LOGINด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นเมื่อกลับมาถึงจวนก็รีบตรงมาที่เรือนทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าอาหมี่นั่งรอนางอย่างกระวนกระวายเหมือนเช่นทุกครั้ง อีกทั้งยังบอกนางว่าโชคดีที่วันนี้คนตระกูลไป๋มาส่งสินสอดพอดี เถียนฮูหยินจึงมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการตรวจนับสินสอดไม่ได้มีเวลามาจับตาดูนางที่เรือน เมิ่งอ้ายเยว่ลอบพรูลมหายใจออกมาหนหนึ่งอย่างโล่งใจ วันนี้นางเอาแต่เที่ยวเล่นกับอาอี้จนกลับบ้านเลยเวลาไปมาก ต่อไปจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแล้ว อาหมี่รีบเข้ามาช่วยเจ้านายผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก่อนที่เด็กสาวจะย่นหว่างคิ้วหนหนึ่ง
“คุณหนูใหญ่ ท่านดื่มสุรามาหรือเจ้าคะ”
“นิดหน่อยน่า ห้ามบ่น ข้าหิวแล้ว กินอิ่มแล้วจะได้ไปนอนเสียที”
เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยปรามอาหมี่ และรีบไปกินอาหารที่ตนซื้อมาอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะคลานขึ้นเตียงไปนอนอย่างสุขใจ
ยามเช้าของวันต่อมา ในขณะที่นางกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของอาหมี่เอ่ยเรียกนางอย่างลนลานจนนางนอนต่อไม่ได้
"คุณหนู รีบตื่นเร็วเข้าเจ้าค่ะ!"
เมิ่งอ้ายเยว่สลืมสะลือรีบลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงียพลางหาวออกมาไม่หยุด
“มีอันใดอีกเล่าอาหมี่ นี่ยังเช้าอยู่เลย เถียนฮูหยินคงยังไม่ตื่นหรอกกระมัง เจ้าจะปลุกข้าขึ้นมาทำไมแต่เช้ากัน หรือว่าเถียนฮูหยินตื่นแล้วและส่งคนมาเรียกข้าไปด่า?"
อาหมี่วิ่งเข้ามานั่งลงข้างเตียงด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง
"ไม่ใช่เถียนฮูหยินเจ้าค่ะ เอ่อ แต่ว่าเป็นคนจากในวัง ยามนี้ที่ลานด้านหน้าเรือนหลัก มีขันทีจากในวังหลวงมาที่จวนของพวกเรา และยังบอกอีกว่าให้คุณหนูรีบออกไปรับของรางวัลพระราชทานเจ้าค่ะ”
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับเหม่อไปทันที
ฮ่องเต้หรือ? ฮ่องเต้ทรราชน่ะเหรอ!
นางจำได้ว่าตนไม่เคยเจอหน้าฮ่องเต้ทรราชผู้นั้นมาก่อนเลย แล้วเขาจะมาพระราชทานรางวัลให้นางทำไมกัน?
อาหมี่ที่เห็นว่าเมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนลงจากเตียงเสียที จึงตัดสินใจลากเจ้านายตนมาล้างหน้าล้างตาและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เมิ่งอ้ายเยว่ที่ถูกอาหมี่จับทำนั่นแต่งนี่ก็ถึงกับตาสว่าง นางรีบตั้งสติและมาที่ลานด้านหน้าเรือนหลักในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าทุกคนในจวนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ นางจึงรีบเดินเข้าไปคุกเข่าตามพวกเขา
ขันทีน้อยที่เห็นนางก็รีบถามทันทีว่านางใช่คุณหนูใหญ่เมิ่งหรือไม่ เมื่อนางตอบว่าใช่ขันทีก็ยิ้มให้นางอย่างเป็นมิตร แล้วจึงประกาศราชโองการทันที เนื้อหาในราชโองการบอกว่านางทำความดีช่วยคนตกยากลำบาก ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล จึงพระราชทานรางวัลให้นางเป็นอาหารเลิศรสสามโต๊ะใหญ่ และเตียงนอนชั้นดีอีกหนึ่งหลัง ผ้าไหมแพรพรรณและเครื่องประดับราคาแพงอย่างละสามหีบ เป็นอันจบราชโองการ
อาหารเลิศรสสามโต๊ะใหญ่ เตียงนอนหนึ่งหลัง?
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!
เมิ่งอ้ายเยว่รับราชโองการมาอย่างมึนงง ขันทีผู้นั้นเมื่อทำงานแล้วเสร็จก็สะบัดแส้เดินจากไปซ้ำยังไม่รับเงินค่าเหนื่อยสักอีแปะ และยังสั่งให้คนขนเตียงชั้นดีไปวางเอาไว้ในห้องนอนของนางด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังรื้อเตียงเก่าๆ ของนางออกไปโยนทิ้งให้อย่างมีน้ำใจ
เมิ่งอ้ายเยว่ยังคงมึนงงไม่หาย นางแค่ช่วยสตรีนางนั้นเมื่อวาน แต่ข่าวกลับไปถึงฮ่องเต้รวดเร็วราวกับเขามีตาทิพย์เสียอย่างนั้น
“เมิ่งอ้ายเยว่ นี่มันหมายความเช่นไร เจ้าแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกจวน แล้วไปพบกับฝ่าบาทเข้าอย่างนั้นหรือ?”
เถียนฮูหยินเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ นังเด็กคนนี้ นางสั่งห้ามนักหนาว่าไม่ให้ออกจวน เกิดไปรับไออัปมงคลที่ด้านนอกเข้ามา บุตรสาวบุตรชายของนางจะไม่แย่เอาหรือ!
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับลอบไว้อาลัยให้ตนเอง ฮ่องเต้ทรราชทำนางโป๊ะแตกเสียแล้ว ในเมื่อปิดไม่อยู่ ก็ยอมรับไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“ข้าเพียงนึกสนุกเลยปีนกำแพงออกไปเที่ยวเล่นเจ้าค่ะ ข้าเพียงไปช่วยคนโดยบังเอิญเท่านั้น และข้าไม่ได้เจอฮ่องเต้ด้วยซ้ำ ยังแปลกใจอยู่เช่นกันว่าทรงรู้ได้เช่นไร”
นางไม่มีทางบอกเถียนฮูหยินเด็ดขาดว่านางมุดช่องลอดสุนัขออกไป!
เถียนฮูหยินส่งเสียงเหอะออกมาทันที
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ว่าเจ้าจะออกไปนอกจวนได้ต้องมีข้าไปด้วยเท่านั้น และยังต้องสวมกำไลลูกประคำเอาไว้ยามออกจากจวนเพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลตามกลับจวนมา แต่เจ้ากลับขัดคำสั่งข้า วันนี้ข้าควรโบยเจ้าเพื่อเป็นสั่งสอนดีหรือไม่!”
เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาทันที
บ้าบอสิ้นดี จะออกจวนทั้งทียังต้องให้สวมกำไลลูกประคำ เถียนฮูหยินเชื่อเรื่องการทำนายทายทักจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรือไร!
“ท่านแม่ ข้าไม่ใช่นักโทษที่จะต้องถูกท่านกักขังไปชั่วชีวิต ท่านทำเช่นนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ เช่นนั้นข้าขอถามท่าน ท่านทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร หากชังน้ำหน้าข้านัก กลัวว่าข้าจะเอาภัยพิบัติมาให้ เหตุใดท่านไม่ไล่ข้าออกจากจวนไปเสียเลยเล่า เก็บข้าเอาไว้ทำไมกัน ข้าว่าท่านนั่นล่ะ ที่เริ่มเลอะเลือนเข้าไปทุกวัน!”
“หุบปาก เจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าข้า ชีวิตเจ้าเป็นของข้า ข้ารับเจ้ามาเลี้ยงดู ให้เจ้าเชิดหน้าเป็นคุณหนูใหญ่ เจ้าไม่สำนึกบุญคุณก็ช่างเถอะ แต่กลับมาต่อว่าข้าอีก ช่างอกตัญญูสิ้นดี!”
“เหอะ ท่านแม่ แล้วท่านคู่ควรให้ข้ากตัญญูหรือไม่เล่า ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาข้าทำตัวไม่ดี แต่ข้าก็พยายามปรับปรุงตัวแล้ว ท่านเล่า ลองมองตนเองบ้าง ภายนอกท่านแสร้งทำเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่แท้จริงใจนิสัยของท่านทั้งเผด็จการและบ้าอำนาจยิ่งกว่าใคร ข้าไม่ใช่บุตรที่ท่านคลอดมาก็จริง แต่หลายสิบปีที่ท่านเลี้ยงดูข้ามา ท่านไม่มีความสงสารเมตตาบ้างเลยหรือ หากท่านรักข้าจริง ต่อให้ข้าเลวร้ายปานใดท่านควรจะสั่งสอนข้าด้วยความเมตตาสงสาร มิใช่ทำราวกับข้าเป็นนักโทษในจวนท่านเช่นนี้!”
เถียนฮูหยินถูกคำพูดของเมิ่งอ้ายเยว่ทำให้ชะงักไป ความรู้สึกเมตตาเอ็นดูที่มีต่อเด็กสาวตรงหน้านางจำไม่ได้นานแล้ว คล้ายว่ามันจะเลือนรางไปตามกาลเวลาเสียด้วยซ้ำ
"เจ้าไม่ฟังคำสั่ง ข้าย่อมต้องลงโทษ ของรางวัลในหีบพวกนี้ ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อน รอเจ้าทำตัวดีเมื่อไหร่ข้าค่อยมอบคืนให้เจ้า และจะส่งคนไปจับตาดูเจ้าไม่ให้คลาดสายตา เด็กๆ ขนของรางวัลเหล่านี้ไปเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติของข้า"
อ้ายเยว่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับกำมือแน่น
"ท่านแม่ ของพวกนี้เป็นของที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ข้า ท่านไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้"
เถียนฮูหยินปรายตามองเมิ่งอ้ายเยว่หนหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยตอบ
"ข้าเป็นมารดาเจ้า ช่วยดูแลของพวกนี้แทนบุตรสาว ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดอันใด ส่วนเจ้าก็สำราญใจกับอาหารตรงหน้าไปเถอะ หากไม่มีสิ่งใดก็อย่าได้มารบกวนข้า"
เอ่ยจบเถียนฮูหยินก็เดินกลับเข้าเรือนตนไปทันที เมิ่งอ้ายเยว่ทอดถอนใจอย่างเบื่อหน่าย เถียนฮูหยินปากบอกว่าจะช่วยดูแลของให้ แต่มีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดจะฮุบของๆ นาง
เมิ่งอ้ายเยว่มีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเดินตรงไปยังหีบของรางวัล แล้วจัดการเปิดมันออก จากนั้นก็หยิบผ้าไหมแพรพรรณออกมาหลายสิบพับ อีกทั้งยังเอาเครื่องประดับราคาแพงมาอีกหนึ่งหีบ และบอกให้อาหมี่ขนกลับเรือน เถียนฮูหยินถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที นางออกคำสั่งให้สาวใช้ไปแย่งของคืน แต่สาวใช้เหล่านั้นกลับถูกเมิ่งเยว่ตบหน้าจนร้องไห้โฮและไม่กล้าเขามาแย่งของของนางอีก
ยามคับขัน นางก็มีวิธีป้องกันตนเองเสมอ สิ่งใดควรยอมนางก็ยอม สิ่งใดไม่ควรยอมนางเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อเช่นเดียวกัน
“นี่เจ้าจะทำตัวเป็นกบฏกับข้าหรือ!”
“เจ้าค่ะ ในเมื่อท่านแม่อยากได้ของๆ ข้า ข้าก็จะให้ แต่ให้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ใครมันกล้ามาแย่งของๆ ข้าอีก ก็อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจ!”
เมิ่งอ้ายเยว่ไม่สนใจเถียนฮูหยินอีก นางรีบเดินกลับเรือนตนไปทันที ส่วนเถียนฮูหยินก็กำมือแน่น
ช่างเถอะ วันคืนยังอีกยาวนาน นางค่อยหาทางเอาของพวกนั้นกลับคืนมาก็ยังไม่สาย เพราะอย่างไรเสียชั่วชีวิตนี้เมิ่งอ้ายเยว่ก็ไม่มีทางได้ใช้มันอยู่แล้ว!
หลังจากพิธีฉลองการอภิเษกสมรสผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติตามเดิม หลังจากที่ซือหม่าอี้เฉินแต่งงานกับอวี๋อ้ายเยว่ได้ไม่นาน ซือหม่าตงและอวี๋ลู่เหลียนก็เข้าพิธีแต่งงานกันทันที หลังจากผ่านงานแต่งงานมาแล้วคนทั้งสองก็เดินทางเข้าวังหลวงมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับซือหม่าอี้เฉินและอวี๋อ้ายเยว่อวี๋อ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนนั้นนั่งสนทนากันกันอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก ส่วนซือหม่าอี้เฉินและซือหม่าตงก็นั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรไม่ไกลจากสตรีทั้งสองมากนัก"อาตงข้าจะมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเจ้า"ซือหม่าตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพ่นชาร้อนออกจากปากทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตนอย่างหมดอาลัยตายอยาก"เสด็จพี่ ข้าไม่อยากเป็นชินอ๋องท่านก็รู้นี่ ข้าไม่อยากทำงานในราชสำนัก ข้าไม่อยากร่วมประชุมยามเช้า ข้าอยากอยู่แต่กับเมียข้า""ค่าจ้างเป็นชินอ๋องเดือนละหนึ่งพันตำลึง ไม่ต้องประชุมยามเช้า อยากไสหัวไปทำอันใดก็ไป เพียงแค่เป็นชินอ๋องหุ่นเชิดให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหาว่าข้าตระหนี่แม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋องที่ควรจะเป็นของน้องชาย ข้าไม่อยากถูกคนเอาข้าไปนินทาว่าไม่รักพี่รักน้อง"ซือห
เมื่อสงครามจบสิ้นลง บ้านเมืองก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วถูกปราบปรามจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เหล่าช่าวบ้านต่างกู่ร้องยินดีกันถ้วนหน้าซือหม่าอี้เฉินทิ้งทหารเอาไว้ที่ชายแดนทางทิศเหนือหลายหมื่นนายเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ส่วนราษฎรแคว้นฉีนั้นต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ อีกทั้งยังบอกว่าซือหม่าอี้เฉินเปรียบเสมือนเทพเซียนมาโปรด ที่ช่วยสังหารฉีอ๋องจนตกตายไปได้ เพราะที่ผ่านมาฉีอ๋องเอาเปรียบราษฎรไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังทำชั่วเอาไว้มาก ที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความอำมหิต เมื่อฉีอ๋องตกตายไป พวกเขาก็ถือว่าได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียทีเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกดีใจยิ่งนักที่สงครามครานี้จบลงด้วยการที่แคว้นเยี่ยเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เมฆหมอกดำได้ผ่านพ้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ได้เวลาเริ่มต้นใหม่เสียทีเมื่อสะสางเรื่องที่ชายแดนจบสิ้น ซือหม่าอี้เฉินและเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินทางกลับเมืองหลวงในทันที เมื่อกลับมาถึงเขาก็ปูนบำเหน็จให้กับเหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างสมเกียรติ ส่วนขุนนางที่ได้รับผลกระทบก็ได้รับการปลอบประโลมเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่งหยวนและหลี่หรงได้รับการปูนบำเหน
กลางดึกเขาสั่งให้คนลอบไปเผาคลังเสบียงในค่ายทหารของฉีอ๋อง ทั้งค่ายพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที ซือหม่าอี้เฉินจึงใช้โอกาศนี้ไปแย่งชิงตัวซือหม่าตงกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายนัก กว่าจะแย่งตัวคนมาได้ ฉีอ๋องก็รู้ตัวเสียแล้ว และได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกมาจัดการกับซือหม่าอี้เฉิน ซือหม่าอี้เฉินรีบสั่งให้คนพาซือหม่าตงกลับเข้าชายแดนแคว้นเยี่ยโดยเร็วส่วนเขาและหลี่หรงก็รับมือกับทหารของฉีอ๋องเพื่อถ่วงเวลาให้น้องชายกลับเข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนที่รออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าซือหม่าตงถูกช่วยกลับมาได้แล้วจึงสั่งให้คนตามท่านหมอมารักษาเขาทันที ด้านซือหม่าตงและหลี่หรงก็อาศัยโอกาสนี้โจมตีฉีอ๋องไม่หยุด ยามนี้ทหารของฉีอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อย อีกทั้งคลังเสบียงก็มาถูกไฟเผา ฉีอ๋องจึงโกธรแค้นมาก และประกาศก้องว่าจะออกรบสังหารซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงด้วยตนเอง!ซือหม่าตงถูกพาตัวมารักษาโดยมีอวี๋ลู่เหลียนคอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซือหม่าตงแม้จะเจ็บหนักแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาหันมามองอวี๋ลู่เหลียนและยิ้มให้นางอย่างอ่อนล้า"ลู่เหลียน""ข้าอยู่นี่แล้ว ฮึก เจ้าอย่าเพิ่งพูดอันใดให้มากความเลย
เมื่อมีเรื่องดี ย่อมต้องมีเรื่องร้ายตามมายามนี้ชายแดนทางเหนือกำลังเกิดสงครามประทุขึ้นอย่างหนัก ส่วนชายแดนทางใต้ก็มีคนของอู่อ๋องที่รอดชีวิตจากสงครามหลายปีก่อนกำลังก่อความไม่สงบหมายจะช่วงชิงชายแดนคืน ซือหม่าอี้เฉินที่แต่ไหนแต่ไรมักทำตัวตามสบายมาโดยตลอด กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วนมาหลายวันติดแล้ว แม่ทัพใหญ่หลี่และไป๋จิ่งหยวนแทบจะกินนอนอยู่ในวังหลวง หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีซือหม่าอี้เฉินเห็นชอบให้ไป๋จิ่งหยวนนำกำลังทหารหลายแสนนายไปทำสงครามที่ชายแดนทางทิศใต้ และปราบปรามสุนัขรับใช้ที่เหลืออยู่ของอู่อ๋องให้สิ้นซาก ไป๋จิ่งหยวนรับคำและเร่งระดมพลออกค้นหาทันทีว่ามีคนของอู่อ๋องหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากมีก็ให้สังหารทิ้งให้สิ้นซาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้อย่างรวดเร็วส่วนซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงเดินทางไปยังชายแดนทิเหนือเพื่อต่อสู่กับกองทัพของฉีอ๋อง วันที่พวกเขาออกเดินทางมีชาวบ้านมายืนส่งตลอดทางและอวยพรให้พวกเขากลับมาพร้อมชัยชนะส่วนเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนก็ติดตามซือหม่าอี้เฉินไปด
"ฝ่าบาท บุญคุณครานี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืมเลย"ซือหม่าอี้เฉินเข้ามาประคองราชครูอวี๋ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย“สำนึกบุญคุณก็ดี ตาแก่อวี๋ หากอยากตอบแทนบุญคุณข้า ก็ยกบุตรสาวเจ้าให้แต่งกับข้า เป็นอย่างไร ได้ข้าเป็นลูกเขย เจ้านี่ทำบุญมาดีจริงๆ”ราชครูอวี๋ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย"ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอพาตัวบุตรสาวกลับจวนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากพานางไปทำความคุ้นเคยกับบ้านของนาง และกลับไปดูเรือนของแม่นาง แล้วกระหม่อมจะพานางกลับมาส่งให้ฝ่าบาท""ได้ ไปเถอะ คิดซะว่าชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานาน""ขอบพระทัยฝ่าบาท"เมื่อซือหม่าอี้เฉินอนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่จึงติดตามราชครูอวี๋กลับจวน ซือหม่าอี้เฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย เดิมทีเขาอยากตามนางไปด้วย แต่คิดอีกทีเขาไม่ไปดีกว่า อย่างไรควรจะให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจะดีกว่าราชครูอวี๋พาเมิ่งอ้ายเยว่มาที่จวนของตนทันที เมื่อเข้าจวนมาแล้วเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบว่าการตกแต่งของจวนราชครูอวี๋ช่างงดงามมากนัก แต่เพราะนางอยู่ในวังจนเคยชิน เห็นความงดงามมามากนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนเกินงาม"เรือนนี้เป็นเรือนของแม่เจ้า พ่อปิดตายเอาไว้ไม่ให้คน
ท้ายที่สุดคนตระกูลเมิ่งก็ถูกประหารตกตายไปตามกัน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังหลวง ข้ารับใช้ถูกขายไปที่โรงขายทาส ความชั่วที่พวกเขาเคยกระทำถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเกลียดชังให้แก่เหล่าชาวบ้านไม่น้อยเลยวันที่พวกเขาถูกประหารเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ไปร่วมดูด้วย นางเพียงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยมีซือหม่าอี้เฉินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆหลังจากจบสิ้นเรื่องของตระกูลเมิ่ง ก็มีเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนเดินทางไปชายแดนองค์รักษ์ลับที่ซือหม่าอี้เฉินส่งไปสืบเรื่องราวภูมิหลังของเมิ่งอ้ายเยว่เมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมารายงานงานผลลัพธ์ที่ได้แท้จริงแล้วเมิ่งอ้ายเยว่คือบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของราชครูอวี๋ที่ถูกโจรป่าลักพาตัวไป คนของซือหม่าอี้เฉินสืบลึกลงไปอีกจนหาตัวสาวใช้ของอดีตฮูหยินนามว่าอาหลวนพบ ยามนี้นางเริ่มอายุมากแล้ว และยังแต่งงานกับชาวนาผู้หนึ่งและใช้ชีวิตอยู่ในชนบท นางบอกว่าตนเองและฮูหยินหนีตายไปด้วยกัน และยังเล่าความจริงทั้งหมดว่าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ภรรยาเอกของราชครูอวี๋ถูกโจรป่าลักพาตัวไป ยามนั้นฮูหยินกำล







