หลังจากจัดการมนุษย์ป้าไปได้อย่างสวยงาม ไป๋เหลียนจึงมุ่งตรงกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี หลังจากนี้นางก็จะเดินหน้าหาเงินเพียงอย่างเดียว เป้าหมายคือสิบตำลึงเงินจำนวนเงินเท่านี้จึงจะเพียงพอให้นางหนีได้
ไป๋เหลียนเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านหลังน้อยของนางโดยไว ในเมื่อมิติวิเศษสามารถเพิ่มจำนวนของที่ใส่เข้าไปได้ ฉะนั้นเงินสองร้อยอีแปะที่นางมีมันก็อาจจะเพิ่มได้อีกมิใช่หรือ ไป๋เหลียนเจ้านี่ช่างฉลาดจริง ๆ ถ้าการคาดเดาของนางเป็นจริง นั่นเท่ากับว่าหนทางการทำเงินในระยะเวลาอันสั้นก็จะง่ายขึ้น
ทว่าเมื่อกลับถึงบ้านหญิงสาวได้นำเงินที่มีทั้งหมดเข้าไปในมิติวิเศษ นางตั้งตารอว่ามันจะออกดอกออกผลจากสองร้อยเป็นสามร้อยอีแปะ แต่เมื่อตรวจดูอีกครั้งเงินก็ยังมีจำนวนเท่าเดิม นั่นเท่ากับว่ามิตินี้จะไม่เพิ่มจำนวนทรัพย์สินเงินทองของมีค่า ยกเว้นก็แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ และอาหารเท่านั้นที่ได้ผล
ทำเอาไป๋เหลียนแทบจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผาก จะช่วยทั้งทีแต่ก็ไม่ช่วยให้สุด นางก็ยังต้องลำบากหาเงินอยู่ดี
ทัพหลวง ณ ด้านฉางเจียงชายแดนแคว้นเป่ย
แม่ทัพหนุ่มยังคงต้องนอนพักรักษาตัวโดยมีหมอหลวงดูแลอย่างใกล้ชิด เรื่องที่เขาถูกสตรีแปลกหน้าขืนใจยังคงถูกปิดเป็นความลับ เจ้าตัวเก็บเงียบไม่ยอมบอกใคร แม้แต่ชินอ๋องซิงเยี่ยนผู้เป็นสหายสนิททั้งยังเป็นนายเหนือหัวก็ไม่อาจล่วงรู้เรื่องนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่เขารอดมาได้ก็เพราะสตรีหน้าหนาผู้นั้น หากนางไม่ย้อนกลับมาช่วยห้ามเลือดให้ หรือแม้แต่หาน้ำหาอาหารทิ้งไว้ ไม่แน่ว่าเขาก็อาจจะนอนตายอยู่ที่นั่นไปแล้วก็ได้ กระนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจกับการกระทำอันหยาบช้าของนางอยู่ดี มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้เล่นกับความรู้สึกกันเช่นนี้
ยอมรับว่าแค้นและโกรธเคืองที่บังอาจทำลายศักดิ์ศรี กระนั้นอีกใจก็ยังรู้สึกค้าน ทั้งเขาและนางต่างไม่รู้จักกันมาก่อน มีเหตุผลอะไรที่ต้องวางยากระทำเรื่องไร้ยางอาย เป็นคนอื่นก็คงแสร้งร้องไห้ให้รับผิดชอบ แต่นางกลับกล่าวขอโทษให้เขาให้อภัยแล้วหนีไปเสียดื้อ ๆ คนดีที่ไหนเขาทำกัน นอกเสียจากเป็นคนบ้า
ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงใบหน้าของสตรีผู้นั้นคอยก่อกวนจิตใจ รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านไม่ชอบใจเอาเสียเลย ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจต้องการ แต่ก็ต้องพับเก็บความว้าวุ่นใจไว้ เมื่อได้เวลาที่หมอหลวงจะมาตรวจอาการประจำวัน
ไม่นานนักหมอหลวงพร้อมทั้งชินอ๋องก็เข้ามา พวกเขาไม่พูดอะไรปล่อยให้ท่านหมอตรวจอาการอย่างเงียบ ๆ ด้วยแม่ทัพหลี่เพิ่งจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อรุ่งเช้า เขาหลับไปถึงสิบวันทำให้ทุกคนต่างกังวลและเป็นห่วง หลังจากตรวจอาการอย่างละเอียดเจ้าตัวพ้นขีดอันตราย หมอหลวงอดเสียมิได้จึงเอ่ยถามข้อมูลบางอย่าง
“ท่านแม่ทัพไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนทำแผลให้หรือขอรับ”
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าหนีมาถึงเพิงพักกลางป่าก็หมดสติไปเลยจึงไม่รู้เหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” หลี่มู่กวาแสร้งทำสีหน้าจริงจัง ด้วยเกรงว่าจะเผยพิรุธให้ซิงเยี่ยนจับได้ มิเช่นนั้นเขาจะถูกอ๋องหน้าหนาผู้นั้นเค้นถามไม่หยุดเป็นแน่
“มีอะไรหรือท่านหมอ” อ๋องหนุ่มใคร่สงสัยยิ่งนัก เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกัน เมื่อไปถึงกระท่อมกลางป่า สหายก็อยู่ในสภาพดีกว่าที่คิดทั้งยังมีร่องรอยการทำแผลให้เสร็จสรรพ รวมไปถึงข้างกายเขานั้นมีน้ำและอาหารวางไว้รอ เป็นไปไม่ได้ที่สหายจะอยู่เพียงคนเดียว แต่ว่าเขายังไม่ถามอะไรตอนนี้ด้วยมีเค้าลางความน่าสนใจไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องสนุกรออยู่ข้างหน้าเป็นแน่
“กระหม่อมคาใจสมุนไพรที่นางใช้พอกบาดแผลให้เลือดหยุดไหลพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่กระหม่อมที่เป็นหมอมีความรู้ด้านสมุนไพรก็ยังคาดไม่ถึงว่าพืชชนิดนี้สามารถใช้ห้ามเลือดได้ ทั้งที่ขึ้นดาษดื่นหาได้ง่ายแต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่ามันจะมีสรรพคุณดีเช่นนี้ ในยามศึกแม้แต่ยาก็ขาดแคลน ถ้าเราใช้มันทำเป็นยาห้ามเลือดไว้ใช้ได้ก็คงดีไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงอยากจะพบคนผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ความรู้ดี ๆ จากเขาอีกมาก”
“พืชที่เจ้าว่ามันดีขนาดนั้นเชียวหรือ” หลี่มู่กวาเมื่อได้ยินคำอธิบายของท่านหมอก็รู้สึกทึ่งไม่น้อย เขาหรือก็คิดว่านางเป็นแค่หญิงชาวบ้านคงทำไปมั่ว ๆ ไม่ได้มีความรู้อะไร แต่กลับไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำมีประโยชน์เช่นนี้
“ไม่ใช่สมุนไพรชั้นเลิศเกิดขึ้นทั่วไปตามแหล่งธรรมชาติขอรับ ที่ข้าน้อยกล่าวชมนั้นเป็นเพราะยามขาดแคลนมีไว้ก็ดีกว่าไม่มี แม้ฤทธิ์ในการห้ามเลือดไม่ดีเท่าสมุนไพรดี ๆ แต่การหาได้ทั่วไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ก็ถือว่าเป็นของดีเช่นกัน”
“น่าเสียดายความสามารถ พบคนเก่งจะปล่อยไปได้อย่างไร เช่นนั้นข้าจะให้คนไปตามสืบดูก็แล้วกัน”
“ท่านอ๋องรู้หรือพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นเป็นใคร” แม้แต่เขาที่อยู่กับนางทั้งคืนก็ยังไม่รู้ว่านางเป็นใคร จำได้เพียงหน้าตาและน้ำเสียงเท่านั้น แล้วท่านอ๋องที่ตามมาทีหลังจะรู้ได้อย่างไร
“ข้าไม่รู้หรอก แค่เก็บป้ายชื่อได้เท่านั้น ส่งคนตามสืบไม่นานก็รู้” ซิงเยี่ยนชูป้ายชื่อที่เก็บได้ให้อีกฝ่ายดู ก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาให้สหาย ด้วยป้ายชื่อนั้นบ่งบอกชัดว่าเจ้าของคือสตรี
“แคก ๆ”
คนมีชนักติดหลังถึงกับสำลักน้ำลาย ไม่คิดว่าซิงเยี่ยนจะมีหลักฐานเด็ดในการตามหาสตรีหน้าไม่อายผู้นั้นอยู่ในมือ จะให้เจ้านั่นตามหาไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรเขาก็ไม่ไว้ใจไม่เชื่อว่าคนที่กล้าขืนใจบุรุษได้น่ะหรือจะเก็บความลับเป็น
“ท่านอ๋องกระหม่อมขอเป็นคนตามหาเองพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่!”
