หลิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากมิได้ หึ!!! อย่างไรเสียนายหญิงคนใหม่ก็ยังไร้อำนาจในจวนอ๋องอยู่ดี ดูดูไปแล้ว เหมือนจะเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเพียงเท่านั้น
"พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว ส่วนเจ้าไป๋มู่หลันอยู่ก่อน"
เหล่านางบำเรอต่างย่อกายทำความเคารพเขาและทยอยเดินออกไปทีละคน หลิงหลิงไม่ลืมที่จะปรายตามองไป๋มู่หลันอีกครา ไป๋มู่หลันเองก็หันไปสบตากับนางเช่นกัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
หลังจากที่หลิงหลิงและเหล่านางบำเรอออกไปกันหมดแล้ว จ้าวฝูหมิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะเดินเข้าไปหานาง แต่ทว่าเขากลับซวนเซเล็กน้อย รู้สึกว่าศีรษะมึนงงไปชั่วขณะ
บัดซบ! ข้าคงดื่มสุรามากเกินไปสินะ
"ท่านอ๋อง"
"ไป๋มู่หลัน ข้าจะสอนเจ้าเอาไว้"
"เพคะ สอนสิ่งใดหรือเพคะ?"
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินจ้าวฝูหมิงเอ่ยเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจะสอนสิ่งใดนางกัน และจะเชื่อถือได้หรือไม่ ดูสภาพเขาสิขนาดยืนยังทรงตัวแทบไม่อยู่ด้วยซ้ำ!
ให้ตายเถิด!!! เขาทั้งบ้ากาม ไร้มารยาท และติดสุราอีกด้วย เวรกรรมอันใดของนางกันต้องมามีสามีเช่นนี้!!!
จ้าวฝูหมิงยื่นฝ่ามือหนาใหญ่ไปจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
"เป็นอนุของข้าต้องเข้มแข็ง ห้ามอ่อนแอเป็นอันขาด"
"เพคะ?"
"หากพวกนางคิดหาเรื่องเจ้า เจ้าก็หาเรื่องนางคืนเสีย เจ้าชอบทำอาหาร เช่นนั้นก็ใช้กระทะฟาดหน้าพวกนางเสีย หากนางมาหาเรื่องเจ้า ข้ามิได้อยู่ในจวนตลอดเวลา ไม่ได้ดูแลเจ้าทั้งวันทั้งคืน เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
ไป๋มู่หลันเองก็มิใช่คนโง่งมเท่าใดนัก เหตุใดนางจะไม่เข้าใจความหมายที่จ้าวฝูหมิงเอ่ยออกมา พลันในความคิดของนางก็มองเขาดีขึ้นมานิดหนึ่ง
"เข้าใจเพคะ"
"ดี มาให้ข้าจูบสักหน่อยเถิด"
"อื้ออ!!!"
จ้าวฝูหมิงดึงร่างของนางมากอดเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบนางอย่างดูดดื่ม เฮ้อ!!! ได้แทะโลมนางวันละนิดเขาก็ชื่นใจแล้ว
เขาต้องเอ่ยเตือนนางเอาไว้ก่อน เขาเติบโตมาในวังหลวง ย่อมรู้ดีถึงความร้ายกาจของเหล่าสตรีที่มากเล่ห์ นางยังเด็กย่อมไม่ทันเล่ห์กลเหล่านั้น เกิดนางตื่นตระหนกและหนีเขาไป เขาจะทำเช่นไรเล่า!!!
ถึงแม้นางคิดหนีเขาก็จะลากตัวนางกลับมา!!! ต่อให้ต้องล่ามโซ่นางเอาไว้เขาก็จะทำ
"ข้าต้องเข้าวังหลวงก่อน"
"เพคะ"
ให้ตายเถอะ!!! เขาจะเข้าวังหลวงทั้งที่ยังเมาโซซัดโซเซเช่นนี้จริง ๆ หรือ?
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้าวฝูหมิงก็สั่งให้พ่อบ้านเฉินพาไป๋มู่หลันไปที่เรือนท้ายจวน ส่วนเขานั้นจะเข้าวังหลวงไปพบเสด็จพี่เสียหน่อย
ไป๋มู่หลันเดินตามพ่อบ้านเฉินเรื่อยไป ระหว่างทางล้วนมีต้นไม้มากมายขึ้นเรียงราย อีกทั้งยังมีต้นผิงกว๋อที่กำลังออกผลสีแดงสดน่ากิน และยังมีดอกกุหลาบมากมายที่ปลูกเอาไว้เรียงรายตามทางเดิน สีสันของมันช่างงดงาม ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวายิ่งนัก
พ่อบ้านเฉินค่อนข้างทำงานว่องไว เขานำป้ายมาติดที่หน้าเรือนของไป๋มู่หลันภายในวันนั้น เรือนไม้ค่อนข้างสวยงาม ประดับประดาด้วยดอกกุหลาบหลากสีสัน ตัวเรือนไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป อีกทั้งยังมีระเบียงรับลมเย็นอีกด้วย
"นี่คือเรือนของนายหญิงขอรับ"
"เอ่อ เรียกข้าว่าไป๋มู่หลันก็ได้เจ้าค่ะ"
พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดชื่นชมสาวน้อยตรงหน้ามิได้ นางดูเป็นสตรีจิตใจงดงามและไม่เย่อหยิ่งถือตน นางเป็นอนุถือเป็นนายหญิงในเรือนหลังของท่านอ๋อง แม้ท่านอ๋องจะเอ่ยว่าจวนนี้มีท่านอ๋องเป็นนายเพียงคนเดียว ก็เอ่ยไปเพื่อเตือนสติเหล่านางบำเรอทั้งหลายที่คิดเกินตัวเพียงเท่านั้น
"นายหญิงเป็นอนุที่ท่านอ๋องตบแต่งมาอย่างถูกประเพณี แตกต่างจากนางบำเรอพวกนั้น ย่อมเป็นนายหญิงขอรับ"
ไป๋มู่หลันพยักหน้าเล็กน้อย ช่างเถิด! อยากเรียกสิ่งใดก็เรียกไปเถิด
"นายหญิง บ่าวมีเรื่องจะกล่าวเตือนขอรับ"
"เรื่องใดหรือ?"
