"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"
ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า
"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น
"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"
น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่
"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร"
"ไปยืนตรงนั้น"
ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด
หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน
"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน
"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน"
"ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม"
"เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่างแท้จริง"ม่อเฉวียนอ้าปากค้าง
"อยู่นิ่งๆ เจ้าอยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ"
ม่อเฉวียนลุกขึ้นยืนย่องช้าๆ มายืนตรงหน้าเจียเฟยร่างสูงสูงสง่า เจียเฟยทั้งตัวรวมทั้งหมวกขันทีด้วยสูงแค่อกของม่อเฉวียน
"กรี๊ดดดดดกรี๊ดดดดดดดกรี๊ด (เสียงมาริโอเมาเร่อตอนกรี๊ด) เจียเฟยกระโดดกอดคอม่อเฉวียนหดขาจนอีกคนต้องอุ้มไว้ มือสองข้างคล้องที่ลำคอฮ่องเต้ไว้แน่นแมงมุมตัวใหญ่ตัวเดิมยังไต่อยู่ที่หมวกขันที ม่อเฉวียนมือไม่ว่างแก้วหูแทบแตกกับเสียงกรีดร้องข้างหู
"กรี๊ดดดดกรี๊ดดด"
ก้มมองใบหน้าหวานในอ้อมแขนที่หลับตาปี๋ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนเขา อีกทั้งยังรู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นตึกตัก
มีเพียงสิ่งเดียวที่ว่างคือปาก ใช้ปากเป่าแมงมุมให้ถอยห่างจากรัศมีสายตาของเจียเฟย
"ไหนเจ้าว่าปกป้องคุ้มครองและตายแทน"
ลมหายใจรินรดใบหน้าแต่เจียเฟยหาสนใจไม่
"มันไปหรือยัง"
แมงมุมตัวนั้นก็เพียงแค่ไต่ขึ้นมาบนหมวกลับสายตาเจียเฟยก็เท่านั้น เจียเฟยจึงไม่เห็นมัน ตั้งใจเข้มแข็งกับคอมหอกคมดาบพอไหวแต่แมงมุมนี่ไม่ไหวจริงๆ
"ฝ่าบาท ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น"
องครักษ์วิ่งเข้ามาในห้องหนึ่งในนั้นมีองครักษ์ข้างกายนามตงหานวิ่งเข้ามาในมือถือกระบี่ในท่าเตรียมพร้อม
"แมงมุม ตงหานมาจับมันไปทิ้งไกลๆ ที"
เจียเฟยซุกหน้ากับอกกว้างหลับตาปี๋มือสองข้างกอดคอม่อเฉวียนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตงหานส่ายหน้าไปมาเดินมาจับแมงมุมที่หมวกขันทีส่งให้องครักษ์อีกคนโบกมือให้ออกจากห้องไป
"มันไปแล้ว เจ้าขันทีฝ่าบาททรงอุ้มเจ้าอยู่ลงมาซะดีๆ "
ตงหานส่งเสียงดุดุแววตาตำหนิชัดเจน เจียเฟยขยับตัวหย่อนขายืนตัวตรง แต่หมวกขันทีดันร่วงหล่นลงพื้นผมยาวสลวยสยายเต็มแผ่นหลัง มือบางรีบคลายอ้อมกอดจากลำคอของม่อเฉวียน ที่ยืนใกล้สุดใกล้เพื่อจะได้จับหมวกขั้นทีไว้ ม่อเฉวียนเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เมื่อผมยาวสยายลงมากลางแผ่นหลังใบหน้าขาวสะอาดดวงตากลมโต ขนตาเรียงกันเป็นแผง ริมฝีปากรูปกระจับอวบ คิ้วดก แก้มอิ่ม ของเจียเฟยอยู่ใกล้แค่เอื้อม ตงหานอ้าปากค้าง
"เจ้าขันที"
เจียเฟยรีบรวบผมของตัวเองม้วนเกล้าด้วยความชำนาญ หยิบหมวกขันทีขึ้นมาสวมผิดๆ ถูกๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกจ้องที่อากัปกิริยาด้วยดวงตาสองคู่ที่เปล่งประกายประหลาดใจและพอใจอย่างที่สุด
"มะ มะแหมเพฮะ เสี่ยวเฟยยังไม่คุ้นชินกับการใส่หมวกขันที"
ปรับเสียงให้ห้าวหาญดุจดังบุรุษแต่ไม่วายลงท้ายให้จักจี้หัวใจกระชากอารมณ์ไหวเอนของบุรุษทั้งสองได้ชะงัดนัก ม่อเฉวียนพยักหน้าขึ้นลง
"หมดเรื่องแล้ว ไปจัดการใส่หมวกเจ้าเสียให้ดี แล้วคราวหลังอย่าให้มันหลุดลงมาแบบนี้ต่อหน้าใครอีก"
ม่อเฉวียนดึงสติของเขาและหานตงพร้อมกัน
เจียเฟยวิ่งออกจากห้องไปยังห้องข้างๆ เพื่อจัดการกับหมวกและผม
"หมดระระเรื่องแล้ว หานตงทูลลา"
ม่อเฉวียนหันมาที่โต๊ะเครื่องเสวย เสียงท้องร้องขู่ว่าหิวจะตายแล้วหยิบตะเกียบคีบเครื่องเสวยใส่ปาก ใบหน้ายามสยายผมเข้ามารบกวนจิตใจ
หรือเขาจะนิยมบุรุษจริงจังจึงไม่เคยมองหญิงใด อย่างที่คนอื่นเขาบอกก็ยี่สิบสองปีแล้วยังไม่มีฮองเฮาไม่รับสนมนางในไม่…ชายตามองใคร
อมยิ้มส่ายหน้าไม่หรอกก็เจ้าขันทีนั่นเหมือนหญิงสาวขนาดนั้น แล้วยังจะงดงามเกินหญิงอีก อย่างไรเขาก็ไม่ชอบอะไรแบบนั้น บุรุษด้วยกันไม่มีเนินถันอวบหยุ่น เขาจะรู้สึกอย่างไรหากต้องทาบทับไปบนหน้าอกแบนราบ แต่เมื่อครู่ทำไมใจสั่น
ถอนหายใจยาว เจ้าขันทีคนนี้คงเป็นขันทีที่กิริยาไม่ค่อยสำรวมเท่าไร่และคงพูดเก่งตามประสาขันทีหนุ่มทั่วไป ด็ดีไปอีกแบบเขาจะได้ไม่เหงา กำลังคิดอะไรเพลินๆ เจียเฟยวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามายืนกุมมือสงบนิ่งดังเดิม
ม่อเฉวียนจึงคีบเครื่องเสวยใส่ปาก ไม่สนใจร่างเล็กที่ยืนมองรอให้เรียกใช้ แต่อีกคนกลับคีบเครื่องเสวยใส่ปากไม่เลิก
"ฝ่าบาท"ม่อเฉวียนทำเป็นไม่ได้ยินเสีย อย่างนั้น
“ฝ่าบาททททท จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำอะไรข้ากำลังเสวยอยู่ไม่เห็นรึ” ขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาทจะทำเป็นไม่พอใจ เจียเฟย เอ่อเสี่ยวเฟย ขอโทษที่ล่วงเกินฝ่าบาท เสี่ยวเฟย อยากจะพูดว่าเรื่องนี้มันเหตุสุดวิสัย เรื่องความกลัวไม่มีใคร ไม่เคยเป็นใครๆ ก็กลัวกันได้” ม่อเฉวียนคิดไว้แล้วว่าตัวเองคาดไม่ผิดเจ้านี่เรื่องเยอะแล้วยังพูดมากจนเคยตัว
“ข้าหาใส่ใจ” น้ำเสียงเรียบเฉย
“จริงหรือฝ่าบาทไม่โกรธจริงๆ ใช่ไหม”
น้ำเสียงตื่นเต้น ท่าทีรื่นเริงเหมือนเด็กๆ ม่อเฉวียนมองใบหน้าใสของเจียเฟย ก่อนจะถอนหายใจ
“ออกไปยืนห่างๆ ไปไกลๆ ” เจียเฟยขยับออกเพียงนิด
“ไปอีก” ขยับไปอีกนิด
“ไปอีก ข้าบอกให้ไปห่างๆ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
เจียเฟยขยับไปยืนข้างประตูไปข้างประตูหันข้างเหลือบตามอง ม่อเฉวียน
“ห่างแค่นี้พอไหม”
“หุบปาก”
ม่อเฉวียนส่งเสียงดังๆ เจียเฟยรีบหันหน้าเข้าไปหาประตูหันหลังให้ม่อเฉวียนในทันที
ม่อเฉวียนถอนหายใจยาว รอยยิ้มเมื่อครู่ทำเอาเขาเกือบเผลอยิ้มตาม นี่เขาเป็นอะไรไป
"ไม่ต้องตาม"มู่เฉวียนตวาดไล่หานตงยังคงขยับตัวตามทีละนิด"ข้ารู้ดีว่าตำหนักข้าอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องให้องครักษ์ต่ำชั้นมาส่งยังตำหนัก""ฝ่าบาทกลัวว่าองค์หญิงจะไม่ยอมกลับไปที่ตำหนัก"อ้างม่อเฉวียน"นั่นมันเรื่องของข้า หานตงท่านไปเสียขอร้อง"หานตงส่ายหน้าไปมา"หานตงอยากจะบอกองค์หญิงว่า ขันทีเสี่ยวเฟยเขาเป็นชายแค่เพียงตัว แต่หัวใจนั่นเล่าเจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเขาล่อหลอกเอาหรือ องค์หญิงเคยได้ยินเรื่องเล่าของฝ่าบาทหรือไม่"พยายามจะชี้ให้เห็นว่า เจียเฟยกับม่อเฉวียนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเรื่องเล่าเกินจริงนั้น ก็เขาห่วงมู่เฉวียนนี่ ถึงไม่ไม่เกลียดเจียเฟยและยังถุกชะตาเจียเฟยเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นเรื่องของมู่เฉวียนเขาไม่มีทางยอม"อย่ามาปักปำพี่ใหญ่ข้านะพี่ใหญ่ยังคงชอบหญิงงาม" มู่เฉวียนหันมาจ้องหานตงเต้มตาตั้งใจเอาเรื่องแบบนี้แหละที่หานตงต้องการ ได้ขัดใจนางได้เห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของนางนี่เขาเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า"ข้าน้อยเห็นกับตาว่า ฝ่าบาทอุ้มขันทีน้อยผู้นั้น แล้วยามที่ฝ่าบาทมองขันทีน้อยผู้นั้นสายตาของฝ่าบาท.."ยังยังไม่ยอมหยุดมู่เฉวียนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าผลักหานตงอย่างแรงแต่หานตงกับดึงเอาร่างเล็กข
ตำหนักไทเฮา“เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาทกับขันทีคนใหม่”“มีแต่เสียงกรีดร้องเพคะ” หรูหราน เอ่ยปากยิ้มๆไทเฮาวางถุงหอมที่เลือกหยิบมาดูทีละอันลงในถาด ถอนหายใจยาว“เฉวียนเอ่อร์ ที่ข้ากลัวคือเขานิยมบุรุษ มาบัดนี้จึงอยากจะลองใจ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลคงต้องเปลี่ยนตัวขันทีเสีย”“ยังไม่มีอะไรเพคะ”ก้มหน้าหลบตาจะว่าไปเสี่ยวเฟยก็น่าเอ็นดูหลังจากพูดคุยกันเมื่อวาน จึงรู้ว่าเสี่ยวเฟยเองลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้หากจะถูกปลดจากตำแหน่งขันทีข้างกายเพราะความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ก็คงไม่ยุติธรรมนัก“เอาล่ะเจ้าไปเถิดไปคอยจับตามองฮ่องเต้แทนข้า แล้วอย่าลืมนำเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักของเฉวียนเอ่อร์มาเล่าให้ข้าฟัง”หรูหรานย่อกายจากไป“ควรทำอย่างไร” เอ่ยปากกับนางกำนัลข้างกาย“จะทำสิ่งใดได้ คงต้องคัดสรรหญิงงามมาให้ฝ่าบาทดูตัวเช่นเคยที่ผ่านมา ไทเฮาทรง ลองใจฝ่าบาทโดยการส่งขันทีร่างอ้อนแอ้นหน้าตาหวานละมุนยิ่งจะทำให้ฝ่าบาทจิตใจไหวเอน อีกอย่างหากเป็นอย่างเรื่องเล่าจริง คนที่จะลำบากใจที่สุดก็คือไทเฮา เคยมีเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาว่าขันทีมักจะเหนือบัลลังก์ ยามที่ฝ่าบาท ยอมเชื่อใจ ไทเฮาไม่กล้ากดดันฝ่าบาทเรื่องหญิงท
“เจ้าขันทีมานี่หน่อย” เจียเฟยวิ่งพรวดเข้ามาชนเข้ากับร่างสูงของม่อเฉวียนเต็มเปา“ซุ่มซ่าม” คว้าแขนเล้กแต่พอนึกได้ก็ปล่อยให้เจียเฟยล้มลงกับพื้นก้มจ้ำเบ้าแต่เจียเฟยก็ยังลุกขึ้นยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้า“ฝะฝะฝ่าบาทมีเรื่องใดให้เสี่ยวเฟยรับใช้ดูแลปกป้องและ ช่วยเหลือ” ม่อเฉวียนถอนหายใจ เจ้านี่พูดมากเสียจริง“นอนที่นั่นนอนตรงนั้นเหมือนที่เฉินกงเคยนอน” ชี้มือไปที่แท่นนอนอีกอันที่ต่ำกว่า ข้างข้างผนังห้องกว้าง“ได้ขอรับ”“ไปขนเอาเครื่องนอนของเจ้ามาเจ้าขันที”"ไม่ต้องบอกหรอกขอรับเรื่องนั้นเจียเฟยจะต้องไปเอาเครื่องนอนมาแน่เพราะฝ่าบาทคงไม่มีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นยอมมอบเครื่องนอนอันสวยงามและหอมกรุ่นของฝ่าบาทให้กับเสี่ยวเฟยแน่ๆ”“เจ้านี่ รีบไปหัดสงบคำเสียบ้าง”เจียเฟยวิ่งแน่บ“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทเสี่ยวเฟยมาแล้ว” ม่อเฉวียนขมวดคิ้วคม“มาแล้วก็ไปนอน” คลี่ผ้าห่มห่มคลุมร่างบาง แหมแท่นนอนของเฉินกงกงนี่นุ่มเสียจริง“ขอรับแต่เอาเข้าจริงๆ นะขอรับฝ่าบาทก็อายุตั้ง22ปีแล้วทำไมไม่หัดนอนเพียงลำพังหรือหาสนมนางในมานอนร่วมแท่นนอนจะได้ไม่ต้องอ้างว้างลำพังเช่นนี้”“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”“นั่นสินะฝ่าบาทนี่ก็แปลกเป็นถึงฮ่องเต้
"วางตะเกียบได้แล้ว แล้วเตรียมน้ำชา"ม่อเฉวียนหันกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เสี่ยวเฟยกุลีกุจอ รินชาใส่จอกยกกระดกรวดเดียวหมดจอก ปากคาบจอกชาไว้แน่น ม่อเฉวียนส่ายหน้า"เครื่องเสวยอร่อยพร้อมชารสดีถูกทดสอบพิษเป็นที่เรียบร้อยเชิญฝ่าบาทเสวยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ทำเสียงขึงขังดวงตาเป็นประกายถ้าไม่เกรงใจคงยกมือลูบท้องที่อิ่มแน่น"ข้าให้เจ้าเตรียมชา มิได้ให้สวาปามชาของข้า"น้ำเสียงราบเรียบดังผิวน้ำคราไร้ลมไล่"อ่า ฝ่าบาทคิดว่าคนที่ปองร้ายเปิดกาน้ำชาไม่เป็นหรือไร""ไปยืนตรงนั้น"ไล่เอาเสียดื้อๆ หิวจนไส้กิ่วแต่กลายเป็นว่าเจ้าขันทีหนุ่มหิวเสียกว่า แต่อิ่มก่อนเขาขืนต่อปากต่อคำเจ้าขันทีหนุ่มอยู่แบบนี้เขาคงฟังเสียงท้องไส้ของตัวเองคร่ำครวญเป็นกู้เจิ้งสายขาด หยิบตะเกียบคนไปบนเครื่องสวยที่มักจะเอาของดีดีวางไว้ข้างหน้า แต่บัดนี้เจียเฟยคีบใส่ปากไปจนสิ้น ถอนหายใจยาว อย่างไรก็ต้องกิน"แค่ก ๆ แอ่กๆ "เจียเฟยรินชาส่งให้ม่อเฉวียน"ฝ่าบาทไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เครื่องเสวยไม่ได้มีขาหนีไปไหนไม่ได้อย่างไรก็ได้กิน""ตกลงแล้วเป็นข้าที่ผิดใช่ไหม""เสียเฟยแค่จะบอกว่าอาหารรสดีต้องค่อยๆ ละเลียดชิม จึงจะลิ้มรสอาหารได้อย่าง
“เสี่ยวเฟย เจ้ากำลังจะทำอะไร” ขมวดคิ้วเข้าหากัน สายตาแสดงความสงสัยและไม่พอใจอย่างที่สุด ภาพตรงหน้าคือเจียเฟยที่ กอดเอวหรูหรานไว้แนบแน่นจากด้านหลัง“เจ้าสองคน …” อ้าปากกว้างคิ้วคมขมวดเข้าหากัน เจ้าขันทีนี่มาวันแรกก็สร้างวีรกรรมเลยหรือไร“ฝ่าบาท ในห้องนี้มี แมงมุมตัวใหญ่ขันทีคนใหม่ กลัวเจ้าแมงมุมนั่น”หรูหรานละล่ำละลักอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น เจียเฟยหันกลับมา มองม่อเฉวียนที่มีสีหน้าเข้มดุ“เลยเวลาเสวยเที่ยงของข้าแล้ว” เจียเฟย ประสานมือก้มหน้า“ข้าน้อยจะยกเครื่องเสวยเดี๋ยวนี้” วิ่งออกจากห้องไปในทันที“นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่อยากรับขันทีท่าทีกึ่งหญิงกึ่งชาย เพราะแม้แต่แมงมุมยังกลัว”หรูหรานย่อกายเดินออกจากห้องไป ม่อเฉียนสำรวจหาตัวแมงมุมก่อนจะจับมันไว้ แล้ว โยนออกนอกห้องไป ส่ายหน้าไปมาเจียเฟยยกถาดเครื่องเสวยที่มีเครื่องเสวยมากมาย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเครื่องเสวยทั้งหอมทั้งน่าลิ้มรสในนั้น นางกำนัลอีกสองคนก็ยกเครื่องสวยตามมาอีกสองถาดใหญ่ๆวางเครื่องเสวยตรงหน้า นางในห้องเครื่องวางเครื่องสวยก่อนจะย่อกายจากไป“ฝ่าบาทเครื่องสวยมาแล้ว” ม่อเฉวียนยังนิ่ง“ฝะฝ่าบาทเครื่องเสวยมาและพ่ะย่ะค
“กงกงหมดหน้าที่ท่านแล้ว ขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมายี่สิบสองปี” ราวกับพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการกล่าวลาขันทีอาวุโสผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดมาตลอดขันทีชราปาดน้ำตาปรอยๆยี่สิบสองปีกับใบหน้าหล่อเหลา อีกทั้งยังดูอ่อนกว่าวัย เจียเฟยยกท่อนแขนตัวเองขึ้นมาดูผิวคล้ำแดดกับมือหยาบกระด้าง เจียเฟยเป็นหญิงแท้ๆ ยังไม่ขาวสะอาดเรียบเนียนเหมือนผิวกายของม่อเฉวียน เทียบไม่ติดกันเลยทีเดียว“เจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร” ขันทีอาวุโสถามขึ้นเบาๆ ทำความรู้จักกันไว้ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่อยากทำคือการสั่งเสียขันทีหนุ่มน้อยให้ภักดีต่อม่อเฉวียนที่ขันทีชราดูแลมาตลอด“แซ่เจีย นามว่าเฟย” ม่อเฉวียน เอามือไพล่หลัง มองออกนอกหน้าต่างไม่สนใจว่ากงกงจะพูดอะไรกับเจียเฟย“อาเฟย ไม่สิเสี่ยวเฟย เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี ฝ่าบาทนิยมนอนตื่นแต่เช้า จิบชาอุ่นๆ และเสวยอาหารที่รสไม่จัดนัก” เจียเฟยประสานมือก้มหน้านิ่งน้อมรับคำสั่งสอนจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารุ้ใจนายคนใหม่ของเจียฟยที่สุด“ยี่สิบสองปีข้านอนข้างๆ นั่น”ชี้มือไปที่ผนังห้องเจียเฟยกระแอมเบาๆ ปรับเสียงให้ทุ้ม“ขอรับ” ม่อเฉวียนหันขวับกลับมาทันที“พูดใหม่สิ” น้ำเสียงกระตุก“ขะ
เจียเฟย สวมอาภรณ์ชุดขันทีสวมหมวกขันทีเปิดเผยใบหน้าที่จะว่าหล่อเหลา หรืออ่อนหวานก็ไม่อาจแยกแยะในเมื่อคิ้วดกวาดยาวบนใบหน้า ริมฝีปากรูปกระจับหยักสวย กับดวงตาคมพอสวมหมวกขันทีแล้วไม่อาจแยกแยะว่าหญิงหรือชาย อกนุ่มถูกรัดด้วยผ้าฝ้ายดิบจนแบนราบเอวกิ่วไม่ได้ดึงสายรัดเอวให้ตึงแน่นยังปล่อยให้ชายอาภรณ์ทิ้งตัวลงมาคลุมทับกางเกงสีเดียวกันนั้น ไม่บอกใครจะรู้ว่าเจียเฟยคือหญิงอายุ18ที่ลักลอบเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งขันทีฝึกหัด แต่ละคนใบหน้าหมดจด เมื่อสวมอาภรณ์ขันทีล้วนมองไม่ต่างกัน เจียเฟยจะทำอย่างไรได้ในเมื่อครอบครัวทุกข์เข็ญ อดมื้อกินมื้อ ขันทีในวังหลวงเองก็ตุ้งติ้งไม่ต่างกันกับหญิงงาม เช่นนั้นปรับท่าทีเสียหน่อยก็พอจะ ถูไถไปได้“ขันทีฝึกหัดทั้งหลายยยย วันนี้ฝ่าบาทจะทรงคัดเลือกขันทีคนใหม่หลังจากที่กงกงที่ชรายิ่งไม่อาจรับใช้เบื้องยุคลบาทได้อีกแล้ว พวกเจ้าโชคดีเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมมีโอกาสไต่เต้าได้รับตำแหน่งพิเศษ”“หวังว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจะทำหน้าที่ให้ดี เพราะนั่นหมายถึงความสุขสบายชั่วชีวิตของเจ้า และวันนี้พวกเจ้าอาจได้คารวะข้าเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า"เจียเฟยสูดลมหายใจเข้