LOGINเมื่อแม่เฒ่าหลี่มาถึงชายหาดก็เห็นซูเว่ยหรานตีหลานชายนางอยู่ หญิงชราตรงเข้าไปเพื่อจะตบสั่งสอนแต่ซูเว่ยหรานมีหรือจะยอม ถึงร่างนี้จะอ้วนแต่เรื่องเสียเปรียบซูเว่ยหรานคนใหม่ไม่มีทางให้เกิดขึ้นแน่ๆ มือเหี่ยวย่นฟาดลงมาแต่ยังไม่ทันโดนมือหนาของหลี่จื่อหานก็คว้าข้อมือหญิงชราเอาไว้ก่อนจะเอ่ย
"ท่านย่า มีอะไรก็พูดกันดีๆเถอะขอรับ"
"พูดดีๆหรือ เจ้าไม่มีตาหรือไม่ว่านางอ้วนนี้ตีหลานชายเจ้าน่ะจื่อหาน"
"ฮือๆๆท่านยายข้าเจ็บจังเลย"
จูต้าเป่าชิงฟ้อง หลี่จื่อหานเองก็เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
"เจ้าเลิกก่อเรื่องได้แล้วซูเว่ยหราน พาลูกกลับบ้านเถอะสายมากแล้วเด็กๆแล้วยังไม่ได้กินข้าว"
ซูเว่ยหรานพาเด็กทั้งสองมาไว้ด้านหลังก่อนจะเอ่ยกับแม่เฒ่าหลี่และหลี่จื่อหาน
"ข้าตีเพราะอะไรหรือ วาจาหลานชายเจ้าที่สำรอกออกมาเหม็นเน่ายิ่งกว่าปลาตายในข้อง หลี่ถงวันๆเอาแต่ทำตัวสูงส่งคบหากับเหล่าคุณหนูคนชั้นสูง ข้าว่าเอาเวลาฝันเฟื่องของเจ้าไปสั่งสอนบุตรชายเสียบ้างจะมีประโยชน์กว่า ลูกข้าเพิ่งห้าขวบกลับต้องมารับจ้างหาเงินเลี้ยงพวกเจ้า ต้าเป่าอายุเท่ากันเจ้ายังล้างก้นให้อยู่เลย อีกย่างนะไอ้คนแซ่หลี่ เจ้าบอกว่าลูกข้ายังไม่ได้กินข้าว ลูกข้าเคยได้กินมื้อเช้าด้วยหรือ"
ซูเว่ยหรานยืนเท้าเอวก่อนจะเป่าปากแล้วถามหลี่จื่อหานอย่างตรงไตรงมา ชาวบ้านแม้จะรังเกียจซูเว่ยหราน แต่นางหลิวกับบุตรสาวนั้นก็น่ารังเกียจไม่น้อยเช่นกัน ลุกหลานตัวเองกินอิ่ม ลูกหลานคนอื่นปล่อยให้อดข้า จากนั้นก็มีเสียงเยาะเย้ยของเด็กๆดังมา พวกเขากำลังล้อเลียจูต้าเป่า
"ฮ่าๆๆๆ จูต้าเป่าขี้แยให้แม่ล้างก้น จูต้าเป่าขี้แยให้แม่ล้างก้น"
เด็กๆที่ได้ยินเสียงเอะอะก็วิ่งมาดูพร้อมกับผู้ใหญ่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของซูเว่ยหรานก็ต่างพากันหัวเราะ ห้าขวบแล้วยังล้างก้นไม่เป็นช่างน่าตลก จูต้าเป่าอายทุกคนจึงปิดหน้าร้องไห้งอแงใส่มารดา
"ท่านแม่ ท่านต้องจัดการนางหมูตอนนี่ให้ข้านะขอรับ ท่านยายไล่มันออกจากบ้านไปเลย ฮือๆๆ"
หลี่ถงกำมือแน่นก่อนจะเอ่ยปากด่าทอ
"นางหมูตอน ลูกข้าพูดผิดตรงไหน เจ้ามันอ้วนราวกับหมูโสโครก"
"นางสตรีโคมเขียว ปากเจ้าก็สกปรก ตัวเจ้าก็สกปรก จิตใจเจ้ายิ่งสกปรกกว่าอาจม เพ้ย"
"เจ้าๆๆๆ เจ้าว่าอย่างไรนะนางอ้วน ใครเป็นสตรีโคมเขียว"
หลี่ถงไม่ยอมนางชี้มือไปที่ซูเว่ยหราน ปากคอสั่นด้วยความโมโห ซูเว่ยหรานยิ้มเย้ยก่อนจะเอ่ย
"เจ้ามีสามีอยู่แล้วยังวิ่งเข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้ ที่ถูกแม่สามีเจ้ากับสามีเจ้าตบตีบ่อยๆไม่ใช่เพราะว่าเจ้าชอบไปยั่วยวนสามีเพื่อนบ้านหรอกหรือ หึลูกไม้ใต้ต้นเสียจริงๆ แม่ก็คันลูกก็คัน"
ชาวบ้านที่มายืนดูเรื่องสนุกต่างหัวเราะคิกคัก หลี่ถงขึ้นชื่อเรื่องยั่วยวนบุรุษที่ไม่ใช่สามีตน นางเป็นคนที่ผิวพรรณดีบุรุษจึงมักเหล่มอง แล้วนางก็ส่งสายตาเชิญชวน จูพ่านทุบตีเพราความหึงหวงประจำ
นางหลิวอับอายที่ถูกตราหน้าก็ตรงไปกระชากผมซูเว่ยหรานนจะลงมือตบ ซูเว่ยหรานไม่ยินยอมหรอกแต่ทว่าแต่ร่างนี้อ้วนเกินไปการตอบสนองช้า ทำให้สู้กับยายแก่นี่ลำบาก ชาวบ้านที่มามุงไม่มีใครกล้าช่วยเพราะรู้กิติศัพท์แม่เฒ่าหลี่ดี หลี่จื่อหานขวางแม่เฒ่าหลี่ไม่ให้ตบนางได้อีก
"ท่านย่าพอเถอะขอรับ"
"เจ้าๆ ไม่เห็นหรือว่ามันด่าอาหญิงของเจ้า"
"ท่านย่านางพูดถูกลูกๆข้ายังเด็ก ต้าเป่าอายุเท่ากันแต่ยังทำอะไรไม่เป็น เงินที่ข้าหามาได้ก็ยกให้ท่านจนหมดเหตุใดยังไม่พอใจต้องให้ลูกๆข้ามาทำงานลำบากรับจ้างอีก"
หลี่จื่อหานถามนางหลิวทั้งๆที่มือหนายังกำข้อมือเหี่ยวย่นของนางอยู่ หญิงชราถ่มน้ำลายใส่เขาทันที
"ถุ้ย เพ้ย ยังเด็กงั้นหรือ มีเด็กบ้านไหนไม่ทำงาน อีกอย่างเงินนี่อาหญิงของเจ้ามีเรื่องต้องใช้ที่เจ้าให้มายังไม่พอเลย"
ซูเว่ยหรานยิ้มเยาะก่อนจะเดินไปหาแม่เฒ่าหลี่ ฝ่ามือเมื่อกี้นี้นางไม่เจ็บแต่เสียศักดิ์ศรี ฝ่ามือนี้ของนางขอคืนเถอะนะยายเฒ่า เพี๊ยะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าเหี่ยวย่นท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้าน ซูเว่ยหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
"เด็กบ้านไหนไม่ทำงานหรือยายแก่ หลานชายเจ้านอกจากกินแล้วก็นอนยังทำอะไรบ้าง บุตรชาเจ้าด้วย เมามาไม่ทุบตีลูกเมียก็รีดไถเงินไปบ่อนพนัน ข้าจะบอกให้นะลูกของข้าที่ข้าเป็นคนคลอดมาต้องกตัญญูต่อข้า เจ้าไปให้บุตรชายเจ้าหลิวเหอของเจ้ากตัญญูถึงจะถูก อยากใช้แซ่หลี่บุตรชายเจ้าคู่ควรหรือ นางหลิววันนี้ที่ตบหน้าเจ้ากลับคืนข้าไม่ผิด เดิมเจ้าก็แค่สตรีที่ไร้ทางไปแม่หม้ายที่สามีทอดทิ้ง ท่านปู่ของสามีข้าสมเพชเวทนาจึงแต่งเจ้ามา แต่เจ้ากลับปฏิบัติต่อลูกหลานท่านด้วยจิตใจลำเอียงเอาแต่เข้าข้างลูกตัวเอง งูพิษเช่นเจ้าเก็บไว้ข้างกายก็อันตราย"
ซูเว่ยหรานหยุดเว้นจังหวะมองหน้าแม่เฒ่าหลี่อย่างเอาเรื่องก่อนจะเอ่ยต่อ
"ต่อไปนี้หากเจ้ากล้าแตะต้องข้ากับลูกอีก ข้าจะเอาให้เจ้าจำหน้าบรรพบุรุษไม่ได้เลย อย่ามาอ้างความอาวุโสหรือศิลธรรมกับข้าจะฉีกปากให้ เจ้าไม่เกี่ยวข้องกับสามีข้าแม้แต่น้อยไม่ว่าทางใด นางหลิวซื่อ เจ้าก็เป็นแค่ภรรยาไร้ค่าที่น่าสมเพชของสกุลหลี่เท่านั้น"
"ส่วนเจ้า"
ซูเว่ยหรานไปยังหลี่ถิงบุตรสาวลูกติดของนางกก่อนจะเอ่ยต่อ
"หลี่ถิง....เจ้าแต่งออกไปแล้วยังกลับมาขนข้าวของอาหารเสบียงจากบ้านเดิมเจ้ามีความละอายหรือไม่ มายุยงปั่นป่วนเรือนคนอื่นเพราะตัวเองชีวิตครอบครัวล้มเหลวจึงทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นมีความสุขสินะ ให้เจ้าใช้แซ่หลี่ช่างเสียเกียรติวงศ์ตระกูลจริงๆ ต่อไปหากยุ่งกับข้าอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าเสียนางโคมเขียว"
กรี๊ดดดด......หลี่ถงกรี๊ดออกมาก่อนจะพุ่งเข้ามาหาซูเว่ยหราน หลี่จื่อหานเห็นว่าชาวบ้านมามุงดูเรื่องงามหน้าของครอบครัวตนเองก็ลากเอาซูเว่ยหรานกลับบ้าน เด็กๆยืนเก้ๆกังกังกระทั่งท่านแม่เอ่ยเรียก
"เจิ้งหยวนหนิงซินไม่ต้องทำแล้วงาน กลับบ้านหากใครไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้แม่จะหย่ามันซะเลย ขยะไร้ค่าแม่ไม่เอาหรอก"
หลี่จื่อหานยิ่งหน้าดำกว่าเดิม อัปลักษณ์ขนาดนี้นางกล้าพูดว่าหย่าเขาหรือ ซูเว่ยหรานเจ้าช่างไม่เจียมตัวจริงๆ
ซูเว่ยหรานตื่นไม่ไหวเพราะถูกคนตัวโตเรียกร้องทั้งคืน แต่เขาตื่นแล้วไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แต่เช้า ยามซื่อสาวใช้จึงได้มาปลุก"พระชายา...หม่อมฉันเองเสี่ยวเตี๋ยเพคะ""อืม...รอเดี๋ยวนะ"ซูเว่ยหรานเปิดประตูออกมาก็ต้องเอามือบังตา แสงแดดยามหน้าร้อนนี้ช่างจ้านัก เสี่ยวเตี๋ยยิ้มละไมให้เจ้านายของตน ดูท่าไท่จื่อจะรักใครพระชายายิ่งนัก คอแดงไปหมดเชียว เสี่ยวเตี๋ยเดินตามไปเพื่ออาบน้ำให้นางซูเว่ยหรานนั่งแช่ลงในอ่างหลับตาผ่อนคลาย ขืนเขาว่างแบบนี้มีหวังได้ท้องอีกคนแน่ๆ กินไม่เลิกเลย กระทั่งน้ำเริ่มเย็นนางจึงลุกขึ้น เสี่ยวเตี๋ยส่งเสื้อคลุมมาให้เท้าเรียวก้าวออกจากอ่างยังไม่ทันจะก้าวอีกข้างก็ถูกอุ้มลอยจากพื้น ร่างบางกอดคอเขาทันทีก่อนจะร้องอุทาน"ว้าย...ไท่จื่อทรงทำอะไรเพคะ พื้นเปียกน้ำหากลื่นล้มจะทำเช่นไร""ไม่ล้มหรอก ประชุมเสร็จก็รีบกลับบ้านคิดถึงเมีย เสี่ยวเตี๋ยเจ้าไปได้แล้ว""เพคะ"สาวใช้ยิ้มก่อนจะเดินออกไป ซูเว่ยหรานทุบอกเขาอย่างแรง คนบ้านี่ช่างหน้าหนาหน้าทนยิ่งนัก ปากจิ้มลิ้มเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อสาวใช้ออกไปแล้ว"ท่านพี่...ทำอะไรมิคิดบ้าง คนอื่นจะเอาไปนินทาได้นะเจ้าคะ""คนงาม.......พี่คำนวณแล้วตอนนี้เจ้า
ยามซวีแล้วคนตัวโตเพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะสำรวจตนเอง เมียสวมเสื้อผ้าให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งนางยังนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะมีอาหารที่ควันยังคงลอยกรุ่น จ้าวจื่อหานรู้สึกผิดที่ทำให้นางลำบาก ร่างสูงลุกจากเตียงเดินไปหาร่างบางที่ฟุบอยู่กับโต๊ะก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นมา ซูเว่ยหรานลืมตายิ้มให้เขาเอ่ยถามออกมา"ตื่นแล้วหรือเพคะ..หม่อมฉันอุ่นอาหารเอาไว้""ไม่หิวข้าว หิวแต่เจ้า""พอได้แล้วเพคะ เสวยก่อนเถอะหม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วย""หรานหราน...เจอกับใต้เท้าเซียวหรือยัง""ใต้เท้าเซียวหรือเพคะ เขาคือผู้ใดกัน"จ้าวจื่อหานวางนางลงบนเตียงก่อนจะหอมแก้มนางอย่างอ่อนโยน เขาอยากให้นางกับบิดาได้พบกัน แต่อีกใจก็เกรงว่านางจะอาการกำเริบ จึงลองโยนหินถามทางก่อน"อาการปวดหัวเป็นเช่นไรบ้างบอกพี่สิ""บางวันก็มีปวดตุ๊บๆ แต่ไม่ร้ายแรง มีแค่ครั้งนั้นที่ปวดมากเสด็จพ่อให้หมอหลวงจ่ายยาก็พอทุเลาลงบ้าง ยาที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้หมดแล้วอาการจึงกำเริบบ่อยๆ แต่ไม่หนักเท่าไหร่เพคะ"ร่างสูงนั่งลงช้อนนางมานั่งตัก เขาเอ่ยกับนางเรื่องออกเดินทางไปอารามเต๋า"หรานหราน....พี่จะพาเจ้าท่องเที่ยวอยากไปหรือไม่ บัดนี้บ้า
จ้าวจื่อหานจุมพิตซูเว่ยหรานอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความร้อนแรง มือหนาปลดอาภรณ์ผืนงามออกทีละชิ้นก่อนจะทิ้งมันลงข้างเตียง กระทั่งนางเปลือยเปล่าเขาลูบไล้เรือนร่างเย้ายวน ปากหยักละจากริมฝีปากอวบอิ่ม กวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของนาง สายตาหลงใหลไม่ปิดบัง ซูเว่ยหรานใบหน้าเห่อร้อนเพราะความเขินอาย นางยกแขนขึ้นปิดทรวงอกสล้างที่เปิดเผย คนตัวโตจับมือนางออกเพื่อมองมันให้เต็มตาพร้อมกับเอ่ยกระเซ้า"งามเพียงนี้จะปิดบังไปไย ขอพี่มองให้ชื่นใจหน่อยเถอะ หรานหรานยิ่งมีลูกเจ้ายิ่งงามนัก""ท่านพี่...ท่านเอาแต่จ้องใครจะไม่อายเล่า""เรามีลูกด้วยกันแล้วนะ มาเถอะหนิงซินอยากมีน้องชายน้องสาวเราอย่าเสียเวลาเลยมาทำน้องให้เด็กๆกันเถอะ"เขาเอ่ยจบก้มอบจุมพิตให้นางอีกครั้ง ก่อนจะถอนริมฝีปากแล้วเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาพรมจูบนางไปทั่วพวงแก้ม จ้าวจื่อหานงับติ่งหูนางเบาๆ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนใต้ร่างออกมา"อ๊า...ท่านพี่""เจ้าหวานนัก หรานหรานเจ้าหอมเย้ายวนเหลือเกิน"จ้าวจื่อหานซุกไซร้จมูกโด่งต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินสล้างลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ทำเอาคนใต้ร่างขนลุกเกรียวด้วยความรัญจวน ปลายถันสีหวานชูชันรอเขามาชิม
ซูเว่ยหรานกำลังจัดการต้นกล้าที่ได้มาอยู่ที่ลานบ้าน ยามนี้ชาวบ้านที่หนีการกวาดต้อนกลับไปอยู่บ้านของตนเองได้แล้ว ต้าเป่ยก็มีฮ่องเต้องค์ใหม่ที่รักใคร่และห่วงใยราษฎร สามีนางไปได้สี่เดือนแล้ว บัดนี้เขากำลังเดินทางกลับมาต้าเหยียนซูหานกลับจวนมาก่อน รัชทายาทกำลังตามมาติดๆ เมื่อมาถึงที่เรือนสำหรับใช้ทำงานเขามองดูบุตรสาวที่นั่งเขียนพู่กันอยู่ที่ศาลาข้างๆ มีหลี่เย่าฟางนั่งจัดแยกชนิดของต้านกล้า คนงานบรรจุลงตะกร้าไม้ไผ่ มองไปเห็นตะต้นกล้าวางเรียงจนเต็มลานมีเพียงแค่ทางเดิน ซูหานเดินเข้าไปหานางเอ่ยเรียก"พระชายา"ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก่อนจะวางพู่กันแล้วรีบลุกวิ่งลงมาหาสวมกอดเขาเอาไว้"ท่านพ่อ...ท่านกลับมาแล้ว บาดเจ็บหรือไม่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ"มือหนายกขึ้นลูบศีรษะสวยได้รูป ซูหานกอดตอบก่อนจะเอ่ย"พ่อไม่เป็นไร...อืมเด็กดีตอนที่พ่อจากไปเจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้วแต่พ่อกลับไม่ได้ทำหน้าที่บิดาให้ดี มิได้ทำพิธีนั้นให้เจ้า แต่วันนี้พ่อมีของขวัญมาชดเชย"ซูหานหยิบปิ่นออกมา ตัวปิ่นเป็นเงินบริสุทธิ์ ดัดจนอ่อนช้อยประดับหยกเนื้อดี อีกทั้งพู่ห้อยทำจากเงินค่อยๆ ต่อห่วงลงมาเป็นโซ่เส้นเล็กๆ สามเส้
หลี่จื่อหานที่ยืนสง่าอยู่หน้าประตูของท้องพระโรงนั้นเงาของเขาทอดยาวจนบดบังรัศมีด้านใน แม้แต่บนบัลลังก์มังกรที่จ้าวรุ่ยซิงนั่งอยู่ก็มืดมิดในทันทีเมื่อเงาของเขาทอดลงมา จ้าวรุ่ยซิงไม่รีบเรียกหาคนของตนทันที"ทหารวัง องครักษ์ พวกเจ้าไปตายที่ไหนกันหมด มีคนร้ายๆ"เสียงฝีเท้าขององครักษ์กรูเข้ามาเพื่อปกป้องเขากว่าสามร้อยคนจนท้องพระโรงแน่นไปหมด จ้าวรุ่ยซิงสั่งการทันที"พวกเจ้าจัดการพวกมัน ฆ่าทิ้งอย่าให้เหลือแม่แต่มดสักตัว มันคือบุตรชายของกบฏ จ้าวหมิงเทียน ที่คิดชิงบัลลังก์จากอดีตฮ่องเต้ และไอ้คนทรยศจ้าวฉี่หลิง ฆ่าให้หมด"องครักษ์เดินสามขุมเข้าหากลุ่มของหลี่จื่อหาน แต่ยังไม่ทันเงื้อดาบมือก็มีลูกธนูพุ่งลงมาปักกลางท้องพระโรง ขุนนางที่ตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ไม่สามารถหนีออกไปได้ก็มองหน้ากัน หลี่จื่อก็จะเดินเข้ามาตามด้วยพลธนูนับร้อยที่ขึ้นสายพร้อมยิง ร่างสูงหิ้วคอเสื้อจ้าวหมิงฮ่าวมาโยนลงตรงเท้าจ้าวรุ่ยซิงก่อนจะเอ่ยช้าๆ"เจ้าไม่ต้องหาเรื่องให้ตัวเองรีบตายเพียงนี้ สกุลซุนของมารดาข้ากว่าสามร้อยชีวิต ยังมีสกุลซุนสายรองของท่านน้าไฉ่หลินอีกร้อยกว่าชีวิตข้ายังไม่ได้ชำระ ให้เจ้าตายง่ายๆ จะสบายเกินไปนะจ้าวรุ่ยซ
ยามอิ๋นกองทัพเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนพลเนื่อจากทางจ้าวฉี่หลิงส่งข่าวมาแล้วว่ายามนยี้เขาปะปนกับทหารวังเรียบร้อย พรุ่งนี้ยามเฉินประชุมเช้าสามารถบุกเข้าวังได้เลย หลี่จื่อหานมิได้นอนเขาต้องการไปสำรวจเมืองหลวงก่อนเขาเคยมาเมืองหลวงครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน มิรู้ยามนี้เปลี่ยนแปลงไปเช่นไรบ้าง ร่างสูงดีดตัวข้ามกำแพงเมืองมาได้ก้สำรวจพื้นที่ เขาสำรวจจนมาถึงบ้านเดิมมารดาที่ยามนี้กลายเป็นเพียงจวนร้างหลังหนึ่ง กว่าสามร้อยชีวิตถูกสังเวยที่นี่ เซียวอี้ที่ติดตามมาด้วยมองชายหนุ่มที่เดินนำหน้าก่อนจะเอ่ยกับเขา"ไม่จื่อ.....ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วหากพรุ่งนี้ทุกอย่างเรียบร้อยจะทรงมาฟื้นฟูที่นี่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""เฮ้อ...ท่านพ่อตาข้าไม่อยากใช้ชีวิตที่นี่ ข้ากลัวว่าหากดึงเข็มทองออกแล้วนางจำเรื่องราวได้ เมื่องหลวงแห่งนี้คือสถานที่ฝันร้ายสำหรับนาง"เซียวอี้เงียบลง เขารู้สึกดีใจที่บัตรเขยรักบุตรสาวของตนเพียงนี้ แม้ว่าก่อนหน้าชีวิตบุตรสาวจะลำบากเพราะสตรีแซ่หลิวคนนั้นแต่เรื่องผ่านมาแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเขาเอ่ยอีกครั้ง"หากเสร็จเรื่องข้าอยากมีลูกกับนางอีกสักสามสี่คน ท่านเองก็ร่างกายไม่เหมือนเก่า อยู่บ้านเลี้ยงหลานก็ไม







