"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"
ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า
"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น
"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"
น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่
"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร"
"ไปยืนตรงนั้น"
ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด
หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน
"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน
"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน"
"ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม"
"เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่างแท้จริง"ม่อเฉวียนอ้าปากค้าง
"อยู่นิ่งๆ เจ้าอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ"
ม่อเฉวียนลุกขึ้นยืนย่องช้าๆ มายืนตรงหน้าเจียเฟยร่างสูงสูงสง่า เจียเฟยทั้งตัวรวมทั้งหมวกขันทีด้วยสูงแค่อกของม่อเฉวียน
"กรี๊ดดดดดกรี๊ดดดดดดดกรี๊ด (เสียงมาริโอเมาเร่อตอนกรี๊ด) เจียเฟยกระโดดกอดคอม่อเฉวียนหดขาจนอีกคนต้องอุ้มไว้ มือสองข้างคล้องที่ลำคอฮ่องเต้ไว้แน่นแมงมุมตัวใหญ่ตัวเดิมยังไต่อยู่ที่หมวกขันที ม่อเฉวียนมือไม่ว่างแก้วหูแทบแตกกับเสียงกรีดร้องข้างหู
"กรี๊ดดดดกรี๊ดดด"
ก้มมองใบหน้าหวานในอ้อมแขนที่หลับตาปี๋ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนเขา อีกทั้งยังรู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นตึกตัก
มีเพียงสิ่งเดียวที่ว่างคือปาก ใช้ปากเป่าแมงมุมให้ถอยห่างจากรัศมีสายตาของเจียเฟย
"ไหนเจ้าว่าปกป้องคุ้มครองและตายแทน"
ลมหายใจรินรดใบหน้าแต่เจียเฟยหาสนใจไม่
"มันไปหรือยัง"
แมงมุมตัวนั้นก็เพียงแค่ไต่ขึ้นมาบนหมวกลับสายตาเจียเฟยก็เท่านั้น เจียเฟยจึงไม่เห็นมัน ตั้งใจเข้มแข็งกับคอมหอกคมดาบพอไหวแต่แมงมุมนี่ไม่ไหวจริงๆ
"ฝ่าบาท ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น"
องครักษ์วิ่งเข้ามาในห้องหนึ่งในนั้นมีองครักษ์ข้างกายนามตงหานวิ่งเข้ามาในมือถือกระบี่ในท่าเตรียมพร้อม
"แมงมุม ตงหานมาจับมันไปทิ้งไกลๆ ที"
เจียเฟยซุกหน้ากับอกกว้างหลับตาปี๋มือสองข้างกอดคอม่อเฉวียนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตงหานส่ายหน้าไปมาเดินมาจับแมงมุมที่หมวกขันทีส่งให้องครักษ์อีกคนโบกมือให้ออกจากห้องไป
"มันไปแล้ว เจ้าขันทีฝ่าบาททรงอุ้มเจ้าอยู่ลงมาซะดีๆ "
ตงหานส่งเสียงดุดุแววตาตำหนิชัดเจน เจียเฟยขยับตัวหย่อนขายืนตัวตรง แต่หมวกขันทีดันร่วงหล่นลงพื้นผมยาวสลวยสยายเต็มแผ่นหลัง มือบางรีบคลายอ้อมกอดจากลำคอของม่อเฉวียน ที่ยืนใกล้สุดใกล้เพื่อจะได้จับหมวกขั้นทีไว้ ม่อเฉวียนเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เมื่อผมยาวสยายลงมากลางแผ่นหลังใบหน้าขาวสะอาดดวงตากลมโต ขนตาเรียงกันเป็นแผง ริมฝีปากรูปกระจับอวบ คิ้วดก แก้มอิ่ม ของเจียเฟยอยู่ใกล้แค่เอื้อม ตงหานอ้าปากค้าง
"เจ้าขันที"
เจียเฟยรีบรวบผมของตัวเองม้วนเกล้าด้วยความชำนาญ หยิบหมวกขันทีขึ้นมาสวมผิดๆ ถูกๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกจ้องที่อากัปกิริยาด้วยดวงตาสองคู่ที่เปล่งประกายประหลาดใจและพอใจอย่างที่สุด
"มะ มะแหมเพฮะ เสี่ยวเฟยยังไม่คุ้นชินกับการใส่หมวกขันที"
ปรับเสียงให้ห้าวหาญดุจดังบุรุษแต่ไม่วายลงท้ายให้จักจี้หัวใจกระชากอารมณ์ไหวเอนของบุรุษทั้งสองได้ชะงัดนัก ม่อเฉวียนพยักหน้าขึ้นลง
"หมดเรื่องแล้ว ไปจัดการใส่หมวกเจ้าเสียให้ดี แล้วคราวหลังอย่าให้มันหลุดลงมาแบบนี้ต่อหน้าใครอีก"
ม่อเฉวียนดึงสติของเขาและหานตงพร้อมกัน
เจียเฟยวิ่งออกจากห้องไปยังห้องข้างๆ เพื่อจัดการกับหมวกและผม
"หมดระระเรื่องแล้ว หานตงทูลลา"
ม่อเฉวียนหันมาที่โต๊ะเครื่องเสวย เสียงท้องร้องขู่ว่าหิวจะตายแล้วหยิบตะเกียบคีบเครื่องเสวยใส่ปาก ใบหน้ายามสยายผมเข้ามารบกวนจิตใจ
หรือเขาจะนิยมบุรุษจริงจังจึงไม่เคยมองหญิงใด อย่างที่คนอื่นเขาบอกก็ยี่สิบสองปีแล้วยังไม่มีฮองเฮาไม่รับสนมนางในไม่…ชายตามองใคร
อมยิ้มส่ายหน้าไม่หรอกก็เจ้าขันทีนั่นเหมือนหญิงสาวขนาดนั้น แล้วยังจะงดงามเกินหญิงอีก อย่างไรเขาก็ไม่ชอบอะไรแบบนั้น บุรุษด้วยกันไม่มีเนินถันอวบหยุ่น เขาจะรู้สึกอย่างไรหากต้องทาบทับไปบนหน้าอกแบนราบ แต่เมื่อครู่ทำไมใจสั่น
ถอนหายใจยาว เจ้าขันทีคนนี้คงเป็นขันทีที่กิริยาไม่ค่อยสำรวมเท่าไร่และคงพูดเก่งตามประสาขันทีหนุ่มทั่วไป ด็ดีไปอีกแบบเขาจะได้ไม่เหงา กำลังคิดอะไรเพลินๆ เจียเฟยวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามายืนกุมมือสงบนิ่งดังเดิม
ม่อเฉวียนจึงคีบเครื่องเสวยใส่ปาก ไม่สนใจร่างเล็กที่ยืนมองรอให้เรียกใช้ แต่อีกคนกลับคีบเครื่องเสวยใส่ปากไม่เลิก
"ฝ่าบาท"ม่อเฉวียนทำเป็นไม่ได้ยินเสีย อย่างนั้น
“ฝ่าบาททททท จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำอะไรข้ากำลังเสวยอยู่ไม่เห็นรึ” ขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาทจะทำเป็นไม่พอใจ เจียเฟย เอ่อเสี่ยวเฟย ขอโทษที่ล่วงเกินฝ่าบาท เสี่ยวเฟย อยากจะพูดว่าเรื่องนี้มันเหตุสุดวิสัย เรื่องความกลัวไม่มีใคร ไม่เคยเป็นใครๆ ก็กลัวกันได้” ม่อเฉวียนคิดไว้แล้วว่าตัวเองคาดไม่ผิดเจ้านี่เรื่องเยอะแล้วยังพูดมากจนเคยตัว
“ข้าหาใส่ใจ” น้ำเสียงเรียบเฉย
“จริงหรือฝ่าบาทไม่โกรธจริงๆ ใช่ไหม”
น้ำเสียงตื่นเต้น ท่าทีรื่นเริงเหมือนเด็กๆ ม่อเฉวียนมองใบหน้าใสของเจียเฟย ก่อนจะถอนหายใจ
“ออกไปยืนห่างๆ ไปไกลๆ ” เจียเฟยขยับออกเพียงนิด
“ไปอีก” ขยับไปอีกนิด
“ไปอีก ข้าบอกให้ไปห่างๆ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
เจียเฟยขยับไปยืนข้างประตูไปข้างประตูหันข้างเหลือบตามอง ม่อเฉวียน
“ห่างแค่นี้พอไหม”
“หุบปาก”
ม่อเฉวียนส่งเสียงดังๆ เจียเฟยรีบหันหน้าเข้าไปหาประตูหันหลังให้ม่อเฉวียนในทันที
ม่อเฉวียนถอนหายใจยาว รอยยิ้มเมื่อครู่ทำเอาเขาเกือบเผลอยิ้มตาม นี่เขาเป็นอะไรไป
"เชื่อฮองเฮาของข้าเถอะมู่เอ่อร์นางดำเนินกลยุทธ์แบบนี้ไงพี่ใหญ่ของเจ้าจึงไปไหนไม่รอดถึงคิดจะอยากไปก็ไปไม่รอดเพราะนางเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจ"กดจมูกโด่งที่หน้าผากเบาๆ เจียเฟยยิ้ม "แล้วข้าควรทำอย่างไรอึกๆๆๆ"สองวันผ่านไป"หรูหรานท่านเห็นองค์หญิงรองหรือไม่"หานตงที่ถือกระบี่เดินไปเดินมาหน้าตำหนักของมู่เฉวียนสีหน้าร้อนรน"เอ องค์หญิงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักหรือเจ้าคะข้าน้อยก็รับบัญชาไทเฮาให้ตามองค์หญิง"หานตงขมวดคิ้วคม"ข้านึกว่านางอยู่ที่ตำหนักไทเฮาข้ามาที่นี่สองวันมานี้ไม่พบนางนางไปที่ไหนได้"หรูหรานส่ายหน้า"ข้าน้อยได้ยินว่า อีกไม่กี่วันไท่จือแคว้นฉินจะส่งคนพร้อมกองกำลังอารักขามารับองค์หญิงรองไปที่แคว้นฉินเพื่อร่วมฉลองงานมงคลอะไรสักอย่างเดิมส่งเทียบเชิญฝ่าบาทกับฮองเฮาด้วยแต่ฝ่าบาททรงห่วงใยฮองเฮาที่ทรงพระครรภ์การเดินทางยากลำบากจึงไท่จือจึงระบุว่าต้องเป็นองค์หญิงรอง"หานตงขมวดคิ้ว"ทำไมนางไม่บอกข้าสักคำ""เอ่ช่วงนี้องค์หญิงคงกำลังยุ่งๆ ฮองเฮาทรงให้แช่น้ำอบบำรุงผิวพรรณและ ให้นางในหอตัดเย้บมาตัดอาภรณ์ใหม่ให้กับองค์หญิงป่านนี้องค์หญิงคงรั้งที่ตำหนักชิงหนิงกง ท่านองครักษ์ไปที่นั่น วานบอกองคืหญิงด้วยว่า
“ท่านแม่ท่านพ่อรับเงินไว้เสียหมดไว้พรุ่งนี้ข้าจึงจะขอรับเงินมาให้ท่าน”“สามีชั่ว นั่นข่มเหงเจ้าอีกแล้ว ข้าจะฆ่าเขาเสียแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”“นางหญิงชั่ว ใครกันจะฆ่าข้า”ฝ่ามือหนาสะบัดเข้าใส่ใบหน้าเล็กจนล้มลงกับพื้น“ท่านพ่อ ได้โปรดอย่าทำร้ายท่านแม่”“พวกเจ้ามีหน้าที่หาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ก็ต้องหาเงินมาใครคิดเป็นศัตรูกับข้าอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ถ่มน้ำลายลงพื้นมารดาของกัวหยินหยิบมีดในครัวมากำไว้ลุกพลวดพุ่งเข้าใส่สามีแต่เจ้าคนถ่อยกลับหันมาบีบคอแน่น“ตายเสียบังอาจนัก”“ท่านพ่ออย่า” เงื้อมือขึ้นตั้งใจจะฟาดลงไปที่ใบหน้าของกัวหยิน“ไท่จือเสด็จจจจจ”มือใหญ่ของหลงเอ่อซัดเข้าใส่ร่างสูงใหญ่ของบิดาเลี้ยงของกัวหยินจนเซถลาลงไปกองกับพื้น ล้มลุกคลุกคลาน เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าดวงตาเหลือกถลน ขยับกายคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นคมกระบี่ขององครักษ์จ่อเข้าที่คอหอย“ไท่จือโปรดไว้ชีวิตด้วย ไท่จือได้โปรด”“องครักษ์จับตัวคนผู้นี้ไปขังไว้ในคุกหลวงรอการไต่สวน”“ขอบพระทัยไท่จือ ขอบพระทัยไท่จือ”หลงเอ่อพยุง กัวหยินให้ลุกขึ้น ด้วยสายตาห่วงใย“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”กัวหยินก้มหน้าหลบตาส่ายหน้าไปมา“ท่าน ท่าน”
หลงเอ่อในอาภรณ์ไม่ได้บ่งบอกว่าอยู่ในฐานะใดก้าวเข้ามาในตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ด้วยท่าทีเช่นยาจกใบหน้าขะมุกขะมอม ผมเผ้ายาวรุงรัง ดึงเอาหมั่นโถ่วสีน้ำตาลขะมุกขะมอมเช่นเดียวกับใบหน้ามาปัดฝุ่นก่อนจะกัดกินเข้าไปคำใหญ่“ยี้ เจ้ายาจกไปห่างๆ ร้านข้า อย่ามาให้เห็น สกปรกสิ้นดี มายืนเรียกลูกค้าหน้าร้านข้าได้อย่างไรกัน”เสียงเถ้าแก่ร้านก๋วยเตี๋ยวตวาดเสียงดังลั่นหลงเอ่อขยับตัวไปตรงด้านหน้าร้านขายซาลาเปา“คุณชาย หมั่นโถว่ของท่านมันคงเน่าเสีย ข้าแบ่งซาลาเปาข้าให้ท่านกินดีไหม”“แมะแมะแม่นางอ่า ไม่เก็บไว้ขายหรือไร”“ข้าขายได้ไม่กี่มากน้อยซาลาเปาข้าคงไม่อร่อยจึงไม่มีคนซื้อ ท่านชิมให้หน่อยดีไหม”รับเอาซาลาเปามากัดเข้าไปทันที หยุดเคี้ยวเหลือบตามองหญิงสาวร่างล็กตรงหน้า“ไม่ได้แย่อะไร อร่อยเสียอีก อร่อยจริงๆ ข้าไม่ได้โป้ปด”หญิงสาวร่างเล็กยิ้มกว้างสดใส หอบเอาซาลาเปาใส่ในห่อผ้าส่งให้หลงเอ่อจนหมด“เอ่อ เอ่อมันมากไป เจ้าจะขาดทุน”“ไม่เป็นไร แค่มีคนกินข้าก็ดีใจแล้ว”แต่ยังไม่ทันไรร่างเล็กก็ถูกกระชากให้ไปยืนด้านหลังร่างสูงใหญ่ของบุรุษวัยกลางคนยืนเผชิญหน้ากับหลงเอ่อ“ขายไม่ได้ยังกล้ามาแจกให้ยาจกหรือไร กลับไปเจ
หนึ่งเดือนผ่านไป"ฝะฝะฝ่าบาท ใจเย็น"เจียเฟยยกมือขึ้นดันอกกว้างเมื่อม่อเฉวียนเปิดผ้าคลุมหน้าไม่แม้แต่จะจ้องตาโน้มตัวลงตั้งใจเผด็จศึกเจียเฟย"ขะขะ ไม่ไหวแล้วเจ้า มีเหตุผลใดกัน""เอ่อ..เอ่อ..คือไม่มีบทหวานๆ บ้างหรือไรไม่มีจ้องตาไม่มีคำหวาน ไม่มีน้ำจิ้มก่อนหรือ""เจ้า งดงามเพียงนี้ใครกันจะอดใจไหว""เช่นนั้นก็ เริ่มกันเลยหากฝ่าบาทไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่เจียเฟยใจสั่นระรัวขนาดนี้ เราควรจะมีการเกริ่นนำกันก่อนหรือไม่ก็เราควรจะอารัมภบทกันนิดเพื่อให้ เจียเฟยหายตื่นเต้น"ชักแม่น้ำเหมือนทุกครั้ง ม่อเฉวียนส่ายหน้ายิ้มๆ เจียเฟยก็คือเจียเฟยนี่เองกระมังที่ทำให้เขารู้สึกว่านางช่างแตกต่าง หญิงที่ไร้จริต หญิงที่มีพยายามอธิบายเพื่อให้คนอื่นเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และรอดพ้นจากวิกฤติ"อืมมมมมมได้ข้ายินดีตามใจเจ้า"ถอนหายใจยาวยอมตามใจมิใช่ หวาดเกรงทว่ากลับรู้สึกว่า สิ่งใดที่ได้มาด้วยความเต็มใจมักจะทรงคุณค่าเสมอม่อเฉวียนอมยิ้มขยับตัวขึ้นทาบทับร่างบางไว้แน่นกดริมฝีปากหนักหน่วง เจียเฟยยกมือขึ้นโอบรอบลำคอเผยอริมฝีปาก รับรสจูบหวานฉ่ำโคมไฟสาดแสงกระทบเงาร่างสองร่างแนบชิด กอดรัดกันบนแท่นนอนหนา ความเต็มใจจากผู้ให้ย่อ
“ใต้เท้าหลี คงเพิ่งจะเคยมาแคว้นฉินครั้งแรกและคงเพิ่งจะเคยพบข้าในครั้งแรก”อยู่หลีลู่เจี้ยนเอื้อมมือดึงหนวดเครารุงรังที่ช่วยในการแปลงโฉม ออกจากใบหน้าในทันที เจียเฟยอ้าปากค้างหลงเอ่ออมยิ้ม“ฝะฝะฝ่าบาท ทำไมใจร้อนแบบนี้”หานตงรีบส่งเสียงด้วยความตกใจ“ ข้า คงใจเย็นกว่านี้ไม่ไหวแล้วในเมื่อ เมียของข้า หนีมาเป็นองค์หญิงที่นี่ ทิ้งข้าให้เฝ้าคิดถึงทุกคืนวัน”“เมียยยยย” หลงเอ่อกับหานตง ต่างนั่งงง“ฝ่าบาทนั่นแหละ ชอบทำเรื่องที่ ทำให้ตัวเองต้องเจ็บซ้ำจะมาโทษเจียเฟยได้อย่างไร ฝ่าบาทมีทางเลือกมากมาย ทำไมไม่ยอมไทเฮาทำไมไม่แต่งคนอื่นเป็นฮองเฮาทำไมต้องมาปักใจกับเจียเฟย”ภาพงดงามอ่อนหวานเมื่อครู่หายไปจนสิ้น“ เจ้า รู้ว่าข้าปักใจแล้วเจ้าทำไมไม่ร่วมฟันฝ่าไปด้วยกันเจ้าหนีข้ามาทำไมกัน”“นั่นเพราะระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อเจียเฟยแค่สามัญชน”ม่อเฉวียน กอดรวบร่างบางมาแนบอกหลงเอ่อถอนหายใจสะกิดหานตงให้เร้นกายออกไปปิดประตูตำหนักขังคนทั้งสองไว้ในตำหนักบูรพา“จะ ไม่เป็นไรใช่ไหมไท่จือเรื่องที่เราทำแบบนี้”“ข้ารับรอง เจ้าอย่าได้กังวลรับรองเมื่อเรากลับมาอีกครั้งทั้งสองคนจะต้องเข้าใจกัน ตอนนี้ ข้าจะไปกราบทูลเสด
หลุดออกมาจากท้องพระโรง หานตงเดินขึ้นมาเคียงข้างหลีลู่เจีี้ยน“ใต้เท้าเอาอย่างไรดี ฝ่าบาทแคว้นฉินคล้ายกำลังตั้งใจชุบตัวองค์หญิงรองให้ทรงคุณค่า”“ไม่ผิดอย่างที่เจ้าพูดทั้งสองตั้งใจทำให้องค์หญิงควรค่าจนใครๆ ไม่อาจครหาได้ บางทีเราอาจจะพลาดไปในเมื่อนางแค่เพียงองค์หญิงบุญธรรมเป็นไปได้ไหมที่ไม่นานจะ เลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นลูกสะใภ้นั่งตำแหน่งไท่จือเฟย”“ใต้เท้าคิดหนักไปแล้วจะอย่างไรหากตั้งใจให้เป็นไท่จือเฟยแต่แรกก็ไม่แต่งตั้งเป็น องค์หญิงรองเห็นได้ชัดว่า แคว้นฉินไม่นิยมบังคับใจใคร หากจะบังคับก็คงบังคับได้ตั้งแต่ทีแรกเลยทีเดียว”“คืนนี้และอีกหลายๆ คืนเราคงต้องพำนักที่วังหลวงแห่งนี้จนกว่าจะได้คำตอบ ส่งม้าเร็วแจ้งไปยังวังหลวงแคว้นฉีด้วยว่าการสู่ขอยังไม่ลุล่วง”หานตงประสานมือ“ขอรับ”ดวงดาวส่งแสงระยิบระยับบนฟากฟ้า ตำหนักเหมยฮวาของเจียเฟยตั้งเด่นเป็นสง่าภายใต้แสงจันทร์เงาดำไหววูบที่กำแพงไต่ระไปบนกิ่งไม้หนากระโดดลง ไปยังยังพื้นด้านล่าง แต่ตาข่ายขนาดใหญ่ถึงขึงรอบด้านเขาโง่งมไม่ยอมมาดูลาดเลาเสียก่อน ร่างนอนอยู่บนตาข่ายหนากระบี่ในมือ ถูกชักออกฟาดฟันไปบนตาข่ายหวังปลดเปลื้องตัวเองให้หล่นลงบนพื้น หาทางหนีที