Masuk“สัตตบรรณไม่ต้อนรับมึงอีกต่อไปแล้วพิศุทธิ์” เขาพูดกับชายวัยกลางคนตรงหน้า ที่ถึงจะเคยมีศักดิ์เป็นอดีตคู่ค้าที่แสนดี แต่ถ้าหักหลังกันเมื่อไหร่ ความเป็นมิตรนั้นจะถูกพังทลาย เขาจะทรมานมันทุกทางเท่าที่จะทำได้
ฝ่ามือนั้นกดมีดลงพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวนของพิศุทธิ์ แต่ก่อนที่ส่วนแหลมคมของมีดพกจะกดลงที่นิ้วชี้หยาบอ้วนของเขา เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นรัวๆ สามครั้ง จนสามก๊กต้องหยุดมีดไว้กลางอากาศ โดยที่เกือบจะเฉียดเนื้อของชายผู้นั้นไปแค่เพียงไม่กี่เซน
“วิลลี่ โทรศัพท์” เขาหันไปออกคำสั่งกับมือขวา ชายหนุ่มกำยำหัวโล้นส่งสมาร์ทโฟนราคาแพงให้นายตัวเอง ก่อนที่สามก๊กจะเลื่อนสลับหน้าจอทัชสกรีนเป็นรูปหน้ากล่องแชทไลน์
แต่ก็แทบจะผงะไป ใจกระตุกอย่างรุนแรง
เมื่อเด็กสาวที่หายไปร่วมสิบห้านาที กลับส่งรูปภาพวาบหวิวขยี้ใจมายั่วยวนเขาในเวลาสำคัญเสียนี่!
รูปแรก นั้นเป็นรูปที่พอเร่งระดับเลือดลมให้สูบฉีดประมาณหนึ่ง เป็นรูปที่เธอยกกล้องเซลฟี่ถ่ายด้วยมือตัวเอง รอยยิ้มโก๊ะๆ ถูกเผยออกมา พร้อมกับหน้าอกหน้าใจที่ทะลักจากชุดวาบหวิวที่สามก๊กโปรดปรานราวกับจงใจ
รูปที่สอง เป็นรูปที่ทรวงอกกลมโตหกลงจากขอบเสื้อคอกว้างมากขึ้น ความขาวเนียนไร้ไฝหรือสิวฝ้านั้นทำให้มาเฟียหนุ่มที่ยืนเลื่อนดูแต่ละรูปนั้นเต็มไปด้วยความกระเหี้ยน เขานึกอยากไปฉีกชุดสายเดี่ยวบนร่างกายของเด็กสาวออก ก่อนที่ต่อมาจะชักดึงสติของตนเองกลับมา ผ่อนลมหายใจหนักเบา
ยัยเด็กนี่เพิ่งอายุสิบแปด จะยังเร่งรัดไม่ได้
แจ้งเตือนที่สามเป็นข้อความไม่สั้นไม่ยาว ที่คราวนี้ถูกพิมพ์มาด้วยศัพท์ที่แสนเย้ายวน โดยที่ไม่คิดว่าสาวเจ้าจะมีอารมณ์นี้กับเขา ทั้งที่ต่อหน้านั้นดูกลัวจนหัวหด
ปริศนา : ถ้าพี่สามอยากเห็นมากกว่านี้ ก็รีบกลับมานะคะ
ตึง!
สามก๊กบิดมีดหักลงไปในทิศทางที่ไม่โดยเนื้อหนังของชายวัยกลางคนที่ชื่อพิศุทธิ์โดยตรงทันทีจนเกิดเสียงดัง เขาเลือดลมแล่นพล่าน โดยเฉพาะจุดศูนย์รวมความต้องการทั้งหมดของผู้ชายที่ชูชันดันเป้ากางเกงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ไม่คิดเลยว่าเด็กที่สติไม่ดีคนนั้น จะทำให้เขารู้สึกได้มากถึงขนาดนี้
“วิลลี่ จัดการให้หน่อย” เขายังคงตีสีหน้านิ่งเรียบตอนที่หันไปออกคำสั่งให้มือขวาของตัวเองด้วยถ้อยคำกำกวม หากแต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจได้ในทันที วิลลี่โค้งรับตอนที่ก้าวมาแทนที่ชายหนุ่ม ก่อนที่สามก๊กจะเดินหุนหันออกไปจากห้องสนุ๊ก พร้อมกับชายชุดดำอีกร่วมห้าคน
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเหลือคณาดังขึ้นจากในห้องสนุ๊กหลังจากที่เดินจากมา แต่ถูกกลบโดยบรรยากาศอื้ออึงของโซนคอกเทลเล้าจน์ที่มีผู้หญิงในชุดวาบหวิว บ้างก็เปลือยกายห้อยโหนอยู่บนเสาให้ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเชยชมรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร
แต่ในแววตาของสามก๊กนั้นไม่หวั่นไหวกับอิสตรีล่อตาล่อใจเหล่านั้นเลยแม้แต่เพียงนิด ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด และนี่ก็แค่หนึ่งในธุรกิจที่สัตตบรรณทำ
แต่ผู้หญิงที่เย้ายวนใจที่สุด
นั้นคือคนที่เขาลงความเห็นแล้วว่าจะเอามาเป็นนางบำเรอนั่นเอง
สองชั่วโมงหลังจากนั้น
ฝ่ายออพิมแก้วคนงาม กลับไม่ได้ใส่ใจข้อความในแชทไลน์อีกต่อไป เธอไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและมัวแต่กดโทรศัพท์ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน เซลฟี่ตัวเองอย่างไม่รู้จักเบื่อ พร้อมกับสลับมาดูแกลลอรี่อย่างตื่นตาตื่นใจกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ตนเองได้รู้
แต่แล้ว
“มิได้! จักมาหลงรักวัฒนธรรมเมืองอื่นที่มิใช่กรุงศรีได้อย่างไร” อารมณ์ดีไม่ทันไรเธอก็ฟื้นคืนสติแล้วยกสองมือมาตบหน้าตัวเองเบาๆ สาวเจ้าส่ายหน้าเพื่อรั้งสติของตนเองที่กำลังจะหลงรักการถ่ายรูปขึ้นมาจริงๆ แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่าตอนนี้ตัวเองถูกจับมาเป็นเชลยโดยเมืองแขก “มิเอา มิเอา จักมิถ่ายรูปอีกแล้ว วัฒนธรรมของแขกขาวเรามิเปิดรับ!”
คิดได้เช่นนั้นก็วางไอโฟนราคาแพงลงบนฟูกนอนพลางผินหน้าหนีไปนั่งยโสอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่ใยดี แต่สายตาเจ้ากรรมก็ยังเหลียวไปมองอยู่ร่ำไป
แต่เจ้าคุณพ่อบอกว่ากรุงศรีอโยธยาของเราเป็นเมืองที่มิเคยแพ้เมืองอื่น แม้แต่พม่า เขมรเมืองมอญ หรือแม้แต่เมืองฝาหรั่งมังค่าที่เข้ามาทำการค้า พระนครของเราก็คือจุดศูนย์กลางแห่งการตลาดการคมนาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จักว่าเราหยิ่งจองหองมิเปิดรับวัฒนธรรมประเพณีใหม่ๆ ก็ช่าง แต่เราจักมิแสดงให้ชายแขกขาวผู้นี้รู้เด็ดขาดว่าเราชอบวัฒนธรรมในเมืองของเขา
เชิดหน้าเข้าไว้ออพิม!
นั่งเชิดอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์ที่ดังขึ้นมาถึงชั้นสองที่เธออยู่ เด็กสาวผวาไปยืนอยู่หน้าบานหน้าต่าง เห็นเกวียนรูปทรงสีดำทมิฬที่ไม่มีวัวควายหรือม้าเทียมเกวียนดั่งเช่นเมื่อวานที่หล่อนถูกพามา ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวออกมาหลังจากวัตถุนั้นหยุดเคลื่อนตัว เขากำชับชุดด้านนอกอย่างถือตัว
เด็กสาวยู่หน้า กลับมาแล้วหรือชายเถื่อนแห่งเมืองแขก
หากแต่พลันนั้นดวงตาในแว่นกรอบบางก็เงยขึ้นมาสบตากับหล่อน
“เฮือก!” ดวงตาดุดันอะไรเช่นนี้ ออพิมแก้วในชุดสุดเซ็กซี่หลบหน้าหนีหันหลังให้อีกฝ่ายในทันใด เนื่องจากดวงตานั้นราวกับอยากจะฉีกทึ้งหล่อนให้ขาดกระจุยตั้งแต่ตรงนี้
นะ... น่ากลัวเหลือเกิน
ยืนผวาอกสั่นขวัญแขวนได้ไม่นาน ประตูห้องของเธอก็ถูกไขเปิดออก สาวเจ้ายังคงยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในขณะที่หน้าประตูมีบุรุษเถื่อนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับจ้องมองเด็กสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ชุดนี้ที่สาวรับใช้จัดแต่งให้ช่างถูกใจ เข้ากับสรีระผอมบาง แต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ส่วนที่นูนออกมากอย่างเต็มตื้นด้วยเสน่ห์ของสาวที่โตเต็มวัย ถ้าอีกฝ่ายไม่บอกว่าตัวเองอายุไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์ เขาคงเข้าใจผิดว่าเธอเป็นเด็กสาววัยเรียนมหาลัยเป็นแน่
แววตาคมเหลือบไปเห็นโทรศัพท์เจ้ากรรมที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง จึงได้ความว่าหล่อนไม่ได้อ่านข้อความสุดท้ายที่เขาส่งไป
ถึงมันจะเป็นเพียงแค่สติกเกอร์ก็ตาม แต่หล่อนก็ควรอ่าน หล่อนเป็นเด็กเลี้ยงของเขาไม่ใช่หรือ
“ทำอะไรอยู่ตรงนั้น เข้ามานี่สิ” เสียงทุ้มต่ำโพล่งขึ้น แต่มันมีความแหบพร่าเจืออยู่นิดๆ เนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นมาจากคาสิโนแล้ว พิมแก้วสั่นหน้าหวือ เธอก้มหน้าลงมองร่างกายตัวเอง เมื่อเห็นว่าชุดนั้นเปิดเผยผิวมากเกินไปก็หวั่นผวา รีบยกมือมากอดตนเองไว้แน่น
“ชายเมืองแขกขาว... มิใช่สิคุณสาม ได้โปรดอย่าทำกระไรเราเลย เรามิเคยผ่านมือชายใด มิรู้วิธีจักปรนเปรอท่านดอกเจ้าค่ะ”
วิธีการพูดที่แปลกประหลาดหลุดออกมาจากปากเธออีกครั้ง สามก๊กไม่รู้ว่าเธอไปเรียนมาจากไหนถึงรู้คำในสมัยโบราณมากขนาดนี้ ถ้าจะเป็นคนสติไม่ดี ก็คงเป็นคนสติไม่ดีที่ชอบอ่านประวัติยุคกรุงศรีอโยธยาจนหลอนเป็นเพ้อเป็นพกออกมาเหมือนเป็นคนยุคนั้น
สมัยนี้จะมีหรือ คนที่ย้อนอดีตมาแบบในหนังหรือละคร ตลกเกินไป
ชีวิตเขาอยู่แต่กับพระกับศาสนา มากกว่านั้นคืออยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
“ผมจะเข้าไปทำงานในนครโสเภณี และออกมาโดยไม่แตะต้องหญิงใดเลยแม้แต่คนเดียว”พิมแก้วยอมรับว่าตกใจที่สามีของตนเองมีความตั้งใจที่จะไปเป็นทาสสินไถ่คอยดูแลหญิงงามเมืองในโรงรับชำเราบุรุษ เข้าใจดีว่าเจ้าคุณพ่อนั้นรู้จักคนกว้างขวางจนกระทั่งลามไปในที่อโคจรเช่นนั้น แต่ดวงใจในอกอิ่มนั้นปวดใจนัก สถานที่แบบนั้นมีแต่หญิงสาวมากหน้าหลายตา มากคารมณ์มากตัณหา หล่อนไม่มั่นใจว่าคุณสามจะมั่นคงพอที่จะไม่เผลอใจแตะต้องใครสุดท้าย... เพราะระยะเวลาการรู้จักกันนั้นแสนสั้น มีเพียงสมพันธ์สวาทที่พันผูก พิมแก้วจึงยังไม่สามารถวางใจในตัวสามีของตนเองได้เต็มร้อยนักแต่เมื่อสามก๊กออกปากเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเพียงต้องการอุ้มชูศักดิ์ศรีต่อหน้าออกญาศรีภิบาล หรือเพียงต้องการเป็นสามีที่ถูกต้องของเธออย่างสุดตัวจริงๆ“กูจักพูดคุยให้นายโรงมาปลดสินไถ่มึงในช่วงสายวันพรุ่ง อีกสองสามวันมึงต้องเดินทางไปที่โรงนครโสเภณีกลางพระนคร”“ขอรับ”ชายกำยำตกปากรับคำพร้อมกับหมอบลงกราบแนบเท้าของว่าที่พ่อตา ดวงตาคมกริบของท่านทำเพียงหลุบลงมองอีกฝ่ายที่นอบน้อมถ่อมตัว ท่านไม่ได้นึกเกลียดชังหรือถืออคติใดๆ กับชายหนุ่มที่ได้ครอบครองบุตรีของตนทางกาย หากแต่หัวใจค
“ละ... ลูกเองก็ให้คำนิยามนั้นมิได้ หากแต่บ่าวที่ชื่อว่าสามนั้น ในภพที่ลูกข้ามกาลเวลาเข้าไป เขาคือผู้มีอิทธิพล ชื่อจริงๆ ของเขาคือสามก๊กเจ้าค่ะ แลลูกได้ตกเป็นเมียเขาในภพนั้น ก่อนจักถูกพ่อหมอยาจรพาทั้งเขาที่อยู่คนละภพกับลูกกลับมาพร้อมกับลูก”“... นี่มันเรื่องบ้ากระไรกัน” เจ้าพระยาศรีภิบาลพยายามปะติดปะต่อคำให้การของลูกสาว แต่เมื่อเข้าใจ จึงได้แต่สบถออกมาอย่างยั้งไม่ไหว “พิมนาราก็อีกคนแล้ว ครานี้ยังเป็นลูกอีกรึ!”“พิมนารา... ชื่อของเจ้าคุณแม่” พิมแก้วทวนชื่อของมารดาตนเองที่หลุดออกมาจากปากของผู้เป็นพ่ออย่างนึงฉงน พิมนาราก็อีกคน... ถ้อยคำนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงดูเจ็บปวดใจอย่างนี้“พิมแก้ว... ทิดยาจรมีอาคมสามารถพาคนที่หมายเอาชะตาข้ามกาลเวลาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า”“...”“พิมนาราแม่ของลูก... ถูกไอ้จอมขมังเวทย์ระยำนั่นดึงให้ข้ามกาลเวลาจนแม้แต่ตอนนี้ก็ยังตามหาแม่ของลูกมิเจอ พ่อจึงได้แต่เพียงอนุมานว่าแม่ของลูกตายไปแล้ว เพื่อรักษาหน้าของตระกูลเรา”“!!!”“ผู้คนตามกาลเวลาที่ผันแปร มิใช่พรหมลิขิตอย่างที่ลูกอุปมานไว้ หากแต่เป็นความผิดพลาดที่ทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตนเอง ท
วันต่อมา เจ้าพระยาศรีภิบาลได้กลับมาจากกระทรวง เดินทางมาถึงเรือนใหญ่ในช่วงเช้า แน่นอนว่ายังไม่ได้รับรู้ข่าวลือเรื่องสามก๊กเพราะนานวันเข้าเรื่องหนาหูเลยซาลงมากแล้ว ท่านกลับมาเหนื่อยๆ ก็ได้รับการต้อนรับจากบุตรสาวที่มีท่าทีแปลกๆ เธอดูร้อนรนจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมเต็มกรอบหน้า ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อในระหว่างที่ยกสำรับชาให้ สีหน้าของท่านเจ้าพระยามีแววแปลกใจ ในขณะที่จิบชาจีนที่ลูกสาวนำมาให้“ไอ้บ่าวคนนั้นมันไปไหนเสียแล้ว?” เป็นคำถามแรกของเจ้าคุณพ่อที่ทำเอาเด็กสาวขนลุกซู่ไปทั่วแผ่นหลัง จะบอกได้อย่างไรว่านอนอยู่บนเรือนเล็กของเธอ มีหวังเจ้าคุณพ่อได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆแต่คุณสามรับปากแล้วว่าจะมาคุยกับเจ้าคุณพ่อถึงเรื่องของเราด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นพิมแก้วจึงทำได้แต่ต้องอดทนรออย่างใจเย็นเท่านั้น แม้ว่าต่อหน้าคุณสามจะพูดจาอย่างอวดดีว่าเธอจะเป็นคนเปิดปากพูดเรื่องนี้กับบิดาเอง แต่เมื่อได้อยู่ต่อหน้าท่าน ก็ทำเอาเกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเริ่มอะไรเลย“มิรู้ว่าดิฉันจักกราบทูลท่านเจ้าพระยาได้หรือไม่เจ้าค่ะ ดิฉันแค่เพียงต้องการความเป็นธรรมให้อีสาลี่เท่านั้น” แต่ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะคิดหาทางหว่านล้อมพ่อถ
เร็วกว่าใจคิด ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปแตะที่กลีบปากหยักที่หยัดยิ้มกว้าง ดวงตาสีทมิฬหลุบตาจ้องมองปลายนิ้วชี้ที่เกลี่ยไปตามกลีบปากของเขา พิมแก้วสบตาเขากลับเช่นกัน บรรยากาศดึงดูดให้สาวแห่งยุคกรุงศรีอโยธยาเคลื่อนตัวไปใกล้ๆ เพียงใช้นิ้วกั้นระหว่างกลีบปากของทั้งสอง กดจูบนุ่มนวลที่ปลายนิ้วของตัวเองสามก๊กเบิกตากว้าง เหมือนกำลังโดนเธอรุกจูบขึ้นมาก็ไม่ต่าง ถึงจะมีปลายนิ้วชี้ของสาวเจ้ากั้นกลางอยู่ก็ตามพิมแก้วผละออกไป ดวงหน้างามขึ้นสีฝาดอย่างน่ารัก“อย่ายิ้มได้หรือไม่”“...”“พิมกลัวว่าตนเอง... จักเผลอล่วงเกินคุณสามเจ้าค่ะ”ชายหนุ่มที่ปฏิญาณตนจะรักษาศีลและอยู่ในธรรมครรลองตลอดนั้นชะงักไปชั่วอึดใจ เขาเองก็หน้าแดงฝาดเช่นกัน พลางกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ยัยหนูคนนี้ ใครสั่งใครสอนให้มาพูดตรงๆ แบบนี้กันคนที่ควรจะกลัว... มันเขาต่างหาก“พิม พี่ไม่คิดว่าหนูจะมาบอกชอบพี่ แล้วเรื่องพ่อพิม... จะเอายังไง?” พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ด้วยไม่อยากให้ตนเองตบะแตกใส่เธอเร็วนัก เดี๋ยวเด็กสาวจะนึกเปลี่ยนใจเอาเสียก่อน“พิมจักลองคุยกับเจ้าคุณพ่อดูเจ้าค่ะ ถึงคิดว่าจักยากพอตัว... แต่อย่างน้อยต้องให้เจ้าคุณพ่อยอมรับเรื่องอัศจรรย์
“พี่เดช พอเถิดเจ้าค่ะ”อยู่ดีๆ น้ำเสียงของเด็กสาวตรงหน้าก็เข้มขึ้นเมื่อเขายังยืนกรานคำเดิมเพิ่มเติมด้วยบทลงโทษที่คิดมาเอง ขุนศรีเดชชะงักไป เขาเพิ่งเห็นปฏิกิริยาใหม่กับน้องสาวต่างสายเลือดที่เขาคิดไปมากกว่าน้องสาวเช่นนี้ พิมแก้วที่นั่งรวบมืออยู่นั้นมีสีหน้าจริงจังขึ้นแม้เธอจะรู้สึกดีๆ กับพี่ชายคนนี้อยู่ก็ตาม แต่การให้พี่มาใช้อารมณ์ลงโทษคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันออกจะเกินไปหน่อยที่คุณสามเขาประกาศแบบนั้นไป อาจเป็นเพราะเขาจนมุมก็ได้นะ ก็คนเคยมีอำนาจบาตรใหญ่ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเหลือแต่ตัวแบบนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ไปทำความเข้าใจเขาเหมือนกันแม้จะรู้สึกขัดใจที่ตัวเองเลือกที่จะปกป้องผู้ชายที่ไม่รู้จักดีเท่ากับขุนศรีเดชตรงหน้ามากกว่า แต่เพราะพิมแก้วเองก็มีใจห่วงใยอีกฝ่ายอยู่บ้าง และบางครั้งก็รู้สึกผิดที่ปล่อยเขาไว้แบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกัน เขาช่วยเหลือเธอสารพัด (แม้จะมาจากท่าทางที่ดูใจร้ายปากร้ายก็ตาม) แถมยังให้เธอมีที่หลับที่นอนหรูหรา เสื้อผ้าดีๆ ของกินของใช้ดีๆอีกต่างหาก“เพราะเหตุใด...”“พี่เดช อ้ายสามเป็นบ่าวของพิม ถ้าจักลงโทษ ก็ให้พิมเป็นคนลงโทษเองเถิด”“น้องพิม น้องปกป้องมันเกินไปหรือไม่?”
แกรกบานประตูเปิดเข้ามาในระหว่างที่ชายหนุ่มอดีตมาเฟียใหญ่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดหนัก สิ่งแรกที่ปะทะเข้าหน้าคือกลิ่นหอมของน้ำอบฝรั่ง ที่กลิ่นหอมกว่าน้ำอบไทยในปัจจุบันจนไม่รู้สึกว่าเป็นกลิ่นที่มักจะใช้เวลามีงานศพหรืองานบุญด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าเขาก็ชอบอยู่ไม่น้อยพิมแก้วปรากฏออกมาด้วยชุดสไบทรงเครื่องแบบโบราณ ซิ่นสีบานเย็นงามจับจด เธอในชุดนั้นงดงามชดช้อย เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามานั่งบนตั่งไม้สัก ในขณะที่สามก๊กนั่งบนพื้นไม่ได้ลุกไปนั่งเทียบเคียงเธอ“ท่านจักนั่งอยู่บนพื้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวเองก็รู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่ ผู้ชายที่ก่อนหน้านั้นแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่าเธอ มีลูกน้องเป็นร้อย แต่ในเวลานี้กลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติงบนพื้นไม้ นั่งขัดสมาธิจ้องเธอนิ่ง“ก็พิมเป็นเจ้านายพี่” เจ็บใจไม่ใช่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้เธอสูงศักดิ์กว่าเขาเสียจริง แค่ราศีก็ไม่อาจเทียบเคียงได้“คุณสามมิใช่คนในยุคพิม คุณสามมีอำนาจกว่าพิมมากนักนะเจ้าคะ” ถึงต่อหน้าพ่อกับบ่าวคนอื่นเขาจะเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งก็ตามที“แล้ว?”“...”“จะให้พี่ขึ้นไปนั่งด้วยกันหรือไง” คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำไมกลับดูอันตราย ก็สายต







