“..” มีนาลืมตาตื่นขึ้นมานอนนิ่ง ๆ ด้วยความโศกเศร้า หยาดน้ำตาพลันรินไหลออกจากหางตาไม่ขาดสาย เพราะว่าบ่อยครั้งนักที่เธอมักหลับตาทีไรจะฝันถึงผู้ชายเลวระยำขึ้นชื่อว่าสามีกำลังขืนใจเธออยู่บนเตียงใหญ่อย่างไร้ความปรานี โดยที่เธอไม่สามารถหลุดพ้นไปจากเขาได้ แม้ว่ามันจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่เธอก็ยังคงไม่ลืมเลือนและยังจมปลักอยู่กับฝันร้ายอย่างนี้ในบางคืน เมื่อครั้นเธออ่อนแอหนัก ๆ หนำซ้ำเธอยังต้องกินยาคุมทุกวัน เพื่อคุมกำเนิดไม่ให้อีกหนึ่งชีวิตเกิดมาในช่วงวัยรุ่นของเธออีก…
“เมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นจากแกสักทีนะ ไอ้คนใจร้าย “ฝ่ามือเรียวเล็กลูบหน้าตัวเองหนึ่งครั้ง ภายในใจเต็มไปด้วยความคุกรุ่น ยิ่งใกล้ถึงวันที่เธอต้องย้ายบ้านพลัดพรากจากอกพ่อแม่ ไปอยู่ชายคาเดียวกันกับสามีผู้ชายที่เกลียดชังเธอ ซึ่งเธอเองก็เกลียดชังเขาไม่ต่างกัน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขุ่นมัวและห่อเหี่ยวมาก…ถึงมากที่สุด
“…”
……
“รีบมานั่งเลยลูก เดี๋ยวจะสายเอา “ปรีดาเรียกลูกสาวครั้นมีนาเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยชุดนักเรียนมัธยมปลาย
“ค่ะ แล้วคุณพ่อล่ะคะ “หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มร่าเริง หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ในขณะที่ผู้เป็นแม่ เดินไปหย่อนสะโพกนั่งฝั่งตรงข้าม
“คุณพ่อไปรับ คุณคาทสึ กับ คุณจีน่า ที่สนามบินจ้ะ”
“…”
“..” ยามที่ผู้เป็นแม่เอ่ยถึงชื่อพ่อและแม่ของสามี ทำให้มีนาต้องหยุดชะงักช้อนโจ๊กที่กำลังจะตักเข้าปากด้วยความรู้สึกที่ใจ มันหวิว ๆ คล้ายกับว่าความโดดเดี่ยวกำลังจะย่างกายเข้ามาเยือนในอีกไม่ช้า สาเหตุมาจากข้อตกลงของผู้ใหญ่เมื่อปีก่อนครั้นเข้าพิธีแต่งงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?”
“อ๋อเปล่าค่ะ ทำไมถึงได้มาเร็วอย่างนี้ล่ะคะ ไหนว่าอาทิตย์หน้า “ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มให้ผู้เป็นแม่เล็กน้อย พลางวางช้อนโจ๊กไว้ในชามที่เดิม ครั้นหลุดออกจากภวังค์ความคิด
“พอดีคุณทาคสึ มีงานด่วนที่บริษัทในไทยน่ะจ้ะ เลยมาก่อนกำหนด”
“ค่ะ แม่คะอาทิตย์หน้าหนูต้องย้ายไปอยู่กับคุณฮัททสึจริง ๆ เหรอคะ หนูกลัว หนูไม่ยากไปเขาใจร้าย “ยามที่เอ่ยถึงชื่อสามี ก้อนสะอื้นพลันแล่นขึ้นมาจุกคอเอาเสียดื้อ ๆ ดวงตากลมโตพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตาคลอหน่วย ก่อนจะไหลกลิ้งลงมาอาบแก้มนวลในที่สุด ทำให้คนเป็นแม่อย่างปรีดาน้ำตาซึมตามลูกสาว เพราะว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดีกว่าใคร
“โถ่ลูกแม่ “ปรีดาปรี่ตัวลุกจากเก้าอี้เดินมาโน้มตัวกอดปลอบลูกสาวทางด้านหลัง ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ “เข้มแข็งนะลูก แม่อยู่ข้าง ๆ ลูกเสมอ”
“…” มีนาพยักศีรษะหงึก ๆ ตอบรับผู้เป็นแม่ เสียงสะอื้นพลันเล็ดลอดดังออกมาจากลำคออยู่เป็นระยะ อีกทั้งวันนี้ยังเป็นอีกวันที่เธอกินน้ำตาตัวเองผสมกับอาหารเช้า เมื่อสามวันก่อนก็ทีหนึ่ง หลังจากรับรู้ว่าอีกไม่กี่วันต้องเคลื่อนย้ายทั้งตัวและความรู้สึก ไปยังบ้านหลังใหม่อยู่กับสามีใจโฉดเพียงลำพัง
“…”
……
หลายชั่วโมงต่อมา ~~
บริษัท Sports cars กรุป
“เอาเป็นว่างานเลี้ยงแต่งตั้งลูกชายผมรับช่วงต่อเป็นประธานบริษัทในไทย จัดขึ้นวันจันทร์หน้านะครับ “เสียงทรงอำนาจของประธานบริษัทอย่างคาทสึสรุปข้อมติ หลังจากหารือกันมานานราว ๆ เกือบหนึ่งชั่วโมง ซึ่งคนในห้องประชุมต่างพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“…”
“สี่โมงแกไปรับเมียแกที่โรงเรียนด้วยล่ะ “คาทสึหันไปสั่งกับลูกชายเพียงคนเดียวที่เอาแต่เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เล่น โดยไม่ได้สนใจเรื่องการประชุมที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมการผู้อาวุโสแต่ละท่านเดินออกไป
“ครับ “ฮัททสึตอบรับสั้น ๆ เสียงแข็ง พลางดันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนาเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“เย็นนี้แกห้ามไปไหน อยู่ทานข้าวพร้อมกันที่บ้านคุณทัศ”
“..” ฮัททสึหมุนตัวหันหลังก้าวขาได้ไม่กี่ก้าว เป็นต้องหยุดชะงักฝีเท้าครั้นเสียงผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นตามหลัง เขาเพียงชำเลืองหางตามองอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ทำเอาคาทสึถึงกับส่ายหน้าเอือมระอากับท่าทางเฉยชาที่ลูกชายมีให้ตลอดเวลาและเสมอมา
“…”
“นายจะไปไหนต่ออีกไหมครับ “คาชิโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนาย ยามที่ฮัททสึเดินมาถึงลานจอดรถผู้บริหาร
“ไปสนามแข่งเฮีย”
“ครับ”
ครืนนน ครืนนน
ขณะเดียวกันเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงสแล็คของฮัททสึดังขึ้น มือหนาจึงล้วงหยิบขึ้นมา ปรากฏเบอร์แปลกบนหน้าจอสี่เหลี่ยม ทำให้เจ้าของโทรศัพท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสายในเวลาต่อมา
“อีกสองอาทิตย์กูจะไปไทย มึงเตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วกัน “ เสียงคุ้นเคยจากปลายสายกลอกเข้ามาทันทีที่ยกโทรศัพท์แนบใบหู ฮัททสึยกโทรศัพท์ออกเล็กน้อยมองหน้าจอโทรศัพท์ คิ้วทั้งสองข้างหม่นเข้าหากันอย่างแปลกใจ
“มึงรู้เบอร์กูได้ยังไง “
“จะหาเบอร์มึง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกูนิ “
“..” ฮัททสึดันเรียวลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์กับประโยคยียวนของปลายสาย นิ้วเรียวยาวกดปุ่มวางสายทันที
“ใครโทรมาเหรอครับ ดูท่าทางนายหงุดหงิดเชียว “คาชิถาม ครั้งสังเกตเห็นสีหน้าทมึงถึงของผู้เป็นนายเด่นชัดออกมาหลังจากกดวางสาย
“ไอ้คีตะ “ฮัททสึตอบเสียงแข็งพลางดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มอยู่อย่างนั้น คีตะคือศัตรูอันดับหนึ่งของเขาสมัยเดินสายแข่งรถระดับประเทศในบ้านเกิด ซึ่งทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน มักจะไม่ลงรอยกัน ขัดแย้งหาเรื่องกันประจำหากได้พบหน้า สาเหตุมาจากการคัดเลือกตัวแทนนักแข่งรถไปแข่งชิงแชมป์โลก และ ผลออกมาคีตะพ่ายแพ้ให้กับฮัททสึ ตอนนั้นคีตะรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก จึงอิจฉาตาร้อน คิดวิธีหาทางเอาคืนฮัททสึอยู่ตลอดเวลา เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีให้กับตัวเอง เขาต้องอยู่เหนือทุกคน เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้นิยามประมาณนั้น…
“ที่มันโทรมา คงไม่พ้นเรื่องแข่งรถอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้ใช่ไหมครับ”
“อือ “ฮัททสึครางเสียงตอบรับในลำคอเท่านั้น ก่อนจะขึ้นรถสปอร์ตคันหรูสีฟ้าของตัวเอง ขับออกไปจากบริษัท โดยที่มีรถสปอร์ตอีกคันของลูกน้องคนสนิทขับตามหลังออกไป
“…”
โรงเรียนอินเตอร์คอนแวน
กริ้งงงง ~~
เสียงกริ่งส่งสัญญาณหมดคาบเรียนคาบสุดท้ายของวันดังขึ้น อาจารย์หน้าชั้นเรียนเร่งสั่งการบ้านภาษาอังกฤษ ก่อนจะปล่อยเหล่านักเรียนให้เตรียมตัวกลับบ้าน
“ไปกินไอติมกันปะยัยนา “ดิวเพื่อนสาวคนสนิทเอี่ยวหน้าไปถามมีนาที่กำลังเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนใส่กระเป๋าอยู่โต๊ะข้าง ๆ
“วันนี้คิดยังไงถึงได้ชวนล่ะดิว ปกติแกต้องรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือก่อนใครเพื่อนแล้วนะ ยิ่งใกล้สอบปลายภาคแล้วด้วย “มีนากล่าวพลางยัดหนังสือเรียนเล่มสุดท้ายลงกระเป๋านักเรียน
“ก็ช่วงนี้ฉันสังเกตเห็นแววตาแกดูเศร้า ๆ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาอย่างแต่ก่อน เลยจะชวนไปกินไอติมคลายเครียดซะหน่อย”
“อือ งั้นเดี๋ยวฉันโทรขออนุญาตพ่อก่อนนะ”
“โอเค แกไปไหมไท “ดิวชะเง้อหน้าไปถามเพื่อนชายคนสนิทอีกคน นั่งเล่นโทรศัพท์ตรงโต๊ะด้านข้างกับมีนา
“อีนาไปกูก็ไป “ไทตอบโดยไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าจอโทรศัพท์ กระดิกเท้าด้วยท่าทางสบายใจเฉิบ
“จะไปก็ลุกสิเล่นโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ”
“ครับคุณผู้หญิง “ไทเงยหน้าขึ้นมาตอบประชดดิวเพื่อนสาวอย่างรำคาญ
“แกก็ชอบประชดยัยดิวจังนะไท “มีนาดันตัวลุกขึ้นกล่าว ปกติไทจะแกล้งเย้าแหย่พูดจาประชดประชันดิวเป็นประจำราวกับว่าเป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนกลายเป็นความเคยชินและเรื่องน่าขำขันไปแล้วสำหรับเธอ แต่บางทีเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดแซว
“หึ “ไทเพียงแค่เค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เท่านั้น โดยไม่ได้ขัดแย้งอะไร พลางยัดโทรศัพท์เครื่องหรูใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียน
“ว่าแล้วยังจะมาหัวเราะอีกนะไอ้ไท “ดิวแหวใส่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“ก็กูอยากหัวเราะนิ “ไทไหวไหล่อย่างยียวน
“เอาเถอะทั้งสอง ฉันขอโทรหาพ่อก่อนเงียบ ๆ นะ “ดิวพยักหน้าเข้าใจ ส่วนไทเลิกหน้าขึ้นตอบรับ ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องเรียน โดยที่มีนายกโทรศัพท์แนบใบหูต่อสายหาผู้เป็นพ่อ
“..”
“ไม่ได้ไปอะดิทำหน้าเงี่ย “ไทถาม ครั้นเห็นสีหน้าของมีนาบึ้งตึงหลังจากยกโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู ขณะกำลังก้าวเท้าลงบันได
“อือ”
“บอกเหตุผลปะ? “ดิวถาม
“มีแขกมาที่บ้าน “มีนาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ ใบหน้าหวานฉายแวววิตกกังวลกับเรื่องราวบางอย่าง
“ออ..ไปวันหลังก็ได้ แล้วแกเป็นอะไรหรือเปล่าน่าเศร้าเชียว”
“เปล่าหรอก “มีนาฝืนยิ้มบาง ๆ กลบเกลื่อนความเศร้าหมองภายในใจ ทั้งที่ความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวกับเรื่องราวที่เคยประสบพบเจอ ฉายเข้ามาในภาพแห่งความทรงจำอันโหดร้าย ขณะเดียวกันก็เดินมาหยุดตรงหน้าตึกเรียน
“เปล่าก็เปล่า”
“งั้นกูกลับก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ “ไทกล่าวขึ้น สายตาทั้งคู่จับจ้องมองไปยังมีนาฉายแววเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งดิวเองก็มองออกว่าเพื่อนของเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
“มาเช้า ๆ หน่อยล่ะ เดี๋ยวก็ได้วิ่งรอบสนามอีก “ดิวตะโกนตามหลังเพื่อนชาย ทว่าไทกลับยกนิ้วกลางให้ โดยไม่เอี่ยวหน้ากลับมา เห็นอย่างนั้นดิวถึงกับปรี๊ดออกหูแล้วตะโกนเสียงด่าไปอีกครั้ง “ไอ้เหี้ยไท!”
“..”
“วันนี้คนของพ่อแกมารับเหมือนเดิมใช่ปะ?”
