Share

บทที่ 8 แผนการ

last update Last Updated: 2025-10-24 13:33:10

คนทั้งสองนั่งอยู่ริมถนนเช่นนั้นเป็นนานสองนาน ซือหม่าตงไม่โกธรที่เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยวาจาสั่งสอนแต่กลับชอบใจเสียอีก ไม่เคยมีใครพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้มาก่อน ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นยามนี้นางก็กำลังมีเรื่องหนึ่งให้ครุ่นคิดอยู่ในใจ

ตัวละครใหม่อย่างซือหม่าตงโผล่มาอีกแล้ว ซ้ำยังเป็นพระญาติของฮ่องเต้ทรราช นางจำได้ว่าในนิยายฮ่องเต้ทรราชไม่มีญาติสนิท ซือหม่าตงและบิดาของเขาก็ไม่ได้มีรายนามอยู่ในตัวละครของนิยายเลย แต่ทว่าหลังจากนางทะลุมิติมาเข้าร่างนี้ กลับมีตัวละครแปลกใหม่ปรากฏขึ้นเต็มไปหมด

ในขณะที่นางกำลังคิดไม่ตก ก็ได้ยินซือหม่าตงเอ่ยขึ้นมา

"วันนี้ท่านช่วยข้า ข้าขอคาวะท่านเป็นศิษย์พี่ ต่อไปข้าขอเรียกท่านว่าศิษย์พี่เมิ่ง ส่วนท่านก็เรียกข้าว่าศิษย์น้องซือหม่า ห้ามปฏิเสธ"

ซือหม่าตงไม่เปิดโอกาศให้นางได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย เมิ่งอ้ายเยว่จึงพยักหน้าหนหนึ่ง เดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอันใด อย่างน้อยผูกมิตรเอาไว้ก็ดีกว่าการสร้างศัตรูเป็นไหนๆ

ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองนางและซือหม่าตงเป็นตาเดียว อีกทั้งยังเอ่ยกระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปาก

"ดูสิ นั่นคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่งมิใช่หรือ? "

"ก็ใช่น่ะสิ เจ้าดูนั่น นางนั่งสนทนากับบุรุษแปลกหน้าอย่างสนิทสนมเชียว ผู้คนเดินเต็มไปหมดนางกลับไม่กระดากอาย จะหน้าหนาเกินไปแล้ว บุรุษผู้นั้นก็น่าสงสารนัก มาติดกับนางปีศาจเข้าเสียแล้ว"

"สตรีเช่นนี้เหมือนจิ้งจอกสารพัดพิษจริงๆ ทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด"

ซือหม่าตงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดจะเข้าไปต่อว่าคนที่ปากพล่อย แต่เมิ่งอ้ายเยว่กลับรั้งตัวเขาเอาไว้

"อย่าไปสนใจคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลย เราห้ามปากคนอื่นไม่ได้ แต่เราไม่สนใจได้ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นเช่นที่พวกเขาพูด ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ"

ซือหม่าตงอดนับถือในความใจเย็นของเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ หากเป็นเขาคงได้ด่าคืนสักยกแล้ว

“ซือหม่าตง ข้าต้องกลับจวนแล้ว ขืนกลับช้าอาจจะถูกด่าเอาได้ เจ้าก็รีบกลับจวนเล่า”

“พวกเราจะได้พบกันอีกหรือไม่ศิษย์พี่เมิ่ง”

“ย่อมได้พบเจอกันอย่างแน่นอน”

ซือหม่าตงพยักหน้ารับ ก่อนที่คนทั้งสองจะแยกย้ายกลับจวนของตนไป

เมิ่งอ้ายเยว่เดินมาได้ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีดังขึ้น อีกทั้งยังเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไปรวมตัวที่ริมแม่น้ำอีกด้วย

เมิ่งอ้ายเยว่ย่นหว่างคิ้ว เกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกละ เหตุใดระยะนี้จึงพบเจอแต่สตรีร้องไห้กันนะ

ยิ่งเดินเข้าไปใกล้นางก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของสตรีดังชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวรีบเดินฝ่าฝูงชนเพื่อเข้าไปดูยังที่เกิดเหตุ แล้วจึงได้พบว่ายามนี้ในแม่น้ำเบื้องหน้ามีเด็กน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่งกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในแม่น้ำ ส่วนสตรีที่ร้องไห้อยู่ริมฝั่งน่าจะเป็นมารดาของเด็กชายคนนั้น

เมื่อมองให้ดีดี เมิ่งอ้ายเยว่ก็จำได้ว่า สตรีนางนี้คือคนที่เอ่ยวาจาเสียดสีนางเมื่อครู่นี้

แต่่ช่างเถอะ ชีวิตเด็กสำคัญกว่า อีกทั้งเด็กน้อยคนนั้นก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออาจจะไม่รอด นางเองเป็นคนแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ผู้คนที่มามุงดูก็ทำเพียงมุงดูจริงๆ แต่กลับไม่ยื่นมือช่วยเหลือสักคน ช่างใจดำนัก

เมิ่งอ้ายเยว่ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาสตรีนางนั้นอย่างเร็วรี่

“แม่นาง ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยบุตรของท่านเอง"

สตรีนางนั้นหันมามองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยความตกใจ ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยอันใดเมิ่งอ้ายเยว่ก็กระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยบุตรของนางเสียแล้ว แม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิแม้ไม่หนาวเหน็บแต่ก็สามารถทำให้คนสั่นสะท้านได้ เมิ่งอ้ายเยว่ไม่อาจรั้งรอเวลา นางรีบคว้าจับเสื้อผ้าของเด็กและพาว่ายเข้าฝั่งทันที ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นก็มาช่วยรับเด็กขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย โชคดีที่เด็กยังไม่หมดสติและสำลักน้ำออกมาได้ทันท่วงที จึงยังไม่ถึงแก่ชีวิต

“แม่นาง ท่านรีบพาบุตรชายไปโรงหมอเถอะ!"

สตรีผู้นั้นพยักหน้าให้เมิ่งอ้ายเยว่อย่างรู้สึกผิด สุดท้ายแล้วคนที่นางเอ่ยวาจาทิ่มแทงกลับเป็นคนที่ช่วยชีวิตบุตรชายของนางเอาไว้ นางจึงรู้สึกละอายใจยิ่งนัก หากบุตรของนางปลอดภัยแล้ว นางจะต้องหาทางตอบแทนเมิ่งอ้ายเยว่ให้จงได้

เมื่อจบเรื่องแล้วผู้คนก็แยกย้าย เมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ให้ใครช่วยดึงนางขึ้นจากน้ำ นางใช้สองมือเกาะขอบสะพานเตี้ยๆ เอาไว้ ก่อนหน้านี้นางลืมเอาเสื้อคลุมติดมาด้วย อีกทั้งชุดที่สวมใส่ยามนี้ก็บางมาก ยิ่งเปียกน้ำยิ่งลู่แนบติดไปกับเรือนกาย หากขึ้นฝั่งไปในสภาพเช่นนี้ย่อมต้องแย่แน่ เท่านี้ชื่อเสียงของนางก็ฉาวโฉ่มากพอแล้ว

เพิ่งจะสั่งสอนซือหม่าตงไปหยกๆ ว่าต้องช่วยตนเองก่อนช่วยผู้อื่นก่อน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวนางเสียเองที่ทำไม่ได้

ทำเช่นไรดี แถวนี้มีร้านเสื้อผ้าหรือไม่นะ?

"เมิ่งอ้ายเยว่ ให้ข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่ ข้ามอบเสื้อคลุมให้เจ้า เจ้ามอบร่างกายให้ข้า จะว่าไปเจ้าก็หน้าตางดงามใช้ได้เลย ข้าไม่ถือสาเรื่องชาติกำเนิดต่ำตมของเจ้า อีกทั้งยังยินดีแต่งเจ้าเป็นอนุภรรยา อ้อ หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นนางบำเรอดีเล่า เลือกมาสักข้อสิ?"

อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาและเอ่ยกับนางอย่างดูแคลน เมิ่งอ้ายเยว่จำได้ว่าเขาคือคนที่เล่นพนันแพ้ให้กับนางในวันนั้น อีกทั้งเขายังพาลิ่วล้อมาด้วยอีกหลายคน ดูท่า เขาคงผูกใจเจ็บที่นางต่อว่าเขาไปวันนั้นเป็นแน่

"ปากเจ้านี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ เหมือนเพาะเลี้ยงสุนัขเอาไว้!"

ชายหนุ่มคนดังกล่าวเมื่อถูกต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าก็เริ่มโมโห เขาเดินเข้ามาหานางพลางปรายตามองอย่างเยาะหยัน ดวงตาของเขายังจ้องมองมายังเรือนร่างของนางอย่างถือวิสาสะ ราวกับต้องการมองให้ทะลุเข้ามาถึงร่มผ้า ทำเอาเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา

“เมิ่งอ้ายเยว่ ข้าให้เจ้าดื่มสุราคารวะเจ้าไม่ดื่ม แต่กลับชอบดื่มสุราลงทัณฑ์หรือ ข้า! เสิ่นหลาน เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีเสิ่น ข้าอยากได้สิ่งใดล้วนต้องได้ บิดาข้าเป็นถึงเสนาดีกรมขุนนาง อำนาจมากมาย แม้กระทั่งจะตรวจสอบความผิดของบิดาเจ้าก็ยังทำได้เลย เจ้ามันก็แค่บุตรบุญธรรมของใต้เท้าเมิ่ง พวกเขาย่อมไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย มิสู้มาเป็นนางบำเรอของข้า แล้วเจ้าจะสุขสบายแน่นอน!”

“ก็แค่พวกเสือแอบอ้างบารมีพยัคฆ์!”

เสิ่นหลานที่ถูกเมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยวาจากระทบกระเทียบกลับไม่ได้รู้สึกโกธร อีกทั้งยังยิ้มเยาะและปรายตามองมือขาวเนียนของนางที่เกาะขอบสะพานด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ หากเขาใช้เท้าเหยียบขยี้มือสวยๆ ของนางจนเละ นางก็จะเจ็บจนต้องปล่อยมือออกจากขอบสะพานและร่วงหล่นลงไปในน้ำอีกหน จากนั้นเขาก็จะกระโดดลงไปทำทีเป็นช่วยนาง ชายหญิงกอดก่ายกันในน้ำ ผู้คนผ่านมาพบเห็นย่อมเอาไปพูดกันสนุกปาก หลังจากที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกมีหรือที่นางจะแสดงท่าทีหยิ่งจองหองเช่นนี้ได้อีก ตระกูลเมิ่งแม้จะไม่ชอบใจ แต่อย่างไรย่อมต้องรักษาหน้าตนอยู่แล้ว เขาเองก็พึงใจในตัวนาง และถ้าเขาสามารถปราบพยศนางปีศาจผู้นี้ได้ก็คงจะดีไม่น้อย ถ้าหากได้นางมาเป็นนางบำเรอในจวนจะต้องสุขสมทุกคืนวันเป็นแน่”

เมิ่งอ้ายเยว่เริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ นางมองเสิ่นหลานอย่างระแวดระวัง

“เจ้าจะทำอันใด คิดจะรังแกสตรีหรือ?"

"รังแกอันใดกัน ด้วยชื่อเสียงของเจ้า ผู้คนย่อมต้องพูดกันปากต่อปากว่าเจ้ายั่วยวนข้าอยู่แล้ว วันนี้เจ้าต้องไปเป็นนางบำเรอในจวนข้า ต่อให้ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น!"

เอ่ยจบเขาก็ยกเท้าขึ้นหมายจะเหยียบลงไปบนมือสวยๆ ของนาง เมิ่งอ้ายเยว่ดวงตาวาวโรจน์ นางคิดเอาไว้แล้ว หากต้องตกเป็นของคนบัดซบนี่ นางยอมตายดีกว่า เสิ่นหลานช่างชั่วช้านัก ใช้โอกาศตอนที่นางช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่กล้าขึ้นจากน้ำ มาเอาเปรียบนางเช่นนี้

แต่ทว่ายังไม่ทันที่ฝ่าเท้าของเสิ่นหลานจะได้สัมผัสกับมืองามๆ ของนาง เขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้นมาเสียก่อน เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ก็พบว่ามีของเหลวหนืดๆ สาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าของนางเข้าอย่างจัง เมื่อนางลืมตาขึ้นมอง ภาพตรงหน้าก็ทำเอานางแทบจะอาเจียนออกมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 50 จบบริบูรณ์

    หลังจากพิธีฉลองการอภิเษกสมรสผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติตามเดิม หลังจากที่ซือหม่าอี้เฉินแต่งงานกับอวี๋อ้ายเยว่ได้ไม่นาน ซือหม่าตงและอวี๋ลู่เหลียนก็เข้าพิธีแต่งงานกันทันที หลังจากผ่านงานแต่งงานมาแล้วคนทั้งสองก็เดินทางเข้าวังหลวงมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับซือหม่าอี้เฉินและอวี๋อ้ายเยว่อวี๋อ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนนั้นนั่งสนทนากันกันอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก ส่วนซือหม่าอี้เฉินและซือหม่าตงก็นั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรไม่ไกลจากสตรีทั้งสองมากนัก"อาตงข้าจะมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเจ้า"ซือหม่าตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพ่นชาร้อนออกจากปากทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตนอย่างหมดอาลัยตายอยาก"เสด็จพี่ ข้าไม่อยากเป็นชินอ๋องท่านก็รู้นี่ ข้าไม่อยากทำงานในราชสำนัก ข้าไม่อยากร่วมประชุมยามเช้า ข้าอยากอยู่แต่กับเมียข้า""ค่าจ้างเป็นชินอ๋องเดือนละหนึ่งพันตำลึง ไม่ต้องประชุมยามเช้า อยากไสหัวไปทำอันใดก็ไป เพียงแค่เป็นชินอ๋องหุ่นเชิดให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหาว่าข้าตระหนี่แม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋องที่ควรจะเป็นของน้องชาย ข้าไม่อยากถูกคนเอาข้าไปนินทาว่าไม่รักพี่รักน้อง"ซือห

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 49 แต่งงาน

    เมื่อสงครามจบสิ้นลง บ้านเมืองก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วถูกปราบปรามจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เหล่าช่าวบ้านต่างกู่ร้องยินดีกันถ้วนหน้าซือหม่าอี้เฉินทิ้งทหารเอาไว้ที่ชายแดนทางทิศเหนือหลายหมื่นนายเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ส่วนราษฎรแคว้นฉีนั้นต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ อีกทั้งยังบอกว่าซือหม่าอี้เฉินเปรียบเสมือนเทพเซียนมาโปรด ที่ช่วยสังหารฉีอ๋องจนตกตายไปได้ เพราะที่ผ่านมาฉีอ๋องเอาเปรียบราษฎรไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังทำชั่วเอาไว้มาก ที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความอำมหิต เมื่อฉีอ๋องตกตายไป พวกเขาก็ถือว่าได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียทีเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกดีใจยิ่งนักที่สงครามครานี้จบลงด้วยการที่แคว้นเยี่ยเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เมฆหมอกดำได้ผ่านพ้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ได้เวลาเริ่มต้นใหม่เสียทีเมื่อสะสางเรื่องที่ชายแดนจบสิ้น ซือหม่าอี้เฉินและเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินทางกลับเมืองหลวงในทันที เมื่อกลับมาถึงเขาก็ปูนบำเหน็จให้กับเหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างสมเกียรติ ส่วนขุนนางที่ได้รับผลกระทบก็ได้รับการปลอบประโลมเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่งหยวนและหลี่หรงได้รับการปูนบำเหน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -2 สงครามใหญ่

    กลางดึกเขาสั่งให้คนลอบไปเผาคลังเสบียงในค่ายทหารของฉีอ๋อง ทั้งค่ายพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที ซือหม่าอี้เฉินจึงใช้โอกาศนี้ไปแย่งชิงตัวซือหม่าตงกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายนัก กว่าจะแย่งตัวคนมาได้ ฉีอ๋องก็รู้ตัวเสียแล้ว และได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกมาจัดการกับซือหม่าอี้เฉิน ซือหม่าอี้เฉินรีบสั่งให้คนพาซือหม่าตงกลับเข้าชายแดนแคว้นเยี่ยโดยเร็วส่วนเขาและหลี่หรงก็รับมือกับทหารของฉีอ๋องเพื่อถ่วงเวลาให้น้องชายกลับเข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนที่รออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าซือหม่าตงถูกช่วยกลับมาได้แล้วจึงสั่งให้คนตามท่านหมอมารักษาเขาทันที ด้านซือหม่าตงและหลี่หรงก็อาศัยโอกาสนี้โจมตีฉีอ๋องไม่หยุด ยามนี้ทหารของฉีอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อย อีกทั้งคลังเสบียงก็มาถูกไฟเผา ฉีอ๋องจึงโกธรแค้นมาก และประกาศก้องว่าจะออกรบสังหารซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงด้วยตนเอง!ซือหม่าตงถูกพาตัวมารักษาโดยมีอวี๋ลู่เหลียนคอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซือหม่าตงแม้จะเจ็บหนักแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาหันมามองอวี๋ลู่เหลียนและยิ้มให้นางอย่างอ่อนล้า"ลู่เหลียน""ข้าอยู่นี่แล้ว ฮึก เจ้าอย่าเพิ่งพูดอันใดให้มากความเลย

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 48 -1สงครามใหญ่

    เมื่อมีเรื่องดี ย่อมต้องมีเรื่องร้ายตามมายามนี้ชายแดนทางเหนือกำลังเกิดสงครามประทุขึ้นอย่างหนัก ส่วนชายแดนทางใต้ก็มีคนของอู่อ๋องที่รอดชีวิตจากสงครามหลายปีก่อนกำลังก่อความไม่สงบหมายจะช่วงชิงชายแดนคืน ซือหม่าอี้เฉินที่แต่ไหนแต่ไรมักทำตัวตามสบายมาโดยตลอด กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วนมาหลายวันติดแล้ว แม่ทัพใหญ่หลี่และไป๋จิ่งหยวนแทบจะกินนอนอยู่ในวังหลวง หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีซือหม่าอี้เฉินเห็นชอบให้ไป๋จิ่งหยวนนำกำลังทหารหลายแสนนายไปทำสงครามที่ชายแดนทางทิศใต้ และปราบปรามสุนัขรับใช้ที่เหลืออยู่ของอู่อ๋องให้สิ้นซาก ไป๋จิ่งหยวนรับคำและเร่งระดมพลออกค้นหาทันทีว่ามีคนของอู่อ๋องหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากมีก็ให้สังหารทิ้งให้สิ้นซาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้อย่างรวดเร็วส่วนซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงเดินทางไปยังชายแดนทิเหนือเพื่อต่อสู่กับกองทัพของฉีอ๋อง วันที่พวกเขาออกเดินทางมีชาวบ้านมายืนส่งตลอดทางและอวยพรให้พวกเขากลับมาพร้อมชัยชนะส่วนเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนก็ติดตามซือหม่าอี้เฉินไปด

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-2 กลับสู่ฐานะเดิม

    "ฝ่าบาท บุญคุณครานี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืมเลย"ซือหม่าอี้เฉินเข้ามาประคองราชครูอวี๋ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย“สำนึกบุญคุณก็ดี ตาแก่อวี๋ หากอยากตอบแทนบุญคุณข้า ก็ยกบุตรสาวเจ้าให้แต่งกับข้า เป็นอย่างไร ได้ข้าเป็นลูกเขย เจ้านี่ทำบุญมาดีจริงๆ”ราชครูอวี๋ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย"ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอพาตัวบุตรสาวกลับจวนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากพานางไปทำความคุ้นเคยกับบ้านของนาง และกลับไปดูเรือนของแม่นาง แล้วกระหม่อมจะพานางกลับมาส่งให้ฝ่าบาท""ได้ ไปเถอะ คิดซะว่าชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานาน""ขอบพระทัยฝ่าบาท"เมื่อซือหม่าอี้เฉินอนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่จึงติดตามราชครูอวี๋กลับจวน ซือหม่าอี้เฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย เดิมทีเขาอยากตามนางไปด้วย แต่คิดอีกทีเขาไม่ไปดีกว่า อย่างไรควรจะให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจะดีกว่าราชครูอวี๋พาเมิ่งอ้ายเยว่มาที่จวนของตนทันที เมื่อเข้าจวนมาแล้วเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบว่าการตกแต่งของจวนราชครูอวี๋ช่างงดงามมากนัก แต่เพราะนางอยู่ในวังจนเคยชิน เห็นความงดงามมามากนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนเกินงาม"เรือนนี้เป็นเรือนของแม่เจ้า พ่อปิดตายเอาไว้ไม่ให้คน

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 47-1 กลับสู่ฐานะเดิม

    ท้ายที่สุดคนตระกูลเมิ่งก็ถูกประหารตกตายไปตามกัน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังหลวง ข้ารับใช้ถูกขายไปที่โรงขายทาส ความชั่วที่พวกเขาเคยกระทำถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเกลียดชังให้แก่เหล่าชาวบ้านไม่น้อยเลยวันที่พวกเขาถูกประหารเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ไปร่วมดูด้วย นางเพียงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยมีซือหม่าอี้เฉินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆหลังจากจบสิ้นเรื่องของตระกูลเมิ่ง ก็มีเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนเดินทางไปชายแดนองค์รักษ์ลับที่ซือหม่าอี้เฉินส่งไปสืบเรื่องราวภูมิหลังของเมิ่งอ้ายเยว่เมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมารายงานงานผลลัพธ์ที่ได้แท้จริงแล้วเมิ่งอ้ายเยว่คือบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของราชครูอวี๋ที่ถูกโจรป่าลักพาตัวไป คนของซือหม่าอี้เฉินสืบลึกลงไปอีกจนหาตัวสาวใช้ของอดีตฮูหยินนามว่าอาหลวนพบ ยามนี้นางเริ่มอายุมากแล้ว และยังแต่งงานกับชาวนาผู้หนึ่งและใช้ชีวิตอยู่ในชนบท นางบอกว่าตนเองและฮูหยินหนีตายไปด้วยกัน และยังเล่าความจริงทั้งหมดว่าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ภรรยาเอกของราชครูอวี๋ถูกโจรป่าลักพาตัวไป ยามนั้นฮูหยินกำล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status