เมื่อตกลงกันได้คนทั้งสี่ได้เริ่มพูดคุยในเรื่องอนาคต โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย พวกนางยังคงต้องรับหน้าที่สำคัญในหอฮวาเหมย ทั้งกิจการส่วนตัวก็อยู่ที่นี่ ไม่สามารถติดตามจิ้งกังไปอยู่เมืองหลวงด้วยกันได้ จึงตกลงกันว่าจะหาจวนขนาดกลางไว้สักหลัง แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน เมื่อใดจิ้งกังว่างเว้นจากการทำงานค่อยกลับมาเป็นครั้งคราวอีกทั้งอดีตคณิกาทั้งสามมิได้ห้ามให้เขามีภรรยาเพิ่ม แต่มีข้อแม้ภรรยาใหม่ของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของพวกนาง ต่างคนต่างอยู่ ทว่าจิ้งกังนั้นคิดว่าเขาคงไม่แต่งภรรยาเพิ่มอีกแล้ว เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือเขาไม่ต้องการมีภาระเพิ่ม แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับครอบครัวใหญ่ที่แสนจะวุ่นวายทว่าในตอนที่คนทั้งสี่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกในห้องส่วนตัว ประตูห้องก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีสาวใช้นางหนึ่งถือถาดของว่างเข้ามา ทันทีที่สตรีนางนั้นเห็นจิ้งกัง นางก็ได้รีบวางของแล้วคุกเข่าขอร้องให้เขาช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร“ท่านองครักษ์ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าหลิวซือซือคนที่เดินทางไปเมืองหน้าด่านไปพร้อมกันอย่างไรเล่า”“อ๋อ จำได้แล้ว เจ้าคือหลิวซือซือที่ตามไปด้วยเมื่อคราวนั้นเอง”ชายหนุ่มวางท่าเมินเฉย เบื้องบนมีลู่
ในยามนี้เมื่อนายเหนือหัวไม่ยอมออกจากตำหนัก จิ้งกังองครักษ์คนสนิทจึงกลายเป็นผู้ดำเนินการต่าง ๆ แทนอ๋องซิงเยี่ยนไปโดยปริยาย งานเล็กน้อยมักจะเป็นเขาที่ต้องออกไปทำแทนอยู่เสมอถึงแม้จะเป็นงานจุกจิกไปสักหน่อย ทว่าเจ้าตัวกลับเต็มใจและภูมิใจที่ท่านอ๋องมิได้ลืมตน ด้วยวันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับพระชายา อย่างน้อยก็ได้มอบภารกิจให้ตนไปทำแก้เบื่อบ้างแต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถูกสั่งให้ไปทำภารกิจเมืองเห่อเป่ย ด้วยหอฮวาเหมยคือหนึ่งในกิจการอย่างลับ ๆ ของท่านอ๋อง เบื้องหน้าคือหอนางโลมทว่าเบื้องหลังคือหน่วยข่าวกรอง เมื่อท่านอ๋องไม่เสด็จไปตรวจงานด้วยตนเอง ผู้ที่ต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อยจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนสนิทของพระองค์ทว่าตอนนี้จิ้งกังกำลังประสบปัญหา ตัวเขานั้นเกิดพลาดพลั้ง ทำอดีตดาวเด่นนางคณิกาที่ตอนนี้ผันตัวเป็นผู้ดูแลนางคณิกาท้องอย่างไม่ตั้งใจ คนเดียวก็ช่างเถิด แต่นี่ดันท้องพร้อมกันหมดสามคน ทำเอาเขาต้องปวดหัวหาทางออกที่ดีไม่ได้ตัวเขานั้นมิได้รังเกียจที่ได้อดีตคณิกามาเป็นภรรยา ด้วยอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวให้ต้องกังวลถึงหน้าตาวงศ์ตระกูล ก็เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า ที่ผ่านมาถึงได้ใช้ชีวิ
“ข้าไม่ได้อยากได้ของของเจ้า ข้าแค่อยากรู้ว่าลิปสติก รองพื้น คุชชั่น หรือแม้แต่เซรั่มทาผิว เจ้าเอามาจากไหนกันแน่ เจ้าทำอย่างไรถึงได้มีของในอนาคตพวกนี้ได้” หรูเฉินเหมยยิงคำถามรัวเร็วเสียจนอีกฝ่ายฟังแทบไม่ทัน นางที่โหมทำงานหนักอดนอนมาหลายวัน ไม่คิดว่าการงีบแค่แป๊บเดียวตื่นมาก็อยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางมาแคว้นเป่ยเสียแล้ว“อย่าบอกนะว่าท่าน... ไม่ใช่คนของที่นี่” ไป๋เหลียนถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ มิใช่ว่าองค์หญิงแคว้นฉู่คือคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันหรอกนะ“ใช่แล้วข้าไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่กี่วันก่อนข้าเผลอวูบหลับไปนิดเดียว อยู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนนาฬิกาหมุน ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว พอข้าได้เห็นของเหล่านี้มันก็เหมือนกับแสงสว่าง อย่างน้อยข้าก็มีเจ้าที่มาจากอนาคตเป็นเพื่อน”“เสียงนาฬิกาหมุนหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว มิหนำซ้ำมันยังมีเสียงแปลก ๆ แทรกเข้ามา เหมือนจะเป็นเสียงใครบางคนพูดว่า ดึงผู้อื่นอีกแล้ว ประมาณนี้แหละ พอข้ารู้สึกตัวก็อยู่ในขบวนส่งตัวแล้ว แล้วเจ้าเล่าเจ้ามาได้อย่างไร” ถึงตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่นี่ก็ดูจะคุ้นตานัก โดยเฉพาะชื่อว่าที่สวามีขององค์หญิงที่ตนเข้ามาสวมร่าง“ข
ข้าคือสตรีผู้ทะลุมิติเข้ามาในการ์ตูนมังงะเรื่องหนึ่งที่ชื่นชอบ ก่อนจะเข้ามาในโลกแห่งการ์ตูน ชีวิตเก่าก่อนไม่ค่อยจะดีนัก เติบโตมากับการเป็นเด็กวัด ต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงตนเองอย่างแสนยากลำบาก จนวันหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับชีวิตอันน่าบัดซบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนชะตานับตั้งแต่นั้นมาข้ากลายเป็นหลี่ไป๋เหลียนฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง เป็นแม่ค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเป่ย ไม่มีผู้ใดสามารถลอกเลียนแบบสินค้าของข้าได้ จึงกลายเป็นสินค้าที่ผูกขาดไปโดยปริยายจากเด็กวัดที่มีเงินติดกระเป๋าไม่กี่พัน บัดนี้กลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวยที่ไม่รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไรหมด นอกจากจะมีเงินและอำนาจพอตัวแล้ว ไป๋เหลียนก็ยังมีครอบครัวอบอุ่นที่นางใฝ่ฝันถึงมาตลอด แม่สามีที่ใจดี สามีก็ดียิ่ง และลูก ๆ ที่น่ารักทั้งสามใช่แล้วท้องอันใหญ่โตของนางเมื่อคราวนั้น ได้เบ่งคลอดบุตรชายทั้งสามออกมาได้อย่างปลอดภัย กระนั้นก็ทำเอานางเกือบตายในวันคลอดเช่นกัน ด้วยเกือบหมดแรงในตอนเบ่งเจ้าลูกคนเล็ก ดีที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาได้บุตรทั้งสามแสบซนเสียจนนางต้องปวดหัวทุกวัน ไม่รู้ว่าได้นิสัยผู้ใดมา ทั้งท่านย่า บิดา ก็เอาอกเอาใจกันเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดห
“ไป๋เหลียนเจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือไม่ใช่ว่าเจ้าถูกพิษ” อารมณ์เศร้าโศกเสียใจเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น ฮูหยินหลี่ปราดเข้าหาสะใภ้ทำหน้าราวกับคนเห็นผี พูดจาตะกุกตะกัก คิดว่านางตายไปแล้วเสียอีก“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่แค่แกล้งเล่นละครตบตาหว่านปิง เลือดนี้ก็เป็นแค่น้ำเปล่าผสมสีเท่านั้นอย่าได้กังวลไป ขอโทษที่ทำให้ท่านแม่ตกใจนะเจ้าคะ”“ไม่เป็นไร เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่ผิดเองที่เลี้ยงนางมาแบบตามใจ” ที่หว่านปิงนิสัยเสียและโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากตนเช่นกัน“มันเป็นที่ตัวนางเองต่างหาก ท่านแม่ทำดีที่สุดแล้วขอรับ”“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรถ้วยยานี้มีพิษ” บุตรชายและสะใภ้อยู่กับตนมาตั้งแต่แรก แล้วเอาเวลาไหนไปตรวจสอบ หรือว่าจะรู้เรื่องหว่านปิงวางยามาตั้งแต่แรก“ท่านแม่ลืมไป๋เหลียนนางมีความสามารถเรื่องทดสอบพิษขอรับ” “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แม่เหนื่อยแล้วขอนอนพักสักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องห่วงแม่มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เลี้ยงมาตั้งนานนางเองก็รักอีกฝ่ายเหมือนลูก อย่างไรก็ทำใจไม่ได้ง่าย ๆ กระนั้นฮูหยินหลี่ก็ไม่อาจจะให้อภัยได้ทั้งหมด อิจฉาริษยายังพอทน แต่การที่วางแผนฆ่าทำลายผู้อื่นมันเกินจะ
ในเมื่อเหยื่อเอาตัวเข้ามาถึงที่มีหรือนางจะปล่อยไปง่าย ๆ ดี! เช่นนั้นก็ตาย ๆ ไปพร้อมกันเสีย หว่านปิงจัดการยกถ้วยยาในมือฮูหยินหลี่ให้พี่สะใภ้ทันที ทั้งยังยิ้มกว้างตั้งตารอให้อีกฝ่ายดื่มยาให้หมดไป่เหลียนรับถ้วยยานั้นไว้ ดีที่นางมีหลี่มู่กวาคอยบังสายตาทั้งยังช่วยเบนความสนใจไปอย่างอื่น นางจึงอาศัยช่วงที่แม่สามีสั่งสอนบุตรชายแอบเก็บไว้ในมิติวิเศษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีผสมอาหารใสน้ำเปล่า รีบซดเข้าปากในตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ไม่นานนางก็พ่นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อครู่ออกมา“แคก ๆ” ทันทีที่พ่นน้ำสีแดงออกจากปาก หญิงสาวก็ได้ซบหน้าลงบนไหล่สามี พร้อมกับแสร้งไอเป็นระลอก ถ้วยยาในมือร่วงหล่นตกพื้นแตกกระจาย สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์“สะใภ้ข้าเป็นอะไร”“น้องหญิง”“ท่านพี่ยานั่นมีพิษเจ้าค่ะ แคก ๆ” สิ้นคำร่างบางทรุดฮวบหมดสติไปทันที ไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองจะการละครได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่แม่สามีก็ยังมองไม่ออก“ยาพิษหรือ หว่านปิงเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ากล้าวางยาท่านแม่” ชายหนุ่มตวาดลั่นไม่สนหน้าผู้ใด อย่าว่าแต่ภรรยาที่การละคร แม้แต่ตัวเขาเองก็แสร้งเล่นละครไม่ต่างกัน กระนั้นอารมณ์ที่ส่งออกไ