LOGINเยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ
“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้
“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอก
ด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย
“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”
เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง
“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน
“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้
เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ
“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ ข้าจะอยู่แนะนำท่านใกล้ๆ” เยี่ยนอิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
นางกำหนดลมหายใจเข้าออกตามที่เสี่ยวไป๋แนะนำ เพียงไม่กี่ลมหายใจ ตัวนางก็เหมือนตัดขาดจากทุกสิ่ง จมอยู่ในห้วงสมาธิที่สงบนิ่งแทน
เยี่ยนอิงรับรู้ได้ว่ามีกระแสลมกำลังวิ่งวนอยู่ภายในร่างกายของนาง เพียงแต่มันเคลื่อนที่โดยไร้ทิศทาง และตัวนางไม่อาจจะควบคุมมันได้ ทำได้เพียงเพ่งจิตไปตามพลังชี่เท่านั้น
นานนับสองชั่วยามที่เยี่ยนอิงนั่งเดินลมปราณโดยมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้านข้างตลอด
“วันนี้พอเท่านี้เถิดขอรับ” เสี่ยวไป๋เอ่ยขัดออกมา
มันมิได้อยากให้เยี่ยนอิงเร่งเดินลมปราณมากเพียงนั้น นางยังมีเวลาอีกมากค่อยๆ ฝึกฝนไปก็ยังได้
“อืม...ร่างกายของข้าเบาสบายนัก” เยี่ยนอิงรู้สึกว่าร่างกายของนางเองก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลย
“เป็นเพราะท่านเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกแล้ว พลังชี่ของท่านจึงไหลเวียนได้ดีขอรับ”
“ข้าจะศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้นก็แล้วกัน” นางยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูดนัก
จึงได้ให้มันพาไปหาตำราในห้องตำรามาให้นางศึกษาเพิ่มเติม ซานเซินที่อยู่ภายในห้อง เขาก็จมอยู่กับการคัดตัวอักษรอย่างสนุกสนาน
พอเยี่ยนอิงกับเสี่ยวไป๋เดินเข้ามา เขาก็คัดไปได้มากกว่าสิบแผ่นเสียแล้ว
“อืม...เก่งมากเซินเออร์ เพียงสองชั่วยามเข้าก็เริ่มคัดได้งามแล้ว” ซานเซินเลียนแบบตัวอักษรได้คล้ายกับในตำราที่เสี่ยวไป๋นำมาให้เขาได้ดีจนเยี่ยนอิงถึงกับหลุดปากชื่นชมออกมา
เมื่อชื่นชมตัวอักษรของซานเซินกันจนพอใจแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปนอนพัก เสี่ยวไป๋ถูกซานเซินลากเข้าไปนอนในห้องกับเขาด้วย
เยี่ยนอิงนางนำตำราที่เสี่ยวไป๋หาให้มานั่งอ่านอยู่ภายในห้องด้วย ด้านในมิติแปลกประหลาดนัก หากอยู่ด้านนอกจะสว่างราวกับตอนกลางวัน
แต่เมื่อเข้ามาในห้องจะมืดสนิทหากเป็นตอนกลางคืน นางจึงต้องจุดเทียนเพื่อให้มีแสงสว่าง เยี่ยนอิงอ่านไปได้เพียงเล็กน้อย นางก็วางตำราในมือลงแล้วขึ้นไปนอนพัก แม้จะเห็นทุกสิ่งอย่างได้ชัดเจนในความมืด แต่วันนี้ที่พบเจอเรื่องราวมากมายตลอดทั้งวัน นางก็ต้องการที่จะพักผ่อนแล้ว
เยี่ยนอิงได้แต่ลืมตามองเพดานห้อง อย่างทอดถอนใจ ตัวนางไม่คิดเลยว่าชีวิตหนึ่งจะต้องมาพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้
ความรู้เดิมที่คนเสียชีวิตลงจะต้องไปนรกหรือสวรรค์ล้วนแต่ถูกล้างออกไปจนสิ้น ด้วยตัวนางโผล่มาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเชื่ออีกด้วย
“วิญญาณสวมร่าง ผู้ฝึกตน เทพเซียน ผู้ใดจะเชื่อกันได้เล่า” นางถอนหายใจออกมา ก่อนจะพลิกตัวเข้ามุมที่สบายที่สุดแล้วหลับไป
แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาภายในห้องนอน เยี่ยนอิงปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ยังไม่อยากออกไปเลย” นางบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
พอออกมาจากห้องก็เห็นซานเซินกำลังนั่งคัดตัวอักษรรอนางอยู่ ด้านข้างยังมีเสี่ยวไป๋ที่คอยสอนว่าตัวอักษรอ่านเช่นใด
“ออกไปด้านนอกกันเถิด” เยี่ยนอิงกลัวว่าป้าตู้จะมาหานางที่เรือน
“ขอรับ ข้าเอาออกไปด้วยได้หรือไม่” ซานเซินจ้องมองกระดาษตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์
“ยังไม่ต้องเอาออกไป วันนี้พี่จะพาเจ้าเข้าเมือง”
“ไปทำอันใดขอรับ”
“ข้าจะไปหาซื้อเรือน จะพาเจ้าไปสำนักศึกษาด้วย หากรับเลยจะได้เตรียมหาซื้อสิ่งของอีก” ยังมีหลายเรื่องที่เยี่ยนอิงนางต้องจัดการ
“พี่หญิง ท่านรับท่านย่าไปอยู่ด้วยดีหรือไม่ หากพวกเราซื้อเรือนกันแล้ว” ซานเซินคิดถึงท่านย่าผู้ใจดีของเขา
คงมีเพียงนางหูเท่านั้นในเรือนตระกูลอู๋ ที่ซานเซินคำนึงหา เรื่องอื่นเขาคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง
“ท่านย่าคงไม่ไป ข้าจะทิ้งเงินไว้ให้นางใช้จ่าย”
“แล้วท่านไม่กลัวว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้จะมายึดเงินของท่านย่าไปหมดรึ” ซานเซินแววตาแข็งกร้าวขึ้น เมื่อเอ่ยถึงอู๋หย่งและนางหงซื่อ
“ข้าคิดจะนำเงินไปฝากไว้ที่ผู้นำหมู่บ้านให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ เจ้าไปต้องห่วงเซินเออร์ ข้าเองก็ไม่มีทางยอมให้เงินทั้งหมดตกไปอยู่ในมือลุงใหญ่แน่” เยี่ยนอิงลูบหัวซานเซินเพื่อปลอบประโลมเขา
พอออกมาจากมิติ สองพี่น้องก็เดินทางไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้าน โดยมีป้าตู้ติดตามไปด้วย เยี่ยนอิงนางขอให้ป้าตู้ไปช่วยเป็นพยานเรื่องฝากเงินของนาง
“ตอนแรกที่ข้าได้ยินว่าเจ้าจะให้เงินป้าหู ข้าก็ตกใจไม่น้อย กลัวว่าเงินจะไม่ถึงมือนาง แต่พอรู้ว่าเจ้าจะไปฝากเงินไว้ที่ลุงกวน ข้าก็เบาใจลง” ป้าตู้ถอนหายใจออกมา ยังดีที่เยี่ยนอิงนางฉลาด ไม่นำเงินไปมอบให้ท่านย่าของนางโดยตรง
“ข้าเองก็ไม่อยากให้เงินของข้าถูกใช้ในหอพนันเจ้าค่ะ แต่หากท่านย่าจะจัดการเรื่องเงินเช่นไรก็แล้วแต่นาง ในเมื่อข้าให้นางแล้ว ก็ไม่อาจจะเข้าไปจัดการได้”
แต่ถึงเยี่ยนอิงนางจะพูดเช่นนี้ นางก็ไม่ยอมให้นางหูซื่อเบิกเงินได้ครั้งละมาก โดยนางคิดจะให้ผู้นำหมู่บ้านมอบเงินให้เพียงเดือนละห้าตำลึงเงินเท่านั้น
“เจ้าคิดดีแล้วรึอิงเออร์” ผู้นำหมู่บ้านมองหน้าเยี่ยนอิงอย่างเห็นใจ ตรงหน้าของเขาเป็นถุงเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่เยี่ยนอิงนำมาฝากไว้ให้
“เจ้าค่ะ หากท่านย่าไม่ทำเรื่องตัดขาดข้าสองพี่น้องในวันนั้น ป่านนี้ข้ากับเซินเออร์ คงได้ไปอยู่ที่หอพนันแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสที่อยู่ในเรือนของผู้นำหมู่บ้านได้แต่ถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“เจ้าเป็นเด็กกตัญญูนัก ต่อไปพวกเจ้าสองพี่น้องจะพบเจอแต่เรื่องโชคดี” ภรรยาปู่กวนเอ่ยออกมาจากใจจริง
“ข้าว่าอาหย่งไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่” ป้าตู้เอ่ยออกมาอย่างกังวลด้วยรู้นิสัยของอู๋หย่งดี
“ไม่ยอมแล้วจะทำอันใดได้ เงินเป็นของอิงเออร์ นางกตัญญูแทนบิดาผู้ล่วงลับ ให้ท่านย่าของนางไว้ซื้ออาหารกิน หากเขาจะแย่งเงินทั้งหมดไปเล่นพนัน ข้าจะลากคอเขาไปส่งให้ทางการเอง” ปู่กวนเอ่ยเสียงแข็งออกมา
หลิวเลี่ยงเฟิ่งเชยคางของฟู่จูอิ๋งขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตไว้แน่น จุมพิตครั้งนี้ของเขา ราวกับอยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ให้นางได้รู้ ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง ความคิดถึงทั้งหมดของภพที่แล้วที่มี อยู่ในจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นาง“แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าท่านพ่อเพิ่มองครักษ์แล้วรึ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย“ข้าย่อมมีหนทาง นอนพักเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“หากมีคนมาเห็นเล่า”“ข้าจะออกไปก่อนฟ้าสว่าง อาม่านให้ข้าได้นอนพักหน่อยเถิด ข้ามิได้นอนดีๆ มาหลายวันแล้ว” เขาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะดึงตัวนางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นพอเห็นคนในอ้อมแขนหลับไปแล้ว หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้แต่นอนมองนางอย่างเป็นสุข เมื่อชาติก่อน แม้แต่หลับฝันยังไม่กล้าจะคิด เขาต้องขอบคุณสวรรค์เพียงใด ที่ยอมให้เขาได้กลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นผ่านเรื่องร้ายมาได้สองเดือน จวนตระกูลฟู่และตระกูลหลิวก็มีงานมงคลเกิดขึ้นผู้ตรวจการหลิวอยู่ในชุดมงคลนั่งบนหลังม้าสง่ามารับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ภาพความทรงจำตอนที่ไปรับสวีอวี้หรันเข้าจวน ตัวเขาเองก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว และไม่คิดจะจำอีกด้วยตอนกราบลาบิด
หลิวเลี่ยงเฟิ่ง มิกล้าพูดออกมา ว่าเป็นเพราะตัวเขา ตระกูลสวีคงต้องการให้สวีอวี้หรันแต่งเข้าตระกูลหมาน ผู้ใดเล่าจะไม่ต้องการบุตรเขยที่เป็นถึงผู้ตรวจการนครหลวงไปเสริมบารมีให้จวนตนเอง“อีกหนึ่งชั่วยาม ท่านไปรอที่ว่าการได้เลยขอรับ ข้าน้อยคงต้องออกไปช่วยตามหาคุณหนูสวีอีกแรง อาชวี่เจ้าไปกับข้า”“เหตุใดข้าต้องไปด้วยเล่า” ฟู่ชวี่ไม่เข้าใจ เขามีเหตุผลอะไรถึงต้องไปช่วยตามคนที่คิดร้ายกับน้องสาวของเขาด้วย“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง”นายท่านฟู่ยังไม่ทันถามเลยว่า แล้วเหตุใดสวีอวี้หรันนางถึงได้ถูกลักพาตัวไปแทนบุตรสาวของตนได้ หลิวเลี่ยงเฟิ่งก็พาฟู่ชวี่เดินออกจากห้องโถงไปเสียแล้ว“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ฟู่ชวี่เอ่ยถามออกมาเมื่อทางที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งพาเดินมา เป็นป่าที่อยู่ด้านหลังทิศตะวันตก มิใช่เส้นทางที่จะออกนอกเมือง เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าออกมาตามหาคนได้อย่างไร ด้วยคนร้ายก็คงไม่โง่จับตัวคนมาซ่อนเอาไว้ใกล้หูใกล้ตาเช่นนี้แน่“ข้าสั่งให้คนจับตัวคุณหนูสวีนางมาซ่อนเอาไว้ ข้าอยากให้นางได้รับรู้ว่าหากอาม่านนางถูกจับตัวไป นางจะต้องหวาดกลัวมากเพียงใด” ฟู่ชวี่เข้าใจสหายของตนได้ทันทีเพียงเดินเข้าไปในป่าไม่ได้ไกลมากน
ครั้งนี้เขารุนแรงกับนางไปหน่อย ด้วยโมโหที่คิดว่านางจะต้องไปเป็นสตรีของผู้อื่นเช่นชาติที่แล้ว หน้าของอู๋หยวนก็ไม่เคยได้พบเห็น แต่รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกรถม้าของฟู่จูอิ๋งเคลื่อนตัวได้ช้า ทำให้หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้ลงโทษนางจนพอใจ“บวมหมดแล้ว” หลิวเลี่ยงเฟิ่งมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่ออย่างสงสาร“ก็ท่านมิใช่รึ ที่ทำข้า” ฟู่จูอิ๋งต้องใช้ผ้าปิดหน้าที่นางเตรียมมาแต่ไม่คิดว่าจะใช้ ปิดบังสิ่งที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งทำไว้หลิวเลี่ยงเฟิ่งลงจากรถม้าก่อนที่รถม้าจะมาหยุดลงที่หน้าโรงน้ำชา สถานที่ ที่ฟู่จูอิ๋งนัดพบกับสวีอวี้หรันพอหลิวเลี่ยงเฟิ่งเห็นสวีอวี้หรันมองมาทางตนอย่างหลงใหล เขาก็มองตอบนางอย่างรังเกียจโดยไม่ปิดบังเมื่อชาติที่แล้ว เขามิได้สังเกตการณ์กระทำของนาง พอมาตอนนี้จึงได้เข้าใจว่าทุกครั้งที่นางต้องการพบเจอเขา จะใช้ฟู่จูอิ๋งมาเป็นข้ออ้าง“คารวะพี่เฟิ่งเจ้าค่ะ”“เรียกข้าผู้ตรวจการหลิวเถิด หากผู้อื่นมาได้ยินจะเข้าใจผิดได้ คำเรียกขานนี้ ข้าให้อาม่านนางเรียกข้าได้เพียงผู้เดียว” ใบหน้าของสวีอวี้หรันซีดเผือดทันที ยิ่งสายตาของเขาที่มองนางอย่างโกรธแค้น หรือว่าจะรู้แผนการที่นางวางเอาไว้แล้ว“พี่เฟิ่ง ท่านพ
“คุณชาย คุณชายขอรับ หากตื่นสายกว่านี้ จะไม่ทันไปรับคุณหนูฟู่นะขอรับ”เสียงบ่าวร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมทั้งเสียงเคาะประตูระรัว ปลุกให้หลิวเลี่ยงเฟิ่ง ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเขามองไปรอบห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรือนพักเก่า ที่เขาใช้อยู่ก่อนที่จะแต่งสวีอวี้หรันเข้ามาในจวนเขานั่งพิงหัวเตียงนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังนอนรอความตายอยู่บนเตียงอยู่เลยหลิวเพ่ยหมินผู้เป็นบุตรชาย ยังจับมือเขาไม่ห่าง และสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะฝังร่างของเขาใกล้สุสานตระกูลฟู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความปรารถนาสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ฟู่จูอิ๋งในภพชาติหน้าเป็นจริงหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ยังจำคำพูดสุดท้ายที่เยี่ยนอิงนางมาพบเขาก่อนตายได้ดี“ผู้ตรวจการหลิว ภพหน้าที่ท่านปรารถนามีจริง ข้าหวังว่าท่านจะตามหาท่านแม่ข้าเจอ แต่ท่านคงไม่เชื่อ ว่าข้า...คือคนที่ข้ามภพมาจากภพอื่น”เยี่ยนอิงเพียงต้องการให้เขาเชื่อว่าชาติภพมีจริง หากแรงปรารถนาของเขาแข็งแกร่งมากพอ นางเชื่อว่าเขาจะต้องได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ใช้สายตาที่พร่ามัว จ้องมองภาพของเยี่ยนอ
วันที่สามของการแต่งงาน เยี่ยนอิงกลับบ้านเดิม พร้อมข้าวของที่ตระกูลหมานจัดเตรียมเอาไว้ให้นางหลายคันรถม้า แม้จะบอกแล้วว่าที่จวนตระกูลฟู่มิได้ขาดแคลนสิ่งใด แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของพ่อแม่สามี นางจึงมิอยากจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ“พวกเจ้า กลับมาค้างที่จวนหมานบ่อยๆ เล่า” ฮูหยินหมานเอ่ยออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองจะย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง จนกว่าจวนท่านแม่ทัพจะปรับปรุงเรียบร้อย“ได้เจ้าค่ะ ข้าอยู่ห่างไปเพียงสองตรอกเท่านั้น หากท่านแม่คิดถึงท่านพี่ ข้าจะให้คนมารับท่านไปพักด้วยกันสักหลายวันหน่อย”ฮูหยินหมานรู้ในความหมายของเยี่ยนอิง นางมิได้ชวนไปพักที่จวนตระกูลฟู่ แต่ชวนเข้าไปพักในมิติต่างหาก“ท่านพี่ ไปวันนี้เลยดีหรือไม่” ฮูหยินหมานหันไปเอ่ยถามสามี“อีกสองวันเถิด ข้าจะพาเจ้าไป” นายท่านหมานถอนหายใจออกมา กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นภรรยาเยี่ยนอิงได้แต่อมยิ้มมองแม่สามีของนางงอนพ่อสามี ก่อนจะเอ่ยลากลับจวนตระกูลฟู่คนตระกูลฟู่ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดไปทำงาน แม้แต่ซานเซินที่ไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนยังขอหยุดเพื่อรอรับพี่สาวอยู่ที่จวน“พี่หญิง!!!” เขาร้องเรียกอย่างยินดี พร
สายตาของหมานจื้อจ้าน จ้องมองร่างงามที่เปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย“จะมองอีกนานหรือไม่” เยี่ยนอิงกระดิกนิ้วอย่างเชื้อเชิญ“ไม่มองแล้ว” หมานจื้อจ้านรีบถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนเตียงเสียงใสของเยี่ยนอิงที่หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่เกิดจากความเสียวซ่านที่ได้รับเรียวลิ้นร้ายของหมานจื้อจ้านกวาดเลียไปทุกส่วนของร่างกายเยี่ยนอิง ราวกับมาจะประทับร่องรอยของเขาไว้บนเรือนร่างงามของนางนิ้วมือของเขาลูบไล้เรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหาย เมื่อเล้าโลมนางจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว นิ้วร้ายของก็หยอกล้ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามอย่างเชี่ยวชาญ“อ๊า....” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้น ยามที่หมานจื้อจ้านส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของนางลิ้นของเขาก็ตวัดดูดกลืนเนินเนื้องามอย่างที่เคยหมายเอาไว้อย่างอดยาก มือด้านล่างก็เร่งจังหวะให้นางได้เสร็จสมเร็วขึ้น ด้วยตัวเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว“ชะ ช้า หน่อย” เยี่ยนอิงกัดฟันแน่น เมื่อหมานจื้อจ้านกดลำทวนของเขาเข้ามาในช่องทางรักจนเกือบจะมิดลำทวนในคราเดียว“เจ็บหรือไม่” เขาจูบที่ขมับของนาง“มะ ไม่” เยี่ยนอิงไม่ได้มีความรู้สึกเจ







