ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เฉินหลี่เจินนางได้ว่าจ้างให้คนส่งข่าวเกี่ยวกับคนตระกูลเฉินอยู่เสมอ และในวันนี้ข่าวที่ถูกส่งมาทำให้นางตัดสินใจลอบเข้าไปในตัวอำเภอเพราะความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก เพียงรับรู้ว่าคนพวกนั้นอยู่ดีมีสุขนางก็รู้สึกโกรธแค้นมากพอแล้ว แต่เรื่องนี้กลับทำให้นางเจ็บแค้นแทบกระอัก เมื่อ เฉินอวี่จู น้องสาวต่างมารดาที่นางเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูก นางได้ตบแต่งให้กับคุณชายตระกูลใหญ่ที่ตนเองเคยผูกสัมพันธ์ก็ยิ่งสร้างความเกลียดชังและคับแค้นใจแก่นาง จนต้องมาให้เห็นกับตา ภาพเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามและขบวนสินเดิมยาวเหยียด ทำให้นางคับแค้นจนหลั่งน้ำตา แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ยืนมองความพ่ายแพ้ของตนเองอย่างเจ็บช้ำ
นางกลับมายังเรือนโกโรโกโสหลังนั้นด้วยความแค้นที่อัดแน่นสุมอก ใช้สุราดับไฟร้อน หมกตัวอยู่แต่ในเรือน นางกลายเป็นสตรีติดสุรา ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใจรูปโฉมที่นางภูมิอกภูมิใจหนักหนา ผิวพรรณที่เคยผ่องใสนั้นดูแห้งกร้าน ใบหน้าหมองคล้ำอมทุกข์
"หยุดดื่มได้แล้ว"
หยางซานตงเดินเข้ามาแล้วแย่งจอกสุราออกจากมือของนาง มิหนำซ้ำเขายังเอาไหสุราของนางเททิ้งจนหมด แม้อยากจะอาละวาดเพื่อระบายอารมณ์แต่ก็ไม่อาจที่จะทำได้มากนัก สายตาแข็งกร้าวของเขาทำให้นางเลือกที่จะสงบคำ แล้วเดินกระทืบเท้าเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่านางไม่พอใจเข้าเรือนไป
หยางซานตงได้แต่เฝ้ามองนางอยู่เช่นนั้น เขาเคยหวังว่าในวันหนึ่งนางจะยอมรับในตัวเขาได้ และหวังที่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวกับนาง แม้นางจะไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน แต่ก็อยากที่จะให้บุตรชายมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ยิ่งนานวันเขาก็ได้รู้ว่ามันไม่อาจที่จะเป็นไปได้ สตรีนางนี้ปล่อยให้ความโกรธแค้นกัดกินใจของนาง จนหาความสุขในชีวิตไม่เจอ ในเมื่อเขาเตือนแล้วนางไม่รับฟัง เขาก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้ แม้จะรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ แต่เพราะเขามีบุตรตัวน้อยที่รักยิ่งต้องดูแล เขาจึงไม่อยากที่จะอ่อนแอ
อีกสามปีต่อมาเมืองซีโจวต้องเจอกับศึกใหญ่ ท่านเจ้าเมืองจึงได้มีประกาศออกมาให้คัดเลือกชายที่มีอายุระหว่างสิบแปดถึงสี่สิบปีที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงทั่วทั้งเมืองซีโจวเข้าร่วมกับกองทัพ เพราะกำลังทหารไม่เพียงพอ เพื่อไปเป็นทัพเสริมต้านศัตรู รอทัพใหญ่จากเมืองหลวงและหัวเมืองต่างๆ ที่กำลังยกทัพมา หยางซานตงเขาจำต้องเข้าร่วมกองทัพ แม้ใจนั้นจะเป็นห่วงบุตรชายที่ยังเล็กเป็นอย่างมากและไม่อยากที่จะเหยียบไปยังเมืองแห่งนั้นอีก แต่ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ เขาหวังเพียงศึกใหญ่ในครั้งนี้จะจบลงโดยเร็ว ก่อนจากไปเขาได้อ้อนวอนมารดาของเด็กน้อยให้ช่วยดูแลบุตร เขาหวังว่านางจะเมตตาสายเลือดของนางบ้าง แม้ที่ผ่านมานางจะไม่เคยทำหน้าที่ของมารดาก็ตาม เฉินหลี่เจินเพียงพยักหน้ารับส่งๆ นางได้แต่ภาวนาให้ชายเก็บฟืนผู้นี้ตกตายในสงคราม ชีวิตของนางจะได้เป็นอิสระเสียที เพราะเมื่อนางให้กำเนิดบุตรของเขา ไม่ว่านางจะเสนอเงินทองให้เขามากขนาดไหนชายชั่วผู้นั้นก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมหย่าให้นาง
ตอนนี้นางกลายเป็นสตรีขี้เมาภรรยาของชายเก็บฟืนที่คนในหมู่บ้านต่างรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อเมามายไม่ได้สติก็จะพูดว่าตัวเองนั้นเป็นคุณหนูใหญ่มีบิดาเป็นนายอำเภอ เหล่าชาวบ้านก็จะพากันหัวเราะแล้วส่ายหน้าให้กับความเพ้อฝันของนาง ไม่มีผู้ใดเชื่อนางหาว่านางโกหก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะได้ยินข่าวลือนั้นมาบ้าง แต่ก็ได้เพียงมองนางอย่างเวทนา
เมื่อวันที่เหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านจะต้องเดินทางมาถึง พวกเขาจะต้องไปรวมตัวกับคนอื่นในตัวอำเภอ หยางซานตงร่ำลาบุตรชายด้วยความอาวรณ์
เปาเป่าบิดาจะรีบกลับมา
แต่เพราะไม่อาจที่จะวางใจสตรีใจดำนางนี้ได้ เขาจึงเอ่ยกับนางก่อนจากไป
"ดูแลบุตรให้ดี หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับบุตรชายข้า ข้าจะกลับมาฆ่าเจ้า"
เฉินหลี่เจินมองตามขบวนของเหล่าชายฉกรรจ์ ได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ ก่อนคิดจะฆ่านางรักษาหัวตัวเองให้รอดก่อนเถิด ข้าขอให้เจ้าถูกศัตรูบั่นคอตาย
นางปรายตามองเด็กชายตรงหน้าเพียงเล็กน้อย เด็กที่ดึงรั้งชีวิตของนางให้ยิ่งตกต่ำลง เด็กที่ทำให้นางทุกข์ทรมานแทบตายในตอนที่อุ้มท้อง เด็กที่ทำให้นางเจ็บปวดแทบขาดใจในตอนที่เบ่งเขาออกมา ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่จ้องมองนางทำให้นางรีบถอนสายตาที่เผลอจ้องมอง นางรู้สึกอึดอัดกับสายตากลมโตคู่นั้น ยื่นมือที่สั่นเทายกไหสุราขึ้นดื่ม ไม่ยอมหันไปมองเด็กน้อยผู้นั้นอีก
เปาเป่าน้อยได้แต่มองผู้เป็นมารดาอย่างเศร้าหมอง ท่านแม่ไม่เคยกอดเขาเลยสักครั้ง เขาอยากให้มารดาโอบกอดเขาบ้าง
ตั้งแต่ผู้เป็นบิดาไปร่วมรบ เปาเป่าน้อยก็อยู่อย่างอดๆ อยากๆ เขาไม่ได้รับความสนใจจากมารดา กลายเป็นเด็กหิวโหย ได้รับเพียงเศษอาหารที่นางกินเหลือเพียงเท่านั้น เขาเป็นเด็กน้อยที่อายุเพียงสามขวบ เมื่อหิวก็ร้องไห้ จึงถูกผู้เป็นมารดาทุบตี เด็กน้อยหวาดกลัวมารดาของเขามาก นับจากนั้นชีวิตของเด็กชายตัวน้อยก็ยิ่งแย่ลง เขาคิดถึงบิดาจนแอบร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง มองมารดาที่นอนกอดไหสุราอย่างโศกเศร้า เขากลายเป็นเด็กเงียบขรึมไม่ร่าเริงเช่นเด็กในวัยเดียวกัน ผ่านไปไม่ถึงเดือนร่างกายเล็กๆ ที่เคยกลมป้อมกลับผ่ายผอมจนแทบจะปลิวลม
เฉินหลี่เจินเมื่อหยางซานตงไม่อยู่นางก็ดื่มสุราหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สนใจบุตรชาย ไม่สนคำขู่ของอีกฝ่าย นางมั่นใจว่าชายผู้นั้นต้องตายในสนามรบแน่ๆ นางดื่มสุราอย่างหนัก จากโฉมสะคราญที่ผู้คนอิจฉาในรูปโฉม บัดนี้คล้ายดังสตรีเสียสติ ร่างกายสกปรกเหม็นสาบ และเป็นนางที่ตกตายก่อนอีกฝ่าย นางรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกเป็นอย่างมากและรู้ตัวว่านางกำลังจะจากไป สายตาเลื่อนลอยของนางมองเห็นเงาร่างเล็กที่เดินตรงมาหานาง เมื่อเห็นว่านางนั้นร้องไห้อย่างเจ็บปวด
"ท่านแม่"
เสียงเล็กๆ นั้น เหตุใดเมื่อฟังแล้วยิ่งรู้สึกว่าน้ำตาของนางยิ่งหลั่งไหล นางเห็นความห่วงใยในดวงตากลมโตคู่นั้น ดวงตาที่นางพึ่งจะสังเกตว่าเหมือนกับนางเป็นอย่างมาก เฉินหลี่เจินนางเผยอรอยยิ้มหยันออกมา ดูสิ ดูสิ่งที่นางกระทำต่อผู้เป็นบุตรของนาง เขาตัวเล็กถึงเพียงนี้เลยหรือ นางมองมือเล็กๆ ที่เอื้อมมาหานาง มันสั่นน้อยๆ อย่างหวาดหวั่น นางเห็นความลังเลในดวงตาคู่นั้น แต่ในที่สุดเขาก็เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้กับนาง เฉินหลี่เจินนางยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ในอกนั้นจุกแน่น ลำคอข่มพร่าแข็งเกร็ง รู้สึกเสียใจอย่างที่สุด เขาน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่เคยทำหน้าที่ของมารดา พร่ำขอโทษบุตรชายอยู่ในใจ ตอนนี้ริมฝีปากของนางไม่แม้แต่จะเปล่งคำขอโทษบุตรชายออกมาได้ นางสำนึกได้ว่าสิ่งใดที่สำคัญกับนางก็เมื่อสายไปเสียแล้ว จึงได้เพียงอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีคนมาช่วยบุตรชายของนางให้อยู่รอด จนกว่าบิดาของเขาจะกลับมา หากไม่มีใครผ่านมาเด็กน้อยผู้นี้คงต้องตามนางไปเป็นแน่
แต่แล้วก่อนที่นางจะสิ้นใจ นางก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพร่ำเอ่ยคำภาวนา
หากเทพยาดามีจริง ชาติหน้าลูกขอให้เกิดมาเป็นหญิงแท้ มีบุรุษที่รักมั่น มีบุตรให้อุ้มชู
นั่นทำให้นางยิ้มออกมาทั้งน้ำตา พยายามเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
"ไม่ว่าเจ้าจักเป็นใคร ข้าขอความเมตตาให้เจ้าทำหน้าที่ ที่ข้าไม่มีโอกาสได้ทำแทนข้าด้วย ฝากบุตรชายของข้าด้วย"
นั่นจึงทำให้เฉินหลี่เจิน นางจากไปอย่างสงบ
เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนร่างสูงของบุรุษเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีหนวดเคราบางเบาส่งให้เขายิ่งดูหล่อคมมีเสน่ห์น่าหลงใหลซานตงก้าวเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาแล้วหยุดอยู่ตรงด้านหน้าเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างอวบอิ่มของภรรยาที่กำลังนอนตะแคงด้านข้างขดกายอย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้วอีกเพียงไม่นานบุตรของเขาก็จะออกมาลืมตาดูโลกเขาจ้องมองใบหน้างดงามของภรรยาที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยดูมีความสุขราวกับตอนนี้นางกำลังหลับฝันดี แม้นางจะกำลังตั้งครรภ์แต่ก็ยังงดงามเย้ายวนอย่างที่สุด จนคนแอบมองใจกระตุกสั่นไหว เขาอยากจะทักทายเจ้าก้อนแป้งอีกแล้วมือหนาจึงค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากเรือนกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจนเหลือเพียงกางเกงตัวในบางเบา เคลื่อนกายหนาเข้าไปนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาหลี่เจินที่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาของมือใหญ่ที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของนาง ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมดกดำเงางามกับกลิ่นหอมอันคุ้นเคยกำลังซุกไซ้ดอมดมไปทั่วซอกคอและลาดไหล่ขาวนวลที่ไม่รู้ว่าเปล่าเปลือยไปตั้งแต่เมื่อไหร่"ท่านพี่ อ่า"มือเล็กที่ตั้งใจจะยกขึ้นดันศ
แล้วในที่สุดวันมงคลของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและท่านแม่ทัพต้วนฝูชิงก็มาถึง เจ้าสาวในวันนี้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก จนผู้ที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้นั้นยิ้มแก้มปริ หลี่เจินรู้สึกยินดีกับเด็กสาวผู้นั้นเป็นอย่างมากที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสียที เรื่องราวของคุณหนูฉีหลานเฟิ่งและคนรัก ดูเหมือนว่าจะลงเอยกันได้ด้วยดี ดูได้จากสีหน้าของเจ้าบ่าวที่อิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ได้ยินมาว่ากว่าจะปรับความเข้าใจกันได้แม่ทัพต้วนฝูชิงผู้ยิ่งใหญ่แทบจะหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว ต่อจากนี้ไปนางได้แต่อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีแต่ความสุข ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าวันเวลาผันผ่าน ผู้คนต่างใช้ชีวิตดำเนินไปตามวิถีทางของตัวเอง มีเรื่องราวผ่านมามากมาย รวมไปถึงข่าวคราวจากชายแดนที่ร่ำลือกันอย่างหนาหู ผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาใช้บริการในหอเหม่ยฮวาต่างก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ข่าวที่ได้รับฟังมานั้นทำให้หลี่เจินตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าในค่ายทหารรักษาชายแดนมีหญิงงามผู้เป็นนางคณิกาที่ลือเลื่องถึงความร้อนแรง สามารถสร้างความเกษมสำราญให้บรรดาเหล่าทหารกลัดมันจนเลี่ยงชื่อไปทั้งค่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปีนป่ายเป็นนางคณ
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้คนต่างโจษจันเกี่ยวกับเรื่องราวในตระกูลเฉินที่ในตอนนี้จวนนายอำเภอถูกปิดเงียบ ไร้เงาของคนภายในจวนไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่ เฉินอวี่จูถูกสามีหย่าขาดในข้อหาคบชู้สู่ชาย สร้างความอับอายให้แก่ตระกูลเป็นอย่างมาก เดิมทีโทษของนางคือห้าม้าแยกร่าง แต่ด้วยความเมตตาของท่านเจ้าเมืองและเห็นแก่หน้าบิดาของลูกสะใภ้ จึงเพียงเนรเทศนางออกจากเมืองซีโจวไปยังชายแดนทุรกันดาร หลังจากเฉินอวี่จูถูกเนรเทศออกไป ต่อมาก็มีข่าวการแต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาจวนตระกูลฮวนของเฉินอี้ซินผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของเฉินอวี่จู และนั่นก็เป็นที่กล่าวถึงของผู้คนอีกครั้งจนไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เกี่ยวกับถึงเรื่องนี้แม้แต่แม่ทัพตระกูลต้วน ต้วนฝูชิง บุรุษที่ผู้คนต่างรับรู้ว่าเขาคือคนรักของเฉินอี้ซิน ที่มีข่าวคราวรักสามเส้าออกมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนผู้นั้นคงโศกเศร้าอยู่เป็นแน่แต่เปล่าเลย ตอนนี้ผู้ที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาคงกำลังเศร้าโศกเสียใจที่สตรีคนรักกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นกลับกำลังนั่งดื่มด่ำกับสุรารสเลิศบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ ข่าวนี้ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดในรอบปี เขารู้สึกโล่งใจและยินดีเป็น
จบสิ้นกันเสียทีหลี่เจินมองบ่าวไพร่ที่ลากเอาคนทั้งสองไปคุมขังเอาไว้ก่อนตามคำสั่งของเจ้าของจวนเพื่อรอคำตัดสินในวันรุ่งขึ้น กลิ่นอายและคราบความใคร่ที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ทำให้หลี่เจินรู้สึกพะอืดพะอมใบหน้าของนางประเดี๋ยวซีดขาวประเดี๋ยวแดงก่ำ จนต้องรีบหันกายเร่งฝีเท้าตามทุกคนออกไประหว่างที่ทุกคนกำลังพากันออกไปยังห้องโถงกลางเพื่อหารือเรื่องการตัดสินโทษของเฉินอวี่จูที่ได้กระทำการทุกอย่าง หยางซานตงที่เห็นว่าใบหน้างามของภรรยานั้นแดงก่ำจึงคิดขึ้นได้ว่านางนั้นก็อาจจะโดนพิษยาปลุกกำหนัดด้วยเช่นกัน จึงโน้มใบหน้าลงมากระซิบชิดใบหูเล็ก"เจินเอ๋อ ให้พี่ขับพิษกำหนัดให้ก่อนดีหรือไม่ ยังพอจะมีเวลานะ"คำของผู้เป็นสามีทำให้หลี่เจินตัวแข็ง มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตาพราวระยับที่สื่อความนัยนั้นทำให้นางสะบัดร้อนสะบัดหนาว สถานการณ์เช่นนี้เขายังมีอารมณ์คิดเรื่องอย่างว่า"นี่ท่าน...ข้ามิได้ถูกพิษกำหนัดเสียหน่อย"หลี่เจินฟาดฝ่ามือลงบนบ่าแกร่งของบุรุษบ้าตัณหาเต็มแรง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามทุกคนไปยังห้องโถงไม่อาจที่จะทนมองหน้าอีกฝ่ายที่หื่นไม่ดูเวล่ำเวลาหยางซานตงยิ้มให้กับท่าทางเขินอายของภรรยาตัวน้อย ก่อนคิ้
หลี่เจินเดินตามหญิงรับใช้นางนั้นมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง เมื่อส่งนางถึงที่หมายหญิงรับใช้ผู้นั้นก็ปลีกตัวออกไปในทันที นางยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป หลังประตูบานนั้นสตรีที่นางต้องการเจอตัวกำลังนั่งด้วยท่าทางเกียจคร้านละเลียดจิบสุราในมือด้วยใบหน้ามีความสุขยิ่ง สายตาที่ใช้จ้องมองนางวาววับดูไม่น่าไว้ใจแม้แต่น้อย"เจ้าต้องการอะไร มีสิ่งใดก็พูดมา"หลี่เจินเอ่ยถามอีกฝ่าย สายตานั้นจ้องมองสตรีจิตวิปลาสตรงหน้าอย่างระมัดระวัง"ใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ พี่สาว"เสียงอ่อนหวานของเฉินอวี่จูนั้นฟังดูช่างเยือกเย็น ริมฝีปากที่แต้มชาดสีสดนั้นแสยะยิ้มที่ทำให้คนมองนึกถึงฆาตกรโรคจิต สตรีนางนี้เกินเยียวยาแล้วจริงๆ"เจ้ามิต้องกล่าวให้มากความ ถุงหอมใบนี้ไปอยู่กับเจ้าได้เช่นไร"หลี่เจินกดข่มความหวาดผวาที่ชวนให้หนาวเยือกเอ่ยถามอีกฝ่ายราวกับกำลังควบคุมโทสะ ท่าทางของนางทำให้สตรีตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาราวกับกำลังเจอเรื่องตลกขบขัน"เอ...ข้าเอาถุงหอมใบนี้มาได้เช่นไรนะ เจ้าอยากรู้จริงๆ น่ะหรือ พี่สาว"เฉินอวี่จูเอ่ยกับสตรีหน้าโง่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า นางรู้สึกสมเพชเวทนาอีกฝ่ายยิ่งนัก เพียงนางให้บ่า
แล้วงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของท่านนายอำเภอเฉินก็มาถึง ผู้คนในอาภรณ์งดงามหรูหราต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมอวยพรให้กับเจ้าของงานเลี้ยงผู้เป็นใหญ่ในอำเภอซีซาแห่งนี้ ผู้ที่มาร่วมงานต่างเป็นคนใหญ่คนโตและมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น และในครั้งนี้ดูท่าว่าจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าในทุกปี คาดว่าคงมีสิ่งพิเศษเป็นแน่เฉินอวี่จูในอาภรณ์งดงามหรูหรา ใบหน้าหวานนั้นถูกแต่งแต้มจนงามล้ำต่างได้รับคำชื่นชมและความสนใจจากผู้คนที่มาร่วมงาน นางหยัดยิ้มกว้างเคียงคู่มากับบุรุษรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาคล้ายดังบัณฑิตผู้ทรงภูมิที่เหล่าสตรียังไม่ออกเรือนต่างชม้ายชายตามอง แม้ข้างกายของเขานั้นจะมีฮูหยินเช่นนางเคียงกายอนิจจาสายตาชื่นชมระคนอิจฉาเหล่านั้นหาได้ทำให้นางรู้สึกพอใจไม่ อันว่ามนุษย์นั้นมิรู้จักพอย่อมจะเป็นคำกล่าวที่มิได้เกินจริงแม้แต่น้อย รัก โลภ โกรธ หลง หากมันจะมีอย่างพอดีก็คงมิมีอันใดผิด แต่หากทะเยอทะยาน อยากได้ อยากมีมากจนเกินไปก็สามารถสร้างหายนะให้แก่ชีวิต แต่ดูเหมือนจิตใจของนางจะมืดบอดเกินกว่าจะมองเห็นเสียแล้ว ภายในจิตใจยังครุ่นคิดถึงแต่ชายอื่น ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นสามีของพี่สาวต่างมารดา สายตาหวานน