เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ
“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้
“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอก
ด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย
“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”
เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง
“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน
“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้
เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ
“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ ข้าจะอยู่แนะนำท่านใกล้ๆ” เยี่ยนอิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
นางกำหนดลมหายใจเข้าออกตามที่เสี่ยวไป๋แนะนำ เพียงไม่กี่ลมหายใจ ตัวนางก็เหมือนตัดขาดจากทุกสิ่ง จมอยู่ในห้วงสมาธิที่สงบนิ่งแทน
เยี่ยนอิงรับรู้ได้ว่ามีกระแสลมกำลังวิ่งวนอยู่ภายในร่างกายของนาง เพียงแต่มันเคลื่อนที่โดยไร้ทิศทาง และตัวนางไม่อาจจะควบคุมมันได้ ทำได้เพียงเพ่งจิตไปตามพลังชี่เท่านั้น
นานนับสองชั่วยามที่เยี่ยนอิงนั่งเดินลมปราณโดยมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้านข้างตลอด
“วันนี้พอเท่านี้เถิดขอรับ” เสี่ยวไป๋เอ่ยขัดออกมา
มันมิได้อยากให้เยี่ยนอิงเร่งเดินลมปราณมากเพียงนั้น นางยังมีเวลาอีกมากค่อยๆ ฝึกฝนไปก็ยังได้
“อืม...ร่างกายของข้าเบาสบายนัก” เยี่ยนอิงรู้สึกว่าร่างกายของนางเองก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลย
“เป็นเพราะท่านเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกแล้ว พลังชี่ของท่านจึงไหลเวียนได้ดีขอรับ”
“ข้าจะศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้นก็แล้วกัน” นางยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูดนัก
จึงได้ให้มันพาไปหาตำราในห้องตำรามาให้นางศึกษาเพิ่มเติม ซานเซินที่อยู่ภายในห้อง เขาก็จมอยู่กับการคัดตัวอักษรอย่างสนุกสนาน
พอเยี่ยนอิงกับเสี่ยวไป๋เดินเข้ามา เขาก็คัดไปได้มากกว่าสิบแผ่นเสียแล้ว
“อืม...เก่งมากเซินเออร์ เพียงสองชั่วยามเข้าก็เริ่มคัดได้งามแล้ว” ซานเซินเลียนแบบตัวอักษรได้คล้ายกับในตำราที่เสี่ยวไป๋นำมาให้เขาได้ดีจนเยี่ยนอิงถึงกับหลุดปากชื่นชมออกมา
เมื่อชื่นชมตัวอักษรของซานเซินกันจนพอใจแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปนอนพัก เสี่ยวไป๋ถูกซานเซินลากเข้าไปนอนในห้องกับเขาด้วย
เยี่ยนอิงนางนำตำราที่เสี่ยวไป๋หาให้มานั่งอ่านอยู่ภายในห้องด้วย ด้านในมิติแปลกประหลาดนัก หากอยู่ด้านนอกจะสว่างราวกับตอนกลางวัน
แต่เมื่อเข้ามาในห้องจะมืดสนิทหากเป็นตอนกลางคืน นางจึงต้องจุดเทียนเพื่อให้มีแสงสว่าง เยี่ยนอิงอ่านไปได้เพียงเล็กน้อย นางก็วางตำราในมือลงแล้วขึ้นไปนอนพัก แม้จะเห็นทุกสิ่งอย่างได้ชัดเจนในความมืด แต่วันนี้ที่พบเจอเรื่องราวมากมายตลอดทั้งวัน นางก็ต้องการที่จะพักผ่อนแล้ว
เยี่ยนอิงได้แต่ลืมตามองเพดานห้อง อย่างทอดถอนใจ ตัวนางไม่คิดเลยว่าชีวิตหนึ่งจะต้องมาพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้
ความรู้เดิมที่คนเสียชีวิตลงจะต้องไปนรกหรือสวรรค์ล้วนแต่ถูกล้างออกไปจนสิ้น ด้วยตัวนางโผล่มาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเชื่ออีกด้วย
“วิญญาณสวมร่าง ผู้ฝึกตน เทพเซียน ผู้ใดจะเชื่อกันได้เล่า” นางถอนหายใจออกมา ก่อนจะพลิกตัวเข้ามุมที่สบายที่สุดแล้วหลับไป
แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาภายในห้องนอน เยี่ยนอิงปรือตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ยังไม่อยากออกไปเลย” นางบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
พอออกมาจากห้องก็เห็นซานเซินกำลังนั่งคัดตัวอักษรรอนางอยู่ ด้านข้างยังมีเสี่ยวไป๋ที่คอยสอนว่าตัวอักษรอ่านเช่นใด
“ออกไปด้านนอกกันเถิด” เยี่ยนอิงกลัวว่าป้าตู้จะมาหานางที่เรือน
“ขอรับ ข้าเอาออกไปด้วยได้หรือไม่” ซานเซินจ้องมองกระดาษตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์
“ยังไม่ต้องเอาออกไป วันนี้พี่จะพาเจ้าเข้าเมือง”
“ไปทำอันใดขอรับ”
“ข้าจะไปหาซื้อเรือน จะพาเจ้าไปสำนักศึกษาด้วย หากรับเลยจะได้เตรียมหาซื้อสิ่งของอีก” ยังมีหลายเรื่องที่เยี่ยนอิงนางต้องจัดการ
“พี่หญิง ท่านรับท่านย่าไปอยู่ด้วยดีหรือไม่ หากพวกเราซื้อเรือนกันแล้ว” ซานเซินคิดถึงท่านย่าผู้ใจดีของเขา
คงมีเพียงนางหูเท่านั้นในเรือนตระกูลอู๋ ที่ซานเซินคำนึงหา เรื่องอื่นเขาคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง
“ท่านย่าคงไม่ไป ข้าจะทิ้งเงินไว้ให้นางใช้จ่าย”
“แล้วท่านไม่กลัวว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้จะมายึดเงินของท่านย่าไปหมดรึ” ซานเซินแววตาแข็งกร้าวขึ้น เมื่อเอ่ยถึงอู๋หย่งและนางหงซื่อ
“ข้าคิดจะนำเงินไปฝากไว้ที่ผู้นำหมู่บ้านให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ เจ้าไปต้องห่วงเซินเออร์ ข้าเองก็ไม่มีทางยอมให้เงินทั้งหมดตกไปอยู่ในมือลุงใหญ่แน่” เยี่ยนอิงลูบหัวซานเซินเพื่อปลอบประโลมเขา
พอออกมาจากมิติ สองพี่น้องก็เดินทางไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้าน โดยมีป้าตู้ติดตามไปด้วย เยี่ยนอิงนางขอให้ป้าตู้ไปช่วยเป็นพยานเรื่องฝากเงินของนาง
“ตอนแรกที่ข้าได้ยินว่าเจ้าจะให้เงินป้าหู ข้าก็ตกใจไม่น้อย กลัวว่าเงินจะไม่ถึงมือนาง แต่พอรู้ว่าเจ้าจะไปฝากเงินไว้ที่ลุงกวน ข้าก็เบาใจลง” ป้าตู้ถอนหายใจออกมา ยังดีที่เยี่ยนอิงนางฉลาด ไม่นำเงินไปมอบให้ท่านย่าของนางโดยตรง
“ข้าเองก็ไม่อยากให้เงินของข้าถูกใช้ในหอพนันเจ้าค่ะ แต่หากท่านย่าจะจัดการเรื่องเงินเช่นไรก็แล้วแต่นาง ในเมื่อข้าให้นางแล้ว ก็ไม่อาจจะเข้าไปจัดการได้”
แต่ถึงเยี่ยนอิงนางจะพูดเช่นนี้ นางก็ไม่ยอมให้นางหูซื่อเบิกเงินได้ครั้งละมาก โดยนางคิดจะให้ผู้นำหมู่บ้านมอบเงินให้เพียงเดือนละห้าตำลึงเงินเท่านั้น
“เจ้าคิดดีแล้วรึอิงเออร์” ผู้นำหมู่บ้านมองหน้าเยี่ยนอิงอย่างเห็นใจ ตรงหน้าของเขาเป็นถุงเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่เยี่ยนอิงนำมาฝากไว้ให้
“เจ้าค่ะ หากท่านย่าไม่ทำเรื่องตัดขาดข้าสองพี่น้องในวันนั้น ป่านนี้ข้ากับเซินเออร์ คงได้ไปอยู่ที่หอพนันแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสที่อยู่ในเรือนของผู้นำหมู่บ้านได้แต่ถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“เจ้าเป็นเด็กกตัญญูนัก ต่อไปพวกเจ้าสองพี่น้องจะพบเจอแต่เรื่องโชคดี” ภรรยาปู่กวนเอ่ยออกมาจากใจจริง
“ข้าว่าอาหย่งไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่” ป้าตู้เอ่ยออกมาอย่างกังวลด้วยรู้นิสัยของอู๋หย่งดี
“ไม่ยอมแล้วจะทำอันใดได้ เงินเป็นของอิงเออร์ นางกตัญญูแทนบิดาผู้ล่วงลับ ให้ท่านย่าของนางไว้ซื้ออาหารกิน หากเขาจะแย่งเงินทั้งหมดไปเล่นพนัน ข้าจะลากคอเขาไปส่งให้ทางการเอง” ปู่กวนเอ่ยเสียงแข็งออกมา
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ นางหูซื่อก็เดินมาถึงเรือนตระกูลกวน ด้วยก่อนหน้านี้ปู่กวนให้หลานชายไปตามนางมาพบ"อิงเออร์ เซินเออร์” นางเห็นหลานทั้งสองนั่งอยู่ภายในห้องโถงตระกูลกวน ก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งสวมกอดทั้งสองด้วยความคิดถึง“ท่านย่า/ท่านย่า” เยี่ยนอิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรักที่นางหูซื่อมีต่อเจ้าของร่างเดิมและน้องชายของนาง“พวกเจ้าได้กินอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้” นางมองหลานทั้งสองอย่างปวดใจหากผู้เป็นสามียังมีชีวิตอยู่ บุตรชายคนโตคงไม่กล้ารังแกหลานทั้งสอง เป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้“ท่านย่า ท่านไม่ต้องห่วงข้ากับเซินเออร์เจ้าค่ะ เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปกับป้าตู้แล้วพบของดีเข้า ได้เงินมาไม่น้อย จึงคิดจะนำเงินมาตอบแทนท่านเจ้าค่ะ”“ตอบแทนอันใดกัน ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย” พอนึกถึงเรื่องในหนเก่า นางหูซื่อก็ร้องออกมาอย่างปวดใจ บุตรชายคนรองของนางและลูกสะใภ้ ต่างตกตายกันไปสิ้น เหลือเพียงหลานทั้งสองให้ดูต่างหน้า แต่นางก็ไม่อาจดูแลพวกเขาได้คนที่อยู่ในห้องโถง ต่างมองย่าหลานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ“เอาเถิด ที่เรียกเจ้ามาก็ด้วยเรื่องนี
เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอกด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ซานเซินจะเคยได้ลิ้มลองเนื้อบ้างหรือไม่ รูปร่างของซานเซินมีเพียงเยี่ยนอิงและเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่จะมองออกนางจึงได้รู้ว่า น้องชายของนางยามนี้ ความสูงของเขาเพิ่มจากเดิมไม่น้อยแล้ว ไหนจะแก้มที่แดงระเรื่อเช่นคนสุขภาพดี ต่อจากนี้เพียงขุนเขาให้มีเนื้อเพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะน่าเอ็นดูเพียงใดเยี่ยนอิงและซานเซินกำลังกินอาหารเย็น เรือนตระกูลตู้ก็กินเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ลองชิมอาหารฝีมือของเยี่ยนอิง อาหารที่ป้าตู้และลูกสะใภ้นางทำไว้ก็แทบจะไม่พร่องลงเลย“ข้าเพิ่งรู้ว่าอิงเออร์นางมีฝีมือมากเพียงนี้” ลุงตู้เลียริมฝีปาก เขาอยากจะกินอาหารของเยี่ยนอิงอีก“จริงขอรับท่านพ่อ เช่นนี้อิงเออร์ นางเปิดเหลาอาหารได้เลย” บุตรชายของลุงตู้เอ่ยออกมาอีกคน“พวกท่านแย่งข้ากินหมดเลย ข้าอุตส่าห์หน้าหนาไปขอพี่อิงมา” อาเหมยนั่งหน้าบูดเมื่อนางคีบอาหารไม่ทันคนอื่น“หากเจ้าชอบฝีมือของพี่อิงของเจ้า อาเหมยเจ้าไปขอให้นางมาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าดีหรือไม่” กวนซื่อ ลูกสะใภ้ของป้าตู้เอ่ยบอกบุตรสาว“จริงด้วย พี่เฉียว ท่านไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยาเลยเจ้าค่ะ” อาเหมยหันไปหาพี่ชายของนาง“เจ้าพูดอันใดของเจ้า อย่าได้พูดเช่นนี้ให้ผ
เยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหารแต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่า
ตลอดทางที่เดินทางกลับหมู่บ้าน ป้าตู้พูดคุยเรื่องซื้อที่ดินเพิ่มกับเยี่ยนอิง ทั้งถามว่านางจะซ่อมแซมบ้านหรือไม่“อิงเออร์ เจ้าคิดจะทำหรือไม่ หากเจ้าต้องการซื้อที่ดินหรือซ่อมแซมเรือน ข้าจะให้ลุงตู้ของเจ้าออกหน้าให้”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดจะพาเซินเออร์ย้ายมาอยู่ในเมือง ต่อไปข้าจะให้เขาเข้าสำนักศึกษา หากยังอยู่ในหมู่บ้านคงเดินทางไปกลับไม่สะดวกนัก” นางสอบถามคนในเมืองแล้ว หากต้องการซื้อเรือนต้องไปติดต่อที่ใด“สวรรค์ เจ้าออกไปอยู่สองคนกับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นรึ” ป้าตู้ร้องออกมาด้วยความตกใจทั้งสองที่เป็นเพียงเด็กน้อย จะออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังได้อย่างไร หากรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านก็ยังมีนางและสามีคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่“เจ้าค่ะ ข้าคิดจะทำการค้าด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อสอนข้าเอาไว้ไม่น้อย ในเมื่อมีเงินแล้วก็อยากจะหาทางเพิ่มให้มีมากขึ้น มิใช่อยู่ใช้เงินที่ได้มาจนหมด ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่”“เงินตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้าใช้จนตายก็ยังไม่หมด” ป้าตู้ถลึงตามองเยี่ยนอิง เมื่อนางพูดว่าสักวันเงินที่มีอยู่จะหมดไป“...” เยี่ยนอิงมิได้พูดสิ่งใด นางเพียงอมยิ้มมองป้าตู้หากป้าตู้ได้รู้ว่าวันนี้เยี่ยนอ
“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย”