Home / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

Share

บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

last update Last Updated: 2025-07-01 09:00:07

บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

          หลินลู่ฉีอยากลงเดินเพื่อให้หวงชางได้เบาหลังบ้าง แต่พอนางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทิ้งระยะห่างจากคนตระกูลหวงเสียแล้ว โทษใครได้ขานางสั้นเกินไปจริง ๆ

          “เจ้าอยากเดินนักเป็นอย่างไรล่ะ” หวงจื่อถงจิ้มจมูกเล็ก ๆ ของนาง “มาขี่หลังข้า ให้ท่านพ่อได้พักบ้าง” เขาย่อตัวลงหวังให้น้องสาวตัวน้อยได้ขี่หลัง

          หลินลู่ฉีมองดูร่างผอมแห้งของเขาแล้วหนักอึ้งในใจ นางเงยหน้าขึ้นมองหวงชางกับฉินซื่อ

          “ให้พี่ชายของเจ้าลองดู ไหวหรือไม่เดี๋ยวก็รู้” หวงชางยิ้มระหว่างมองสบสายตากับเด็กน้อย

          เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ไม่ถึงครึ่งลี้หวงจื่อถงก็ไม่ไหวเสียแล้ว เป็นหวงชางที่ต้องแบกหลินลู่ฉีต่อไป ส่วนหวงจื่อเหยานางสามารถเดิน สลับขี่หลังฉินซื่อผู้เป็นมารดาได้

          ใช้เวลาสองวันก็ออกจากป่าเขาได้ พวกเขาเห็นกำแพงอำเภอหยางอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ครึ่งวันก็น่าจะเดินทางไปถึง หลินลู่ฉีที่ถูกจับนั่งรถม้ามาที่ชายแดน ตอนนี้กำลังจะไปอำเภอหยางที่อยู่ไม่ห่างจากชายแดนอีก เกรงว่าคงไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยเท่าใดนัก เหตุใดตระกูลหวงถึงเลือกมาที่นี่กันนะ

          นางมาเข้าใจเรื่องราว ยามได้ผ่านประตูอำเภอหยางเข้าไปแล้ว นางเจียงมีญาติผู้หนึ่งอยู่ในอำเภอหยางแห่งนี้ เป็นน้องสาวของมารดานาง ชื่อว่าเจียงชุน ถูกเศรษฐีจากอำเภอหยางรับไปเป็นอนุภรรยา

          นางเจียงไม่มีบ้านเดิมให้กลับ ทุกคนล้มหายตายจากไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงท่านน้าผู้นี้ ที่ยังพอจะบากหน้ามาขอความช่วยเหลือได้

          “ยายเฒ่าเจ้าแน่ใจนะ ว่าท่านน้าชุนผู้นี้จะช่วยเหลือพวกเราได้” หวงจงไม่เคยพบเจอหน้าของเจียงชุนมาก่อน เขาไม่มีความมั่นใจแต่อย่างใด

          “ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกตาเฒ่า แต่ว่ายามที่ท่านน้าอยู่บ้านเดิมนั้น นางเอ็นดูข้าเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าหลานสาวคนนี้ลำบาก นางคงไม่นิ่งดูดายหรอก”

          นางเจียงไม่เคยเห็นท่านน้าผู้นี้อีกเลย นับจากวันที่เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามออกไป นี่เรียกว่าวัดดวงของจริง

          หลินลู่ฉีฟังไปก็ท้อแท้ตามไปด้วย ทำอย่างไรได้ไม่มีใครสนใจ ฟังคำพูดของเด็กน้อยหรอก

          นางเจียงถามชาวบ้านในอำเภอหยาง ว่ารู้จักเรือนของเศรษฐีหม่าหลิวหยางหรือไม่ เขาเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของอำเภอแห่งนี้ พ่อค้าแผงขายเครื่องประดับสตรี ที่เปิดแผงอยู่ข้างทาง มองคนตระกูลหวงแล้วส่ายหน้าไปมา

          “ขอทานอย่างพวกเจ้าจะไปเรือนเศรษฐีหม่าทำไม”

          “เพ้ย ๆ ตาสุนัขข้างไหนของเจ้า กล้าดีมาว่าข้าเป็นขอทาน” นางเจียงถลกแขนเสื้อจะเข้าไปสู้กับพ่อค้า หวงจงรีบดึงแขนภรรยาตัวเองเอาไว้

          พ่อค้าคว้าไม้กวาดออกมา เตรียมกวาดเศษฝุ่นใส่พวกเขา

          “คงจะไปขอทานหน้าบ้านตระกูลหม่าล่ะสิ หน้าไม่อายจริง ๆ พวกลี้ภัยอย่างพวกเจ้า ไม่มาขอทานก็มาสร้างปัญหา ให้คนในอำเภอหยาง รู้เอาไว้ซะว่าคนที่นี่ไม่ต้อนรับ ไสหัวไปเลย !”

          “ยายเฒ่าไปก่อนเถอะ ไปถามคนอื่นก็ได้”

          หวงจงลากนางเจียงออกไปจาก แผงขายเครื่องประดับสตรี ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้กินฝุ่นกันเต็มปาก

          คนอื่นในครอบครัวพากันเดินตามหลังสองสามีภรรยาไป หวงชางเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง เขาเข้าไปถามแม่เฒ่าขายโจ๊กที่ดูหน้าตาใจดีด้านข้าง จึงได้รู้ว่าต้องเดินไปอีกสองตรอกด้านหน้า

          เมื่อไปถึงหน้าเรือนของเศรษฐีหม่า นางเจียงรีบยืดอกบอกคนเฝ้าประตู ว่านางเป็นญาติของเจียงชุนอนุภรรยาของเศรษฐีหม่า แทนที่นางจะได้รับการต้อนรับประดุจญาติมิตร กลับถูกพวกเขาปิดประตูใส่หน้า พร้อมสาดน้ำไล่อีกต่างหาก

          “ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง”

          “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ก็ท่านน้าชุนแต่งมาเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีหม่าจริง ๆ”

          นางเจียงตกตะลึงกับคำพูดของคนเฝ้าประตู นางถลาเข้าไปทุบประตูให้พวกเขาเปิด ทว่าด้านในกลับไร้การตอบสนอง นางไม่ยอมแพ้ทุบประตูหนักขึ้นกว่าเดิม เรียกให้คนอื่น ๆ ไปช่วยทุบประตูอีกแรง

          คนด้านในทนไม่ไหวอีกต่อไป ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง ทว่ายามนี้คนที่ออกมากลับไม่ใช่คนเฝ้าประตู ดูไปแล้วเหมือนสตรีอาวุโสในเรือน

          “หากพวกเจ้ายังทุบประตูบานนี้อยู่อีก ข้าจะให้คนตัดมือของพวกเจ้าทิ้งเสีย !”

          คนตระกูลหวงซ่อนมือไว้ด้านหลังกันหมด สตรีนางนี้ดุร้ายเกินไปแล้ว

          “ท่านป้า ๆ พวกข้าไม่ได้มาหาเรื่องแต่ใดอย่าง” นางเจียงรีบใช้ไม้อ่อนพลิกแพลงตามสถานการณ์

          “ข้าไม่มีญาติเป็นขอทาน” แม่บ้านตระกูลหม่าเบี่ยงตัวหนีนางเจียงอย่างรังเกียจ

          นางเจียงสะอึกจนพูดแทบไม่ออก

          จ้าวซื่อรีบแทรกเข้ามาช่วยพูดแทน “นายหญิงท่านนี้ คือว่าท่านแม่สามีของข้าเป็นหลานสาวของท่านน้าเจียงชุน ที่เป็นอนุภรรยาของเศรษฐีหม่า ท่านพอจะให้พวกเราเข้าไปเยี่ยมนางได้หรือไม่”

          ใครจะคิดว่าแม่บ้านตระกูลหม่า กลับส่งเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา สายตาที่มองคนตระกูลหวง นั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

          “นายหญิงเหตุใดท่านถึงได้หัวเราะเช่นนั้นเล่า” จ้าวซื่อไม่เข้าใจจึงเอ่ยถามไปตามตรง

          “ตระกูลหม่าแห่งนี้ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียงอีกต่อไป นับตั้งแต่นายท่านหม่าได้เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน นางเจียงชุนก็ถูกขับไล่ออกไปแล้ว พวกเจ้ามาหาผิดที่แล้วล่ะ เด็ก ๆ หากมีคนตระกูลเจียงมาหาคนอีก ให้ตีขาหักแล้วโยนทิ้งได้เลย !”

          ปัง ! แม่บ้านตระกูลหม่าเอ่ยจบ ประตูใหญ่ก็ถูกปิดลงอีกหน

          ชาวบ้านละแวกนั้นไม่พลาดที่จะมาชมเรื่องรื่นเริงของเพื่อนบ้าน บางคนหัวเราะสมน้ำหน้าบางคนส่ายหน้าอย่างเวทนา นางเจียงเกือบทรงตัวไม่อยู่ ดีที่สามีของนางพยุงเอาไว้ทัน

          “ยายเฒ่าเจ้าไปหาที่นั่งพักก่อนเถอะ”

          หวงจงพาภรรยาไปนั่งพักที่ข้างทาง พวกเขามีทั้งเด็กผู้ใหญ่ นับรวมกันสิบกว่าชีวิต ใครผ่านไปมาก็ต้องให้ความสนใจ

          “พี่จื้อเอาอย่างไรดีทีนี้” จ้าวซื่อไม่คิดว่าการลี้ภัยจะเจออุปสรรคมากมายถึงเพียงนี้ แต่สามีของนางกลับส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกัน

          หลินลู่ฉีที่ลงมาเดินเองตั้งนานแล้ว นางกระตุกมือหวงชางเบา ๆ

          “ฉีฉีมีอะไร”

          “ท่านลุงลองไปถามคนพวกนั้นดู” นางเอ่ยเบา ๆ ป้าข้างบ้านย่อมรู้ดีกว่าใคร

          “จริงด้วย” หวงชางเดินไปบอกมารดากับบิดา ว่าเขาจะลองไปถามเพื่อนบ้านที่ออกมามุงดูเมื่อครู่นี้ เผื่อจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง

          หวงชางไปถามมาหลายคนเกือบจะหมดหวังอยู่แล้ว ทันใดนั้นมีรถม้าคันหนึ่ง มาจอดอยู่หน้าประตูบ้านฝั่งตรงข้าม เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้าไปถามด้วยความเกรงใจ ไม่คิดว่าสตรีนางนั้นกลับรู้เรื่องของนางเจียงชุน เขารีบกลับไปบอกมารดาด้วยความดีใจ

          “ว่าอย่างไรนะไปอยู่หมู่บ้านนอกอำเภอ” นางเจียงนึกว่าตัวเองฟังผิด

          “ขอรับท่านแม่ ท่านป้าผู้นั้นบอกว่าหลายปีก่อน ลูกชายคนเดียวของท่านยายเจียง ตายไปพร้อมภรรยาระหว่างเดินทางไปทำการค้า เหลือลูกสาวไว้แค่คนเดียว ต่อมาเศรษฐีหม่าตายด้วยโรคชรา ภรรยาเอกกลับไล่ท่านยายออกจากเรือน ทั้งยังไม่ให้ทรัพย์สินติดตัวเลย บอกว่าท่านยายเป็นตัวกาลกิณี ทำให้ลูกชายลูกสะใภ้และสามีต้องตาย ท่านยายนำปิ่นปักผมที่ติดตัวไปขาย แล้วพาหลานสาวไปซื้อบ้านอยู่ที่หมู่บ้านหยางฮัว”

          หวงชางได้แต่สะท้านใจในชะตากรรมของท่านยายเจียง

          “กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”

          นางเจียงไม่อยากยอมรับ นางฝากความหวังไว้กับท่านน้าผู้นี้มากนัก เหตุใดถึงได้โชคร้ายเช่นนี้

          “ท่านแม่ในเมื่อมาแล้ว พวกเราก็ควรไปหาท่านยาย อย่างน้อยมีที่หลับนอนก็ยังดีนะขอรับ”

          หวงจื้อออกความเห็นบ้าง

          “พวกเจ้าล่ะว่าอย่างไร”

          บิดาของเขาหันไปถามบุตรชายอีกสองคน

          “ข้าแล้วแต่ท่านพ่อขอรับ” หวงเต๋อไม่มีความเห็นอื่น

          “ถือว่าไปเยี่ยมท่านยายกันเถอะ ส่วนท่านยายจะมีที่ให้หลับนอนหรือไม่นั้นไม่เป็นไรหรอก ระหว่างทางพวกเราก็นอนกลางดินกินกลางทรายกันมาก่อน” คำพูดของหวงชางทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

          เมื่อผ่านการเดินทางแสนลำบากมามากมาย เหตุใดจะทนลำบากต่ออีกหน่อยไม่ได้

          “แต่เงินข้าหมดแล้ว” นางเจียงหมดเนื้อหมดตัวแล้วจริง ๆ

          หวงชางพลันนึกขึ้นได้ “ท่านป้าผู้นั้นบอกว่าหมู่บ้านหยางฮัว ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว พวกเราเดินไปตอนนี้ยังทันนะขอรับ” ครึ่งชั่วยามไม่ถือว่าไกลเท่าใดนัก

          “เจ้าสามพูดถูก ยายเฒ่าพวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ อยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์”

          “เอาตามที่ตาเฒ่าว่ามานั่นแหละ” นางเจียงก้มหน้าเหนื่อยใจเป็นที่สุด

          คนตระกูลหวงจึงออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้หวงชางไปสอบถามเส้นทางกับพวกลากเกวียน จึงได้รู้ว่าเส้นทางที่ไปนั้นเป็นเส้นตรงและเลี้ยวซ้ายแค่เลี้ยวเดียว ผ่านเส้นทางบนภูเขาก็ถึงหมู่บ้านหยางฮัว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า  (จบ)

    บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า หวงชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ต่อไปข้ากับอาอี้จะเรียกเจ้าว่าอี้หาน เจ้ากลับบ้านเดิมภรรยาทั้งที เหตุใดต้องหอบของขวัญมามากมายถึงเพียงนี้” “แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น” หลินลู่ฉีรีบฟ้อง “ดีที่ข้าห้ามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสามีข้าคงขนมาทั้งคลังเป็นแน่” “เจ้าเด็กนี่เรียกสามีข้าเต็มปากเต็มคำ หน้าไม่อายจริง ๆ” ฉินซื่ออดเย้านางไม่ได้ “ท่านป้าท่านล้อข้า” “แต่งงานกันแล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อี้หานต่อไปก็รักและดูแลฉีฉีของพวกข้าให้ดี ๆ อย่าทำให้นางต้องเสียใจรู้ไหม” “ขอรับท่านป้าข้ารับปากท่าน ข้าซุนอี้หาน

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม   

    บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม หลังจากกินมื้อกลางวันอิ่มกันแล้ว พ่อบ้านได้นำกล่องของขวัญ กับจดหมายมามอบให้หลินลู่ฉี บอกว่าเป็นของท่านอาจารย์ของนางมอบให้ในวันแต่งงาน “อาจารย์ปู่อย่างนั้นรึ” หลินลู่ฉีรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อนเป็นอันดับแรก เนื้อหาในนั้นเป็นการขอโทษ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานแต่งของนางได้ เพราะระยะทางอยู่ไกลนับพันลี้ แม้เดินทางด้วยม้าเร็วก็คงมาไม่ทันอยู่ดี จึงได้ส่งของขวัญกับจดหมายมาให้แทน นอกจากคำอวยพรแล้ว อาจารย์ปู่ยังมอบป้ายไม้แกะสลักให้นางอีกด้วย ซุนอี้หาน “นี่ป้ายอะไรกัน” “อาจารย์ปู่เขียนบอกว่า เป็นป้ายประจำตัวเจ้าของตำหนักยา” “ตำหนักยา ? นั่นไม่ใช

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ

    บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ ภายในห้องหอซุนอี้หานกำลังเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว จึงได้หันไปทางเจ้าสาวที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอน เจ้าไปนั่งบนเตียงตั้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้รึ ซุนอี้หานทั้งขำทั้งเอ็นดูนาง หลินลู่ฉีกำลังนั่งด้วยความรู้สึกประหม่าแกมตื่นเต้น นางมองผ่านชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง เห็นเพียงหัวรองเท้าเจ้าบ่าวที่เดินมาหยุดอยู่ เขาเอื้อมจับชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ค่อย ๆ ยกขึ้นตลบไปไว้ด้านหลัง เจ้าสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขินอาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าออก คล้ายคนไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดออกมา “ฉีฉีเจ้างามมาก” ดวงตาปรือเยิ้มมองเจ้าสาวอย่างลุ่มหลง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า !

    บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า ! บรรดาญาติสหายและคนรู้จัก ที่พากันมาส่งตัวเจ้าสาว ต่างยืนดูพิธีการตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน “ตอนแรกข้าอยากเสนอตัวแบกเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่ว่าคิดไปคิดมาข้าเทียบหวงจื่อถงไม่ได้จริง ๆ เขามีความเป็นพี่ชายมากกว่าข้าเสียอีก” เซี่ยเฉินจิ่นเอ่ยเบา ๆ เซี่ยเฉินฟู่กอดอกมองภาพตรงหน้า แล้วพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านแบกพี่สาวไม่ไหวหรอก เกิดทำเจ้าสาวหกล้มขึ้นมา ทำฤกษ์มงคลเสียหายหมด ให้พี่จื่อถงแบกนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฉินจิ่น “...” เจ้ายังใช่น้องชายข้าอยู่ไหม ฉวีฮูหยิน “ต่อไปนางก็มีครอบครัวของตัวเอง มีสามีลูกมีหลานเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อนพวกเจ้าให้เป็นห่วงนางหรอก” ครอบครัวตระกูลเซี่ยยืนมองเกี้ยวเจ้าสา

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด 

    บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด “ฉีฉี” ฉินซื่อลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าตามนางไปด้วย ทั้งลูบทั้งกอดปลอบโยนนาง “เด็กน้อยในวันนั้น ได้นำพาครอบครัวของพวกเรา เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาไกลถึงเพียงนี้ รู้ไหมว่าป้าภูมิใจในตัวของเจ้ามากแค่ไหน” “ท่านป้า ฮะฮรึก...ฮือ ๆ ๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉินซื่อได้เห็นหลินลู่ฉี ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาเช่นนี้ เหมือนกำแพงความเข้มแข็งในใจของนาง ได้พังทลายลงแล้ว “เด็กดีไม่ร้อง ๆ เจ้าสาวจะตาบวมหมดงามเอาได้” “ขะข้า...ฮะฮรึก จะไม่ร้องแล้ว ฮะฮรึก !” คนพูดสะอื้นเป็นจังหวะ “เจ้

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว    

    บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status