“อือ “มีนาตอบรับคำสั้น ๆ แววตาคู่งามแลดูเหม่อลอย ขณะหัวใจดวงน้อยก็เอาแต่เต้นระส่ำอย่างไร้สาเหตุ จนแทบทะลุออกมานอกอก
“เค ๆ “จากนั้นทั้งสองสาวพากันออกมายืนรอผู้ปกครองมารับที่หน้าโรงเรียน
“ไปก่อนนะมีนาเจอกันพรุ่งนี้ “ดิวเอ่ยลา
“จ้ะเจอกัน “มีนาโบกมือลาเพื่อนสาว ก่อนที่รถยนต์คันหรูของดิวจะขับเคลื่อนออกไป
“…”
-------------------------------------------------------------
#วันต่อมา @ร้านเบเกอรี่“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ?” กล่าวถามทันทีที่เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมกับถาดเค้กมะพร้าวในมือ เจอกับแก๊งเพื่อนของสามีที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพอดี ในมือหนาแต่ละคนต่างเต็มไปด้วยถุงกระดาษใส่ของเล่น อีกทั้งลูกชายในอ้อมแขนแกร่งของสามียังถือโมเดลไอรอนแมนตัวใหม่แกะกล่อง“ของเล่นลูกน่ะ ไอ้พวกนี้มันสายเปย์” ฮัททสึตอบพลางยิ้มกริ่มอย่างไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่มีนาหม่นคิ้วเข้าหากันเป็นปม ส่งถาดเค้กให้กับพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ สาวเท้าเดินมาหยุดตรงหน้าสามีจ้องมองนิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า?”“ของเล่นลูกเต็มบ้านแล้วนะคะ จนไม่มีที่จะเก็บแล้ว” กล่าวเสียงเข้มอย่างต้องการตำหนิ“เห็นหลานอยากได้ พวกพี่เลยซื้อให้ครับ น้องมีนาอย่าโกรธพวกพี่เลยนะ ส่วนไอ้ฮัทโกรธมันเลยเต็มที่” เคนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแหย ๆ อย่างเอาตัวรอด แล้วโยนขี้ให้กับพ่อของลูก“เฮ้ย! พูออย่างนี้ได้ไงวะไอ้เคน จะยุให้เมียกูโกรธกูอีกทำไมวะ ไอ้เพื่อนชั่ว ยิ่งง้อยากอยู่ แถมยังขี้บ่นอีก บ่นจนกูหูชา แม่ง!” ฮัททสึหันขวับแหวใส่เพื่อนรักอย่างใจไม่ดี ก่อนหลุดปากพูดความคิดที่อยู่ในหัวออกมาอย่างลืมตัว พอรู้ตัวอีกทีถึงกับหน้าถอดสี ส่วนเคนได้แต
ตอนที่ 49 เป็นผัวที่ดี“ปะลูกเข้าห้องกับมี้” หยัดกายลุกขึ้นเมื่อasลูกชายวิ่งเตาะแตะเข้ามาหาหลังจากถูกลงโทษให้นั่งนิ่ง ๆ อยู่กับผู้เป็นพ่อในห้องรับแขก“ปะป๊า”“ปะป๊าเขายังถูกทำโทษอยู่นะครับ”“ป๊างอน ” เด็กชายกล่าวบอกความต้องการด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเอียงศีรษะทุยเล็กซบท่อนขาผู้เป็นแม่“แต่…”“มี้~” แหงนคอมองผู้เป็นแม่ตาแป๋วขอความเห็นใจ ทำเอามีนาถึงกับหนักใจแต่ก็ยอมตกลงตามความต้องการของลูกชาย ทำให้ทั้งพ่อทั้งลูกต่างดีใจกันยกใหญ่#เวลาต่อมา“ลูกหลับแล้วก็ออกไปนอนข้างนอก” เมื่อลูกชายหลับสนิทจึงลุกขึ้นนั่งเอ่ยกับคนตัวสูงที่นอนอยู่อีกฝั่งข้างของลูกชาย“พี่ง่วงจังครับ” แสร้งหลับตาแล้วทำเสียงงัวเงีย“อย่ามาเจ้าเล่ห์นะ ออกไป!”“อย่าเสียงดังสิเมียจ๋า เดี๋ยวลูกตื่นเอานะ”“ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ต้องเรียกแบบนั้น” แหวใส่คนเจ้าเล่ห์เสียงเบาหวิวอย่างเริ่มหงุดหงิด ทั้งที่ความเป็นจริงเธอกำลังหวั่นไหวให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับเงียบทำหูทวนลมแล้วข่มตานอนต่อ “บอกให้ออกไปนอนข้างนอกไง” ไม่ยอมแพ้ก้าวลงจากเตียงดึงแขนแกร่งให้ลุกขึ้นพรึ่บ!“อ๊ะ!” เพียงคนบนเตียงออกแรงกระตุกท่อนแขนเล็กเบา ๆ ร่างบางก็เสียหลักล้มทับค
ตอนที่ 48 บทลงโทษ“วันนี้คุณมีนาดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ” เจนกล่าวแสดงความคิดเห็นกับฮัททสึที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกชาย หลังจากมีนาเดินเข้ามาก่อนด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด“คงงอนผมน่ะครับ”“สู้ ๆ นะคะ คุณฮัททสึ ง้ออีกนิดเดียวคุณมีนาต้องยอมใจอ่อน แน่ ๆ ค่ะ น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกค่ะ”“ขอบคุณครับ” เริ่มมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง เขาจะไม่ยอมแพ้“ให้พี่ช่วยไหม?” ฮัททสึเดินจากหน้าร้านเข้ามากล่าวอาสา เมื่อเห็นว่ามีนากำลังทำบัญชีอยู่หน้าตาเคร่งเครียด โดยที่ลูกชายตัวน้อยนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา“ไม่ต้อง ไปช่วยพี่เจนหน้าร้านเถอะ” ตอบเสียงห้วน ๆ โดยไม่ละสายตาไปจากบัญชีตรงหน้าที่เธอไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ก่อนเป็นหน้าที่ของมาเรีย แต่เพราะแม่ป่วยเธอจึงลาออกกลับไปดูแลแม่ที่บ้าน“คนไม่มีแล้ว มาเดี๋ยวพี่ทำให้เอง พี่ถนัด”“ไม่เข้าใจหรือวะ…ว้าย!” ไม่ทันได้กล่าวจบเพราะความรำคาญ ทว่าต้องหวีดเสียงแทนด้วยความตกใจ เมื่อก้นลอยขึ้นจากเก้าอี้เข้าสู่อ้อมแขนแกร่งในท่าเจ้าสาวเสียก่อน เธอจึงรีบตวัดรัดลำคอแกร่งกร้านไว้โดยอัตโนมัติเพราะกลัวตก ทำให้ใบหน้าทั้งสองใกล้กันเพียงคืบนิ้วเท่านั้น“ปล่อยเดี๋ยว
มีนาจูงมือลูกชายเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าแปลกใจ เมื่อทุกโต๊ะในร้านถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงขนมหวานต่าง ๆ ที่เธอทำเตรียมเอาไว้ในตู้เย็นหลังร้านถูกนำมาจัดเข้าตู้โชว์พร้อมเปิดรับลูกค้าทั้งที่พนักงานเหลือเพียงคนเดียวคงจัดการทุกอย่างไม่ทัน เพราะมาเรียลาป่วยได้ห้าวันแล้ว เธอจึงต้องรีบพาลูกชายมาที่ร้านเร็วกว่าเดิม เพื่อช่วยพนักงานเตรียมเปิดร้าน แต่ผิดคาด ห้าวันมานี้เธอแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย มาถึงก็รอขายและทำขนมหวานบางอย่างที่หมด“สวัสดีค่ะคุณมีนา”“สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เตรียมร้านเสร็จเร็วมาก ๆ เลยนะคะพี่เจน คงเหนื่อยแย่เลยค่ะ”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะคุณมีนา ดีที่มี…” รีบหยุดพูดแทบไม่ทัน เมื่อกำลังจะเผยความลับบางอย่างออกมา“มีอะไรคะ?”“เอ่อ...” ตอบอย่างอึก ๆ อัก ๆ ท่าทางมีพิรุธ “มะ...มีแฟนพี่มาช่วยค่ะ เลยเสร็จเร็วกว่าปกติ”“อ๋อ ๆ ค่ะ นาฝากขอบคุณแฟนพี่เจนด้วยนะคะ เย็นนี้นาฝากขนมไปให้แฟนพี่เจนด้วยนะคะถือว่าเป็นการตอบแทน”“ค่ะ”มีนาส่งยิ้มให้พนักงานสาวอย่างใจดีถึงแม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้เอาความ จูงมือลูกชายเดินเข้าไปหลังร้าน เจนยกมือทาบอกพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่
@อเมริกา“แอะ~" ฮาชิยิ้มร่าจนตาหยีเป็นรูปสระอิด้วยความคิดถึงปู่และย่าที่นาน ๆ ทีมาเยี่ยมหน ความตาตี่และเค้าโครงหน้าคล้ายคลึงกับผู้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดตอนเยาว์วัยไม่มีผิดเพี้ยน“อย่าวิ่งครับลูก” มีนาปรามลูกชายด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะล้มหน้าคะมำเอาได้ แต่มีหรือเด็กชายแสนแสบจะฟัง เร่งฝีเท้าอันเล็กตรงมาหาผู้เป็นปู่ ก่อนปีนป่ายขึ้นนั่งบนตักแกร่งอย่างซุกซน ทำเอามีนาถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา“ไปไหนมาครับหลานปู่”“ปู" ริมฝีปากน้อย ๆ พยายามเปล่งเสียงเรียกผู้เป็นปู่อย่างรู้ความ พลางแก้มป่องซบบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน ท่ามกลางสายตาเอ็นดูของผู้เป็นแม่และผู้เป็นย่า“คิดถึงแค่ปู่เหรอครับหลานย่า” จีน่าแสร้งปั้นสีหน้าน้อยใจ ทำให้เด็กชายวัยหนึ่งขวบรีบผละใบหน้าจิ้มลิ้มออกจากแผงอกของผู้เป็นปู่ แล้วปีนลงจากตักแกร่งด้วยตัวเอง เดินเตาะแตะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นย่าราวกับเป็นการปลอบใจ“ตึ๋ง~ ” “ไหนย่าขอหอมหน่อยสิ” จีน่าอุ้มหลานชายขึ้นมานั่งบนตัก แล้วโน้มใบหน้าฟัดแก้มป่องของหลานชายทันทีอย่างมันเขี้ยว เมื่อหลานชายขี้อ้อนทำแก้มป่องอนุญาตยอมให้ผู้เป็นย่าหอมอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้คนเป็นแม่ที่มองอยู่ถึงกับยิ้มแก้มปริ
ตอนที่ 45 หนีมาไกล / ยังไร้ร่องรอยหนึ่งปีต่อมา@อเมริกาออด ออด ออด เสียงออดประตูหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่กำลังพับเสื้อผ้าใส่ตะกร้าอยู่ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ละความสนใจออกจากสิ่งที่ทำ หยัดกายลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับแขกที่มาเยือน“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ “สองมือยกขึ้นไหวพ่อและแม่ของสามี ที่เธอต้องการหย่าขาดอย่างสุภาพ แล้วเชิญเข้าไปนั่งในบ้านหลังจากที่ท่านทั้งสองพยักหน้ารับ“เป็นยังไงบ้างหนูมีนา ไม่ลำบากอะไรนะ “จีน่าเอ่ยถามลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่กับหลานชายเพียงสองคนในต่างถิ่นต่างแดนหากย้อนไปปีก่อน หลังรู้เรื่องราวจากลูกชายตัวดี สามีของเธอจึงให้คนตามสืบเบาะแสเพิ่มเติมของลูกสะใภ้ระหว่างอยู่ที่ไร่ส้มในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทราบข่าวว่าลูกสะใภ้กำลังจะหนีลูกชายไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเธอและสามีจึงตัดสินใจอาสาพาลูกสะใภ้หนี โดยการติดต่อผ่านบิดามารดาของลูกสะใภ้ให้ช่วยเหลืออีกแรง ด้วยความเป็นห่วงหลานชายที่กำลังจะลืมตาดูโลก ไม่อยากให้ไปใช้ชีวิตลำบากกันตามประสากันสองคนแม่ลูก บวกกับความรู้สึกผิดที่เลือกตัดอนาคตเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะได้ศึกษาต่อจนจบ มีหน้าที่การงานก