ฮองเฮา " ผู้ใดกันรีบบอกข้ามาเถิด " หนิงหลง " ทูลฮองเฮาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือคุณหนูเฟยจูเพคะ " เฟยจู " หุบปากเจ้าอย่ามาใส่ความข้า "น้ำเสียงที่เอ่ยด้วยความร้อนใจกำลังชี้หน้ามาที่นางพร้อมส่งสายตาที่อาฆาตอย่างหวาดระแวง หนิงหลง " คนมา " ทันใดนั้นหนิงหลงก็เบิกตัวพยานคนสำคัญเข้ามายังท้องพระโรงเฟยจูได้ยินดังนั้นจึงรีบหันไปมองอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าคือชายชราที่ตนเองนั้นเคยใส่ร้ายป้ายสีให้ต้องโทษในคุก เฟยจู " ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ " ลำตัวเริ่มสั่นเทาจะมองไปทางไหนก็มีแต่สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องนางอยู่ เฟยจู " ทุกท่านอย่ามามองข้าเช่นนี้ข้าไม่ได้ทำ " หนิงหลง " หลักฐานก็อยู่ตรงหน้าแล้วเจ้ายังกล้าจะปฏิเสธอีกรึ " ทันใดนั้นของเฮาก็เดินเข้ามาหาเฟยจูด้วยความโมโหจึงใช้ฝ่ามือแขนข้างขวาตบไปที่ใบหน้าของนางจนเลือดกลบปากเฟยจู " โอ๊ย ? "เสียงร้องที่เจ็บปวดถูกตบจนล้มลงกับพื้นเกือบจะเงยคอขึ้นไม่ได้ ได้แต่หันหน้ามาอย่างช้าๆในขณะที่ฝ่ามือของนางกำลังปิดใบหน้าที่กำลังถูกตบด้วยความเจ็บปวด ฮองเฮา " เจ้าอยู่ในวังสุขสบายยังไม่พอใจอีกหรือเหตุใดถึงต้องทำร้ายข้าเช่นนี้ " ในเมื่อเฟยจ
เมื่อถึงเวลาเดินทาง หนิงหลงได้บอกลาฮองเฮาและอี้เฉินเป็นการส่วนตัว และเรื่องราวหลังจากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ได้คุยกันเรื่องราวที่ผ่านมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชุ่ยเหรินที่ได้ฟังความจริงทั้งหมดก็เข้าใจลูกสาว และไม่เคยกล่าวโทษนางเลย 2 วันต่อมา ตอนนี้เวลา 13:00 น ที่หน้าวังหลวงราชวงศ์ซางลั่วเอ๋อร์ " ฝ่าบาทออกไปข้างนอกนานสามวันแล้วเหตุใดถึงยังไม่กลับมา " ขันที " พระชายารองฝ่าบาทอาจจะมีเรื่องที่ต้องไปจัดการก็เป็นได้กระหม่อมว่าอีกไม่นานฝ่าบาทคงจะกลับมา " ครั้งนี้ที่ฝ่าบาทออกจากนอกวังทำให้ลั่วเอ๋อร์ กังวลใจว่าฝ่าบาทนั้นจะไปมีหญิงอื่นหากเป็นเช่นนั้นจริงๆนางก็ต้องกำจัดผู้หญิงคนนั้นออกไปให้พ้นทางตำแหน่งฮองเฮาต้องเป็นของนางเท่านั้น แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือลูกสาวที่หายตัวไปเมื่อปีก่อนกำลังจะกลับมาคราวนี้แหละลั่วเอ๋อร์ นางคงอยู่ไม่สุขลั่วเอ๋อร์ พระชายารอง สตรีผู้ริษยาแรงกล้า ได้ขึ้นเป็นฉายารอง โดยที่ฝ่าบาทนั้นไม่ได้รักนางเลยสักนิด เมื่อก่อนนางเป็นสาวใช้ธรรมดาที่ภรรยาเอกนั้นรับนางเข้ามายังวังหลวง อยู่มาวันหนึ่งภรรยาเอกนั้นได้ถูกวางยาพิษซึ่งไม่รู้ว่าผู้ใดนั้นอยู่เบื้องหลังทำให้ชายาเอกนั้นนอนเ
ชุ่ยเหริน " เกิดอะไรขึ้น " ชุ่ยเหรินรีบเดินทางมาที่ตำหนักหนิงหลงทันทีที่ทราบข่าวหญิงหลง " ท่านพ่อ นางกำนัลสองคนนี่บอกว่าท่านพ่อสั่งให้นำน้ำชามาให้ แต่ลูกอยากผูกมิตรกับพวกนางเลยให้พวกนางนั้นดื่มชา หลังจากนั้นพวกนางก็สำรอกออกมาเป็นเลือด " ชุ่ยเหริน " หนิงหลง พ่อไม่ได้เป็นคนสั่งให้บ่าวสองคนนี่นำชามาให้ " ชุ่ยเหรินจึงรู้ทันทีว่ามีผู้ไม่หวังดีคิดจะฆ่าบุตรสาวของตน ตนจึงรีบถามบ่าวทั้งสองว่าผู้ใดสั่งการมา ชุ่ยเหริน " บอกข้ามาประเดี๋ยวนี่ว่าผู้ใดเป็นคนบงการ " นางกำนันไม่ยอมพูดเพราะว่าครอบครัวนั้นอาจจะตกนี้อันตราย นางไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นข่มขู่นางกำนันทั้งสองว่าถ้าหากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ครอบครัวของพวกนางจะต้องตายยกครัวชุ่ยเหริน " ว่าอย่างไร " เสียงทุ่มใหญ่กำลังโมโหบ่าวทั้งสอง ที่ไม่ให้คำตอบ เสียทีหนิงหลง " ท่านพ่อข้าว่าท่านปล่อยพวกนางไปเถิดอย่างน้อยก็ลงโทษโบยสัก 10 ทีก็พอ ตอนนี่ลูกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว " ชุ่ยเหริน " เจ้าแน่ใจรึ "หนิงหลง" ข้าว่านางคงไม่ได้อยากตั้งใจข้าเชื่ออย่างนั้น " ชุ่ยเหริน " ก็ได้....ทหารนำตัวนางบ่าวทั้งสองไปโบย10 ที " ทัน
มู่เฉิน " หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ยอมรับในการตัดสินใจของคุณหนูใหญ่ " ชุ่ยเหริน " เช่นนั้นองค์ชายเจ้าจะอยู่พักที่นี่ก่อนหรือไม่ เดินทางมันเหนื่อยคงอยากดื่มชาสักจอก " มู่เฉิน " เกรงว่าข้าจะอยู่ต่อไม่ได้เพราะว่าข้ามีหน้าที่มากมายที่ต้องทำแทนน้องชายของข้า " ชุ่ยเหริน " งั้นเจ้าก็เดินทางกลับอย่างปลอดภัยหากว่างเมื่อไหร่ก็สามารถมาเยี่ยมน้องชายเจ้าได้ " เมื่ออี้เฉิน บอกลาฝ่าบาทแต่ในใจนั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ครอบครองสตรีที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นน้องชายที่ได้แต่งกับนางแต่เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้มู่เฉินยอมแพ้หรอก ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะกำจัดน้องชายตัวเองให้พ้นทาง จื่อหาน " ท่านพี่มู่เฉินขึ้นเรือไปแล้ว ฮ่า ๆ ภรรยา ไปเดินเล่นกับข้าเถิด "จื่อหานคว้าแขน อันบอบบางดึงตัวนางไปเดินเล่นอย่างอารมณ์สุนทรีย์แต่ในขณะนั้นหนิงหลงรู้สึกว่าเหตุใดพลังของนางถึงไม่สามารถอ่านใจชายผู้นี้ได้เหมือนกับว่ามันมีข้อจำกัดบางอย่าง หนิงหลง " แปลกมากถ้าอ่านใจชายผู้นี้ไม่ได้เลยช่างเถอะอย่างไรเสียองค์ชายก็แค่คนโง่ไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก " (คิดในใจ )หนิงหลง " จื่นหาน ตอนนี้เจ้าต้องกลับตำหนักไปยังที่พักของเจ้าแล้ว " จื่
อันอัน " คุณหนูใหญ่ข้ารู้สึกว่าคุณหนูรองผู้นี่ ไม่เป็นมิตรกับท่านยิ่งนัก " หนิงหลงถอนหายใจเบาๆ ดวงตาหรี่ลงอย่างอันตราย ในหัวนึกย้อนไปถึงฉากก่อนหน้านี้นางจึงได้แต่คิดว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นหนิงหลง " ไม่ว่านางจะมาไม้ไหนข้าก็จะทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นนาง " จื่อหาน " ภรรยาข้าเก่งกาจยิ่งนัก " จื่อหานได้เอาใบหน้ามันแนบกับฝ่ามือที่นุ่มๆแล้วถูไถไปมา อาการเช่นนี้กำลังแสดงว่าจื่อหานชื่นชมนาง ในทางอ้อมหนิงหลง " ไม่ว่าใครจะมารังแกเจ้ามันต้องผ่านด่านข้าไปก่อน " นางกำนัล " พวกเจ้าดูสิว่าผู้ใดกันมายืนอยู่ตรงนี้ "นางกำนัล 2 " ข้าว่าเหมือนจะเป็นคุณหนูใหญ่ฮ่าๆๆ " นางกำนันคิดว่าหนิงหลงนั้นยังเป็นคนอ่อนแอเช่นเดิม คิดอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่เกรงใจในฐานะของนางหนิงหลง " พวกเจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"หนิงหลงเดินเข้าไปตบหน้านำกำนัลที่กำลังหลงระเริงในความคิดของตัวเองนางกำนัล" โอ๊ย ! " นางกำนัลทุกคนต่างตกตะลึงเพียงไม่กี่วินาทีก็โดนตบจนเลือดกลบปากหนิงหลง " บังอาจนักเจ้ามีฐานะอะไรเป็นแค่บ่าวรับใช้กล้ามาดูหมิ่นข้า หากเจ้าชอบความตื่นเต้นเช่นนี้ข้าก็จะสนองให้ "นางกำนันกำมือแน่นจนเห็นเส้น
เลี้ยงฉลองต้อนรับหนิงหลงงานเลี้ยงค่ำคืนนี้เป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาของหนิงลงบุตรสาวแห่งราชวงศ์ซางดนตรีบรรเลงอันไพเราะเสนาะหูกำลังเร่งดนตรีสะกดจิตให้ชวนหลับ พร้อมดื่มเหล้าสุราชั้นดีในวันเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ นักดีดพิณทั่วทุกหนแห่งได้มาบรรจบกันณ.ที่แห่งนี้ ข่าวการกลับมาของคุณหนูใหญ่ได้รับรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง วันนี้มีผู้มาร่วมงานเป็นเหล่าขุนนางชั้นสูงที่มีคุณงามความดีมากมายแต่หนึ่งในนั้นอาจจะมีคนชั่วอยู่บ้างท่ามกลางสายตาที่นั่งรอคอย จนบัดนี่้คุณหนูใหญ่ได้เดินทางมาถึงยังท้องพระโรงแล้วการกลับมาครั้งนี่ดูมีความหนักแน่นมากขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อน ในระหว่างที่หนิงหลงกำลังเดินไปหาที่นั่งของตน นางได้สบตากับทุกคนอย่างมั่นใจ " แววตาคุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปมาก " เสนาบดีฝ่ายบริหารถึงกับรับรู้ถึงความเปลี่ยนไปในตัวนาง จึงคิดในใจว่าเหตุใดนางถึงนิ่งเงียบ อาจจะเป็นเพราะว่านางโตขึ้นบ้างแล้ว ในขณะนั้นหนิงหลงได้หันหน้ามามองเสนาบดีทั้งสามฝ่าย เป็นตำแหน่งขุนนางชั้นสูงระดับสูงสุด ภาพในหัวอันเลือนรางของเจ้าของร่างเดิมก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง หนิงหลง " ที่แท้ทั้งสามท่านนี่ค่อยปกป้องข้ามาตลอด ไม่เช่นนั้นเจ้าของร่
หนิงหลง " สำออยมุกแค่นี้คิดว่าข้าจะไม่รู้ทันรึ คนสมัยโบราณนี่ก็ร้ายกาจไม่เบา"ขุนนาง " ฝ่าบาทเสด็จ " "คำนับฝ่าบาท อายุยืนนานเป็นหมื่น ๆ ปี หมื่น ๆ ปี "ชุ่ยเหริน " ลุกขึ้นเถิด " หนิงหลง " ท่านพ่องานเลี้ยงครั้งนี่ ลูกมีของขวัญจะมอบให้ท่าน " ในขณะนั้นลั่วเอ๋อร์จึงแทรกระหว่างการสนทนาลั่วเอ๋อร์ " ท่านพี่ วันนี่ฟางหรง ก็นำของล่ำค่ามามอบให้ท่านเช่นกัน " หนิงหลงได้ฟังเช่นนั้นจึงกลอกตามองบน พร้อมกระตุกริมฝีปากที่เบื่อหน่าย หนิงหลง " ข้าพูดยังไม่จบ ใครสั่งให้ท่านมาสอดแทรก " ชุ่ยเหรินที่นั่งฟัง ตะลึงกับคำพูดของหนิงหลง เพราะนางไม่เคยพูดเช่นนี้ ฟางหรง " เจ้าอย่าได้ถือสาแม่ข้าเลย "หนิงหลง " แต่แม่เจ้าโตป่านนี้แล้วควรจะรู้จักมารยาทในสังคมไม่ใช่รึ " ทันใดฟางหรงจึงแสร้งบีบน้ำตาต่อหน้าทุกคนในท้องพระโรงพร้อมเอ่ยขอโทษ จนขุนนางทั้งหลายกล่าวหาว่าหนิงหลงนั้นทำเกินไปขุนนาง " คุณหนูใหญ่เรื่องแค่นี้เองสิ่งใดต้องวกล่าวหาร้ายแรงเช่นนี้ " น้ำเสียงที่คัดค้านกำลังต่อต้านหนิงหลงอย่างเต็มที่.หนิงหลง " เมื่อครู่ข้าแค่บอกว่านางไม่มีมารยาทมันเกินไปตรงไหนรึ เช่นนั้นถ้าหากข้าพูดแทรกเจ้าบ้าง เราคงจะห
หนิงหลง " พอแล้วอย่าพูดเสียงดัง " จื่อหานพยักหน้าเบาๆ แต่ในขณะนั้นลั่วเอ๋อร์ได้นั่งมองหนิงหลงจนเบ้าตาแทบจะหลุดอยู่แล้ว หนิงหลงเห็นดังนั้นจึงทำทีจับเส้นผมไปมาที่อยู่บริเวณศรีษะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและสายตาของนางยังบอกให้ลั่วเอ๋อร์รับรู้ว่า นางไม่กลัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเสียงปรบมือและเสียงเชยชมก็ดังขึ้น ขุนนาง " คุณหนูรองเก่งกาจยิ่งนักว่าแต่บุรุษผู้ใดเล่าจะได้แต่งงานกับนาง "ชุ่ยเหรินเห็นเช่นนั้นจึงชมเชยฟางหรงอย่างยุติธรรม ชุ่ยเหริน " เจ้าเก่งมาก " ฟางหรง " ขอบพระทัยเสด็จพ่อ " ลั่วเอ๋อร์ " ต่อไปก็คงถึงตาหนิงหลงแล้วรีบออกมาเต้นรำเถิดจะได้ไม่เสียเวลา " หนิงหลง " ใจเย็นๆท่านจะรีบร้อนไปไหนรึ " ไม่นานนักหนิงหลงก็เดินเข้ามายังกลางท้องพระโรงซึ่งทำให้ทุกคนนั้นสนใจนางเป็นพิเศษทั้งรูปร่างหน้าตาได้เปรียบกว่าฟางหรงเป็น 10 เท่า เมื่อดนตรีบรรเลงร่างกายก็ขยับตามอย่างอ่อนช้อยการเต้นรำท่าแปลกใหม่ที่สวยงามทำให้เหล่าขุนนางนั้นซุบซิบนินทาว่าการเต้นรำเหล่านี้ช่างแปลกประหลาดแต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดมองนางได้ ซ้ำยังทำให้เสนาบดีทั้ง 3 ฝ่ายหันมาสนใจ จนฟางหรงที่นั่งดูอยู่เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเพราะ
ทันใดนั้นหนิงหลงก็ปรากฏกายยังกะทันหันลอยลงมายังหุบเขาดั่งนักรบผู้กล้าหาญชาญชัยที่ออกตัวช่วยเหลือมนุษย์ผู้น่าสงสาร" พวกเจ้าดูนั้น " หนึ่งในสตรี 99 คนที่เห็นเป็นคนแรกรีบชี้นิ้วขึ้นไปยังภูเขาเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่ต่างมองตามและรอตั้งรับยังแข็งแกร่งทหาร " ผู้ใดกัน " เมื่อสิ้นสุดเสียงฝ่าเท้าของหนิงหลงก็ได้กระทบกับพื้นดินหนิงหลง " ปล่อยพวกนางไปซะ" ทหาร " เจ้าคงอยากจะเป็นผู้กล้าหาญช่วยผู้คนมากสินะแต่ข้าเสียใจที่เจ้าไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ถอยไปเสียเถิด " หนิงหลง " หึ " พูดไม่ทันขาดคำนางก็ชักดาบเล็งไปที่คอของทหารทั้งสองนายจนขาดสะบั้นเลือดพุ่งกระฉูดกระจัดกระจายไปทั่วใบหน้าของสตรี 99 คน ส่วนทหารที่เหลืออีก 3 นายก็ยืนอึ้งไปเลยแต่ถึงอย่างนั้นทั้ง 3 นายก็ยังมั่นใจว่านางก็แค่โชคดี ทันใดทหารทั้ง 3 นายได้กินยาวิเศษที่ปีศาจมอบให้เพื่อเพิ่มพลังในตัวแต่สามารถใช้ได้แค่ 30 นาทีเท่านั้นทหาร" ตายเสียเถิด " พวกมันพุ่งกระโจนมุ่งหมายมาที่หนิงหลงยื่นดาบเล่มคมๆหวังจะหันคอให้ขาดสะบั้นแต่ในขณะนั้นหนิงหลงยังใช้พลังเปลวไฟครั้งเดียวก็สามารถล้มทหารให้ตายได้เหมือนปอกกล้วยเข้าปากจื่อหาน " ผู้ใดกันจึงได้มีพลั
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังค้นหาหนิงหลงจึงเดินเข้าไปในตำหนักเพื่อเย้ยถาม หนิงหลง" ว่าอย่างไรเจออะไรหรือไม่" ฟางหรง " หุบปากผู้ใดให้เจ้าเข้ามา " หนิงหลง "ที่นี่มันตำหนักของข้าเหตุใดข้าจะเข้ามาไม่ได้ " จากนั้นหนิงหลงก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทหาร " ค้นจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยข้าว่าคุณหนูใหญ่คงถูกใส่ความ " ทหารหลายสิบนายเห็นด้วยกันทุกคนว่าที่นี่ไม่มีตราประจำวังหลวงจึงเลิกค้นหาพร้อมกล่าวทูลฝ่าบาทอย่างมั่นใจ ทหาร " ฝ่าบาทตำหนักคุณหนูใหญ่ไม่มีอะไรเลยพวกกระหม่อมค้นหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ " ชุ่ยเหรินจ้องมองที่สองแม่ลูกอย่างไม่พอใจพร้อมเอ่ยถามความจริงจากปากของทั้งสองคน ชุ่ยเหริน " ไหนเจ้าบอกว่าบุตรสาวของข้าเป็นผู้กบฏได้นำตราของวังหลวงมาซ่อนไว้ในตำหนักข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้ข่าวเหล่านี้มาจากที่ใด " ลั่วเอ๋อร์ " ข้า.... ข้าได้ยินผ่านๆ หน้าตำหนัก " น้ำเสียงสั่นเครือพยายามแก้ตัวให้แนบเนียนที่สุด ฟางหรง " ใช่เพคะท่านพ่อลูกก็ได้ยินผ่านๆ เช่นกัน " ชุ่นเหริน " หูของเจ้ามันทำให้ลูกสาวข้าเกือบถูกเข้าใจผิด....ทหารสั่งโบย 2 แม่ลูกคนละ 20 ไม้ " สองแม่ลูกรีบคุกเข่าขอร้องทันทีพร้อมบอกว่าตน
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังค้นหาหนิงหลงจึงเดินเข้าไปในตำหนักเพื่อเย้ยถาม หนิงหลง" ว่าอย่างไรเจออะไรหรือไม่" ฟางหรง " หุบปากผู้ใดให้เจ้าเข้ามา " หนิงหลง "ที่นี่มันตำหนักของข้าเหตุใดข้าจะเข้ามาไม่ได้ " จากนั้นหนิงหลงก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทหาร " ค้นจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยข้าว่าคุณหนูใหญ่คงถูกใส่ความ " ทหารหลายสิบนายเห็นด้วยกันทุกคนว่าที่นี่ไม่มีตราประจำวังหลวงจึงเลิกค้นหาพร้อมกล่าวทูลฝ่าบาทอย่างมั่นใจ ทหาร " ฝ่าบาทตำหนักคุณหนูใหญ่ไม่มีอะไรเลยพวกกระหม่อมค้นหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ " ชุ่ยเหรินจ้องมองที่สองแม่ลูกอย่างไม่พอใจพร้อมเอ่ยถามความจริงจากปากของทั้งสองคน ชุ่ยเหริน " ไหนเจ้าบอกว่าบุตรสาวของข้าเป็นผู้กบฏได้นำตราของวังหลวงมาซ่อนไว้ในตำหนักข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้ข่าวเหล่านี้มาจากที่ใด " ลั่วเอ๋อร์ " ข้า.... ข้าได้ยินผ่านๆ หน้าตำหนัก " น้ำเสียงสั่นเครือพยายามแก้ตัวให้แนบเนียนที่สุด ฟางหรง " ใช่เพคะท่านพ่อลูกก็ได้ยินผ่านๆเช่นกัน " ชุ่นเหริน " หูของเจ้ามันทำให้ลูกสาวข้าเกือบถูกเข้าใจผิด....ทหารสั่งโบย 2 แม่ลูกคนละ 20 ไม้ " สองแม่ลูกรีบคุกเข่าขอร้องทันทีพร้อ
ฟางหรง " เจ้ามันตัวกาลกิณีของบ้านเมืองริอาจจะก่อกบฏ ยังจะมาทำหน้าซื่อตาใสแสดงให้ทุกคนเห็นอีกหรือ "ฟางหรงดักนางทุกทางเพื่อไม่ให้หนิงหลงได้แก้ตัวเลย หนิงหลง " ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้ทำอะไรผิด หากเจ้าอยากค้นเรือนข้าก็เชิญตามสบายเถิด " สองแม่ลูกได้ยินดังนั้นจึงสะใจและยิ้มหวานๆขึ้นมาทันที หนิงหลง " แต่ข้ามีข้อแม้ "ชุ่ยเหริน " ข้อแม้อะไรหรือลูกพ่อข้าเชื่อว่าลูกนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้นเป็นแน่ " หนิงหลง " หากว่าเรือนข้าไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมายขอให้ท่านได้ลงโทษสองแม่ลูกคู่นี้อย่างเป็นธรรมข้อหาใส่ความว่าร้ายให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน " ลั่วเอ๋อร์ " คุณหนูใหญ่ท่านช่างมีอคติกับข้าเหลือเกิน " นางเอื้อนเอ่ยความจึงใจให้ฝ่าบาทนั้นได้ยินแสร้งทำหน้าเศร้าสร้อยเหงาหงอยและน่าสงสารในระหว่างการสนทนาชุ่นเหริน " จงเงียบปากเสียเถิดจะพูดมากไปไย " ลั่วเอ๋อร์โดนฝ่าบาทตักเตือนจึงสงบปากสงบคำไปชั่วคราว หนิงหลงจึงรีบสั่งให้ทหารนั้นไปค้นเรือนของตนปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นได้ใจไปก่อน ในระหว่างเดินทางเข้าเรือนนั้นฟางหลงได้พูดเหน็บแนมหนิงหลงไม่หยุดหย่อน ฟางหรง " หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปชาวบ้านคงสาปแช่งหลายภพหลายชาติก็ไม่
หนิงหลง " คนโง่รักษาแผลได้ดียิ่งกว่าคนปกติเสียอีก " หนิงหลงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนล้าจนแววตาเหม่อลอยเมื่อเดินทางไปสักพักรู้สึกว่าเส้นทางนั้นเริ่มจะไม่ปกติเหมือนล้อม้ากำลังเหยียบหลุมอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว เมื่อนางมองออกไปยังนอกหน้าต่างก็พบว่าเส้นทางที่กำลังเดินทางกลับนั้นกลับมีบ่อหลุมขนาดเล็กมากมายเต็มไปหมดหนิงหลง " ก่อนที่จะมาก็ไม่เห็นมีอะไรเลย " นางชะโงกหน้าออกหน้าต่างเพื่อตระโกนถามผู้คุมม้าพร้อมกับน้ำเสียงแฝงความจริงจังและไม่มั่นใจหนิงหลง " เหตุใดขากลับถึงมีบ่อหลุมเป็นทางไปหมด " ทหาร " คุณหนูใหญ่ตอนที่กระหม่อมมามันไม่มีทางแยกแต่พอขากลับมันกลับมีทางแยกกระหม่อมเลยเดินทางมาทางนี้"หนิงหลง" แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดก่อนค่อยคิดพิจารณาก็ควรจะไปทางใด "ทหาร " เส้นทางมันเหมือนกันมากขอรับ " ดังนั้นหนิงหลงเจอขอพรวิเศษอีกครั้งเพื่อดูว่าเส้นทางนี้ประวัติของมันนั้นเป็นมาอย่างไรในขณะนั้นภาพในหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เห็นนั้นคือหากผู้ใดเดินทางมายังหุบเขาอันตรายแล้วออกมาได้ผู้นั้นก็จะเห็นทางแยก 2 ทาง ที่ปีศาจนั้นบังบดเอาไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางลับไปยังราชวงศ์ซางในสมัยอดีต หนิงหลง "
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง