เมื่อคืนกว่าจะทำรายงานเสร็จก็เที่ยงคืนแล้วดาริกาจึงนอนที่ห้องเพื่อน ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแล้วยืมชุดนักศึกษาเพื่อนใส่ไปมหาวิทยาลัยเลยเพราะวันนี้เธอกับเพื่อน ๆ มีเรียนเช้า
"คนที่บ้านแกจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่เมื่อคืนไม่กลับ" มิ้นท์เอียงหน้าถามเพื่อนสาวหลังจากพากันเข้ามานั่งในห้องเรียนแล้ว
"เขาคงไม่สนใจหรอก" ดาริกาตอบไปตามความคิด ก่อนจะล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาเปิดเครื่องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปิดเครื่องไปตั้งแต่เมื่อคืน และยังไม่ได้เปิดเลย
ครืด ครืด~
ทันทีที่เปิดเครื่องข้อความก็เด้งเข้ามารัว ๆ เธอขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเห็นข้อความพยายามติดต่อจากเบอร์ชายหนุ่มที่ไม่ต่ำกว่าสิบสาย
เขาจะโทรหาเธอทำไมกันเยอะแยะมีเรื่องอะไร หรือเพราะเธอไม่กลับบ้านเมื่อคืน แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอล้านเปอร์เซ็นต์
"มีอะไรเหรอดา"
เสียงเพื่อนดังทบโสตประสาททำให้เธอละสายตาจากมือถือ กดปิดหน้าจอแล้วใส่กระเป๋าดังเดิม
"ไม่มีอะไร"
"เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดนึกว่าคนที่บ้านโทรตาม" แยมเอ่ย
"ไม่ ๆ แค่ดูมือถือเฉย ๆ" ไม่อยากจะพูดถึงผู้ชายใจร้ายให้เสียบรรยากาศจึงปฏิเสธไป
"อ่อ.."
แยมพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหันไปสนใจอาจารย์ที่กำลังเดินเข้าห้องมา
หลังจากเลิกเรียนในตอนบ่ายดาริกาก็ตรงกลับบ้านทันทีแม้ไม่อยากจะกลับเท่าไรนักเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก
"เมื่อคืนทำไมไม่กลับบ้าน"
สองเท้าเล็กที่กำลังก้าวตรงไปยังห้องพักถึงกับชะงักกึกเมื่อน้ำเสียงแข็งกร้าวของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้าเจ้าของเสียง เขายืนกอดอกใบหน้าเกรี้ยวกราดแววตาแสนดุจ้องมองเธอเขม็งบ่งบอกถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
จ้องกลับนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าราบเรียบ "ทำรายงานที่ห้องเพื่อนค่ะ เสร็จดึกก็เลยนอนห้องเพื่อน กลับดึกกลัวอันตราย"
"รถที่บ้านไม่มีเหรอ ทำไมถึงไม่โทรให้ไปรับ"
แทนที่อีกคนจะเข้าใจเหตุผลกลับมีท่าทีโกรธเธอมากกว่าเดิม แถมยังพูดออกมาหน้าตาเฉยว่าทำไมไม่ให้รถที่บ้านไปรับสงสัยเขาคงลืมว่าเคยพูดอะไรไว้จึงเอ่ยเตือนความทรงจำ
"คุณสั่งห้ามไม่ให้ลุงชัยขับรถไปรับไปส่งฉันไม่ใช่เหรอคะ แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งคุณได้ยังไง"
"นี่เธอประชดฉันเหรอ"
"ฉันเป็นแค่คนใช้ไม่กล้าประชดเจ้านายหรอกค่ะ"
"ปากดีขึ้นทุกวันแล้วนะดาริกา"
"ฉันแค่พูดความจริงค่ะ"
เหมือนเขาจะไม่ยอมเปิดหูเปิดตาเข้าใจอะไรเลยขนาดเธอทั้งบอกเหตุผลทั้งอธิบายแต่สุดท้ายดูเหมือนเธอจะเป็นคนผิดอยู่ดี
บางทีก็ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ทั้งที่ปากบอกว่าเกลียด แต่ก็มายุ่งวุ่นวายกับเธอไม่เลิกจ้องแต่จะหาเรื่องกันตลอดเวลา
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ" เพื่อตัดปัญหาไม่อยากทะเลาะอีกจึงขอแยกตัว ทว่าในตอนที่กำลังจะหมุนตัวเดินกลับห้องก็ต้องชะงักกึกเพราะประโยคไม่รื่นหูจากอีกคน
"แล้วแต่งตัวอะไร ใส่แบบนี้ใส่ไปเรียนหรือไปยั่วผู้ชายกันแน่"
เธอก้มสำรวจตัวเองแล้วหันกลับไปมองหน้าเจ้าของคำพูดด้วยสายตาตั้งคำถามแกล้มไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะอะไรกับการแต่งตัวของเธอนักหนา
ก็แค่เสื้อรัดรูปกว่าปกติกับกระโปรงทรงเอผ่าหน้าที่สั้นประมาณกลางขาอ่อนเพราะเพื่อนที่เธอยืมชุดนักศึกษาใส่ตัวเล็กกว่าพอเธอยืมมาใส่จึงดูเล็กไปหน่อยนึง แต่ก็ไม่ดูน่าเกียจจนเกินไป
ชายหนุ่มคงตั้งใจหาเรื่องเธอ..
"ใส่ไปเรียน แล้วก็ใส่ไปยั่วผู้ชายด้วยค่ะ" ด้วยความขุ่นเคืองเธอจึงตอบแดกดันกลับไป
"ฉันส่งให้เธอไปเรียนไม่ใช่ไปยั่วผู้ชาย ตั้งใจเรียนให้มันคุ้มกับเงินที่พิทักษ์ธรานนท์ส่งเสียเธอเรียนหน่อย"
คำตอบจากริมฝีปากอิ่มทำศรัณย์โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้ไม่อย่างนั้นเขาคงได้พลั้งมือใช้กำลังกับเธอแน่
เขาไม่อยากได้ชื่อว่าหน้าตัวเมียเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
"กลัวไม่คุ้มค่าเงินของพิทักษ์ธรานนท์ งั้นก็ไม่ต้องส่งเสียฉันให้เปลืองหรอกค่ะ ฉันทำงานส่งตัวเองเรียนก็ได้"
"อวดดี!"
แต่อีกคนกลับพูดยั่วอารมณ์เขาไม่หยุด
"ฉันไม่ได้อวดดีถ้าไม่เชื่อก็ให้ฉันพิสูจน์สิ ฉันจะขอย้ายออกจากบ้านพิทักษ์ธรานนท์ และไม่ขอข้องเกี่ยวอีกต่อไปไม่ว่าเรื่องใด ๆ"
"ฝันไปเถอะดาริกา อย่าฝันว่าจะได้ออกไปจากที่นี้"
"ทำไมคะ..คุณศรัณย์ยังมีเยื่อใยกับฉันเหรอถึงไม่ยอมปล่อยฉันไป" ดาริกาเผยรอยยิ้มออกมาบาง ๆ จงใจยั่วอารมณ์ทำให้เขาโมโหจนทนไม่ไหวแล้วออกปากไล่เธอเอง
"อย่าหลงตัวเอง ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งนักก็ไสหัวออกไปจากพิทักษ์ธรานนท์ แล้วอย่าโผ่ลหน้ากลับมาอีกฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะเก่งได้สักกี่น้ำ" เขากดเสียงเอ่ยใส่หน้าเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ความจริงเธอควรดีใจที่ได้รับอิสระภาพแต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกเจ็บหัวใจก็ไม่รู้ น้ำตาก็พานจะไหลเสียให้ได้จนต้องรีบสลัดความรู้สึกออกไป
หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วจึงเดินกลับห้องตัวเอง จัดการเก็บข้าวของทุกอย่างใส่กระเป๋า ยกเว้นตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่ที่ผู้ชายใจร้ายให้เธอ
เลือกจะทิ้งมันไว้ที่นี่แม้ลึก ๆ ในใจเสียดาย แต่ในเมื่อเธอเลือกจะตัดแล้วก็ไม่ควรเอามันไปด้วยเพราะเหมือนยิ่งตอกย้ำให้เธอนึกถึงเขาอยู่เสมอ
เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จก็โทรให้เพื่อนสาวมารับเพราะออกจากบ้านพิทักษ์ธรานนท์กะทันหันเธอคงต้องไปอยู่กับเพื่อนก่อนระหว่างที่กำลังหาห้องพักได้
เธอยืนมองบ้านหลังใหญ่โตโอฬารที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กด้วยความรู้สึกใจหาย ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกไปยืนรอเพื่อนหน้ารั้วบ้าน
เธอเลือกจะจากมาโดยไม่บอกกล่าวหรือบอกลาคนในบ้านพิทักษ์ธรานนท์สักคน การจากไปเงียบ ๆ น่าจะดีที่สุด
-คอนโดแยม-
ครืด ครืด~
เสียงจากโทรศัพท์ทำให้ดาริกาที่นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องของเพื่อนสาวอย่างแยมหลุดจากภวังค์
สองคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเลื่อนสายตาไปมองหน้าจอมือถือที่วางข้างตัวแล้วเห็นเบอร์ว่าที่คู่หมั้นของผู้ชายใจร้าย
โทรมาทำไมกันเพราะเธอกับหญิงสาวน่าจะไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วหยิบมือถือมารับสาย
"สวัสดีค่ะคุณแป้ง"
(จ้ะ เห็นพี่ศรัณย์บอกว่าน้องดาออกจากบ้านพิทักษ์ธรานนท์มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า ทำไมถึงออกจากพิทักษ์ธรานนท์บอกเหตุผลพี่ได้ไหม)
สิ้นคำถามจากปลายสายดาริกาก็ยิ้มเยาะออกมาสวนทางกับหัวใจที่รู้สึกหน่วงอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนชายหนุ่มจะให้ความสำคัญกับว่าที่คู่หมั้นมาก เธอออกจากพิทักษ์ธรานนท์ไม่กี่ชั่วโมงหญิงสาวก็รู้แล้ว คนที่บอกคงเป็นเขานั่นแหละเพราะคนอื่นไม่มีใครรู้
"ฉันได้งานที่อยากทำแล้วค่ะ..เลยออกมา"
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องเธอมากน้อยแค่ไหนจึงตอบไปเพียงเท่านั้น
(อ๋อ..พี่นึกว่ามีปัญหาอะไรถึงได้ออกจากพิทักษ์ธรานนท์กะทันหัน พี่แค่เป็นห่วงเลยโทรมาถามไม่มีอะไรก็ดีแล้ว)
"ขอบคุณคุณแป้งมากนะคะ"
เธอซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวยิ่งนัก
หญิงสาวถือว่าเป็นคนดีคนนึงเลยทีเดียวเพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในพิทักษ์ํธรานนท์ก็วางตัวดีมาก ไม่เคยแสดงกิริยามารยาทไม่ดี ไม่เคยดูถูกเหยียดหยามคนฐานะด้อยกว่า หนำซ้ำยังดีกับเธอมาก ๆ
คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเสมอ เวลาออกไปไหนมักจะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากเธอตลอด ถือว่าเหมาะสมจะเป็นคุณผูหญิงของบ้านพิทักษ์ธรานนท์ แต่ทำไมเธอถึงได้เจ็บหัวใจเหลือเกิน
(จ้ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาหาพี่ได้ตลอดนะ)
"ค่ะ"
(จ้ะ...งั้นพี่ไม่กวนล่ะ)
หลังจากอีกฝ่ายวางสายไปเธอก็ทอดสายตามองวิวข้างนอกผ่านหน้าต่างกระจกอีกครั้ง คิด ๆ ดูแล้วการที่เธอย้ายออกมาเป็นสิ่งที่ดีมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจของชายที่รักกับผู้หญิงคนอื่น
แต่ใจอีกเสี้ยวก็รู้สึกหนักอึ้ง ถ้าผู้เป็นแม่ที่อยู่ต่างประเทศรู้เข้าว่าเธอออกจากพิทักษ์ธรานนท์คงโกรธมากแน่เพราะเธอกับท่านเคยทะเลาะเรื่องนี้กันมาแล้ว
ครั้งนั้นหลังจากเกิดเรื่องเธอก็ชวนผู้เป็นแม่ออกจากพิทักษ์ธรานนท์แต่ท่านก็ปฏิเสธ หนำซ้ำยังยื่นคำขาดว่าหากเธอออกไปจะตัดแม่ตัดลูก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องให้ชายหนุ่มออกปากไล่เพื่อจะอ้างได้ว่าเธอไม่ได้เต็มใจออกมาเอง หวังว่าท่านจะไม่โกรธจนถึงขั้นตัดแม่ตัดลูกกัน
และตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือต้องรีบหางานทำเพราะเงินค่าขนมในแต่ละเดือนที่บ้านพิทักษ์ธรานนท์ให้ซึ่งเธอแอบเก็บไว้มีพอใช้จ่ายแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้น
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูทำให้เธอหลุดจากห้วงความคิดอีกครั้ง หันไปมองก็เห็นแยมกำลังถือถุงขนมเดินเข้ามา แยมเพิ่งกลับมาจากไปหาแฟนหลังจากที่ไปรับเธอมาส่งที่ห้องแล้ว
"นี่พี่คิมบอกว่าบาร์ของเพื่อนแกกำลังรับเด็กเสิร์ฟ สนใจไหม" แยมบอกกล่าวเพื่อนสาวทันทีที่หย่อนก้นนั่งบนโซฟา เห็นเพื่อนสาวบอกว่าจะหางานทำระหว่างเรียนไปด้วยเธอจึงช่วยหางานให้อีกแรงเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังลำบาก
"จริงเหรอ..ทำสิตอนนี้ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน" ดาริกาไม่ปฏิเสธแม้จะไม่ค่อยชอบทำงานในสถานที่แบบนั้นก็ตาม ตอนนี้เธอต้องการเก็บเงินไว้สำรองสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก่อน ไว้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางค่อยหางานใหม่
"โอเค..งั้นฉันไปโทรบอกพี่คิมก่อนว่าให้ล็อกงานไว้ให้แก"
"อือ ๆ"
ดาริกาโล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่งอย่างน้อยตอนนี้ก็มีงานทำแล้ว ส่วนเรื่องห้องพักคิดไว้ว่าจะไปหาพรุ่งนี้แถว ๆ มหาวิทยาลัยจะได้สะดวกต่อการเดินทางไปเรียนหน่อย
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่ห้องอาหารรุ่นพี่หนุ่มก็เปลี่ยนไป เวลาเจอกันก็ทำเหมือนไม่รู้จัก หรือเดินหนีไปเลยคงจะโกรธหรือไม่ก็เกลียดกันไปแล้ว แต่เธอก็เข้าใจได้"ช่างเถอะยังไงพี่เขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว ไปเรียนเถอะถึงเวลาแล้ว" มิ้นท์ตัดบทเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าถึงเวลาเรียนแล้วจากนั้นทั้งสามก็พากันเดินขึ้นห้องเรียน เรียนเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้านตัวเอง-บ้านพิทักษ์ธรานนท์-"ที่บ้านมีงานอะไรกัน" ดาริกาพึมพำด้วยความสงสัยเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นบริเวณลานสนามหญ้าหน้าบ้านมีโต๊ะอาหารทรงกลมวางอยู่สี่ห้าโต๊ะ รอบ ๆ มีการตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีสันสดใส เหล่าแม่บ้านกำลังทำงานกันให้ขวักเธอเดินเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นแม่บ้านกำลังเดินผ่านไปจึงถามไถ่ "มีงานอะไรกันเหรอคะ""งานวันเกิดคุณแป้งค่ะ น้องดาไม่รู้เหรอ""ไม่รู้ค่ะ" เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแป้ง ไม่เห็นมีใครพูดถึงเลยหรือไม่ก็พูดแต่เธอไม่รู้ แต่คงไม่แปลกเพราะทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผู้เป็นแม่กับเกรียงศักดิ์ก็หมางเมินใส่เธอพูดด้วยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนศรัณย์ก็เอาแต
หนึ่งเดือนต่อมาดาริกาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ภายในอ้อมกอดของผู้ชายใจร้ายที่เห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ระบายความใคร่เธอค่อย ๆ พลิกตัวเข้าหาคนที่นอนกอดเธออยู่ด้านหลัง จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพปั้นด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำ เกิดคำถามในใจซ้ำ ๆ ว่าเขาไม่รักเธอตั้งแต่ตอนไหนทำไมถึงใจร้ายใส่กันได้มากขนาดนี้เขารังแกเธอทุกทางไม่เคยจะปราณีกันสักครั้ง รังแกทางร่างกายเธอยังพอทนไว้ แต่รังแกจิตใจกันเธอแทบทนไม่ไหวกลางวันเธอต้องทนเห็นเขาแสดงความรักกับว่าที่คู่หมั้น แต่พอตกกลางคืนกลับย่องมาหาเธอที่ห้อง มาตักตวงความสุขจากร่างกายเธอแทบทุกคืนในสถานะเมียน้อยที่เขายัดเยียดให้น้ำสีใสค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ด แล้วค่อย ๆ ยกท่อนแขนแกร่งที่พาดบนเอวออกพาตัวลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมาแต่งตัว แล้วเดินไปปลุกคนที่นอนหลับไหลอย่างสบายอยู่บนเตียง"คุณศรัณย์ตื่น เช้าแล้วนะ" ร้องเรียกพลางยื่นมือไปเขย่าไหล่เบา ๆ"อือ..." คนถูกปลุกฮึมฮำในลำคอแสดงสีหน้าหงุดหงิดทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่จนดาริกาต้องยื่นมือไปเขย่าไหล่ซ้ำ"ตื่นค่ะคุณศรัณย์""เธอจะเข
"ถ้าไม่เชื่อผมเปิดคลิปให้ดูได้นะครับ" ศรัณย์ล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางออกมาเพื่อเปิดคลิปยืนยันเมื่อประทีปแสดงสีหน้าคลางแคลงใจ"พอได้แล้วศรัณย์ เลิกบ้าสักที" เกรียงศักดิ์ตวาดลั่นก่อนที่บุตรชายจะทำอะไรเลว ๆ "คลิปอะไรศรัณย์" ประทีปไม่สนว่าพ่อลูกจะทะเลาะกัน แต่เขาอยากรู้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่"คลิปผมกับดาริกาตอนมีอะไรกันครับ"ประทีปกับวลีอึ้งเป็นครั้งที่สองหันมองหน้าเด็กสาวเชิงตั้งคำถาม "จริงเหรอหนูดา ที่ศรัณย์พูดเป็นความจริงเหรอบอกป้าหน่อย"คนถูกถามได้แต่ก้มหน้าเพราะอับอายเกินกว่าจะพูดออกไปได้ แต่เพียงเท่านี้ประทีปกับวดีก็รู้แล้วประทีปผุดลุกขึ้นยืนชี้หน้าเกรียงศักดิ์ด้วยความโกรธ "มึงทำแบบนี้ได้ไงไอ้ศักดิ์ ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ไหม""ใจเย็น ๆ ไอ้ทีปฟังฉันก่อน" เกรียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนพยายามบอกให้ประทีปใจเย็น"กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มึงเห็นกูกับเมียเป็นคนโง่นี่ถ้าศรัณย์ไม่พูดพวกกูคงถูกมึงหลอก นับจากนี้ไปมึงกับกูไม่ใช่เพื่อนกัน" เอ่ยกับเพื่อนทรยศจบประทีปก็หันไปออกคำสั่งกับเมียและลูก "กลับ!""ใจเย็น ๆ ก่อนครับพ่อ" โจพยายามบอกให้คนเป็นพ่อใจเย็น เขาไม่ต้องการให้งานแต่งครั้งนี้ล้มเลิก"อย่
การคุยเรื่องแต่งงานของทั้งสองฝ่ายเป็นไปได้ด้วยดีกระทั่งประตูห้องอาหารถูกเปิดออกแกร๊ก!ทุกคนภายในห้องพากันขมวดคิ้วหันมองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน "ศรัณย์.."เกรียงศักดิ์กับเกสรตาเบิกกว้างหน้าถอดสีเมื่อเห็นหน้าคนที่เปิดประตูเข้ามา กลัวว่าบุตรชายจะมาทำให้เสียเรื่อง ขณะที่ดาริกากลับนิ่งเฉยเพราะไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นมันคงไม่แย่กว่าที่เป็นอยู่แล้วศรัณย์มองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างคาดโทษ ก่อนเลื่อนสายตามองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับเกสรพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ทั้งสองคงคิดว่าปิดหูปิดตาเขาจากเรื่องการแต่งงานของหญิงสาวได้สินะ และคงกลัวว่าเขาจะขัดขวางถึงได้นัดกันมาคุยข้างนอก แต่เขามันคนโชคดีเมื่อวันก่อนดันบังเอิญได้ยินผู้เป็นพ่อคุยโทรศัพท์กับลุงประทีปเรื่องจะให้หญิงสาวแต่งงานกับลูกของท่านแน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ผู้เป็นพ่อ และเกสรสมหวังสักเรื่องจะคอยขัดขวางทุกทาง"แกอย่ามาสร้างเรื่องที่นี่" เกรียงศักดิ์กดเสียงเอ่ยเบา ๆ ให้พอได้ยินแค่สองคน ถามว่าศรัณย์ฟังไหมตอบเลยว่าไม่"เจอกันอีกแล้วนะโจ" หันไปจ้องโจที่กำลังมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจก่อนจะระบายยิ้มยี้ยวนให้ เขาดูไม่แปลกใจที่เจอโจเ
วันต่อมาดาริกาได้ออกจากโรงพยาบาลประมาณช่วงบ่ายโดยคนที่มารับเธอกับแม่คือเกรียงศักดิ์ เธอควรดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่ไม่เลยความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมถ้าเลือกได้เธออยากอยู่โรงพยาบาลต่อมากกว่า "ตอนเย็นผู้ใหญ่ทางฝั่งนู่นจะมาคุยเรื่องการแต่งงานนะ หนูดาเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"คำบอกล่าวจากเกรียงศักดิ์ที่กำลังขับรถอยู่ทำให้หัวใจดวงน้อยปวดหนึบ น้ำสีใสพลันเอ่อคลอดวงตาจนเธอต้องรีบหันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถกลัวว่าเกรียงศักดิ์กับแม่ที่นั่งคู่กันด้านหน้าเห็นนี่เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หนำซ้ำยังไม่รู้จักจริง ๆ เหรอ ทำไมทุกอย่างจึงมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นเพราะแม่เพราะเธอหรือเพราะชายหนุ่มกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะใครสุดท้ายคนที่รับกรรมก็มีแค่เธอคนเดียว ทำไมถึงเป็นเธอที่ต้องแบกรับทุกอย่างเธอปิดตาลงพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ยังรินไหลออกมาอยู่ดี หลายวันมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่ร้องไห้เหมือนกับน้ำตาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วความสุขหน้าตาเป็นยังไง และให้ความรู้สึกยังไงเธอไม่ได้สัมผัสมันมาหลายเดือนแล้วจนเริ่มจำไม่ได้เปลือกตาบางปรือขึ้นเมื่อรถจอดนิ่ง เธอลอบถอนหายใจออกมาครั้นเห็
"ทำไมคุณต้องพูดจารุนแรงใส่น้องสาวตัวเองด้วย สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดนะครับ" เขาพยายามอธิบาย แต่กลับทำให้คนฟังยิ่งเลือดลมขึ้นหน้าเพราะหญิงสาวบอกกับคนอื่นว่าเขาเป็นพี่ชายทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เหมือนกับเธอปกปิดสถานะของเขาเพราะแคร์ไอ้หน้าอ่อนที่ยืนอยู่ หรือไม่ก็กำลังคบกันคงกลัวมันรู้แล้วจะทิ้งไป"ดาริกาบอกมึงว่ากูเป็นพี่ชายเหรอ" กดเสียงแข็งกระด้างถาม สายตาจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับจะกินหัว"ใช่ครับ" โจตอบตามความจริง เขาเคยเห็นชายหนุ่มมาส่งรุ่นน้องสาวที่มหาวิทยาลัยเมื่อหลายเดือนก่อนจึงถามไถ่ เธอบอกว่าเป็นพี่ชายเขาก็เชื่อสนิทใจ"งั้นมึงก็รู้ไว้ด้วยว่ากูเป็น 'ผัว' ดาริกาไม่ใช่พี่ชาย" ศรัณย์เน้นคำว่าผัวใส่หน้าโจทำเอาเขางงเป็นไก่ตาแตกหันมองหน้ารุ่นน้องสาวขอคำยืนยัน "จริงเหรอครับน้องดา"มะ...""ถ้าไม่เชื่อกูพิสูจน์ให้ดูได้นะ" ดาริกาไม่ทันตอบศรัณย์ก็พูดแทรกขึ้น ไม่ว่าเปล่ายังเดินเข้าหาคนบนเตียงโน้มใบหน้าลงหมายจะจูบเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกอีกคนดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วลากให้ออกห่างคนบนเตียงศรัณย์แกะมือโจออกจากคอเสื้อพร้อมกับจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง โจจ้องตอบไม่เกรงกลัว"ไม่ว่าคุณจะอย