หลายวันต่อมาจ้าวฝูหมิงให้ไป๋มู่หลันกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ของนางที่เรือนให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมออกเดินทางกลับเมืองหลวงเสียนหยางทันที ส่วนเขากลับไปกวาดต้อนเหล่าเชลยที่เป็นพวกเดียวกับฉีอ๋องให้กลับไปรับโทษที่เสียนหยางด้วย ยามนี้จวนอ๋องที่เคยใหญ่โตกลับกลายเป็นจวนร้าง จ้าวฝูหมิงจัดการฆ่าล้างตระกูลของฉีอ๋องจนสิ้นซากภายในคืนเดียว แต่ไหนแต่ไรฉีอ๋องผู้นี้ก็คิดก่อความวุ่นวายมาโดยตลอด ฮ่องเต้จ้าวฝูหรง พี่ชายของเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรมาโดยตลอด แม้จะเป็นญาติห่าง ๆ แต่ก็ยังยกดินแดนแคว้นฉีให้ปกครอง แต่ทว่าฉีอ๋องกลับโลภมากไม่รู้จักพอ จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้
นี่สินะความโหดเหี้ยมในราชวงศ์ต่อให้เป็นญาติมิตรพี่น้องที่เคยรักใคร่กันแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องจบชีวิตลงเพราะคำว่ายื้อแย่งอำนาจเพียงคำเดียว
ไป๋มู่หลันกลับมาลาบิดาของนางด้วยแววตาที่เศร้าใจไม่น้อย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องสั่งให้เหล่าทหารมาทุบร้านของท่านพ่อ นางรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก แต่ทว่าทหารเหล่านั้นเอ่ยเพียงว่าท่านอ๋องสั่งให้ทุบร้านเก่าทิ้งเพราะเล็กเกินไป และสั่งให้สร้างร้านใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ให้ตายเถิด!!! เหตุใดจึงไม่แจ้งก่อนทุบกันเล่า!!!
"มู่หลัน เจ้าไปอยู่ในจวนท่านอ๋องก็ทำตัวดีดีเล่า สิ่งไหนที่ควรสงบปากสงบคำเจ้าก็เงียบเสีย เข้าใจหรือไม่?"
"เจ้าค่ะท่านพ่อ"
ไป๋มู่หลันพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะแยกตัวเข้าไปในครัว นางทำเกี๊ยวหมูแป้งใสขึ้นมาหลายชิ้น รวมถึงซาลาเปาไส้เนื้ออีกหลายลูก และยังทำขนมเปี๊ยะไส้หัวไชเท้าเพิ่มมาอีกหลายชิ้นเพื่อรองท้องระหว่างการเดินทาง
"อนุไป๋ ท่านอ๋องให้ข้ามารับท่านกลับไปที่กองทัพขอรับ"
"ข้ารู้แล้ว"
ไป๋มู่หลันรับคำก่อนจะเดินไปนั่งในเกี้ยว สายตาของนางมองไปยังผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ท่านพ่อส่งยิ้มให้นางด้วยความห่วงใย ก่อนจากลา ไป๋เฟยยังไม่ลืมที่จะยื่นตั๋วเงินหลายร้อยตำลึงให้นางติดตัวไปอีกด้วย เขาเองไม่มีสิ่งใดจะมอบให้บุตรสาวจึงทำได้เพียงมอบตั๋วเงินให้นางไว้ใช้สอยยามอยู่ที่จวนอ๋อง
เมื่อไป๋มู่หลันมาถึงกระโจมก็พบว่าจ้าวฝูหมิงเก็บข้าวของของเขาเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคมหันมาจ้องมองนางเล็กน้อย ไป๋มู่หลันรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจไม่น้อย นางจึงก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขา
จ้าวฝูหมิงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหานาง เขาใช้มือหนาใหญ่เชยคางนางขึ้นมาให้สบตากับเขา
"หึ!!! เขินอายข้าหรือ เฮ้อ เกิดมารูปงามที่สุดในใต้หล้าก็เป็นเช่นนี้ เจ้าจงทำใจเสียเถิด อย่างไรก็ต้องทนมองใบหน้าหล่อเหลาของข้าไปทั้งชีวิต"
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็รู้สึกมวนท้องน้อย อยากจะอาเจียนยิ่งนัก
หากนางอาเจียนใส่เขา เขาจะชักดาบมาฟันนางหรือไม่?
คงไม่เพราะเขาชอบชักอย่างอื่นให้นางดูมากกว่าชักดาบ!!!
"เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือ?"
"เพคะ"
"ออกเดินทางได้"
ไป๋มู่หลันพยักหน้าน้อย ๆ ไม่นานนักเหล่าทหารก็มาช่วยขนข้าวของเครื่องใช้ของนางออกไป ของที่นางนำมาด้วยมีไม่มากเท่าใดนัก นอกจากเสื้อผ้าที่เขาสั่งตัดให้นางเมื่อหลายวันก่อน
จ้าวฝูหมิงนั่งอยู่บนรถม้ากับไป๋มู่หลัน โดยมีหลัวเฉิงลู่เป็นผู้นำขบวนทัพอยู่ด้านหน้า แววตาของจ้าวฝูหมิงนั้นเย็นชาและสุขุม ราวกับคอยระแวดระวังทุกอย่างรอบด้านตลอดเวลา
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาช่างรูปงามไม่น้อย ชีวิตนี้นางเองไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง ด้วยมิเคยพบเจอหรือใกล้ชิดบุรุษมาก่อน จึงรู้สึกขัดเขินยามที่ต้องอยู่ใกล้กับเขา
ไป๋มู่หลันยื่นมือไปเปิดห่อผ้าที่บรรจุชามใส่อาหารแห้งเอาไว้ นางยื่นมันไปตรงหน้าเขาด้วยแววตาที่หวาดกลัว มิรู้ว่าเขาจะชอบหรือไม่?
จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น แต่ทว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่ดูน่ากินไม่น้อย เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
"หม่อมฉันเห็นว่าทรงต้องเดินทางไกล จึงทำเพียงอาหารง่าย ๆ มาถวายเพคะ"
"อืม เจ้าจะมากพิธีไปทำไม มานี่!!! ขยับมาใกล้ข้า"
"เอ่อ..."
"มานี่!!!"
เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นมาวางไว้บนท่อนขาแกร่ง ไป๋มู่หลันใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย รถม้าที่โยกโคลงเคลงไปมา ทำให้ร่างของนางบดเบียดซุกเข้าไปในแผงอกของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จ้าวฝูหมิงรู้สึกดีไม่น้อย อ่าาาา!!! หน้าอกนางเบียดเข้ามาแล้ว โอวว ดีเยี่ยม เบียดอีก คนขับรถม้าเที่ยวนี้ช่างรู้งานยิ่งนัก กลับไปต้องตกรางวัล!!!
"ทะ ท่านอ๋องเพคะ"
"หยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมาป้อนให้ข้า"
ไป๋มู่หลันคิดอยากปฏิเสธเขาแต่นางก็ไม่กล้า จึงทำได้เพียงหยิบมันขึ้นมาป้อนเขาทีละคำอย่างช้า ๆ
ผ่านไปไม่นาน จ้าวฝูหมิงรู้สึกอิ่มแล้ว เขาจึงปล่อยนางให้ไปนั่งตามเดิม ไป๋มู่หลันไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก นางจึงยื่นมือไปหยิบเซียงเจียวผลใหญ่ (กล้วยหอม) ขึ้นมาปอกเปลือกและกัดกินอย่างช้า ๆ
จ้าวฝูหมิงหันไปเห็นเข้าพอดี แววตาของเขาทอประกายแวววาวขึ้นมาทันที ในหัวพลันครุ่นคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ยามที่นางกัดกินผลเซียงเจียวผลนั้น ริมฝีปากของนางเผยออ้าออกอย่างช้า ๆ ช่างดูงดงามไม่น้อย
หากผลเซียงเจียวในปากของนางเปลี่ยนเป็นแท่งเอ็นร้อนของเขาก็คงจะดีไม่น้อย
ขบวนรถม้าของชินอ๋องเคลื่อนไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน เหนื่อยก็พัก พอหายเหนื่อยเขาก็สั่งให้เคลื่อนขบวนต่อ เหล่าเชลยจากแคว้นฉี ต่างเดินเท้าตามขบวนกันด้วยแววตาที่หมดอาลัยตายอยาก นับจากนี้ชะตาชีวิตจะดำเนินไปในทิศทางใด จะเป็นหรือตายก็ยังไม่แน่ชัด
ขบวนทัพของชินอ๋องจ้าวฝูหมิงเดินทางมาร่วมครึ่งเดือนก็ถึงเมืองหลวงเสียนหยาง ไป๋มู่หลันรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมด
จ้าวฝูหมิงสั่งให้หลัวเฉิงลู่นำเชลยไปส่งมอบให้แก่ฮ่องเต้จ้าวฝูหรงผู้เป็นพี่ชาย ส่วนเขามุ่งหน้ากลับจวนอ๋องอย่างไม่ใส่ใจ
เสด็จพี่น่ะหรือจะกล้าต่อว่าเขา รอให้เขาอารมณ์ดีจะไปเข้าเฝ้าเอง!!!
ฮ่องเต้จ้าวฝูหรงที่ทราบว่าน้องชายกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ไร้วี่แววของจ้าวฝูหมิง ได้ยินมาว่าน้องรองพาอนุกลับมาด้วยคนหนึ่ง ดูแล้วคงจะไม่มาเข้าเฝ้าเขาในเร็ววันนี้เป็นแน่
บัดซบ!!! เห็นสตรีดีกว่าข้าเช่นนั้นหรือ?
แต่ช่างเถิด ปล่อยมันไป!!! ข้าไม่อาจทนให้น้องรองมาด่าทอข้าอีก จ้าวฝูหมิงปากร้ายไม่เห็นหัวผู้ใดทั้งสิ้น ข้อนี้เขาทราบดี แต่อย่างไรเสีย เขาก็รักน้องรองผู้นี้ไม่น้อย แม้จะปากร้ายไม่เห็นหัวผู้ใด แต่ยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในความลำบาก น้องรองจะยื่นมือเข้ามาช่วยทุกครั้งอย่างสุดความสามารถ
ไป๋มู่หลันแอบเปิดม่านออกมองดูทิวทัศน์รอบด้านของเมืองเสียนหยาง ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และงดงามกว่าแคว้นฉีของนางยิ่งนัก อีกทั้งผู้คนก็มากมายเหลือเกิน
"จะลงมาเอง หรือให้ข้าลากลงไป เหม่อสิ่งใดอยู่!!!"
"ขออภัยเพคะท่านอ๋อง"
จ้าวฝูหมิงปรายตามองไปยังทิศทางที่ไป๋มู่หลันจ้องมองเมื่อครู่ ก่อนจะพบกับตาเฒ่าชราผู้หนึ่งที่ขายซาลาเปาอยู่ด้านหน้าจวนอ๋องของเขา
บัดซบ!!! มิใช่ว่านางชอบตาเฒ่าขายซาลาเปาคราวพ่อผู้นั้นหรอกนะ
เขารีบช้อนตัวนางมาพาดไว้บนบ่าทันที ไป๋มู่หลันรู้สึกตกใจไม่น้อย เหตุใดเขานึกจะแบกนางก็แบกไปเช่นนี้!!!
จ้าวฝูหมิงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้ตาเฒ่าขายซาลาเปาผู้นั้น หึ!!! แหกตาดูเสีย นางเป็นภรรยาข้าแล้ว
ตาเฒ่าขายซาลาเปาทำได้เพียงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง ท่านอ๋องผู้นี้อยู่ดีดีมายักคิ้วให้ข้าทำไมกัน?
ภายในจวนอ๋องประดับประดาด้วยของมีค่ามากมาย ช่างดูหรูหราแม้กระทั่งประตูจวนที่มีอักษรทองคำสลักเอาไว้ว่า จวนชินอ๋อง บรรยากาศภายในจวนร่มรื่นปกคลุมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้มากมาย ด้านหน้าตำหนักใหญ่ยังมีสระบัวขนาดใหญ่อีกด้วย จวนแห่งนี้จ้าวฝูหมิงเป็นคนตกแต่งด้วยตนเอง เขาชื่นชอบธรรมชาติ ในจวนจึงมีต้นไม้และดอกไม้ปลูกเอาไว้จนเต็มไปหมด
"ท่านอ๋องกลับมาแล้ว"
"พ่อบ้านเฉิน ไปเตรียมห้องนอนให้อนุของข้า"
"อนุ?"
"ฟังไม่รู้เรื่องรึ!!! เดี๋ยวก็ถีบยอดหน้าเข้าให้!!!"
"ขออภัยท่านอ๋อง บ่าวจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้"
พ่อบ้านเฉินรีบกุลีกุจอจากไปทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขายังแอบเหลือบมองไป๋มู่หลันคราหนึ่ง เขาเฝ้ามองดูการเติบโตของชินอ๋องมาแต่เล็กแต่น้อย เขาเคารพและรักชินอ๋องเป็นอย่างมาก แม้บางคราจะถูกชินอ๋องกระชากหงอกจนหมดหัวก็ตามเถิด!!!
ไม่คาดคิดว่าจะมีสตรีใดที่ทำให้พระองค์ทรงใส่พระทัยได้เช่นนี้
จ้าวฝูหมิงสั่งคนให้อุ่นสุรามาให้เขากาหนึ่ง ก่อนจะเทมันลงในจอกและยกขึ้นดื่มลงคออย่างสบายอารมณ์
"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
"พ่อบ้านเฉิน จัดที่ทางให้นางอยู่ส่วนไหน?"
"เอ่อ ทูลท่านอ๋อง ยามนี้ทั้งเรือนปีกซ้ายและปีกขวา ล้วนมีนางบำเรอพักอาศัยอยู่เต็มไปหมด เอ่อ... เหลือเพียงเรือนน้อยท้ายจวนที่ติดโรงครัวพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวฝูหมิงปรายตามองพ่อบ้านเฉินทันที
"เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าให้อนุของข้าไปอยู่ท้ายจวน?"
"เอ่อ...ท่านอ๋อง!!!"
"ลากไปโบยห้าสิบไม้!!!"
ไป๋มู่หลันรู้สึกว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ นางเองอยู่ที่ใดก็ได้ทั้งนั้น ดีเสียอีก ไปอยู่ท้ายจวนจะได้อยู่ไกลหูไกลตาเขาด้วย เขาจะได้ไม่มาใส่ใจนางอีก ลืม ๆ นางไปเสียเถิด
"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันชอบเรือนท้ายจวนเพคะ"
จ้าวฝูหมิงรีบหันไปมองนางทันที ไป๋มู่หลันที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยอธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
"หม่อมฉันชื่นชอบการทำอาหาร ดีเสียอีกจะได้อยู่ใกล้โรงครัว คอยทำอาหารให้ท่านอ๋องเสวยทุกวันเพคะ"
จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ในใจรู้สึกเอ็นดูนางขึ้นมาหลายส่วน
หึ...เริ่มจะหลงข้าจนหัวปักหัวปำแล้วสินะ
เอาเถิด! ในเมื่อนางชอบข้าก็จะตามใจนาง เด็กวัยกำลังเติบโต ห้ามขัดใจจะเป็นการดี ขืนนางอารมณ์เสียแล้วรอบเดือนมาช้าไปอีก ข้ามิต้องรอจนผมหงอกขึ้นเต็มหัวเลยหรือ!!!
ไม่ดี ไม่ดี!!!
"พ่อบ้านเฉิน ไปจัดเตรียมเรือนท้ายจวนเอาไว้ สั่งคนไปทำป้ายติดที่หน้าเรือนของนาง ว่าเรือน อนุไป๋!!!"
"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
หลังจากที่พ่อบ้านเฉินออกไปแล้ว ไป๋มู่หลันก็เห็นว่ามีสตรีสามสี่นางกำลังเดินเข้ามาหาจ้าวฝูหมิงด้วยแววตาเป็นประกาย
"ท่านอ๋อง!!!"
จ้าวฝูหมิงปรายตามองพวกนางด้วยความเบื่อหน่าย พวกนางเป็นนางบำเรอที่เขาเลี้ยงดูเอาไว้ วัน ๆ มีหน้าที่คอยเอาอกเอาใจเขา แต่ทว่าตั้งแต่หลับนอนกับพวกนางเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยไปหาพวกนางอีกเลย
หลิงหลิง นางบำเรอที่อายุมากกว่าคนอื่น ๆ ปรายตามองไป๋มู่หลันเล็กน้อย ปีนี้นางอายุยี่สิบปีแล้ว ท่านอ๋องรับนางมาจากหอนางโลม เขาหลับนอนกับนางเพียงครั้งเดียว และเลี้ยงดูนางเอาไว้ในจวนได้ร่วมสองปีแล้ว
สตรีน้อยนางนี้คือผู้ใดกัน!!! นางบำเรอคนใหม่หรือ?
ทุกการกระทำของหลิงหลิงอยู่ในสายตาของจ้าวฝูหมิงทุกอย่าง เหตุใดเขาจะไม่ล่วงรู้ความคิดของนางกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"นางเป็นอนุของข้า พวกเจ้ายังไม่ทำความเคารพนางอีก"
"เอ่อ อนุ?"
"ถามทำไม!!! รีบทำความเคารพนางสิ!!!"
หลิงหลิงและเหล่านางบำเรอทำความเคารพไป๋มู่หลันตามคำสั่งทันที แต่ทว่าหลิงหลิงยังไม่ยอมหยุดเอ่ยถามจ้าวฝูหมิงอีกครั้ง
"นางจะมาเป็นนายหญิงของพวกเราหรือเพคะ"
"เป็นอนุ!!! นายหญิงอะไรกัน ในจวนอ๋องแห่งนี้ข้าคนเดียวที่เป็นนาย!!!"
หลิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากมิได้ หึ!!! อย่างไรเสียนายหญิงคนใหม่ก็ยังไร้อำนาจในจวนอ๋องอยู่ดี ดูดูไปแล้ว เหมือนจะเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเพียงเท่านั้น "พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว ส่วนเจ้าไป๋มู่หลันอยู่ก่อน"เหล่านางบำเรอต่างย่อกายทำความเคารพเขาและทยอยเดินออกไปทีละคน หลิงหลิงไม่ลืมที่จะปรายตามองไป๋มู่หลันอีกครา ไป๋มู่หลันเองก็หันไปสบตากับนางเช่นกัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลังจากที่หลิงหลิงและเหล่านางบำเรอออกไปกันหมดแล้ว จ้าวฝูหมิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะเดินเข้าไปหานาง แต่ทว่าเขากลับซวนเซเล็กน้อย รู้สึกว่าศีรษะมึนงงไปชั่วขณะ บัดซบ! ข้าคงดื่มสุรามากเกินไปสินะ "ท่านอ๋อง""ไป๋มู่หลัน ข้าจะสอนเจ้าเอาไว้""เพคะ สอนสิ่งใดหรือเพคะ?"ไป๋มู่หลันที่ได้ยินจ้าวฝูหมิงเอ่ยเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจะสอนสิ่งใดนางกัน และจะเชื่อถือได้หรือไม่ ดูสภาพเขาสิขนาดยืนยังทรงตัวแทบไม่อยู่ด้วยซ้ำ!ให้ตายเถิด!!! เขาทั้งบ้ากาม ไร้มารยาท และติดสุราอีกด้วย เวรกรรมอันใดของนางกันต้องมามีสามีเช่นนี้!!!จ้าวฝูหมิงยื่นฝ่ามือหนาใหญ่ไปจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ ก่อนจะ
ด้านจ้าวฝูหมิงนั้นเดินทางเข้าวังหลวงทั้งที่กลิ่นสุรายังคละคลุ้งอยู่ทั่วทั้งกาย แต่เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ในหัวเขาคิดเพียงแค่ว่า ข้าจะดื่ม ใครจะทำไม?"ถวายพระพรฝ่าบาท เอิ๊ก!!!"จ้าวฝูหมิงส่งเสียงเรอออกมาจนดังก้องไปทั้งตำหนักมังกร จ้าวฝูหรงกำลังนั่งตรวจฎีกาบนโต๊ะทรงอักษรได้เห็นเช่นนั้นก็เบ้หน้าขมวดคิ้วมุ่นทันที กลิ่นสุราที่น้องรองเรอออกมาช่างน่าเวียนหัวยิ่งนัก เขามิชมชอบการดื่มสุราเท่าไรนัก แต่ทว่าน้องรองกลับชมชอบมันเป็นชีวิตจิตใจ "ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยฝ่าบาท"จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ บนโต๊ะมีชาหลงจิ่งชั้นดีวางเอาไว้ เขายกชาร้อนขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางมันลง "ท่านพี่ได้รับหัวของฉีอ๋องแล้วหรือยัง?""ได้รับแล้ว น้องรองคราวหลังเจ้าก็ไม่ต้องส่งมาเช่นนี้ก็ได้ เหล่าขุนนางในราชสำนักได้เห็นถึงกับอกสั่นขวัญหาย เจ้ารู้หรือไม่?""ไม่รู้ ข้าเพียงทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี เหล่าขุนนางขวัญอ่อนพวกนั้นจะหวาดกลัวหรือไม่หวาดกลัว ข้าไม่สน"จ้าวฝูหรงถอนหายใจเล็กน้อย พลางจ้องมองจ้าวฝูหมิงที่ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาพาดเอาไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจเขาแม้แต่น้อยเฮ้อ!!! นิสัย
ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฎรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฎรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขม ๆ อยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด นิสัยไม่ดี!!!นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้วด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่น ๆ ต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ ไป
จ้าวฝูหมิงรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเย็นชา จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ "อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!""พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ""หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า!""แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเจ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"จ้าวฝูหมิงลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็นพันครั้ง หากนางเป็นบุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็นแน่ "งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง!""พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ""เพคะองค์หญิง"ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็นมิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูหมิงต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย "อย่าเข้าใกล้นาง!!!""ทำไมเล่าเพคะ?""ไม่ต้องถาม!!!"เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูหมิงก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางทั้งรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะเดินทางไปปราบเหล่ากบฏเขาได้สั่งให้พ่อบ้านเฉินหาสาวใช้มาดูแลนางคนหนึ่ง นามว่าหนิงชุ่ย "หนิงชุ่ย""เจ้าคะนายหญิง"หนิงชุ่ยที่ได้ยินเสียงเรียกของไป๋มู่หลันจึงรีบวิ่งเข้ามาหานางทันที เมื่อได้เห็นเลือดมากมายไหลเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน นางก็รู้ได้ทันที นายหญิงของนางมีรอบเดือนแล้ว หนิงชุ่ยคอยดูแลรับใช้ไป๋มู่หลันเป็นอย่างดี นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าปี แต่มีรอบเดือนตั้งแต่อายุสิบสี่เพราะร่างกายของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางชื่นชอบไป๋มู่หลันเป็นอย่างมาก นายหญิงของนางทั้งใจดีและทำอาหารอร่อย "นายหญิง ปวดมากหรือไม่เจ้าคะ""อือ ข้าลุกไม่ไหว""รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้"หนิงชุ่ยไม่รอช้านางรีบไปนำน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง และใช้ผ้าสะอาดบิดชุบน้ำหมาด ๆ ทำความสะอาดร่างกายให้ไป๋มู่หลันเสียก่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ไป๋มู่หลันรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างมาก "รอบเดือนของสตรีครั้งแรกย่อมมากเช่นนี้เจ้าค่ะ รออีกสามสี่วันก็จะค่อย ๆ เบาบางลง นายหญิงอดทนหน่อยนะเจ้าคะ"ไป๋มู่หลันพยักหน้า
จ้าวฝูหมิงเอ่ยวาจาหยอกเย้านางด้วยน้ำเสียงที่แหบกระเส่า เขายื่นมือไปเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา ไป๋มู่หลันรู้สึกร้อนวูบวาบในกายเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เขาจ้องมองนางราวกับนางเป็นกวางน้อยที่เขาจับมาได้ เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้นางจึงยิ่งรู้สึกเขินอายจนทำสิ่งใดไม่ถูก เขาใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในระหว่างนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย การกระทำของเขาช่างดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่นานร่างกายของนางก็ไร้ซึ่งสิ่งใดห่อหุ้มอีก กายสาวงามสะพรั่งกำลังเย้ายวนสายตาเหลือเกิน เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นไปวางลงบนเตียง แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันเริ่มหายใจติดขัด นางพยายามจะใช้ฝ่ามือน้อย ๆ ผลักไสเขาออกไป แต่ทว่าคนร่างใหญ่กลับยิ่งบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างไม่ยอมลดละ มือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างที่ชูช่อบานสะพรั่งอย่างเอาแต่ใจ สองเต้าเต่งตึงของนางใหญ่โตเสียจนล้นไม้ล้นม
ไป๋มู่หลันตื่นนอนตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างเท่าใดนัก แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายไปบ้าง แต่ทว่านางก็ยังต้องลุกขึ้นมาหานั่นนี่ทำอยู่ดี ด้วยนิสัยที่ไม่อยู่นิ่งของนางย่อมต้องหาบางสิ่งบางอย่างทำอยู่ตลอดเวลา ไป๋มู่หลันคิดถึงความร้อนแรงของจ้าวฝูหมิงเมื่อคืนจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แต่นับจากวันนี้จะเป็นเช่นไรเล่า เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของเขากับพระชายา แต่จ้าวฝูหมิงกลับมานอนค้างกับนางที่เรือนท้ายสวนเช่นนี้ พระชายาคงมิพอใจเป็นอย่างมาก ไป๋มู่หลันล้างหน้าล้างตาจัดแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางจึงตรงไปที่โรงครัว ยามนี้ในจวนมีนายหญิงคนใหม่เข้ามาเพิ่มแล้ว เรื่องอาหารการกินคงจะต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม เหล่าสาวใช้ในโรงครัวเมื่อเห็นไป๋มู่หลันก็ทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม ไป๋มู่หลันมองดูวัตถุดิบในครัวคราหนึ่งก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหาร นางไม่รู้ว่าพระชายาจะทรงชอบเสวยสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ จึงสั่งให้คนเคี่ยวโจ๊กพุทราแดงเอาไว้หนึ่งหม้อ จากนั้นนางจึงหันไปหยิบเนื้อหมูอย่างดีมาล้างจนสะอาด เพื่อจะทำหมูตุ๋นน้ำแดง จ้าวฝูหมิงเป็นชายชาติทหาร อาหารทุกมื้อของเขาจึงต้องเน้นเนื้อสัตว์เป็นห
หลิงหลิงที่ได้เห็นจ้าวฝูหมิงก้าวเดินเข้ามาในเรือน พลันแข้งขาของนางก็อ่อนแรงไปเสียดื้อ ๆ หลิวหยวนเหนียงขมวดคิ้วมุ่น มิใช่ว่าเขาไปวังหลวงแต่เช้าแล้วหรือ? หึ!!! นางคิดเอาไว้ว่าจะให้อนุนางนี้นั่งคุกเข่าถวายน้ำชาให้นางสักหนึ่งชั่วยามเสียหน่อยจ้าวฝูหมิงปรายตามองหลิวหยวนเหนียงด้วยสายตาเย็นชา สิ่งที่เขาเกลียดมากกว่าสิ่งใด คือสตรีที่วางท่าทางเป็นใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าเขา จวนนี้เป็นจวนของข้า ใครหน้าไหนมันกล้า ก็ลองดู!"ถวายพระพรท่านอ๋อง""เจ้านี่เก่งกาจมิเบาเลยนะ เพิ่งมาถึงวันเดียว ก็สร้างความวุ่นวายในจวนข้าได้แล้ว?""ทูลท่านอ๋อง เรื่องราวในเรือนหลังย่อมเป็นหน้าที่หม่อมฉันที่ต้องดูแลความเรียบร้อยเพคะ""ความเรียบร้อย?""เพคะ""ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"จ้าวฝูหมิงเอียงคอมองนางก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนดังลั่นไปทั้งเรือน พ่อบ้านเฉินและเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกขนชันมิใช่น้อย เขารับใช้ท่านอ๋องผู้นี้มานาน การที่พระองค์หัวเราะเสียงดังเช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลย!มันหมายถึงในจวนต้องมีบ่าวในจวนหรือนางบำเรอสักคนถูกโบยจนตายหรือไม่ก็ขายทิ้งออกไปเสีย ไป๋มู่หลันทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใด นางมิ
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร