เข้าสู่ระบบซูเว่ยหรานเดินไปยังลานหน้าบ้าน นางเห็นชายชรานั่งถักอวนอยู่ ในมือของเขามีด้ายกุ่มใหญ่วางไว้ข้างๆ จากความทรงจำคนผู้นี้คือหลี่ต้าหยางท่านปู่ของหลี่จื่อหาน และเขาเป็นคนเดียวที่ดีกับร่างนี้เสมอมานับแต่นางแต่งเข้าสกุลหลี่ ไม่ว่านางจะร้ายกาจเพียงใด หลี่ต้าหยางก็ไม่เคยเอ่ยปาก และยายอ้วนนี่ก็ไม่เคยก้าวร้าวกับเขาสักครั้ง
เขายังมีบุตรสาวคนเล็กอีกคน ตอนที่ภรรยาของเขาจากไปอาหญิงเล็กเพิ่งจะสองขวบ หลี่ต้าหยางจำต้องแต่งหลิวซื่อมา ยายแก่นั่นมีลูกติดสองคน ลูกคนโตเป็นผู้ชายที่วันๆไม่ทำงานแต่มาขอเงินอยู่ประจำ บิดาของหลี่จื่อหานออกทะเลแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลยนี่ก็ผ่านไปสิบปีแล้ว
หลี่ต้าหยางยามนี้ไร้บุตรชายเหลือเพียงหลานชายคนเดียวและบุตรสาว หลี่เย่าฟางที่ตอนนี้นางอายุสิบหกยังไม่ออกเรือนเพราะยากจนไม่มีสินเดิม มิใช่ไม่มีแต่ยายแก่นั่นไม่ยอมให้ต่างหาก อีกทั้งขนให้แต่ลูกสามีเก่า ฮึยายแก่ไม่ยอมตายเอ๊ย
หลี่ต้าหยางมีนิสัยอ่อนโยนไม่เคยต่อว่าร่างเดิม แต่กลับมีเมตตาส่วนบุตรสาวไม่มีปาก นางควรแต่งงานได้แล้วแต่นางหลิวกลับบอกว่าอายุยังน้อยไม่ควรรีบร้อน คงจะเอาไว้รับใช้ตัวเองนั่นแหละ เพราะหลานสะใภ้อย่างซูเว่ยหรานไม่มีทางทำให้นางแน่นอน ซูเว่ยหรานเดินไปหาชายชราก่อนจะทักทาย
"หลานสะใภ้คารวะท่านปู่เจ้าค่ะ"
หลี่ต้าหยางเงยหน้าละมือจากการถักอวนก่อนจะพยักหน้า ดูนางแปลกไปนิดหน่อย รู้จักทักทายด้วยหรือ ที่ผ่านมานางไม่ด่าทอเขาเหมือนคนอื่นๆ ไม่อาละวาดใส่เขาก็นับว่าดีแล้ว จากนั้นจึงเอ่ยกลับไป
"ได้ยินเจ้าบอกท่านย่าว่าไม่สบาย เจ้าป่วยหนักหรือไม่ เมื่อวานลมแรงฝนก็ตกหนักเจ้าอาจป่วยเพราะอากาศเย็น อย่าลืมดื่มน้ำอุ่นๆเล่า"
"ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ส่วนเรื่องท่านพี่ข้าเชื่อเสมอว่าท่านพี่เป็นคนมีความสามารถ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปได้ เขาต้องกลับมาแน่นอน ว่าแต่จิ้งเหว่ยกับหนิงซินไปไหนเสียเจ้าคะ"
ซูเว่ยหรานถามหาบุตรชายกับบุตรสาวฝาแฝดของร่างเดิม เวลานี้เด็กสองคนคงถูกยายแก่ใจร้ายนั่นให้ไปรับจ้างคนอื่นอีกแล้ว ใช้แรงงานเด็กหรือยายเฒ่าเด็กเพิ่งจะห้าขวบเท่านั้นเองนะ
ร่างอวบอ้วนสาวเท้าเพื่อไปตามเด็กๆ ที่ไปรับจ้างเก็บหอยชายฝั่ง ยายแก่นี่ยังเป็นคนหรือไม่เด็กเพิ่งจะห้าขวบเท่านั้นก็ให้ไปอยู่ริมน้ำ คลื่นมาแรงๆ จะทำเช่นไร ซูเว่ยหรานกำลังจะก้าวพ้นธรณีประตูก็ชนเข้ากับร่างสูง
นางก็เห็นบุรุษร่างกำยำ เขาสวมชุดชาวบ้านเก่าๆมีกลิ่นอายของทะเลติดตัวมาร่างนี้สูงเกือบ190เซน ทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา แสงแดดที่ทอดส่องมาด้านหลังราวกับเขายืนอยู่บนฟอร์ที่มีสปอต์ไลท์ส่องแสงมาที่เขาในงานพรอมใบหน้าหล่อเหลานั่น นี่ใช่ไหมที่คนเขาบอกว่ารูปงามดุจหยกหล่อเหลาราวกับเทพเซียน ใบหน้าฟ้าประทานของแท้
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับ เทพเซียน โครงหน้าคมคายราวกับถูกสลักเสลาจากหยกชั้นดี คิ้วโก่งเรียวสวยดุจดั่งปลายกระบี่ทอดตัวอยู่เหนือ ดวงตาสีน้ำหมึก ที่ลึกลับชวนค้นหา รูปร่างดูสูงใหญ่ผึ่งผาย และแข็งแกร่ง
เพียงได้มองก็รู้สึกถึงความสง่างามที่เกินกว่ามนุษย์ทั่วไป หากแต่รอยยิ้มกลับไม่เคยปรากฏบนใบหน้า ความงดงามของเขานั้นดึงดูดใจก็จริง แต่กลับ เย็นชา จนยากจะ จับต้องได้ ราวกับรูปสลักน้ำแข็งที่งดงามแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่น เหมาะจะเล่นซีรีส์แนวท่านอ๋องเย็นชารูปงามสุดในแผ่นดินที่สาวๆใฝ่ฝัน แผงอกที่แน่นไปด้วยกล้ามมัดเพราะสาบเสื้อที่เผยอออกเล็กน้อย น่าลูบเป็นบ้าคงออกแรงบ่อยซิกแพ็คแน่นมาก
จากความทรงจำเขาคือหลี่จื่อหานสามีของร่างเดิมซูเว่ยหราน มิน่าถึงมีคนวางยาปลุกกำหนัดเขาแต่ยายอ้วนนี่กลับได้ประโยชน์ ช่างรูปหล่อจริงๆ ขนาดในยุคที่เธอจากมาหาคนหน้าตาดีแบบนี้ยังหายากเลยถ้าไม่ศัลยกรรม เป็นฉันจะขอบคุณคนวางยาด้วยซ้ำ มันน่าขย้ำจริงๆพับผ่าสิ ขนาดอยู่ในชุดเก่าๆยังดูดีขนาดนี้ ถ้าไม่สวมอะไรเลยจะดูดียิ่งกว่า "ซูเว่ยหรานหล่อนคิดอะไรเนี่ยอึ๊ย"
ซูเว่ยหรานคิดในใจ แหมะๆๆ น้ำลายไหลออกมา สายตาเข้มดุจน้ำหมึกมองไปยังใบหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาของตน นางช่างไม่สำรวมเอาเสียเลย ร่างสูงไม่รู้เลยว่าจินตนาการของภรรยาอ้วนของเขากำลังทำอะไรกับร่างกายไร้อาภรณ์ของเขาในความคิดของนาง หากเขารู้คงไม่มีทางมองหน้านางแน่ๆ
ร่างสูงเห็นภรรยาที่อ้วนของตนเดินมาก็หลบให้ประตูบ้านคับแคบจึงเบี่ยงตัวให้ ส่วนคนที่เพิ่งมาสวมร่างก้เข้าใจไปเองว่าเขารังเกียจนางราวกับว่านางเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ให้ห่าง ซูเว่ยหรานได้สติมองค้อนเขาและทำท่าทางไม่สนใจเช่นกัน หน้าตาก็หล่อเหลาอยู่หรอก แต่ทำหน้าราวกับศพที่ถูกแช่แข็ง สงสัยถ้าอ้าปากพูดหรือยิ้มเปลือกที่เคลือบมันจะแตกออกล่ะมั้ง หมดอารมณ์เลยพับผ่าสิ
ซูเว่ยหรานไม่คิดจะทักทายเขาสักคำ รังเกียจฉันหรือก็แล้วแต่นายเถอะฉันแคร์หรือไง เหอะ...จากนั้นก็เดินไปที่ชายฝั่งนางมองไปก็เห็นเด็กวัยห้าขวบสองคนกำลังก้มๆ เงยๆ เกือบหอยกันอยู่ เท้าอวบอ้วนเดินไปที่ชายหาดก่อนเอ่ยเรียกเด็กทั้งสองเสียงดัง
" เจิ้นหยวนหนิงซินกลับบ้านกับแม่เถอะ"
คู่แฝดเงยหน้ามาตามเสียงเรียก ท่านแม่นี่นา ปกติไม่กินก็นอนวันนี้เหตุใดออกจากบ้านได้กัน ก่อนที่จะเดินมาหาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ท่านแม่เวลาไม่พอใจก็จะตีพวกเขา หากท่านพ่อไม่สนใจก็ยิ่งตีเพื่อให้ท่านพ่อมาสนใจนาง เมื่อมาถึงก็เรียกนางด้วยน้ำเสียงที่หวาดระแวง
"ทะ ท่านแม่"
"กลับบ้านไม่ต้องทำงานแล้ว"
ซูเว่ยหรานสั่งเด็กทั้งสองก่อนจะเอาตะกร้ามาถือไว้เอง จูต้าเป่าที่กำลังวิ่งเล่นอยู่เห็นสองพี่น้องไม่ทำงานก็รีบวิ่งมาดักหน้าก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เกรงใจใคร
"นางหมูตอนถ้าไอ้เด็กสองคนนี้ไม่ทำงานใครจะหาเงินซื้อขนมให้ข้ากัน"
ซูเว่ยหรานมองหน้าเจ้าเด็กอ้วนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
"จูต้าเป่า เจ้าไม่มีบิดามารดาหรือว่าจูพ่านบิดาเจ้าตายแล้ว หลี่ถงมารดาเจ้าพิกลพิการหรือถึงต้องให้ผู้อื่นหาให้เจ้ากินกัน"
จูต้าเป่าชี้หน้าซูเว่ยหรานอย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยแต่คำหยาบคายออกมา
"นางหมูตอน นางสตรีอ้วนอัปลักษณ์เจ้ากล้าว่าข้าหรือคอยดูข้าจะฟ้องท่านยาย โอ๊ย"
เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! ซูเว่ยหรานจับจูต้าเป่าถอดกางเกงแล้วจับนอนคว่ำบนตักก่อนจะลงมือฟาดก้นเขาไม่นับ
"ไอ้เด็กเหลือขอเรียกข้าหมูตอนหรือ ปากดีนักข้าจะสั่งสอนแทนพ่อแม่เจ้าเอง นี่แหนะตีให้ตาย ดูสิต่อไปจะกล้าก้าวร้าวหรือไม่"
"ฮือๆๆๆ ท่านแม่ ท่านยายช่วยข้าด้วยขอรับ ข้าเจ็บจังเลย"
เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังมา ทำให้หลี่ถงที่ได้ยินเสียงบุตรชายร้องไห้ก็รีบวิ่งมาดูทันที ภาพตรงหน้าบุตรชายถูกซูเว่ยหรานฟาดก้นอยู่อีกทั้งยังแก้ผ้าเขาล่อนจ้อนเพื่อที่จะลงมือ หลี่ถงร้องไห้รีบไปตามารดาทันที นางหลิวรีบมา หลี่จื่อหานที่ได้ยินก็ตามมาด้วย วันนี้นางก่อเรื่องอะไรอักกันเล่า สตรีคนนี้ไม่หาเรื่องจะท้องอืดหรือ
ฮ่องเต้ประกาศสละราชสมบัติเรียบร้อยแล้ว ทรงให้รัชทายาทครองราชย์ต่อจากพระองค์ในอีกสามปีข้างหน้า แม้ว่ารัชทายาทและขุนนางจะคัดค้านเพราะฮ่องเต้ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงแต่ทว่าทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ทุกคนจึงไม่อาจเปลี่ยนพระทัยได้ทรงประกาศสละราชย์ทันทีที่รัชทายาทและพระชายากลับมาจากไปท่องเที่ยวและแวะไปขอบคุณใต้ซือหยวนคงได้เดือนกว่า ขณะนี้ผ่านมาสองปีแล้ว คู่แฝดอายุเก้าขวบย่างสิบขวบ แฝดสามได้สองขวบกว่า พระชายาทรงคลอดท่านหญิงหลังจากกลับมาจากไปเที่ยว และยามนี้ท่านหญิงสามอายุหนึ่งขวบสิบเดือนส่วนพระชายากำลังทรงพระครรภ์อีกครั้งได้สองเดือนแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วันรัชทายาทจะต้องขึ้นครองราชย์แทนฮ่องเต้ เซียวฉู่หรานก็ขึ้นเป็นฮองเฮา เนื่องจากรัชทายาทมีพระทัยตั้งมั่นไม่รับสตรีเพิ่ม วังหลังจึงสงบสุขเสมอมาไม่มีเรื่องให้กวนใจแม้ว่าจะมีขุนนางบางคนที่ไม่ยอมแพ้บ้างก็ส่งบุตรสาวหลานสาวเข้ามาเป็นนางใน บางวคนก้ใช้เล่ห์เพื่อที่จะได้ขึ้นเตียงกับองค์รัชทายาท แต่กลับไม่เคยทำสำเร็จ สองสามีภรรยามีบทเรียนจากตอนที่หลิวถงร่วมมือกับนางหลิววางยาพวกเขามาแล้ว วิธีการต่ำช้าเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำได้ครั้งที่สองยามนี้รัชทายาทไ
ภายในห้องหอเซียวฉู่หรานอาบน้ำผลัดอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ยามนี้ภายใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา นางอยู่ภายใต้อาภรณ์บางเบาที่สวมแล้วให้แลเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งและเรือนร่างเย้ายวน เรือนผมถูกปล่อยสยายเซียวฉู่หรานนอนตะแคงอยู่บนเตียงรอเจ้าบ่าวกลับมาเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา เจ้าสาวหมาดๆเฝ้ามองไปยังประตู ได้ยินเสียงเขาสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไปให้ห่าง กระทั่งประตูเปิดออก ร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามา แสงตะเกียงส่องกระทบราวกับเซียนหนุ่มกำลังเยื้องกรายแปะ แปะ แปะ เซียวฉู่หรานตบลงข้างๆ ตัวเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้เจ้าบ่าวของนางมานั่งลงข้างๆ นางลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอามือเท้าไปด้านหลัง ชันขาขึ้นมาหนึ่งข้าง ชายกระโปรงร่นลงมาจนเห็นโคนขาขาวผ่องเสื่อตัวบางที่ปิดอะไรแทบไม่มิดนั้นสาบเสื้อเป็นเพียงไส้ไก่เส้นเล็กๆ ผูกเอาไว้ ปทุมถันสองข้างอวบอัดเพราะนางเพิ่งผ่านการคลอดบุตรมา จ้าวจื่อหานที่ดื่มมาพอควรเลือดหนุ่มสูบฉีดเมื่อเห็นภาพเย้วยวนตรงหน้าเขาเดินมานั่งลงบนเตียง โน้มตัวไปด้านหน้าเท้าแขนคร่อมนางเอาไว้ มือหนาอีกข้างลูบตั้งแต่ข้อเท้าเล็กเลื่อนขึ้นมาจนถึงโคนขาอ่อนนุ่ม เซียวฉู่หรานครางออกมา ก่อนที่คนตัวโตจะกอบกุมความอวบอิ่มเคล้น
เสียงบรรเลงมโหรีดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ขบวนรับเจ้าสาวยิ่งใหญ่ตัวเกี้ยวทำจาก ไม้จันทน์หอม เนื้อดีที่หายาก หรือไม้เนื้อแข็งชั้นเลิศ ตัวเกี้ยวมีขนาดใหญ่โอ่อ่ากว่าเกี้ยวทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวถูกเคลือบด้วย สีแดงชาดเข้ม ซึ่งเป็นสีมงคลสูงสุดสำหรับงานอภิเษกสมรสและประดับตกแต่งด้วย ทองคำเปลวบริสุทธิ์ จนเปล่งประกายทั่วทั้งเกี้ยว ตัวเกี้ยวแกะสลักเป็นรูปดอกโบตั๋นที่หมายถึงราชินีแห่งดอกไม้ ม่านของเกี้ยวเลือกใช้ผ้าไหมสีแดง ปักด้วยลวดลายสีทอง ใช้คนหามถึงสิบหกคนนับเป็นพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนองค์รัชทายาทจ้าวจื่อหานในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดปักลวดลายมังกรด้วยด้ายสีทองอร่าม ยามเมื่ออยู่บนหลังของอาชาสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะต้องแสงพระอาทิตย์ ยิ่งทำให้รัชทายาทแห่งต้าเหยียนดูงดงามและสูงส่งราวเทพเซียน นางกำนัลในขบวนช่วยกันโปรยเหรียญอีแปะและลูกกวาดตามทางเดิน เด็กๆ และชาวบ้านแย่งกันเก็บไว้เพื่อเป็นมงคล ขบวนเคลื่อนไปตามท้องถนนจนมาถึงหน้าจวนสกุลเซียวจวนสกุลเซียวเมื่อมาถึงสกุลเซียวแล้วขันทีที่เดินนำขบวนมาก็ประกาศ"ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว! ขอเชิญองค์พระชายา ก้าวเข้าสู่เกี้ยวเพื่อเสด็จสู่พระราชว
จ้าวจื่อหานมองแฝดคนพี่ที่ยามนี้ใช้แซ่เซียวของท่านตาก่อนจะยิ้ม เขาเอานิ้วเขี่ยแก้มบุตรชาย สกุลเซียวไร้ผู้สืบทอดฝ่าบาททรงเห็นใจในชะตาและทอดพระเนตรเห็นความจงรักภักดีของสกุลเซียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงพระราชทานบุตรชายคนที่สองของเขาให้ใช้แซ่เซียวสืบทอดสกุลมารดา เซียวอี้ให้ยินดีอย่างมาก อย่างน้อยสกุลเซียวก็ไม่สิ้นไร้ผู้สืบสกุลในยุคของเขาช่างเป็นพระเมตตายิ่งนัก เขาจำได้ดีถึงพระเมตตาในวันนั้น"เซียวอี้..สกุลเซียวของเจ้าจงรักภักดีมาตลอด ปกป้องราชวงศ์จนกระทั่งสกุลล่มสลายเราจึงอยากตอบแทนเจ้าสักครั้ง""ฝ่าบาท...กระหม่อมมิได้หวังอันใด ขอแค่พระองค์ทรงอยู่รอดปลอดภัยกลับมาปกครองแว่นแคว้นได้อย่างที่อดีตฮ่องเต้ทรงตั้งพระทัยก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เอาล่ะ ท่านกลับไปรอฟังข่าวที่บ้านเถอะ"จากที่ทรงรับสั่งในวันนั้นวันต่อมาฉางกงกงก็มาประกาศราชโองการแต่งตั้งท่านชายรองจ้าวจื่อหลิงเป็นผู้สืบทอดสกุลเซียวของพระมารดา เซียวอี้ยังจำได้ดีตอนที่เขายื่นมือไปรับราชโองการ เขาถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา ฝ่าบาททรงมีพระเมตตายิ่งนัก รัชทายาทเองก็ยินดีที่จะให้สายพระโลหิตสืบทอดสกุลเซียวของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน เมื่อเซียวจื่อ
หลังจากประชุมเรียบร้อยจ้าวจื่อหานก็ตรงกลับจวนนอกเมือง ส่วนซูหานนั้นกลับไปรับหลี่เย่าฟางเพื่อจะไปเยี่ยมบุตรสาวเช่นกัน พ่อตากับบุตรเขยจึงไปทางเดียวกัน ขุนนางหลายๆ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้สตรีเรียนหนังสือยังไม่รู้ว่ายามนี้ที่บ้านของพวกเขากำลังมีการเปลี่ยนแปลงสองเดือนก่อนหน้าพระชายาได้ส่งคนไปสอบถามความสมัครใจว่ามีคุณหนูบ้านใดหรือบุตรสาวบ้านไหนต้องการเรียนหนังสือบ้าง และมีหลายครอบครัวที่บรรดาฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นตอบรับและได้ทดลองเรียนไปกว่าเดือนครึ่งแล้วบทความที่ถวายฝ่าบาทเมื่อสิบวันก่อนบางบทความก็เป็นของคุณหนูเหล่านั้น บางคนมีความสามารถไม่แพ้บุรุษที่เป็นบัณฑิต บางคนมีความสามารถเหนือขุนนางด้วยซ้ำ ทั้งแนวคิดและการวางแผนเมื่อพวกเขากลับถึงบ้านก็โมโหยกใหญ่ต่อว่าต่อขานเรื่องการเปิดสำนักศึกษาหญิง ต่างวิจารณ์อย่างไม่กลัวเกรง ใต้เท้าทั้งหลายมารวมอยู่ที่จวนอำมาตย์ซ้ายกว่าสิบคน"พวกท่านว่าเราควรถวายฎีกาให้ฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งดีหรือไม่""นั่นน่ะสิขอรับท่านอำมาตย์ ไท่จื่อเฟยทรงมีความคิดอันตรายต่อบ้านเมืองเช่นนี้ได้อย่างไร มีที่ไหนให้สตรีสามารถเข้าศึกษาและเข้าสอบขุนนางได้ แค่
**ท้องพระโรง**ในท้องพระโรงยามนี้บรรดาขุนนางกำลังรอฝ่าบาทเข้าประชุมอยู่ ทรงตรัสว่าวันนี้มีเรื่องจะประกาศโดยทั่วกัน ซูหานและหลี่ต้าหยางมาด้วยกัน ซูหานจะไปรับพ่อตามาเข้าวังด้วยตนเองทุกวัน ขุนนางกำลังถกเถียงกันถึงเรื่องที่ฮ่องเต้จะประกาศวันนี้"ใต้เท้าหาน ท่านว่าฝ่าบาทจะทรงประกาศเรื่องสำคัญอันใดหรือ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ใต้เท้าซ่งแต่ข้าว่าน่าจะเรื่องสำคัญมาก ท่านคิดว่าวันนี้จะโต้แย้งเรื่องใดหรือไม่"ใต้เท้ากัวส่ายหน้าให้กับเขา ขุนนางอีกคนจึงมาตอบแทน"ใต้เท้าหาน...ท่านอยากจะกลับไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านหรือ อีกอย่างบุตรสาวบุตรชายท่านเพิ่งจะอายุสิบสอง สิบสามจะมีหลานที่ไหนให้ท่านเลี้ยงกัน"เมื่อใต้เท้าอีกคนเอ่ยจบใต้เท้ากัวจึงเอ่ยเบาๆ"พวกท่านเบาๆ หน่อย หากเรื่องวันนี้เป็นแนวคิดของไท่จื่อ หรือไท่จื่อเฟย แล้วพวกเราต่อต้าน ยังจะได้ทำงานรับใช้ราชสำนักกันอยู่หรือไม่"ขุนนางทั้งหมดพยักหน้าให้กันก่อนที่ใต้เท้าซ่งจะเอ่ย"ครั้งก่อนที่ถกเถียงกันเรื่องให้ไท่จื่อรับชายารองและสนมก็ถูกกวาดออกไปเกือบยี่สิบคน หากครั้งนี้ยังหาเรื่องคัดค้านอีก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกวาดออกไปได้""ก็จริงอย่างที่ท่านพูด ส่วนเร







