเขาสักคำถามก็ไม่ตอบจนเขาขี้เกียจถามเลยเลือกนั่งดื่มเป็นเพื่อนไปเงียบ ๆ
ศรันย์ตวัดสายตามองหน้าเพื่อนราวกับจะกินหัวกัน ก่อนจะเสมองไปทางอื่นไม่คิดจะตอบคำถามเช่นเดิม
"โอเค..วันนี้มึงคงลืมเอาปากมาสินะ กูไม่ถามแม่งล่ะถ้าอยากบอกก็บอก"
ดนุภพถอนหายใจพลางมองหน้าเพื่อนชายอย่างเหนื่อยใจในเมื่อเพื่อนชายไม่ยอมตอบเขาก็ไม่ถามแม่งล่ะ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองแก้วคริสตัลราคาแพงที่เกิดรอยร้าวจากแรงกระแทกกับโต๊ะเมื่อกี้นี้ แล้วเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงวิงวอน
"แต่มึงอย่ามาทำลายข้าวของในผับกูได้ไหมมม"
ภายนอกศรัณย์ดูเหมือนเป็นคนสุขุมนุ่มลึก อ่อนโยน ใจเย็น แต่ใครจะรู้ว่าเขานั้นแหละคือตัวพ่อของความอารมณ์ร้อน อย่าให้ได้โมโหหรืออารมณ์ขึ้นเชียวอะไรขวางหน้าก็ไม่สน เวลาโกรธแล้วทำอะไรไม่ได้ที่ระบายอารมณ์คือสิ่งของเครื่องใช้
อย่างเช่นที่เขากำลังระบายอารมณ์กับแก้วเหล้าคริสตัลราคาแพงของดนุภพ
"กูมีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย"
ทว่าคำตอบจากเพื่อนทำเอาเขาถึงกับกุมขมับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก็รู้แหละว่ารวยมากแค่แก้วใบละพันสองพันขนหน้าแข้งคงไม่ร่วง แต่มันใช่เรื่องหรือเปล่า
"เอาที่มึงสบายเลย เต็มที่เพื่อน" สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยขี้เกียจจะพูดอะไรแล้ว ถึงพูดไปเพื่อนตัวดีก็ใช่ว่าจะทำตามเสียที่ไหน รู้ ๆ นิสัยกันอยู่ดูตอนนี้สิขนาดเขาพูดยังไม่สนใจนั่งกระดกวิสกี้ไม่พัก
ศรัณย์ตวัดสายตาดุมองหน้าเพื่อนชายเล็กน้อย ก่อนจะวางแก้วลง ล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากาง แต่กลับพบแค่ความว่างเปล่าเหมือนเขาจะลืมมือถือไว้ในรถ
"กูไปเอาโทรศัพท์ที่รถก่อน" จึงบอกกล่าวกับเพื่อนชายแล้วลุกออกจากห้อง ทว่าในตอนที่กำลังก้าวออกจากประตูก็ต้องชะงักกึกครั้นสายตาดันไปกระทบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่โซนวีไอพี
เธอคล้ายกับดาริกามากเพียงแต่การแต่งตัวดูไม่ใช่เธอเลยเพราะชุดโป๊มากดาริกาไม่น่าจะกล้าใส่ขนาดนี้ พยายามเพ่งสายตามองให้ชัด ก่อนความโมโหจะพุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง
"ดาริกา!"
เขาขบกรามจนขึ้นเป็นสัน ใบหน้าเกรี้ยวกราดแดงก่ำลามถึงใบหู แววตาวาวโรจน์ด้วยไฟแห่งความโกรธ
ผู้หญิงที่เห็นคือดาริกาจริง ๆ ทำไมเธอถึงกล้าแต่งตัวโป๊ขนาดนี้ หนำซ้ำยังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายอย่างหน้าระรื่น
ตอนกลางวันก็ไปกับอีกคน พอตกกลางคืนก็อยู่กับอีกคน
"มึงยืนทำอะไรตรงนั้น ไหนว่าไปเอามือถือ" เสียงดนุภพถามไถ่ด้วยความสงสัย ศรัณย์ได้ยินแต่ไม่สนใจเอาแต่ยืนจ้องไปที่หญิงสาวจนดนุภพต้องลุกเดินไปหา
"มึงมองอะไรอยู่" เดินไปยืนด้านหลังแล้วมองตามสายตาเพื่อนชาย ความสงสัยกระจ่างทันที "มองสาวนี่เอง สนใจเหรอ"
"..."
ไร้เสียงตอบรับจากเพื่อนชายเขาจึงเอ่ยต่อ "น้องคนนั้นชื่อดาริกา พนักงานใหม่เพิ่งมาทำงานได้สามวัน"
คนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหันควับกลับมามองหน้าเพื่อนชายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ "กูรู้แล้วว่าน้องเขาชื่อดาริกา แต่มึงจะรับมาทำเหี้ยอะไร"
"อ้าว!" ผู้หวังดีอย่างดนุภพถึงกับหน้าเหวอทั้งที่อยากช่วยแท้ ๆ แต่กลับโดนด่าเสียงั้น ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือเพื่อนชายรู้จักเด็กคนนั้น ซึ่งดูจากสีหน้าท่าทาง และปฏิกิริยาที่แสดงออกมาคืออาการของคนหึงหวงชัด ๆ
"ใครเหรอว่ะ เด็กมึงเหรอ" เอ่ยถามทีเล่นทีจริงเพื่อคลายความสงสัย
"คว..*" แต่คำว่าอสนหยาบคายกลับลอยใส่หน้าเขาเต็ม ๆ ส่วนคนพูดทันทีที่เอ่ยจบก็ลุกพรวดเดินดุ่ม ๆ ไปยังโซฟาที่หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่
รู้ได้ทันทีว่าความฉิบหายมาเยือนแล้ว เดินไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นขนาดนั้นจากนิสัยของเพื่อนชายแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงรีบเดินตามไปดูสถานการณ์ห่าง ๆ
หนึ่งปีต่อมา"แม่กับพ่อรออุ้มหลานคนที่สองอยู่นะเมื่อไรจะมาสักทีฮึ หรือแอบคุมกำเนิดกันลูกถึงยังไม่มา" "แค่ก ๆ"คำถามจากแม่ยายทำเอาศรัณย์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานข้าวเสร็จถึงกับสำลักจนคนเป็นภรรยาอย่างดาริกาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องยื่นมือไปลูบหลังให้ "เป็นอะไรรึเปล่าคะ"เขาส่ายหน้าให้ภรรยาสาวแทนคำตอบเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ลึก ๆ แอบกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอดว่าเขาอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ภรรยาสาวยังไม่ท้องสักทีทั้งที่เขาก็ทำการบ้านแทบจะทุกวันเพื่อนบางคนเริ่มแซวว่าเขาไร้น้ำยาเพราะเคยโอ้อวดเอาไว้ในงานแต่งว่าเพื่อน ๆ รออุ้มหลานได้เลย ทว่าผ่านมาหนึ่งปียังไร้แวว คำแซวเล่นจากเพื่อนกับแรงกดดันจากพ่อตาแม่ยายทำเขากลัดกลุ้มไม่น้อยจนถึงขั้นต้องแอบนัดตรวจร่างกายเงียบ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน และได้ผลตรวจมาแล้วแต่เขายังไม่กล้าเปิด"ไม่ได้คุมอะไรเลยครับ แต่น้องคงยังไม่อยากมาเกิดเลยยังไม่ท้อง" เขาแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพ่อตาแม่ยายไปครั้นหายจากอาการสำลัก"ใช่ค่ะ" ดาริกาเอ่ยสมทบ เธอรู้จักกับคนเป็นสามีมาเนิ่นนานมีหรือจะอ่านใจ และเดาความคิดไม่ออกว่าเขากำล
งานแต่งจบลงในช่วงค่ำแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับจนหมดรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบุตรสาวที่ถูกคุณยายพากลับไปด้วยเพราะรู้ว่าคืนนี้บ่าวสาวต้องเข้าหอกันภายในงานจึงเหลือเพียงเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายที่ยังอยู่ฉลองกันต่อจนเวลาล่วงเลยถึงสามทุ่ม"เข้าหอได้แล้วไอ้รัณย์ เผื่อได้น้องให้น้องริสาสักคน" "ใช่ ๆ น้องริสาจะได้ไม่เหงา"เสียงพ้องเพื่อนของศรัณย์เอ่ยขึ้นทำดาริกาหน้าแดงระเรื่อ หันมองสามีป้ายแดงที่นั่งโอบเอวเธออยู่ด้วยความเขินอายศรัณย์มองสบดวงตากลมอย่างกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปยืดอกตอบเพื่อน ๆ "พวกมึงรอเลี้ยงหลานคนที่สองได้เลย""ฮิ้ววว..."สิ้นคำพูดของเขาทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา บ้างก็พูดแซวขำ ๆ ยิ่งทำให้ดาริกาเขอะเขินจนตัวแทบลอยใช้มือตีแขนคุณสามีขี้อวดไปหนึ่งที"คนบ้า.."แทนที่ศรัณย์จะเจ็บกลับกลั้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนบอกกล่าวกับเพื่อน ๆ "เชิญตามสบายนะ กูกับเมียขอตัวก่อน"เอ่ยจบก็ช้อนร่างบอบบางขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว"ว้าย!"คนถูกอุ้มหลุดอุทานออกมา สองมือรีบตวัดคล้องลำคอแกร่งด้วยความตกใจ ขณะที่อีกคนมองหน้าแตกตื่นของเธอแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูพลางก้าวเท้าเดินออก
หลังจากขอแต่งงานเสร็จหนึ่งอาทิตย์ต่อมางานแต่งของทั้งสองก็จัดขึ้นทันทีเสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบาดังคลอไปกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่ง บนสนามหญ้าสีเขียวริมชายหาดสีขาวนวลถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานแต่งงานในฝันของดาริกาผืนผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ผูกเป็นซุ้มโค้งเรียบง่ายแต่สง่างามประดับด้วยดอกไม้โทนสีพีช ครีม และชมพูอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้นานาชนิดเคล้าด้วยกลิ่นอายจากทะเล แขกจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยกันมานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางท้องฟ้าอันสดใสและแสงแดดนวลยามเย็นเสียงดนตรีคลาสสิกเงียบลงมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักสุดโรแมนติกขึ้นมาแทนเมื่อเจ้าสาวปรากฏกายขึ้นดาริกาในชุดเจ้าสาวลูกไม้สีขาวเปิดไหล่แขนยาวสไตล์ลักชูรี่เรียบหรูพอดีตัวโชว์ให้เห็นสวนโค้งเว้ากระโปรงยาวลากพื้นทรงผมมวยแบบแสกกลางปัดหน้าม้าไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วเติมความหวานด้วยการใส่เทียร่า และเวลาสีขาวยาวลากพื้นใบหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีสวยจนทุกสายตาจับจ้องเดินจูงลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงกระโปรงฟูฟ่องไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเวลสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไหวตามสายลม ด
วันต่อมาเขาก็ไปหาพ่อแม่ของหญิงสาวตามที่ได้พูดไว้ทันที มาถึงบ้านเกียรติกมลก็เห็นหญิงสาวยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว จากที่ใบหน้าเคร่งขรึมด้วยความกังวลพอเห็นหน้าเธอพอทำให้เขายิ้มออกมาได้บ้างรีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาเธอ "คิดถึงจังเลยครับ""เพิ่งแยกกันเมื่อวานเอง มาคิดถึงอะไรกันคะ" ดาริกาแอบเบาะปากกับความเวอร์วังของชายหนุ่ม ทว่าในใจเธอก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเพราะจู่ ๆ ก็ต้องแยกกันทั้งที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา"พี่พูดจริงนะครับ" เขาทำหน้าอ้อน แต่สายตากวาดมองไปทั่วเหมือนหาอะไรเธอจึงถามไถ่ "มองหาอะไรคะ""ลูกไปไหนครับ""ออกไปเที่ยวกับพี่กิจค่ะ""อ๋อ""เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" เธอรีบชวนเขาเข้าบ้านเพราะพ่อกับแม่รออยู่ เมื่อเขาพยักหน้าจึงเดินนำเข้าไปในบ้านศรัณย์อดประหม่าไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาแม่ยายที่นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟาในห้องโถง หญิงสาวเหมือนจะรู้จึงแอบจับมือเขาแล้วบีบเบา ๆ เชิงให้กำลังใจ ก่อนจะคลายออก แล้วแนะนำเขากับพ่อแม่"พ่อคะ แม่คะนี่คุณศรัณย์ค่ะ""สวัสดีครับ" สิ้นเสียงแนะนำเขาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม"จ้ะ" แม่ของเธอยิ้มใหญ่เขา ต่างจากคนเป็นพ่อที่จ้องร
วันต่อมา-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-ศรัณย์กลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์เหงาหงอยเพราะต้องแยกจากลูกเมีย หากไม่คิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไปเขาอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ของดาริกาตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพแล้วเขาอยากจะแต่งงานกับเธอวันนี้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่อยากจะแยกกับทั้งสองแม้นาทีเดียว"ลูกหายไปไหนมาตั้งสองเดือนศรัณย์ รู้ไหมพ่อเป็นห่วงมาก" ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้าบ้านผู้เป็นพ่อก็พุ่งเข้ามาถามไถ่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเขาเหมือนจะคลายความโกรธจากท่านได้บ้างแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าเกสรที่นั่งบนโซฟาในห้องโถงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา"ไปง้อลูกกับเมียมา" เปล่งน้ำเสียงห้วนกระด้างตอบท่าน"ลูกเมีย?" เกรียงศักดิ์คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน งงเป็นไก่ตาแตกกับคำตอบ บุตรชายไปมีลูกมีเมียตอนไหนกันก็เห็นจะเป็นจะตายกับการสูญเสียดาริกาอยู่ทุกวัน"พ่อคงยังไม่รู้ว่าน้องดายังไม่ตาย และยังกลับมาพร้อมลูกของผมด้วย" ศรัณย์จึงบอกให้ท่านหายสงสัย"ห๊ะ!"เกรียงศักดิ์หายสงสัย แต่กลายเป็นตกใจ และงุนงงแทน ไม่ต่างจากเกสรที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ"แต่วันนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าหนูดาตายไปแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่หนูดายังมีชีวิตอยู่" "เ
ตกค่ำถึงเวลาพาลูกเข้านอนศรัณย์ก็พาลูกเข้านอนปกติ พอลูกหลับก็ลุกเดินออกไปไม่คิดแหกกฏแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของลูกจะดีขึ้นมากแล้ว"เดี๋ยวก่อน"ทว่าเดินยังไม่พ้นประตูก็ถูกเรียกไว้ เขาหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองร่างบางที่นั่งพิงหัวเตียงด้วยความสงสัย"น้องดามีอะไรรึเปล่าครับ""มานอนกับลูกสิ จะไปไหน" สิ้นคำบอกกล่าวของเธอใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเท่าไรจึงถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป"น้องดาอนุญาตให้พี่นอนกับลูกเหรอครับ" "หรือจะไม่นอนคะ""นอนครับนอน" พอเธอตอบมาแบบนั้นก็รีบเดินกลับไปขึ้นเตียงทันที เขารอเวลานี้มาตั้งนานจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร"ขอบคุณนะครับที่ยอมให้พี่นอนกับลูก" เขามองสบดวงตากลมด้วยความรู้สึกขอบคุณ เธอสบตาเขานิ่ง ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะยื่นมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน"พี่รักน้องดานะ ฝันดีนะครับ"เขาเอ่ยอีกครั้งพลางล้มตัวลงนอน ก่อนหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เฉกเช่นเดียวกับดาริกาที่หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มวันต่อมาปกติศรัณย์จะตื่นก่อนใคร แต่วันนี้กลับกลายเป็นดาริกาที่ตื่นก่อน เธอยืนมองสอ