LOGIN[Part มิลิน]
@คอนโด พริบพราว 22.30
ฉันรีบขับรถตรงไปคอนโดของพริบพราว เพื่อนสนิทของฉันด้วยความเร็วทันที พอมาถึงฉันก็รัวเคาะประตูห้องเพื่อนสนิทเสียงดังโดยไม่สนใจว่ามือตัวเองจะเจ็บรึเปล่า
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
"มาแล้วค่า มาแล้ว~ ใครเนี่ยมาเคาะประตูรัวขนาดนี้" พริบพราวบ่นอุบอิบ รีบวิ่งมาเปิดประตูตามจังหวะเร่งรีบของคนหน้าห้อง
"อ๊ะ.....ยัยลิน ! " พริบพราวเปิดประตูออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่ตอนนี้หน้าตาดูไม่สู้ดีนัก
ฉันรีบเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องกดล็อกประตูห้องยัยพราวอย่างแน่นหนา แล้วฉันก็เดินตรงเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวยาว แบบไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องเรียกเชิญ และน้ำตาของฉันที่เหือดแห้งหายไปก่อนหน้านี้ มัน...กำลังจะไหลออกมาอีกครั้ง
"ฮึก.... ฮือออออ" ไวกว่าความคิดน้ำตาของฉัน ก็ไหลออกมาเป็นสาย เมื่อภาพเหตุการณ์เลวร้ายก่อนหน้านี้ฉายซ้ำเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง
"ลิน....แกเป็นอะไร ทำไม?...แกถึงร้องไห้" พราวเดินเข้ามาสวมกอดฉันทันทีที่พูดจบประโยค ซึ่งมันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม จนผ่านไปราวๆสิบนาทีที่เพื่อนรักนั่งกอดปลอมฉันอยู่เงียบๆ โดยไม่ถามอะไรเลย
"ลินแกโอเครึยัง" พราวเริ่มถามฉันขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเสียงร้องไห้ของฉันเริ่มหยุดลง
"อืมๆ " คราวนี้ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องราวเลวร้ายที่พึ่งเจอให้กับพราวเพื่อนสนิทของฉันฟัง ซึ่งมันทำให้พราวตกใจมากๆ
"แก...เขาทำตัวเหมือนพวกมาเฟียเลยอะ"
"มาเฟียเหรอ?"
"ใช่! ก็พวกทำตัวเหนือกฎหมายไง ยิ่งถ้ามีอิทธิพลมากๆนะ จะอุ้มใครทีเรื่องเงียบไม่มีใครกล้ายุ่งหรอก เขาถึงกล้าท้าให้แกไปแจ้งตำรวจแบบนั้นไง"
"......."
"แล้วแกจะเอายังไงต่อ คุณคาร์เตอร์แม่งขู่แกขนาดนั้น" ยัยพราวถามฉันพานทำหน้าเครียดไปด้วย
"ฉันไม่รู้...ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย นอกจากมาหาแก"
"เฮ้อออ....จะแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ ถ้างั้นแกก็ย้ายมาอยู่กับฉันไปก่อน หรือ จะให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนแกที่คอนโดก็ได้ สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวนะ"
"อืม...ขอบคุณแกมากนะ ฉันคงขอพักกับแกก่อนแล้วกัน แต่ฉันคงขอรบกวนแกไม่นานหรอก ฉันขอแค่ให้สภาพจิตใจฉันดีกว่านี้หน่อยก็พอ"
"ไม่เป็นไรแก อยู่นานได้เท่าที่แกต้องการเลย เดี๋ยวฉัน...คิดค่าห้องแกด้วย คืนละ450 บาท ฟรีwifi และน้ำอุ่นด้วยนะจ๊ะ โอเคมั้ย..คิก..คิก.."
"คิก..คิก.." คำพูดของยัยพราวทำให้ฉันอดหัวเราะตามไม่ได้เลยจริงๆ ยังน้อยตอนนี้ยัยพราวก็พยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งมันก็ทำให้ฉันกลับมามีรอยยิ้มและลืมเรื่องที่เลวร้ายไปได้เหมือนกัน
"งั้น...ฉันขอโทรหามินก่อนแล้วกันนะ"
"ตามสบายเลยแก"
ฉันสูดหายใจลึก เหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจ ก่อนจะกดโทรหามินนี่—น้องสาวที่ฉันรักที่สุด อย่างน้อยแค่ได้ยินเสียงเธอ ฉันก็น่าจะมีแรงหายใจต่อไปอีกหน่อย
เพียงไม่กี่วินาที เสียงรอสายถูกตัดด้วยเสียงติ๊ดเบาๆ
ติ๊ด
"หาว~ ว่าไงคะพี่สาวคนสวย...." น้ำเสียงงัวเงียของมินนี่ดังขึ้นมา เธอน่าจะเพิ่งสะลึมสะลือตื่นตามประสาคนที่ยังห่มผ้านุ่มอยู่บนเตียง แต่สำหรับฉัน…ได้ยินเสียงเธอแล้วใจมันโคตรจะอ่อนลง
"........."ฉันเงียบไปชั่วอึดใจ เหมือนทุกความรู้สึกที่พยายามฮึดไว้กำลังจะพังลงมา
"ฮัลโหล.... พี่ลินยังอยู่ในสายไหมคะ พี่รินได้ยินหนูรึเปล่า"
"ดะ...ได้ยินจ๊ะ ได้ยิน"
มินนี่เงียบไปเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากงัวเงียเป็นจริงจังแทบจะทันที
"....พี่ลินเป็นอะไรคะ ทำไมน้ำเสียงเป็นแบบนั้น พี่ลิน...ร้องไห้อยู่เหรอ..."
คำถามนั้นเหมือนดึงสลักบางอย่างในอกฉัน จนลมหายใจสะดุด ฉันไม่รู้ว่าควรพูดอะไรก่อน ทุกอย่างที่เจอ ทุกความกลัว ความโกรธ ความอึดอัด มันเหมือนจะแตกออกมาเป็นพันเสี่ยงในหัวเดียวกัน
"ปะ...เปล่าจ๊ะ พอดีพี่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ"
"เหรอคะ...แล้วพี่ลินกินยารึยังคะ ไปหาหมอแล้วรึยัง พี่ลินอยู่คนเดียวได้ไหม" มินนี่รัวคำถามใส่พี่สาวสุดที่รักของเธอด้วยความเป็นห่วง
"ระ...เรียบร้อยแล้วจ๊ะ พอดีพี่เรื่องสำคัญอยากจะโทรมาหามินนิดหน่อยน่ะ คือช่วงนี้...มินไปไหนมาไหนต้องระวังให้มากๆนะ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด และจะไปไหนต้องรายงานคุณแม่ก่อนทุกครั้ง ถ้าเจอคนแปลกหน้าก็ห้ามคุยด้วย.."
"ห๊าา...ที่โทรมาหาน้องดึกๆดื่นๆเพราะเรื่องนี้เองเหรอคะ คิก..คิก"
"......."
"โอเคๆ รับทราบค่ะท่านหัวหน้า น้องคนนี้จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด"
"พี่จริงจังนะมิน! " ฉันเผลอขึ้นเสียงใส่น้องสาวตัวเอง เมื่อน้องสาวทำน้ำเสียงเหมือนฉันพูดเล่น ซึ่งตั้งแต่ที่เราเป็นพี่น้องกันมา ฉันแทบจะไม่เคยทำนิสัยแบบนี้กับมินมาก่อนเลย
"....มินขอโทษค่ะ พี่ลินมีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมถึงดูซีเรียสจัง...." มินนี่กล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
"พะ..พี่ขอโทษนะที่เผลอขึ้นเสียง พอดีช่วงนี้พี่เครียดนิดหน่อย แต่พี่เป็นห่วงมินจริงๆนะ"
"....ค่ะ มินจะเชื่อฟังพี่ลิน"
"อืม...ขอบคุณนะ งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว ฝันดีจ๊ะ"
"ค่า...ฝันดีเหมือนกันค่ะพี่ลิน"
หลังจากที่ฉันวางสายจากมินนี่เสร็จ ฉันก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง พราวรีบยื่นแก้วน้ำมาให้ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ พร้อมสีหน้าจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
ฉันถอนหายใจยาว
“พราว…แกว่าฉันไปทำอะไรให้คุณคาร์เตอร์ไม่พอใจรึเปล่า? ถึงตามมารังแกฉันขนาดนี้อะ หรือฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับเขาเมื่อชาติที่แล้ว เขาเลยตามมาเอาคืน?”
พราวเบิกตากว้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาทันที “เวรกรรมบ้าอะไรล่ะมิล! แกน่ะ…น่าโดนคลั่งรักมากกว่าโดนตามเอาคืนอีก”
“คลั่งรัก? คลั่งรักอะไรกัน? เขาน่ากลัวจะตาย!”
ฉันบ่นพลางกอดหมอนแน่น นึกถึงใบหน้าเย็นชาและสายตาเหมือนจะกลืนกินกันได้ของคาร์เตอร์แล้วก็ขนลุกซู่ แต่ยัยพราวกลับกลอกตาใส่ฉัน
“แกไม่ส่องกระจกหรือไง? หน้าอย่างแกนี่แหละตัวดึงดูดปัญหา…เอ๊ย ความสนใจของผู้ชายรวย หน้าตาดี และอันตรายแบบเขา”
“พราว…นี่แกกำลังบอกฉันเหรอ ว่าทั้งหมดเพราะความสวย?”
"ก็ใช่นะสิ แต่เอาจริงนะลิน…ฉันว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาโกรธแกหรอก เขาน่าจะอินเกิน แบบ คลั่งแกจริงๆ มากกว่า”
ฉันรีบส่ายหน้าแทบหัวหลุด “คลั่งแบบไหนกัน แบบนี้มันคลั่งโรคจิตแล้ว!”
“ก็มีผู้ชายประเภทนั้นอยู่จริงไงล่ะ…หล่อ รวย เผด็จการ ชอบควบคุม แล้วก็หลงเสน่ห์แกจนผิดมนุษย์มนาธรรมชาติ”
“นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายนะพราว” ฉันกลอกตาพร้อมเอามือทาบหน้าอก
"ใครบอกงั้นล่ะ ลิน..ชีวิตแกเนี่ยนิยายดีๆนี่เอง และสุดท้ายแกกับเขาก็จะแต่งงานมีลูกอย่างมีความสุข คิก..คิก..โรแมนติกจะตาย"
"ถ้ามันโรแมนติกขนาดนั้น ฉันก็ขอให้แกเจอแบบ หล่อ รวย เผด็จการ ชอบควบคุม แล้วก็หลงเสน่ห์แกจนผิดมนุษย์มนา แบบคูณสองไปเลยเลยก็แล้วกัน"
"ว๊ายยย ยัยลินแกปากร้ายมากนะ"
"คิก..คิก..ก็แกเริ่มก่อนนี่"
พวกเราสองคนผลัดกันบ่น สลับจับผิดคาร์เตอร์ ตีความคำพูดเขา วิเคราะห์พฤติกรรมเหมือนกำลังถอดรหัสฆาตกรในซีรีส์สืบสวนจนสุดท้ายจากเรื่องเครียดก็กลายเป็นเรื่องเมาท์มอยเข้มข้นแบบสาวๆ
และดูจากท่าทางของเราสองคนที่ยังเมาท์ไม่หยุด…
[End มิลิน]
@โกดังร้าง
“หึ” เสียงหัวเราะคาร์เตอร์หลุดออกมา เขาเหยียดยิ้มมุมปากราวกับเจอเรื่องสนุกเมื่อเขาได้ฟังการสนทนาของหญิงสาวทั้งสองคนผ่านเครื่องดักฟังที่เขาใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายของมิลิน
“มึงเป็นอะไร” เซนที่เห็นความผิดปกติของเพื่อน ถามมาเฟียหนุ่มด้วยความสงสัย
“มันก็กำลัง...จะทำเรื่องชั่วอยู่ไง” ไบรอันต์ตอบคำถามแทนมาเฟียหนุ่ม เมื่อเขาไปรู้และได้เห็นอะไรดีๆมาโดยบังเอิญ
“เสือก !” คาร์เตอร์ตอบเพื่อนรักอย่างไบรอันต์ ด้วยความหัวเสียเมื่อไม่มีอะไรที่รอดพ้นสายตาเพื่อนรักของเขาคนนี้ไปได้
“พวกมึง พูดเรื่องเหี้ยอะไรกัน” เซนที่สงสัยในการตอบโต้ของเพื่อนรักทั้งสอง รีบถามเพื่อให้หายข้องใจ
“เสือก! / เสือก!” คาร์เตอร์และไบรอันต์ พูดออกมาใส่หน้าเซนพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย เมื่อเซนถามประโยคนั้นออกมา
“เออ! กูเสือก เดี๋ยวกูจะสืบเองก็ได้ว่ะไอ้พวกเวร” เซนพูดออกไปด้วยความรำคาญที่เพื่อนๆของเขาไม่ยอมบอกเรื่องที่เขาอยากรู้ตอนนี้
หลังจากจบบทสนทนาลง มาเฟียหนุ่มทั้งสามคนก็กลับมาให้ความสนใจกับเอกสารตรงหน้า คาร์เตอร์ที่กำลังตรวจสอบเอกสารสำคัญอยู่ ก็เผลอคิดไปถึงใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา วันนี้เขามีนัดสำคัญเกี่ยวกับอาวุธล็อตใหม่ ทำให้มีเวลาชิมความหวานจากเธอได้เพียงไม่นาน แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกติดใจจนอยากจะกลับไปชิมความหวานของเธอซ้ำอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มาเฟียหนุ่มมีความตั้งใจว่าเขา.....จะกินเธอให้ไม่เหลือซากเลย
"อ๊าาา อย่างนั้นแหละมิลิน...ตรงนั้น แรงๆ" มือหนาลูบไล้ที่เรือนผมสวยเบาๆ มิลินก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ละเลงลิ้นรัว ก่อนที่หญิงสาวจะลากเรียวลิ้นไล่ลงมาหยุดที่พวงไข่สวรรค์ เลียลิ้นวนหยอกล้อไปมา และจูบซับมันเบาๆ ที่พวงไข่ทั้งสองข้างและดูดมันจนเกิดเสียงลามก จ๊วบบบ “ซี๊ดดด....อย่าเล่นแบบนั้น อ๊าาส์...มันเสียว” คาร์เตอร์รวบผมสวยไปทางด้านหลัง เพื่อจะมองใบหน้าหวานได้อย่างชัดเจน บ๊วบบบ.. บ๊วบบบ..! "อ้าส์ ๆ อ้าส์ๆ" คาร์เตอร์ครางกระเส่าอย่างสุขสม พึงพอใจกับปากเนื้อนุ่มที่ที่หยอกล้อเล่นกับพวงไข่สวรรค์ เขาส่งมือหนาอีกข้างลงไปบีบขยำเข้าที่หน้าอกอวบใหญ่ผ่านเนื้อผ้าอย่างแรง ก่อนที่มือหนาจะดึงรั้งเสื้อและบราเซียร์ของเธอขึ้นมากองอยู่บนเนินอก จนหน้าอกใหญ่โผล่พ้นออกมาทั้งสองเต้า ส่ายกระเพื่อมล่อสายตาคม ริมฝีปากอวบอิ่มลากผ่านเนื้อเอ็นแข็งจากโคนถึงปลายหัวเห็ดก่อนจะอ้าปากกว้างครอบลงมาที่ท่อนเอ็นยักษ์อีกครั้ง หญิงสาวโยกหัวขึ้นลงเป็นจังหวะ ส่วนฝ่ามือบางอีกข้างก็กอบกุมเข้าที่ท่อนเอ็นใหญ่ชักรูดขึ้นลงไปพร้อมๆกัน "โอ้วส์ อูววส์
ติ้ง.... “ไง.....มีอะไรให้ผัวช่วยไหม?” “!!” เมื่อมิลินมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ ที่มีข้อความปรากฏขึ้นมาทำให้เธอหยุดคิดไปชั่วขณะ หญิงสาวยืนกำมัดแน่น เดาได้ไม่ยากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มีใครที่อยู่เบื้องหลัง “ลิน หนูเป็นอะไรไปลูก” “.....” “พี่ลินคะ” มินนี่ที่เห็นพี่สาวของเธอเงียบไปก็เอื้อมมือไปเขย่าที่ต้นแขนของพี่สาวเบาๆ “อ๊ะ..พี่ไม่ได้เป็นอะไร แม่ค่ะพอดีลินพึ่งคิดได้ว่าเรามีทางหาเงิน 2ล้านมาใช้หนีให้แม่ได้แล้วค่ะ แม่กับมินไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ” มิลินสวมกอดแม่และน้องสาวพร้อมกัน เพื่อหลบซ่อนแววตาที่ไหววูบ เธอคิดว่านี่คงจะเป็นฝีมือของคาร์เตอร์ที่ต้องการจะบีบเธอ “ลินหนูพูดอะไรออกมาลูก หนูจะไปหาเงินเยอะแบบนั้นได้ที่ไหน” พุดซ้อนกอดตอบพลางลูบหลังลูกสาวตัวเองเบาๆอย่างสงสัย มิลินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเพียงคิดถึงใบหน้าคนที่เธอโกรธแค้น คนที่อ้างว่าเป็นเจ้าชีวิตของเธอ “งั้นแม่กับมิน รอหนูแป็บนะคะ หนูขอไปคุยโทรศัพท์ก่อน” Rrrrrn Rrrrrn “หึ” คาร์เตอร์ที่นั่งจิบไวน์อยู่ในรถยนต์
@1 สัปดาห์ผ่านไป[Part มิลิน] ฉันกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว นอกจากฉันจะกลับมาทำบุญให้กับพ่อที่ฉันรัก ฉันก็อยากจะหลบหน้าหนีคาร์เตอร์ด้วย และตลอดหนึ่งสัปดาห์ เขาก็โทรมาหาฉันตลอด บังคับให้ฉันกลับไปหาเขาตามสัญญา ไหนจะส่งข้อความมาข่มขู่ฉันทุกวัน “มิลิน…เธอต้องกลับมาหาฉันตามสัญญา” เสียงทุ้มของเขาแผ่วต่ำผ่านสายโทรศัพท์ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกกดทับ “ฉะ..ฉันยังไม่พร้อมจะกลับไปหา” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ แต่พยายามยืนยันความตั้งใจของตัวเอง “หึ..เธอคิดว่าเธอจะรอดจากฉันงั้นเหรอ” เขาพูดติดตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่สายตาที่ฉันจินตนาการในหัว…มันเย็นเฉียบและน่ากลัวจนทำให้ฉันกลืนน้ำลาย ฉันถอนหายใจหนัก รู้ว่าทุกคำพูดของฉันจะถูกเขาจดจำและฉันก็ไม่อาจบังคับให้ตัวเองกลับไปหาเขาตามสัญญาได้ ฉันจึงตัดสินใจ…ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความของเขาอีกเลย จนเมื่อสามวันก่อน ข้อความสุดท้ายจากเขาส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของฉัน “นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอ…ที่เธอจะหันหลังให้กับฉัน…” และเขาก็ยังใจดีส่งคำขู่ทิ้งท้ายไว้ให้ฉันอีกนะ เฮ้อ
@ห้องทำงานคาร์เตอร์ “คุณคาร์เตอร์ฉันขอกลับห้องได้ไหม พอดีว่าฉันจะต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด....” หลังจากที่คาร์เตอร์คุยงานกับดีนเสร็จ มิลินก็ตัดสินใจพูดความต้องการของตัวเอง เธอรู้สึกไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอจะต้องมานั่งขออนุญาตเรื่องการกลับบ้านของตัวเองด้วย “........” “คือมันสำคัญมากๆ ฉันนัดกับแม่ไว้แล้วว่าจะไปทำบุญให้กับพ่อ...” มิลินเผลอส่งสายตาเศร้าไปยังมาเฟียหนุ่มเมื่อเธอพูดถึงพ่อที่เธอรักซึ่งได้จากพวกเธอไปแล้ว “เฮ้อ....กี่วัน?” “สามวันค่ะ” “รีบกลับ” “อ๊ะ...คุณอนุญาตแล้วใช่ไหมคะ” มิลินดีใจจนเธอเผลอยิ้มกว้างออกมา ทำให้ตาคมจ้องมองไปยังรอยยิ้มสดใสนั่น นี่คงจะเป็นรอยยิ้มแรกตั้งแต่ที่เธออยู่กับเขามา “อืม...แต่ถ้าฉันสั่งให้เธอกลับมาเมื่อไร เธอก็ต้องกลับมา อย่าคิดหนี หรือ แข็งข้อกับฉัน และอย่ายุ่งกับผู้ชายคนอื่น ฉันไม่ชอบสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไม่เชื่อง เข้าใจไหม?” คาร์เตอร์เอ่ยสั่งหญิงสาวเสียงเข้ม “ค่ะๆ ” มิลินตอบอย่างขอไปที ถึงแม้จะไม่ชอบใจในคำพูดของมาเฟียหนุ่มมากนัก แต่เธอก็เลือกที
@ห้องทำงานคาร์เตอร์ “ฉันอยากกลับบ้านแล้ว ฉันขอโทรศัพท์มือถือคืนด้วยค่ะ” “.....” คาร์เตอร์ไม่ตอบอะไรกลับไป นอกจากเคาะนิ้วมือเป็นจังหวะลงที่โต๊ะทำงาน และมองไปยังมิลิน ที่ยืนอยู่กลางห้องใหญ่ “นี่! คุณได้ยินฉันรึเปล่า ฉันต้องการของของฉันคืน!!” มิลินกระแทกเสียงจนดังลั่น เมื่อเขายังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง “ฉันคงจะใจดีกับเธอมากเกินไปสินะ....” น้ำเสียงราบเรียบของมาเฟียหนุ่มที่เปล่งออกมาทำให้มิลินรู้สึกเสียวสันหลังวาบทันที แต่เธอก็ยังคงต้องเก็บอาการเหล่านั้นไว้ “...ฉะ...ฉันก็แค่อยากได้โทรศัพท์ของฉันคืน ตอนนี้ฉันอยากโทรไปหาเพื่อนของฉันก่อน ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ยัยพราวเป็นยังไงบ้าง แล้วเพื่อนของคุณ...ทำอะไรเพื่อนของฉันรึเปล่า...” “หึ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ค่อยไปห่วงคนอื่น" น่าขำสิ้นดีที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะไปช่วยเพื่อนรักจากไอ้ไบรอันต์และไอ้เซนได้ “ตะ...แต่ คุณก็ไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับฉันนะ....” น้ำเสียงเย้ยหยันของคนตรงหน้า ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจมากขึ้น “ฉันหรือที่ไม่มีสิทธิ ให้ฉัน...ทวนสิทธิให้เ
“อ๊าสสสสส์” เสียงคาร์เตอร์ปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นพุ่งปรี๊ดเข้าไปในปากของมิลิน ทำให้น้ำรักที่มีอยู่มากเอ่อล้นออกมาจากมุมปากของเธอ และเปรอะเปื้อนไปทั่วคางลามไปถึงลำคอ แค่กๆ แค่กๆ มิลินเผลอกลืนน้ำรักของมาเฟียหนุ่ม เมื่อเขาถอดถอนความเป็นชายออกจากปากของเธอ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวและรสชาติของบุรุษชายที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และความเหนียวหนืดของมัน ทำก็ให้เธอรู้สึกอยากจะอ้วก ก๊อกๆ ก๊อกๆ "เข้ามา" "! " มิลินรีบขดตัวเข้าไปในผ้าห่มสีดำผืนบางทันที เมื่อมาเฟียหนุ่มอนุญาตให้คนที่อยู่หน้าห้องเข้ามาได้ "นี่ครับของที่นายสั่ง เสื้อผ้าของคุณมิลิน" เจมส์มองไปยังเจ้านายหนุ่มที่กำลังหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาพันรอบเอวหนาไว้ และชำเลืองมองหญิงสาวที่เอาผ้าห่มคลุมศีรษะไว้มิด ก่อนที่จะเดินเอาถุงกระดาษแบรนด์ดังในมือมาวางไว้ที่โต๊ะตามคำสั่งของผู้เป็นนาย "วันนี้มีงานสำคัญอะไรไหม" "วันนี้มีนัดประชุมกับฝ่ายบัญชี บ่ายสอง เรื่องงบประมาณโปรเจ็คใหม่ครับ" "แล้วงานที่กูให้ไอ้ดีนจัดการ เป็นไง" "เรียบร้อย