"ที่เรือนท้ายจวนแห่งนี้ เป็นที่พักผ่อนของท่านอ๋องน้อยโม่ฉือ บุตรชายของท่านอ๋องขอรับ"
"บุตรชายหรือ?"
ไป๋มู่หลันรู้สึกตกใจไม่น้อย นี่ท่านอ๋องมีบุตรแล้วเช่นนั้นหรือ?
คงจะเป็นบุตรกับนางบำเรอที่อยู่ในจวนสินะ
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ จะไม่ให้รบกวนท่านอ๋องน้อยเป็นแน่"
"ท่านอ๋องน้อยมีนิสัยซุกซน อีกทั้งเจ้าอารมณ์เหมือนท่านอ๋อง บางคราก็ชอบทำข้าวของเสียหาย ขอนายหญิงอย่าได้ถือสา"
"อืม ข้ารู้แล้ว"
"เชิญนายหญิงตามสบาย ห้องครัวอยู่ทางฝั่งนั้น หากต้องการสิ่งใดเชิญเรียกใช้พวกนางได้ตามสะดวก"
ไป๋มู่หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปจัดเรียงข้าวของให้เป็นระเบียบ
อีกนานกว่าท่านอ๋องจะกลับมา นางควรไปที่โรงครัวเสียหน่อย ดูว่ามีสิ่งใดให้ทำอาหารมื้อเย็นได้บ้าง
ว่าแล้วไป๋มู่หลันก็เดินตรงไปที่โรงครัวทันที เหล่าสาวใช้ที่ได้เห็นนางเข้ามาก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม ทุกคนต่างรู้ว่านางคือนายหญิงของเรือนหลังในตอนนี้
"ในโรงครัวมีสิ่งใดที่พอจะทำอาหารได้บ้าง"
"เรียนนายหญิง วันนี้บ่าวในจวนได้ปลาดอกกุ้ยฮวามาหนึ่งตัวเจ้าค่ะ"
ไป๋มู่หลันแววตาเป็นประกาย ก่อนจะสั่งให้สาวใช้นำวัตถุดิบต่าง ๆ มาให้นาง เหล่าสาวใช้ต่างมีท่าทีกระอักกระอ่วน หากท่านอ๋องมาพบว่าพวกนางปล่อยให้อนุของท่านทำอาหารในโรงครัวเช่นนี้ คงถูกโบยและขายทิ้งออกไปเป็นแน่
ไป๋มู่หลันอ่านความคิดของพวกนางออก จึงยิ้มออกมาเล็กน้อย
"พวกเจ้าวางใจเถิด ยามอยู่ที่แคว้นฉี ข้าเป็นคนทำอาหารให้ท่านอ๋องเสวยอยู่ไม่ขาด"
เหล่าสาวใช้ต่างเบาใจลงไม่น้อย ไป๋มู่หลันที่เห็นเช่นนั้นจึงหันไปใส่ใจกับปลาดอกกุ้ยฮวาตรงหน้าต่อ นางม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง แล้วจึงจัดการผ่าท้องปลาดอกกุ้ยฮวาออก ล้างทำความสะอาดและพักทิ้งไว้ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันไปนำหน่อไม้ฤดูหนาวที่ตากแห้งเอาไว้อย่างดีไปแช่น้ำ โชคดีที่จวนอ๋องมีวัตถุดิบครบทุกอย่างจึงค่อนข้างสะดวกสบาย
ไป๋มู่หลันนำผิวส้มตากแห้งไปแช่ให้นิ่ม แล้วขูดเนื้อในออกจนเกลี้ยงเกลาก่อนหั่นเป็นเส้นบาง ๆ แล้วจึงหันมาปรุงน้ำสำหรับราดบนตัวปลา รอจนเตรียมวัตถุดิบครบถ้วนแล้วถึงวางรองด้วยต้นหอมที่หั่นเป็นท่อน ๆ ลงบนหม้อใบใหญ่ วางตัวปลาลงในหม้อและโรยด้วยเส้นผิวส้มที่หั่นเตรียมเอาไว้ เพิ่มด้วยเนื้อหมูที่หั่นเป็นเส้น และหั่นหอมซอย จากนั้นจึงนำไปนึ่งทิ้งไว้
ไป๋มู่หลันสั่งให้สาวใช้ต้มน้ำขิงเพิ่มอีกนิดหน่อย และทำไก่ตุ๋นโสมเพิ่มมาอีกหนึ่งหม้อ ไม่นานนักอาหารมากมายก็เสร็จเรียบร้อยด้วยฝีมือของไป๋มู่หลัน
เหล่าสาวใช้ต่างอดชื่นชมนายหญิงคนใหม่มิได้ นางทั้งขยันและไม่ถือตน แตกต่างจากเหล่านางบำเรอพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
เคร้ง!!!
ในระหว่างที่ไป๋มู่หลันกำลังทิ้งกายนั่งพัก ข้างนอกก็เกิดเสียงข้าวของตกแตก นางจึงรีบออกไปดูทันที ก่อนจะพบกับเจ้าแมวส้มตัวผู้รูปร่างอ้วนกลมหนึ่งตัว ที่กำลังทำท่าคุ้ยเขี่ยหาของกินอยู่
แมว?
นางชอบแมว!!!
"เมี้ยว เมี้ยว เจ้าเหมียวข้ามีปลาตากแห้งนะ เจ้าชอบหรือไม่"
ไป๋มู่หลันไม่รอช้า นางรีบวิ่งไปหยิบปลาตากแห้งในครัวมาให้เจ้าเหมียวส้มอ้วนกลมทันที มันจ้องมองนางด้วยสายตาเย่อหยิ่ง ก่อนจะก้มลงดมปลาตากแห้งที่นางวางเอาไว้บนพื้น และเบนหน้าหนี
"ไม่กินหรือ?"
"เรียนนายหญิง ท่านอ๋องน้อยโม่ฉือ มิชอบรับสำรับบนพื้นหญ้าเจ้าค่ะ"
สาวใช้น้อยนางหนึ่งรีบนำชามทองคำอย่างดีออกมา และจัดการนำปลาตากแห้งใส่ลงไปในชามทองคำนั้น เจ้าเหมียวส้มจึงยอมกินปลาตากแห้งที่นางให้แต่โดยดี
ท่านอ๋องน้อยโม่ฉือ?
"เอ่อ เจ้าแมวนี่คือท่านอ๋องน้อยโม่ฉือหรือ?"
"เจ้าค่ะ ท่านอ๋องทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ท่านอ๋องน้อยยังมิหย่านม และทรงรักเหมือนบุตรแท้ ๆ จึงมอบตำแหน่งท่านอ๋องน้อยให้เจ้าค่ะ"
จะบ้าตาย!!! บุตรของเขาที่พ่อบ้านเฉินเอ่ยถึงคือแมวอย่างนั้นหรือ?
"อนุไป๋ ข้าก็ว่าเจ้าไปอยู่ที่ใด ที่แท้ก็ชอบขลุกอยู่กับคนใช้ในจวนนี่เอง อย่างว่าละ นิสัยชาวบ้านต่ำ ๆ ย่อมชอบอยู่กับของต่ำ ๆ"
เสียงใสกังวานลอยมาตามลม ไป๋มู่หลันจึงเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพบกับหลิงหลิง ที่สวมชุดสีชมพูลายดอกกุ้ยฮวาดูงามตา เรือนร่างของนางอรชรงดงาม ใบหน้าก็สวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์
หลิงหลิงปรายตามองไป๋มู่หลันด้วยสายตาดูแคลน ไป๋มู่หลันคร้านที่จะใส่ใจ นางจึงเดินเลี่ยงออกมา แต่ทว่าหลิงหลิงกลับตามมารังควานนางอย่างไม่ยอมลดละ
"ทำไมเล่า? ถือว่าได้เป็นอนุ จึงมิอยากพูดคุยกับนางบำเรอเช่นข้าหรือ?"
"ไม่ใช่เจ้าค่ะพี่หลิงหลิง"
"หึ!!! เจียมตนก็ดี"
"ข้าขอตัวไปล้างกระทะก่อนนะเจ้าคะ"
ไป๋มู่หลันเดินไปที่กระทะทันที ให้นางมาทะเลาะกับคนเช่นนี้ นางขอตัวเสียดีกว่า
เหล่าสาวใช้ต่างก้มหน้างุดมิกล้าเอ่ยวาจาใด ใคร ๆ ก็รู้ว่าหลิงหลิงเป็นนางบำเรอของท่านอ๋อง เกิดนางไปฟ้องท่านอ๋องเหล่าสาวใช้คงแย่เป็นแน่
หลิงหลิงยกยิ้มมุมปากก่อนจะถือโอกาสตอนที่ไป๋มู่หลันเดินหันหลังไปหยิบกระทะยื่นมือผลักเข้าที่แผ่นหลังของไป๋มู่หลันอย่างเต็มแรง จนนางกระเด็นล้มลงไปกองที่พื้น ไป๋มู่หลันรู้สึกเจ็บระบมไปทั่วทั้งร่างเหลือเกิน อารมณ์ของนางจึงเริ่มปะทุขึ้นมาเสียแล้ว
แท้จริงแล้วมิใช่ว่านางยอมให้ใครมารังแก แต่นางจะหลีกเลี่ยงเสียมากกว่า นางมิชอบมีปัญหากับผู้ใด
"หึ!!! อนุไป๋ เรี่ยวแรงเจ้าช่างน้อยยิ่งนัก!!!"
หลิงหลิงยกเท้าเขี่ยไปที่ขาของไป๋มู่หลันอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันพยุงกายลุกขึ้นยืน ในมือยังคงกำกระทะเอาไว้แน่น
"ข้าไปละ เบื่อจะเจรจากับพวกอ่อนหัด"
"พี่หลิงหลิงเจ้าคะ"
หลิงหลิงที่กำลังหันหลังเดินออกไปจากโรงครัว เมื่อได้ยินไป๋มู่หลันเอ่ยเรียกจึงหันกลับไปทันที
พลั่ก!!!
"เรียกทำ...อ๊าส์!!!'
ไป๋มู่หลันง้างกระทะฟาดลงไปบนใบหน้าสวยของหลิงหลิงจนสุดแรง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ท้องของนางอย่างแรง จนหลิงหลิงกระเด็นลงไปกองกับพื้น
"อนุไป๋!!! เจ้าช่างบังอาจนัก"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องสั่งเอาไว้ว่าหากมีใครคิดมารังแก ให้ใช้กระทะฟาดหน้านางได้เลยเจ้าค่ะ"
ไป๋มู่หลันเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดูไร้เดียงสา ยิ่งทำให้หลิงหลิงมีโทสะมากขึ้นไปอีก นางพยายามลุกขึ้นเตรียมจะพุ่งเข้าไปหาไป๋มู่หลัน แต่ทว่า
แควก!!!
เมี้ยวววววว!!!
"อ๊าส์!!!"
ท่านอ๋องน้อยโม่ฉือพุ่งมาจากทิศทางใดก็ไม่มีใครทราบ มันกางฝ่ามืออ้าเล็บยาวคมทั้งสองข้างออก ก่อนจะฟาดตบรัว ๆ ไปที่ใบหน้าของหลิงหลิงอย่างไม่ยอมลดละ
ด้านจ้าวฝูหมิงนั้นเดินทางเข้าวังหลวงทั้งที่กลิ่นสุรายังคละคลุ้งอยู่ทั่วทั้งกาย แต่เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ในหัวเขาคิดเพียงแค่ว่า ข้าจะดื่ม ใครจะทำไม?"ถวายพระพรฝ่าบาท เอิ๊ก!!!"จ้าวฝูหมิงส่งเสียงเรอออกมาจนดังก้องไปทั้งตำหนักมังกร จ้าวฝูหรงกำลังนั่งตรวจฎีกาบนโต๊ะทรงอักษรได้เห็นเช่นนั้นก็เบ้หน้าขมวดคิ้วมุ่นทันที กลิ่นสุราที่น้องรองเรอออกมาช่างน่าเวียนหัวยิ่งนัก เขามิชมชอบการดื่มสุราเท่าไรนัก แต่ทว่าน้องรองกลับชมชอบมันเป็นชีวิตจิตใจ "ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยฝ่าบาท"จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ บนโต๊ะมีชาหลงจิ่งชั้นดีวางเอาไว้ เขายกชาร้อนขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะวางมันลง "ท่านพี่ได้รับหัวของฉีอ๋องแล้วหรือยัง?""ได้รับแล้ว น้องรองคราวหลังเจ้าก็ไม่ต้องส่งมาเช่นนี้ก็ได้ เหล่าขุนนางในราชสำนักได้เห็นถึงกับอกสั่นขวัญหาย เจ้ารู้หรือไม่?""ไม่รู้ ข้าเพียงทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี เหล่าขุนนางขวัญอ่อนพวกนั้นจะหวาดกลัวหรือไม่หวาดกลัว ข้าไม่สน"จ้าวฝูหรงถอนหายใจเล็กน้อย พลางจ้องมองจ้าวฝูหมิงที่ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาพาดเอาไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจเขาแม้แต่น้อยเฮ้อ!!! นิสัย
ผ่านไปร่วมหลายวันที่ไป๋มู่หลันใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องของจ้าวฝูหมิง นางเริ่มปรับตัวเข้ากับเมืองเสียนหยางได้เป็นอย่างดี บางคราเขาก็พานางนั่งรถม้าไปเดินเที่ยวเล่นในตลาดบ้างเป็นบางครา นางได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์พระองค์นี้ ก็มีมุมที่น่ารักหลายมุม เขาใส่ใจราษฎรและเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ถือตนอีกด้วย แต่ทว่าหากเขาพบกับเหล่าชนชั้นสูงที่คิดรังแกราษฎรต่ำต้อย เขาก็จะจัดการสั่งสอนคนเหล่านั้นอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน จ้าวฝูหมิงสั่งให้หมอหลวงในวังมารักษาอาการของนางอย่างต่อเนื่อง ไป๋มู่หลันต้องทนดื่มยาขม ๆ อยู่หลายครา มีบางครั้งที่นางแอบเทยาเหล่านั้นทิ้ง แต่ทว่าเมื่อเขารู้เข้า ก็จะอุ้มนางพาดบ่าและฟาดฝ่ามือลงไปบนบั้นท้ายงามของนางอีกทั้งยังบีบขยำจนก้นนางแดงไปหมด นิสัยไม่ดี!!!นานวันเข้านางก็เริ่มจะชินชากับพฤติกรรมที่แสนประหลาดและหื่นกามของเขาเสียแล้วด้านหลิงหลิงก็หาทางกลั่นแกล้งไป๋มู่หลันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทว่านางกลับถูกโม่ฉือกระโดดข่วนจนริมฝีปากล่างฉีกขาดเป็นแผล และนอนซมเป็นไข้อยู่หลายวัน เหล่านางบำเรอคนอื่น ๆ ต่างมิกล้ามีปากมีเสียง ทำได้เพียงอยู่นิ่ง ๆ ไป
จ้าวฝูหมิงรีบพุ่งทะยานเข้ามาและดึงร่างของไป๋มู่หลันออกมาจากจ้าวซือซือทันที ดวงตาคมจ้องมองแฝดน้องของตนเองด้วยสายตาเย็นชา จ้าวซือซือ เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะในลำคอด้วยความหงุดหงิดใจ "อย่ายุ่งกับอนุของข้า!!!""พี่รอง ข้าเพียงพาน้องไป๋ไปเที่ยวชมวังหลวงเพียงเท่านั้นเพคะ""หึ!!! เที่ยวชมวังหลวงหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า!""แล้วอย่างไร ข้าชอบนาง ข้าอยากอยู่ใกล้นาง หากเจ้าไม่พอใจก็มาทุบตีข้าสิ!"จ้าวฝูหมิงลอบสบถด่าทอจ้าวซือซือในใจเป็นพันครั้ง หากนางเป็นบุรุษเขาคงได้ถีบนางกระเด็นออกไปนอกกำแพงวังหลวงเป็นแน่ "งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าอย่าคิดก่อเรื่อง!""พูดมาก น่ารำคาญยิ่งนัก!!! น้องไป๋ ไว้เราค่อยมาพูดคุยกันอีกนะ""เพคะองค์หญิง"ไป๋มู่หลันยิ้มให้จ้าวซือซืออย่างเป็นมิตร ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดจ้าวฝูหมิงต้องทำท่าทีไม่พอใจยามที่นางอยู่กับแฝดน้องของเขาเช่นนี้ด้วย "อย่าเข้าใกล้นาง!!!""ทำไมเล่าเพคะ?""ไม่ต้องถาม!!!"เช่นนั้นนางก็จะไม่ถามเขาอีก ไป๋มู่หลันก้มหน้างุด ช่างเถิด ในเมื่อเขาไม่ให้นางถามนางเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่าง่าย คราวนี้จ้าวฝูหมิงก็ตามมานั่งกับนางด้วย งานเลี้ยงเริ
ไป๋มู่หลันรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางทั้งรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะเดินทางไปปราบเหล่ากบฏเขาได้สั่งให้พ่อบ้านเฉินหาสาวใช้มาดูแลนางคนหนึ่ง นามว่าหนิงชุ่ย "หนิงชุ่ย""เจ้าคะนายหญิง"หนิงชุ่ยที่ได้ยินเสียงเรียกของไป๋มู่หลันจึงรีบวิ่งเข้ามาหานางทันที เมื่อได้เห็นเลือดมากมายไหลเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน นางก็รู้ได้ทันที นายหญิงของนางมีรอบเดือนแล้ว หนิงชุ่ยคอยดูแลรับใช้ไป๋มู่หลันเป็นอย่างดี นางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าปี แต่มีรอบเดือนตั้งแต่อายุสิบสี่เพราะร่างกายของนางอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางชื่นชอบไป๋มู่หลันเป็นอย่างมาก นายหญิงของนางทั้งใจดีและทำอาหารอร่อย "นายหญิง ปวดมากหรือไม่เจ้าคะ""อือ ข้าลุกไม่ไหว""รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้"หนิงชุ่ยไม่รอช้านางรีบไปนำน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง และใช้ผ้าสะอาดบิดชุบน้ำหมาด ๆ ทำความสะอาดร่างกายให้ไป๋มู่หลันเสียก่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทำให้ไป๋มู่หลันรู้สึกอยากอาเจียนเป็นอย่างมาก "รอบเดือนของสตรีครั้งแรกย่อมมากเช่นนี้เจ้าค่ะ รออีกสามสี่วันก็จะค่อย ๆ เบาบางลง นายหญิงอดทนหน่อยนะเจ้าคะ"ไป๋มู่หลันพยักหน้า
จ้าวฝูหมิงเอ่ยวาจาหยอกเย้านางด้วยน้ำเสียงที่แหบกระเส่า เขายื่นมือไปเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา ไป๋มู่หลันรู้สึกร้อนวูบวาบในกายเป็นอย่างยิ่ง ยามที่เขาจ้องมองนางราวกับนางเป็นกวางน้อยที่เขาจับมาได้ เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้นางจึงยิ่งรู้สึกเขินอายจนทำสิ่งใดไม่ถูก เขาใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกทีละชิ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในระหว่างนั้นก็โน้มใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ดอมดมซอกคอขาวเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย การกระทำของเขาช่างดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่นานร่างกายของนางก็ไร้ซึ่งสิ่งใดห่อหุ้มอีก กายสาวงามสะพรั่งกำลังเย้ายวนสายตาเหลือเกิน เขาช้อนอุ้มร่างบางของนางขึ้นไปวางลงบนเตียง แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าไปหานาง เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างดุดัน ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างย่ามใจ ไป๋มู่หลันเริ่มหายใจติดขัด นางพยายามจะใช้ฝ่ามือน้อย ๆ ผลักไสเขาออกไป แต่ทว่าคนร่างใหญ่กลับยิ่งบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างไม่ยอมลดละ มือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างที่ชูช่อบานสะพรั่งอย่างเอาแต่ใจ สองเต้าเต่งตึงของนางใหญ่โตเสียจนล้นไม้ล้นม
ไป๋มู่หลันตื่นนอนตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่างเท่าใดนัก แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายไปบ้าง แต่ทว่านางก็ยังต้องลุกขึ้นมาหานั่นนี่ทำอยู่ดี ด้วยนิสัยที่ไม่อยู่นิ่งของนางย่อมต้องหาบางสิ่งบางอย่างทำอยู่ตลอดเวลา ไป๋มู่หลันคิดถึงความร้อนแรงของจ้าวฝูหมิงเมื่อคืนจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แต่นับจากวันนี้จะเป็นเช่นไรเล่า เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของเขากับพระชายา แต่จ้าวฝูหมิงกลับมานอนค้างกับนางที่เรือนท้ายสวนเช่นนี้ พระชายาคงมิพอใจเป็นอย่างมาก ไป๋มู่หลันล้างหน้าล้างตาจัดแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางจึงตรงไปที่โรงครัว ยามนี้ในจวนมีนายหญิงคนใหม่เข้ามาเพิ่มแล้ว เรื่องอาหารการกินคงจะต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม เหล่าสาวใช้ในโรงครัวเมื่อเห็นไป๋มู่หลันก็ทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม ไป๋มู่หลันมองดูวัตถุดิบในครัวคราหนึ่งก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหาร นางไม่รู้ว่าพระชายาจะทรงชอบเสวยสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ จึงสั่งให้คนเคี่ยวโจ๊กพุทราแดงเอาไว้หนึ่งหม้อ จากนั้นนางจึงหันไปหยิบเนื้อหมูอย่างดีมาล้างจนสะอาด เพื่อจะทำหมูตุ๋นน้ำแดง จ้าวฝูหมิงเป็นชายชาติทหาร อาหารทุกมื้อของเขาจึงต้องเน้นเนื้อสัตว์เป็นห
หลิงหลิงที่ได้เห็นจ้าวฝูหมิงก้าวเดินเข้ามาในเรือน พลันแข้งขาของนางก็อ่อนแรงไปเสียดื้อ ๆ หลิวหยวนเหนียงขมวดคิ้วมุ่น มิใช่ว่าเขาไปวังหลวงแต่เช้าแล้วหรือ? หึ!!! นางคิดเอาไว้ว่าจะให้อนุนางนี้นั่งคุกเข่าถวายน้ำชาให้นางสักหนึ่งชั่วยามเสียหน่อยจ้าวฝูหมิงปรายตามองหลิวหยวนเหนียงด้วยสายตาเย็นชา สิ่งที่เขาเกลียดมากกว่าสิ่งใด คือสตรีที่วางท่าทางเป็นใหญ่เช่นนี้ต่อหน้าเขา จวนนี้เป็นจวนของข้า ใครหน้าไหนมันกล้า ก็ลองดู!"ถวายพระพรท่านอ๋อง""เจ้านี่เก่งกาจมิเบาเลยนะ เพิ่งมาถึงวันเดียว ก็สร้างความวุ่นวายในจวนข้าได้แล้ว?""ทูลท่านอ๋อง เรื่องราวในเรือนหลังย่อมเป็นหน้าที่หม่อมฉันที่ต้องดูแลความเรียบร้อยเพคะ""ความเรียบร้อย?""เพคะ""ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"จ้าวฝูหมิงเอียงคอมองนางก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนดังลั่นไปทั้งเรือน พ่อบ้านเฉินและเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกขนชันมิใช่น้อย เขารับใช้ท่านอ๋องผู้นี้มานาน การที่พระองค์หัวเราะเสียงดังเช่นนี้มิใช่เรื่องดีเลย!มันหมายถึงในจวนต้องมีบ่าวในจวนหรือนางบำเรอสักคนถูกโบยจนตายหรือไม่ก็ขายทิ้งออกไปเสีย ไป๋มู่หลันทำได้เพียงก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใด นางมิ
จวนตระกูลเสี่ยว เสี่ยวลู่หานกำลังรับจดหมายจากมือของบุรุษชุดดำผู้หนึ่งที่กระโดดพุ่งทะยานเข้ามาในเขตเรือนของเขา เสี่ยวลู่หานรับมาถือเอาไว้ก่อนจะนำจดหมายฉบับนั้นส่งมอบให้แก่บิดาของตนเอง เสี่ยวหลานผู้รั้งตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในวังหลวงผู้นี้ คือบิดาของเสี่ยวลู่หาน เขารับจดหมายจากบุตรชายมาเปิดอ่าน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงลงมือเขียนจดหมายตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะหันไปกำชับกับบุตรชายของตนเองด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก"กำชับนางว่าให้หาทางมัดใจจ้าวฝูหมิงให้ได้ มิเช่นนั้นแผนการของเราจะไม่ราบรื่น""ขอรับท่านพ่อ"เสี่ยวลู่หานเอ่ยรับคำเสียงเรียบ เสี่ยวหลานปรายตามองบุตรชายของตนเองคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "คิดจะทำการใหญ่อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด""ท่านพ่อขอรับ สิ่งที่ท่านกำลังจะทำ มันเท่ากับการคิดก่อกบฏเชียวนะขอรับ""หุบปาก!!! ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อตระกูลเสี่ยวของเรา ตระกูลจ้าวได้ครองแผ่นดินเสียนหยางมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปลดระวางเสียที!!! ไสหัวไป! รอคนมารับจดหมายไปส่งให้หลิวหยวนเหนียง กำชับนางให้เข้าใจด้วย ส่วนอีกฉบับ อย่าลืมส่งให้ 'เขา' ด้วยเล
ยี่สิบปีต่อมา จ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลัน มีบุตรชายทั้งหมดสามคน และบุตรสาวทั้งหมดสามคน บุตรชายมีใบหน้าหล่อคมเช่นเดียวกับเขา ส่วนบุตรสาวก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายไป๋มู่หลัน อีกทั้งยังมีหน้าอกใหญ่โตเหมือนกับมารดาอีกด้วย บุตรคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่สร้างปัญหาใดใด ยกเว้นเสียแต่ จ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรง ไม่นานมานี้จ้าวจื่อหรงได้ออกไปล่าสัตว์ในป่า ระหว่างทางกลับเขาได้แบกสตรีชาวบ้านนางหนึ่งมาด้วย และบอกว่าจะรับนางเป็นอนุ อีกทั้งยังขับไล่นางบำเรอออกไปจากเรือนจนหมด "จื่อหรง เจ้าไปพานางมาจากที่ใด?"จ้าวฝูหมิงในยามนี้ ใบหน้าของเขาแก่ชราลงไปไม่น้อย แต่ยังคงความหล่อเหลาและน่าเกรงขามเอาไว้อยู่ ดวงตาคมจ้องมองบุตรชายด้วยความสงสัย จ้าวจื่อหรงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย "ข้าชอบนาง ข้าว่านางเหมือนท่านแม่มาก ท่านพ่อ ข้าชอบหน้าอกของนาง"จ้าวฝูหมิงขมวดคิ้วมุ่น บัดซบ!!! มันไปได้นิสัยจากใครมา ป่าเถื่อนยิ่งนัก!อ้อ!!! ลูกข้าย่อมต้องเหมือนข้าสินะ "เจ้าทำเช่นนี้มิถูกต้อง พานางไปส่งบิดามารดานางเสีย""ไม่ขอรับ! ได้ยินมาว่าตอนสมัยหนุ่ม ๆ ท่านพ
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ด้วยดี ส่วนสาวใช้ของนางที่ถูกจ้าวซือซืออุ้มหนีหายไปนั้น ยามนี้กำลังซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซือซือด้วยความเขินอาย นี่มันเรื่องอะไรกัน?จ้าวฝูหมิงแต่งตั้งหลัวเฉิงลู่เป็นผู้ว่าการมนฑล และดูแลความเรียบร้อยของแคว้นหมิง รวมถึงมีศาลาว่าการ ศาลาร้องเรียน มีหอนางโลม โรงน้ำชา และสถานศึกษา โรงฝึกทหาร ทุกอย่างเหมือนเสียนหยางทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเสียนหยางแห่งที่สอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ก็เท่านั้น เขาอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีภรรยามีบุตร ไม่มีกฎเกณฑ์ใดใดตายตัว เขาชอบชีวิตอิสระเช่นนี้ หลายวันก่อนไป๋มู่หลันมาออดอ้อนเขาว่าอยากได้ปลามาว่ายเล่นในสระน้ำสักหลาย ๆ ตัวเขาเองแม้จะไม่ชอบปลาพวกนั้นเท่าใดนัก แต่ก็ยอมตามใจนางแต่โดยดี ขืนมาตอดข้าอีกข้าจะจับพวกมันต้มกินให้หมดเสีย คอยดูเถิด!!!ยามนี้ไป๋มู่หลันกำลังนั่งมองดูปลาในสระพลางแบ่งขนมแป้งในมือให้ฝูงปลาที่แหวกว่ายในน้ำ ลูก ๆ หลับไปหมดแล้ว นางเองก็รู้สึกเมื่อยล้าจึงอยากมานั่งริมสระบัวเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ยามนี้อากาศก็ช่างร้อนอบอ้าวยิ่งนักจ้าวฝูหมิงเห็นชายายอดรักกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้แสงจันทร์ ก็รู้สึกว่
ยามนี้จวนอ๋องกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเตรียมตัวย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่แคว้นฉี จ้าวฝูหมิงเองก็ต้องจัดเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมสรรพ เพื่อมิให้ภรรยาและลูก ๆ ลำบากมากนัก ในการเดินทางไกลเช่นนี้ จ้าวซือซือกำลังนั่งเล่นกับจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอย่างสนุกสนาน วันนี้จ้าวฝูหมิงเรียกนางมาเพราะต้องการแบ่งสินเดิมของเสด็จแม่ให้นางเอาไว้ใช้ด้วย เพราะเขาต้องไปอยู่ที่อื่น คงจะไม่มีเวลามาดูแลร้านรวงเหล่านั้นเหมือนแต่ก่อนอีก "อะนี่ ข้าให้เจ้า""หมดนี่เลยหรือ?""ใช่ ร้านค้าในตรอกหลายสิบร้านข้ายกให้เจ้าทั้งหมด พร้อมโฉนดที่ดินอีกหลายหมู่ที่นอกเมือง และข้าหานางบำเรอสวย ๆ ให้เจ้าหลายสิบคนแล้ว เจ้ากลับเรือนไปคงได้เจอกับพวกนาง ส่วนร้านรวงที่ใกล้เคียงกับร้านของเจ้า ข้าฝากเจ้าดูแลแทนด้วย""ได้สิ ไม่มีปัญหา เฮ้อ!!! ข้าคิดถึงน้องไป๋ยิ่งนัก นางไปอยู่ไกลเช่นนี้ ข้าจะมองนมใครล่ะ"จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองจ้าวซือซืออย่างเอาเรื่อง "บัดซบ!!! เจ้าแอบมองนมเมียข้าหรือ!!!""นานแล้ว อยากลองจับสักครา""หุบปาก!!! อย่าแม้แต่จะคิด!!!""ก็ได้แค่คิดเองเพคะ พี่รองข้าชอบภรรยาท่านจริง ๆ นะ ข้าหลงรักนาง""แล
ไป๋มู่หลันพักรักษาร่างกายอยู่ในจวนอ๋องโดยมีหมอหลวงจากในวังมาคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดี จ้าวฝูหมิงเองหลังจากประชุมเช้าเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้คุมทหารฝึกฝน เขาก็จะรีบกลับมาหานางกับลูกโดยเร็ว เจ้าก้อนแป้งทั้งสองอ้วนท้วนแข็งแรงสมบูรณ์ดี และยังมีแม่นมมาช่วยดูแลอีกทาง นางจึงเบาแรงลงไปได้เป็นอย่างมาก จ้าวซือซือเองก็มาเยี่ยมเยือนหลาน ๆ ของนางอยู่ทุกวันเวลาล่วงเลยมาจวบจนจ้าวเย่เหม่ยและจ้าวจื่อหรงอายุได้หกเดือนเศษ จ้าวฝูหมิงจึงพานางและลูกเข้าวังหลวงไปหาจ้าวฝูหรง โม่ฉือเองก็ตามมาด้วยเพราะมันติดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาก"ใบหน้าเหมือนน้องรองยิ่งนัก""หึ ลูกข้าก็ต้องหน้าเหมือนข้าสิ ถามไม่เข้าท่า""เอาเถิด พี่ไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"จ้าวฝูหรงไม่อยากถือสาหาความกับน้องรองผู้นี้ เพราะรู้ว่าเถียงไปอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ "ฝ่าบาทเพคะ ทรงเสวยชาร้อนก่อนเถิดเพคะ"ไป๋มู่หลันหันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนในมือ นางแต่งตัวไม่เหมือนกับนางกำนัลหรือสตรีชาวเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองไป๋มู่หลันคราหนึ่งด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำชาให้จ้าวฝูหรงต่อ ด้านจ้าวฝูหมิงเองก็ปร
ผ่านไปหลายวันกว่าที่เสียนหยางจะเก็บกวาดซากศพของเหล่าทหารที่ล้มตายออกไปจากเมืองหลวงจนหมด ทหารเสียนหยางที่ล้มตายถูกฝังอย่างดี ส่วนทหารแคว้นจ้าวและเผ่าตงหูถูกนำไปโยนเป็นอาหารสัตว์ในป่าเสีย จ้าวฝูหรงได้กลับมาเป็นฮ่องเต้อีกครา แม้จะมีสนมมากมายในวังหลวง แต่เขาก็ไม่คิดแต่งตั้งใครเป็นฮองเฮา เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องได้รับรางวัลพระราชทานมากมายที่เข้าร่วมช่วยเหลือทำศึกในครั้งนี้ จ้าวฝูหรงเองก็จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้เหล่าทหารที่ร่วมรบอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ เหล่าราษฎรต่างกลับมาใช้ชีวิตกันเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง จวนตระกูลเสี่ยวถูกปิดร้างเอาไว้ พร้อมกับหลุมศพของเสี่ยวลู่หานที่ถูกฝังเอาไว้ในนั้น ผู้คนต่างไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปใกล้เพราะถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม จ้าวฝูหรงได้พระราชทานแคว้นจ้าวให้จ้าวฝูหมิงเพิ่มอีกหนึ่งแคว้น ด้วยเพราะน้องรองของเขาต่อสู้ร่วมรบอย่างสุดกำลัง สร้างความดีความชอบเป็นอย่างมาก ส่วนจ้าวซือซือนั้นเขาพระราชทานตำหนักใหม่ให้นางที่นอกวังหลวง และยังส่งนางบำเรอไปให้นางเพิ่มอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันน้องหญิงของเขาจะมาลวนลามนางสนมในวังอีก แต่ถึ
เสี่ยวลู่หานพาไป๋มู่หลันมุ่งหน้ามายังด้านหลังประตูวัง แต่กลับพบกับเหล่าทหารของจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยที่เดินขวักไขว่เต็มไปหมด พวกมันช่างใจหยาบช้ายิ่งนัก เข่นฆ่าเด็กและคนแก่ชรา อีกทั้งยังฉุดคร่าสตรีเสียนหยางอย่างไร้ซึ่งความปรานี "คุณชายขอรับ คุณหนูเสี่ยวหนิงปลิดชีพตนเองแล้ว ส่วนท่านเสี่ยวหลานถูกข่านมู่เจี่ยจับตัวไว้ขอรับ"เสี่ยวลู่หานหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้ที่เขาส่งไปสืบข่าว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยามนี้ผ่านมาหลายสิบวันแล้วที่เสียนหยางถูกกุมอำนาจเอาไว้ทั้งหมด และปกครองโดยจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยท่านพ่อถูกจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยหักหลังเสียแล้ว ท่านพ่อประมาทเกินไป ไว้ใจสองคนนั้นมากเกินไป 'เขา' ที่ท่านพ่อส่งจดหมายติดต่อมาตลอดก็คือจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย ท่านพ่อตกลงก่อสงครามร่วมกันกับคนเหล่านั้น เดิมทีท่านพ่อคิดจะตลบหลังสองคนนั้นอีกที แต่คาดไม่ถึงว่าจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยจะยกทัพมามากมายเช่นนี้ ตระกูลเสี่ยวจบสิ้นแล้ว!!!ไป๋มู่หลันที่เห็นเขามีใบหน้าเศร้าใจเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ เสี่ยวลู่หานที่ได้เห็นแววตาเห็นใจจากนางก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างยิ่ง นางคงยังมิรู้ว่าเขาคือ
เสียงเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาทางประตูหน้าจวน และเข่นฆ่าคนในจวนอ๋องจนหมดสิ้น ภาพของนางกำนัลมากมายที่ล้มตายอยู่ตรงหน้า ทำให้นางตื่นตระหนกจนมือสั่น นางกอดโม่ฉือเอาไว้แนบอกด้วยความหวาดกลัว "พระชายา!!! ทรงหนีก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!"พ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาหาไป๋มู่หลัน และนำทางนางหนีออกทางประตูด้านหลังจวนอ๋อง เสียงดาบยังคงดังเป็นระยะปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของเหล่าสาวใช้ที่ถูกเข่นฆ่าฉึบ!!!"กรี๊ดดดดด!!!"พ่อบ้านเฉินถูกธนูยิงที่ด้านหลังจนบาดเจ็บล้มลงไปกองกับพื้น ไป๋มู่หลันที่ตกใจเป็นอย่างมาก นางจึงชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับกายเคลื่อนไหวอีก เสียงธนูลอยมาตามสายลมก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ไป๋มู่หลันกับหนิงชุ่ยกอดกันแน่น คิดเพียงว่าคงมิรอดเป็นแน่แท้เคร้ง!!!เสียงดาบกระทบกับลูกธนูทำให้สติของไป๋มู่หลันกลับคืนมาทันที "คุณชาย!!!""มาหลบอยู่ข้างหลังข้าเร็วเข้า!!!"เสี่ยวลู่หานรีบเข้ามาต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่ท่านพ่อของเขาส่งมาทันที เขาได้ยินท่านพ่อเอ่ยกับนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน ว่าจะส่งคนมาฆ่านาง เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยิ่งเห็นนางตั้งครรภ์เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดในใจ เขาอำมหิ
ย่างเข้าสู่ช่วงเหมันตฤดู (ฤดูหนาว) ในวังหลวงก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา เหล่าราษฎรทั่วทั้งเมืองเสียนหยางต่างสวมชุดสีขาวเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจ้าวฝูหมิงและไป๋มู่หลันเองก็ไว้ทุกข์ให้แก่พระมารดาเป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน ยามนี้ท้องของนางเริ่มเห็นชัดมากยิ่งขึ้น จ้าวฝูหมิงเองก็คอยดูแลเอาใจใส่นางอย่างไม่ให้คลาดสายตาบ่ายวันนั้นมีราชโองการด่วนจากจ้าวฝูหรง ให้จ้าวฝูหมิงเดินทางไปชายแดนทางเหนืออย่างเร่งด่วน เพราะหลัวเฉิงลู่ส่งข่าวด่วนมาแจ้งทางวังหลวงว่า ยามนี้จ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ย นำทัพทหารหลายแสนนาย เข่นฆ่าเหล่าทหารที่ชายแดนจนตกตายไปหลายหมื่นนายแล้ว เหล่าชาวบ้านต่างหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สงครามนี้กินพื้นที่ไปถึงสามแคว้น ฉู่อ๋องและเว่ยอ๋องที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อเสียนหยางร่วมสู้รบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งสามจากจ้าวเฟยหรงและข่านมู่เจี่ยอย่างสุดกำลัง ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก บิดาของนางในยามนี้จะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่? ยิ่งคิดนางก็ยิ่งวิตกกังวล อีกใจหนึ่งก็ห่วงจ้าวฝูหมิงเหลือเกิน ได้ยินมาว่าสงครามครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าหลายครั้
ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารพ่อบ้านเฉินจับใจ นางจึงหันไปเอ่ยปากบอกกับจ้าวฝูหมิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ไม่ใช่ความผิดพ่อบ้านเฉินหรอกเพคะ ช่วงนี้หม่อมฉันมิค่อยอยากอาหาร จึงทำให้กินอะไรก็รู้สึกไร้รสชาติ อย่าโบยพ่อบ้านเฉินเลยเพคะ"พ่อบ้านเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง ในใจรู้สึกเคารพพระชายาผู้นี้ขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายส่วน จ้าวฝูหมิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเสด็จแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ทรงตั้งครรภ์ เสด็จพ่อทรงตามใจเสด็จแม่ทุกอย่าง เช่นนั้นเขาต้องตามใจนางถึงจะถูกสินะ พ่อบ้านเฉินที่เห็นว่าท่านอ๋องทรงอารมณ์ดีแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จะทรงให้พระชายาพักที่เรือนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ""ถามโง่ ๆ มาพักกับข้าสิ! สั่งคนไปย้ายของของพระชายามา""เอ่อ... แล้วทรงต้องเข้าวังไปถวาย...""ไม่เข้า!!! ที่นี่จวนข้า เมียข้าไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนั้น รอข้าอารมณ์ดีข้าจะพานางเข้าวังเอง!"พ่อบ้านเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบสั่งคนไปจัดการตามรับสั่งให้เรียบร้อย จ้าวฝูหมิงหันมามองไป๋มู่หลันที่กำลังนั่งแกะส้มผลโตเข้าปากด้วยความเอร