Home / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

Share

บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

last update Last Updated: 2025-07-01 09:00:07

บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

          ไม่ช้านางหูก็กลับมาพร้อมข่าวดี ท่านยายหมี่ยินดีให้เช่าเรือนส่วนหนึ่ง เรื่องค่าเช่าแล้วแต่ผู้ใหญ่บ้านจะกำหนดให้ นางไม่เรื่องมาก ขอแค่มีรายได้เข้ามาบ้างก็เป็นพอ คืนนี้สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ที่เรือนของนางได้เลย

          “ท่านยายจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ข้าตั้งหนึ่งเดือน ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยายอย่างไรดี ขอบคุณท่านยายมากขอรับ” หวงชางคุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับให้ท่านยายเจียง

          “เหลวไหลอันใด รีบลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเป็นหลานชายข้า เงินแค่ไม่กี่สิบอีแปะข้าจะออกให้ไม่ได้รึ”

          ท่านยายเจียงโบกมือใส่เขาคล้ายโมโห นางไม่ได้บอกคนตระกูลหวง ว่าตัวเองมีรายได้จากช่องทางไหน แต่แอบกำชับผู้ใหญ่บ้านก่อนออกมา ไม่ให้บอกเรื่องให้เช่าที่นาเกือบร้อยหมู่กับญาติของนาง

          ผู้ใหญ่บ้านแม้อายุไม่มากนัก แต่เขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ในการเป็นผู้ใหญ่บ้านของเขา ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนมาจากเครือญาติกันนี่แหละ เขาจึงรับปากท่านยายเจียง แต่หากชาวบ้านเผลอเอ่ยออกไป เช่นนั้นก็ถือว่าเขาไม่ได้ผิดคำพูดเหมือนกัน ท่านยายเจียงเองก็เข้าใจ

          ท่านยายเจียงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่อง ที่ญาติของนางจะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านหยางฮัวแบบถาวร เถิงคุนจึงไม่ได้ถามไถ่มากนัก เพราะหากต้องการปักหลักอยู่ที่นี่ คงต้องมีการลงทะเบียนให้เรียบร้อย ท่านยายเจียงยังไม่เอ่ยเรื่องนี้ จึงถือว่าญาติแวะมาเยี่ยมเยียนชั่วคราวเท่านั้น

          นางเจียงแสดงสีหน้าไม่พอใจหลังได้ยินว่าท่านน้าของนาง จ่ายค่าเช่าให้บ้านสามไปแล้วหนึ่งเดือน

          “เหตุใดต้องสิ้นเปลืองเช่นนั้น สู้เอาเงินมา...”

          เสียงกระแอมเตือนของสามี ทำให้นางเจียงรู้ตัวว่าเกือบเอ่ยคำพูดไม่เหมาะสมออกมาแล้ว

          “หวงชางก็หลานข้าเหมือนกัน” ท่านยายเจียงชักสีหน้าใส่หลานสาวตนเอง เหตุใดโตมาแล้วถึงกลายเป็นคนรักลูกหลานไม่เท่ากันได้ “เอาล่ะ ๆ หวงชางเจ้าพาครอบครัวไปที่เรือนของท่านยายหมี่ก่อน ผู้ใหญ่บ้านรอเจ้าอยู่ที่นั่นแล้ว”

          “ขอรับท่านยาย”

          เรือนของท่านยายหมี่อยู่ห่างจากเรือนของท่านยายเจียงพอสมควร อยู่ค่อนไปทางท้ายของหมู่บ้าน ติดกับตีนภูเขาด้านหลัง ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางทุ่งนารอบด้าน

          “มากันแล้ว ๆ” เถิงคุนเห็นกลุ่มคนเดินมาทางเรือนของท่านยายหมี่ รีบกวักมือเรียกพวกเขา “ทางนี้ ๆ”

          “อาอี้นี่คือผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านนี่ฉินซื่อภรรยาของข้า แล้วนั่นก็บุตรชายบุตรสาวของข้าขอรับ” หวงชางรีบแนะนำทุกคนให้เถิงคุนได้รู้จัก

          ฉินซื่อนำเด็ก ๆ คำนับผู้ใหญ่บ้านอย่างรู้มารยาท

          “ดีดีดี” เถิงคุนพึงพอใจในความรู้ความของพวกเขา หันไปด้านข้างรีบแนะนำท่านยายหมี่ให้ทุกคนได้รู้จัก

          “นี่คือท่านยายหมี่ รุ่นราวคราวเดียวกับท่านยายเจียงของพวกเจ้า หนึ่งเดือนจากนี้ไปพวกเจ้าสามารถอยู่อาศัยกับท่านยายหมี่ได้ แต่ว่าเรื่องอาหารการกินนั้นต้องจัดหาเอาเอง ท่านยายหมี่ไม่ได้มีรายได้อะไร ที่นาสามหมู่ก็ให้คนอื่นเช่าทำ ที่เหลือก็เก็บผักป่าของป่ามากินประทังชีวิตเท่านั้น”

          หวงชาง “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านที่จัดการเรื่องที่อยู่อาศัยให้ ขอบคุณมากขอรับ”

          “เอาล่ะ ๆ นี่ก็มืดค่ำแล้วข้าต้องกลับเรือนก่อน”

          เถิงคุนเดินหันหลังจากไปอย่างโล่งอก การจัดการกับญาติผู้ลี้ภัยไม่ได้ง่ายเช่นนี้ทุกราย คราวนี้ถือว่าง่ายที่สุดแล้ว

          “ท่านยายหมี่พวกเราต้องรบกวนท่านแล้ว”

          หวงชางหันมามองหญิงชราที่มีผมสีขาวเงินเต็มศีรษะ ดวงตาฝ้าฟางเล็กน้อย ทว่ายังมองเห็นว่าใครเป็นใคร

          “ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ได้มาอยู่เฉย ๆ ข้ายังได้ค่าเช่าเรือนมาอีกด้วย ไป ๆ ไปดูห้องนอนกัน”

          หลินลู่ฉีสังเกตเห็นหญิงชรา แม้ท่าทางของนางไม่ได้แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ ดูเป็นผู้ใหญ่มีเหตุมีผลพอสมควร เช่นนั้นคงไม่ต้องกลัวปัญหาการอยู่ร่วมกัน

          เรือนของท่านยายหมี่ว่างอยู่สองห้อง สองสามีภรรยาได้อยู่ด้วยกัน ส่วนเด็กสามคนอยู่อีกห้อง ท่านยายหมี่ต้มโจ๊กข้าวโพดให้พวกเขากินรองท้อง เนื่องจากได้รู้เรื่องราวคร่าว ๆ ว่าพวกเขาลี้ภัยแล้งมาจากอีกเมือง คงมีชีวิตยากลำบากมาไม่น้อย

          “ท่านยายหมี่พวกข้าไม่มีเงิน โจ๊กพวกนี้พวกข้าไม่กล้ากินหรอกเจ้าค่ะ” ฉินซื่อแม้ท้องร้องแต่ก็ไม่กล้ากินจริง ๆ

          “จริงด้วย” หวงชางเองก็อับจนปัญญา

          “พวกเจ้าเช่าเรือนของข้าอยู่ ข้าเลี้ยงโจ๊กข้าวโพดแค่นี้จะเป็นอันใดไป พรุ่งนี้พวกเจ้าก็ตักน้ำกวาดเรือนให้ข้า ก็ชดเชยกันได้แล้ว ดูเด็ก ๆ สิ หน้าซีดหน้าเซียวกันหมดแล้ว รีบกินเร็วเข้า !” หญิงชราแสร้งทำเสียงดุใส่

          หลินลู่ฉีคือคนที่ทนไม่ได้ นางหิวจนตาลายไปหมดแล้ว นางหยิบช้อนไม้ตักโจ๊กเข้าปากเป็นคนแรก

          ข้ายังเด็ก ข้าไม่รู้ความ

          ท่านยายหมี่หัวเราะออกมาดัง ๆ “ต้องอย่างเจ้าเด็กฉีฉีคนนี้สิ กินกันได้แล้ว ไม่อายเด็กบ้างหรือไร”

          “เจ้าค่ะท่านยาย” ฉินซื่อขานรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ แอบอายแทนหลินลู่ฉีเล็กน้อย

          เมื่อมีหลินลู่ฉีนำทางก่อน คนอื่น ๆ จึงรู้สึกผ่อนคลายลง จับตะเกียบพุ้ยโจ๊กเข้าปากด้วยความหิว มีเพียงเด็กเล็กสองคนที่ยังใช้ช้อนไม้อยู่

          เมื่อกินอิ่มแล้ว ฉินซื่อไม่ยอมให้ท่านยายหมี่ล้างถ้วยของพวกนาง อาสาช่วยหญิงชราทำให้ทุกอย่าง เรือนที่เคยเงียบเหงาอ้างว้าง บัดนี้กลับมีเสียงพูดคุยของเด็กเล็ก ๆ ทำให้ท่านยายหมี่รู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจขึ้นมา นานมากแล้วจริง ๆ

          ด้านเรือนของท่านยายเจียง เดิมทีนางต้องการให้หลานสาวนำอาหาร ไปมอบให้ครอบครัวของหวงชาง แต่นางเจียงห้ามไว้ บอกว่าบ้านสามไม่หิวหรอก เอาที่เหลือไว้ให้หลานชายบ้านใหญ่ของนางดีกว่า เด็ก ๆ กำลังโตต้องได้กินอิ่มท้อง ท่านยายเจียงทำเพียงถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้กล่าวคำพูดใดอีก

          แต่เมื่ออยู่ในห้องกับหลานสาวสองคน ผู้เป็นหลานก็อดระบายออกมาไม่ได้

          “ข้าไม่เข้าใจเลยท่านย่า เหตุใดมารดาถึงรักบุตรไม่เท่ากัน” หม่าซูเหวินใบหน้าซึมเศร้า ยกมือเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง

          “ครอบครัวใหญ่ก็เช่นนี้แหละ ใช่ว่าพวกเราไม่เคยพบเจอ” ท่านยายเจียงยกฝ่ามือลูกศีรษะหลานสาวเบา ๆ นางเป็นอนุภรรยามาก่อน ความลำเอียงของผู้อาวุโสในเรือนก็เช่นนี้ บุตรหลานจากภรรยาเอกย่อมมาก่อน แม้จะมีสายเลือดเดียวกันก็ตามที

          “เหตุใดท่านย่าไม่ช่วยญาติพี่ชายบ้านสามล่ะเจ้าคะ”

          ท่านยายเจียงคลายรอยยิ้มออกมา ก่อนสอนหลานสาวไปในตัว “ช่วยได้หนหนึ่งก็ใช่ว่าจะช่วยได้ตลอดไป พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเอาตัวให้รอดด้วยตัวเอง”

          “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเจ้าค่ะ” นางเอียงหน้าขึ้นมองผู้เป็นย่า

          “เหวินเอ๋อร์หากหวงชางไม่สามารถหาอาหารให้ลูกเมียกินได้ เขาจะมีชีวิตรอดมาในวันข้างหน้าได้อย่างไร”

          นางกล่าวแล้วดวงตาเคร่งขรึมลง ตอนนี้คงทำเพียงแค่เฝ้ามองดูครอบครัวของพวกเขา ไม่อาจยื่นมือเข้าไปก้าวก่ายได้ เว้นเสียแต่นางเจียงจะทำสิ่งใดเกินเลยไป

          เช้าวันต่อมา

          เรือนท่านยายเจียง หลินซื่อผู้เป็นสะใภ้รองของนางเจียง รีบลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ทุกคนได้กิน เมื่อวานนางได้รับอนุญาต ให้ทำอาหารให้ทุกคนกินในเช้านี้ โดยมีบุตรสาววัยเจ็ดปีหวงหลันฮวาตื่นมาเป็นลูกมือให้นาง ส่วนจ้าวซื่อสะใภ้ใหญ่นางไม่ยอมตื่นขึ้นมาช่วยแต่อย่างใด

          สามีของหลินซื่อลุกขึ้นไปตักน้ำใส่ถังตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนกัน กลายเป็นว่าบ้านใหญ่กับหวงจงและนางเจียง ยังนอนหลับไม่ยอมตื่น

          “พี่สะใภ้รอง”

          หม่าซูเหวินตื่นมาเจอหลินซื่อในห้องครัว จึงทักทายนางอย่างเป็นกันเอง นางสับสนในการเรียกขานอีกฝ่ายอยู่ แต่ท่านย่าบอกว่าให้นางเรียกพี่สะใภ้นำหน้าไป เหตุเพราะนางอายุน้อยกว่าทุกคน

          “น้องซูเหวินตื่นเช้าเช่นนี้เป็นประจำรึ”

          “เจ้าค่ะ ข้าตื่นมาทำกับข้าวให้ท่านย่าทุกวัน”

          “เอ่อ วันนี้เจ้าไม่ต้องทำหรอก ข้าเป็นแขกมาอาศัยอยู่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” หลินซื่อกล่าวด้วยความเกรงใจ

          “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ คนตั้งมากมายให้พี่สะใภ้รองทำคนเดียวได้อย่างไร ข้าช่วยทำจะได้เร็วขึ้น”

          นี่เป็นครัวบ้านท่านย่าของนาง เหตุใดต้องให้คนอื่นมาครอบครอง หม่าซูเหวินไม่พอใจคนตระกูลหวงอยู่ลึก ๆ ทว่านางกลับไม่แสดงออกมาให้ทุกคนเห็น

          “รบกวนแล้ว”

          หลินซื่อเองก็ไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมอันใด นางออกจะขลาดกลัวด้วยซ้ำ จึงได้ทำตามที่หม่าซูเหวินบอก เมื่อนางบอกให้ทำข้าวต้ม ให้ใส่ปริมาณเท่าใด นางก็ต้องทำตามอย่างไร้ข้อโต้แย้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 8 : เจียงชุน

    บทที่ 8 : เจียงชุน หลินลู่ฉีทนสังขารของเด็กสามขวบไม่ไหว นางหลับบนหลังของหวงชางไปตลอดเส้นทาง รู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าเรือนของท่านยายเจียงแล้ว แม้จะอยู่ในชนบทแต่เรือนของท่านยายเจียงกลับสร้างด้วยอิฐ ซึ่งแตกต่างจากบ้านของชาวบ้าน ที่ส่วนใหญ่สร้างด้วยดิน หมู่บ้านหยางฮัวมีคนสร้างบ้านด้วยอิฐเพียงสองหลังเท่านั้น คือของผู้ใหญ่บ้านกับท่านยายเจียง หลินลู่ฉีมองสำรวจด้วยสายตาคร่าว ๆ หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ด้านหน้าภูเขา มีราวห้าสิบหลังคาเรือนเท่านั้น คงมีชาวบ้านราว ๆ สองร้อยกว่าคน ท่านยายเจียงแลดูจะตกใจ กับจำนวนลูกหลานเหลนที่มาพึ่งพาเกือบยี่สิบคน ทว่าท่านกลับให้การต้อนรับเป็นอย่างดี “ท่านน้าข้าลี้ภัยมาพึ่งใบบุญของท่าน ไม่คิดว่าจะถูกตระกูลหม่า ขับไล่ออกมาเหมือนหมูเหมือนหมาเช่นนี้” นางเจียงร้อ

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง

    บทที่ 7 : ไปให้พ้น ! ที่นี่ไม่มีอนุภรรยาแซ่เจียง หลินลู่ฉีอยากลงเดินเพื่อให้หวงชางได้เบาหลังบ้าง แต่พอนางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทิ้งระยะห่างจากคนตระกูลหวงเสียแล้ว โทษใครได้ขานางสั้นเกินไปจริง ๆ “เจ้าอยากเดินนักเป็นอย่างไรล่ะ” หวงจื่อถงจิ้มจมูกเล็ก ๆ ของนาง “มาขี่หลังข้า ให้ท่านพ่อได้พักบ้าง” เขาย่อตัวลงหวังให้น้องสาวตัวน้อยได้ขี่หลัง หลินลู่ฉีมองดูร่างผอมแห้งของเขาแล้วหนักอึ้งในใจ นางเงยหน้าขึ้นมองหวงชางกับฉินซื่อ “ให้พี่ชายของเจ้าลองดู ไหวหรือไม่เดี๋ยวก็รู้” หวงชางยิ้มระหว่างมองสบสายตากับเด็กน้อย เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ไม่ถึงครึ่งลี้หวงจื่อถงก็ไม่ไหวเสียแล้ว เป็นหวงชางที่ต้องแบกหลินลู่ฉีต่อไป ส่

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่

    บทที่ 9 : เช่าเรือนท่านยายหมี่ ไม่ช้านางหูก็กลับมาพร้อมข่าวดี ท่านยายหมี่ยินดีให้เช่าเรือนส่วนหนึ่ง เรื่องค่าเช่าแล้วแต่ผู้ใหญ่บ้านจะกำหนดให้ นางไม่เรื่องมาก ขอแค่มีรายได้เข้ามาบ้างก็เป็นพอ คืนนี้สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ที่เรือนของนางได้เลย “ท่านยายจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ข้าตั้งหนึ่งเดือน ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยายอย่างไรดี ขอบคุณท่านยายมากขอรับ” หวงชางคุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับให้ท่านยายเจียง “เหลวไหลอันใด รีบลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเป็นหลานชายข้า เงินแค่ไม่กี่สิบอีแปะข้าจะออกให้ไม่ได้รึ” ท่านยายเจียงโบกมือใส่เขาคล้ายโมโห นางไม่ได้บอกคนตระกูลหวง ว่าตัวเองมีรายได้จากช่องทางไหน แต่แอบกำชับผู้ใหญ่บ้านก่อนออกมา ไม่ให้บอกเรื่องให้เช่าที่นาเกือบร้อยหมู่กับญาติของนาง&nb

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม

    บทที่ 6 : ฉีฉีมองเห็นบ้างไหม เมื่อรู้ว่ามีภัยอันตรายเข้ามาใกล้ พวกเขารีบเก็บของ พากันคลำทางในความมืดไปจากตรงนี้ เพราะเป็นคืนเดือนมืดทุกคนจึงต้องจับมือเดินตามหลังกันไป “ข้ามองไม่เห็นทางแล้วท่านพ่อท่านแม่ หากก้าวพลาดอาจได้รับบาดเจ็บได้” หวงจื้อเป็นคนนำทางเขาเกิดกลัวขึ้นมา “เจ้าใหญ่เงียบ ๆ หน่อย ข้าได้ยินเสียงคนตามหลังพวกเรามาแล้ว พวกมันจุดคบเพลิงด้วย รีบไป ๆ” หวงจงเร่งบุตรชาย หลังจากเห็นแสงไฟอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าหวงจื้อกลับไม่กล้าเดินต่อ พวกเขาไม่มีคบเพลิงและข้างหน้าก็ล้วนแต่เป็นป่าเขา “ท่านพ่อสามีข้ามองไม่เห็นทาง ให้คนอื่นมานำทางเถอะ” จ้าวซื่อรีบดึงแขนสามีมาหลบอยู่ด้านหลังนางเจียง&nbs

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่

    บทที่ 5 : พี่ชายเจ็บหรือไม่ กระนั้นวาจาถากถางจากนางเจียง ก็ยังลอยมาตามสายลม คำว่าตัวอัปมงคล ตัวกินล้างกินผลาญ ด่าลามไปถึงครอบครัวของหวงชางทุกคน ด่าจนหลินลู่ฉีรู้ประวัติความเป็นมาของพวกเขาไม่มากก็น้อย นางเจียงกับหวงจงนั้นแม้จะเป็นปู่ย่าคนแล้ว แต่อายุเพียงแค่สี่สิบปลาย ๆ เท่านั้น บุตรชายทั้งสามคนอายุยังไม่ถึงสามสิบสักคน บุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นน่าจะเพิ่งผ่านวัยปักปิ่นมา หลินลู่ฉีรู้ว่าคนอื่นไม่ยินดี ที่หวงชางกับฉินซื่อให้นางร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางจึงได้ยินวาจาเย้ยหยันอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นกระทั่งหลาน ๆ ของพวกเขาเอง ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องวิ่งมากลั่นแกล้งนางอยู่เรื่อย ดีที่หวงจื่อถงอยู่ข้างกาย เขาคอยตะโกนบอกบิดามารดาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดปากเสียงกันอยู่ร่ำไป กระทั่งลงไม้ลงมือกันก็มี “นังตัวซวยพวกเจ้าเห็นหรือยัง พอมีนางเข้ามาหลาน ๆ ของข้าก็ตีกันเสียแล้ว” นางเจียงลูบหลังปลอบหลานชายสุดที่รักของตน หวงชุนฟงคือบุตรชายคนโต ที่เกิดจากหวงจื้อกับจ้าวซื่อ “ท่านแม่ฟงเอ๋อร์อายุเท่าไรแล้ว ยังมารังแกฉีฉีของพวกเรา นางก็แค่เด็กสองสามขวบเองนะเจ้า

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 4 : แบ่งให้ข้าคนละคำก็พอแล้วเจ้าค่ะ

    บทที่ 4 : แบ่งให้ข้าคนละคำก็พอแล้วเจ้าค่ะ “ไม่ได้นะเจ้าคะท่านแม่ นางยังมีลมหายใจอยู่เลย ข้าไม่อาจทิ้งนางได้ ท่านแม่มองดูสิเจ้าคะ แถวนี้มีคนดี ๆ ที่ไหนกันหากปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้ คงถูกสัตว์ร้ายทำอันตรายเอาได้” สัตว์ร้ายไม่เท่าไรหรอก เกรงแต่มนุษย์ด้วยกันนี่แหละที่จะทำร้ายกันเอง นางเคยได้ยินเรื่องผู้ลี้ภัยหิวโหย ถึงขึ้นกินเนื้อเด็กทารกแรกเกิดด้วยซ้ำ “นังคนอกตัญญู ลูกตัวเองจะอดข้าวตายอยู่แล้วยังไม่สำนึก เกิดอยากเป็นคนใจดี เหตุใดข้าถึงได้แต่งสะใภ้เบาปัญญาเช่นนี้เข้าบ้าน สวรรค์หนอสวรรค์ เหตุใดถึงได้โหดร้ายกับข้านัก” นางเจียงร่ำร้องคล้ายคนถูกกระทำอย่างโหดร้าย หากไม่ติดว่ากำลังลี้ภัยอยู่ นางคงลงไปนั่งตบตีต้นขาอยู่บนพื้นแล้ว ฉินซื่อเริ่มทำตัวไม่ถูก “ท่านแม่ข้าไม่ได้..” นางเจียงชี้นิ้วใส่นาง “เจ้าหุบปาก หากเจ้ายังไม่ทิ้งเด็กนั่นไปอีก อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ !” ฉินซื่ออุ้มเด็กเดินไปหลบอยู่ข้างหลังของสามี ด้านข้างมีบุตรชายกับบุตรสาวยืนอยู่ พวกเขาเหมือนกำลังตกใจกับคำด่าทอของผู้เป็นย่า แต่กระนั้นฉินซื่อก็ส่งสายตาให้สามี ว่านาง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status