เมื่อสองแม่ลูกเดินข้ามสะพานไม้มาถึงเรือนแพจ้าวเฟยเฟยก็พาทั้งคู่มานั่งด้านใน โต๊ะไม้ไผ่เรียบง่ายสำหรับนั่งกินข้าววางไว้กลางเรือน จ้าวเฟยเฟยเรียกเด็กทั้งสองให้มารู้จักหลินเหมยเซียงกับหลินเฉินอี้
"เด็กๆมารู้จักท่านป้าหลินกับพี่เฉินอี้สิ"
เฉินโม่หวายมองหน้าบิดา เฉินมู่หยางพยักหน้าให้เขา เฉินผิงผิงลุกจากพื้นเดินมาหามารดาจับมือท่านแม่และหันไปหาสองแม่ลูกก่อนจะเอ่ยทักทายคนแรก
"สวัสดีเจ้าค่ะท่านป้าหลิน พี่เฉินอี้ข้าชื่อผิงผิง"
"สวัสดีขอรับท่านป้าหลิน ข้าชื่อโม่หวาย พี่เฉินอี้พวกเราเจอกันอีกแล้ว"
เฉินโม่หวานคำนับหลินเหมยเซียงก่อนจะทักมายหลินเฉินอี้เพราะเคยเจอหน้ากันตอนที่เขาถูกไล่ไปเก็บผักให้หมู หลินเหมยเซียงยิ้มให้ตอบกลับ
"เด็กดี เป็นเด็กดีจริงๆว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก"
"โม่หวายรบกวนบ้านเจ้าแล้ว"
หลินเฉินอี้เอ่ยกับเฉินโม่หวาย เด็กน้อยส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นจ้าวเฟยเฟยก็หันไปทางคนตัวโตก่อนจะเอ่ยแนะนำ
"พี่หลินนี่สามีของข้าเจ้าค่ะ"
หลินเหมยเซียงหันไปยิ้มกับเขาก่อนจะเอ่ยอย่างเกรงใจ
"น้องเฉิน มารบกวนเจ้ากับครอบครัวข้าละอายนัก ข้าจะหาทางไปให้เร็วที่สุด"
เฉินมู่หยางยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย
"อาซ้อท่านอย่าเกรงใจ...ท่านเป็นสหายของเสี่ยวเฟยก็เท่ากับเป็นสหายของข้า ท่านกับลูกพักให้สบายใจเถอะ"
"ทักทายกันพอแล้ว ตาเฒ่า อะเอ่อ ทะ ท่านพี่พวกเราต้องเร่งเข้าเมืองเดี๋ยวเกิดฝนตกจะลำบาก วันนี้พี่หลินกับลูกชายมาอยู่เรือนเราให้เด็กๆอยู่บ้านเถอะข้ากลัวลูกจะป่วยหากโดนฝนกลางทาง"
"อืม...เอาเช่นนั้นก็ได้ อาซ้อวันนี้รบกวนท่านดูเด็กๆให้เราผัวเมียแล้ว"
"เกรงใจไปแล้ว ข้าต่างหากต้องเอ่ยคำนั้น เรียกข้าพี่เหมยเซียงเถอะ"
"อ้อ..พี่เหมยเซียง เสี่ยวอี้กินข้าวเถอะวันนี้พี่เฟยเฟยต้องอาศัยเจ้าเลี้ยงน้องสักวันแล้วนะ"
"ขอรับ"
ทั้งหกคนนั่งกินข้าวกันมีพูดคุยบ้างประปราย จ้าวเฟยเฟยป้อนเฉินผิงผิงคำเล็กๆ ผัดผักตีนเป็ดกับไข่ทำอร่อยยิ่งนัก เฉินมู่หยางยอมรับว่าฝีมือทำครัวของนางนั้นไม่ธรรมดา นางทำอาหารรสดียิ่งนัก
ตอนแต่งนางมาท่านย่าของเขาไม่ต้องการให้นางแตะเสบียงในบ้านจึงไม่เคยได้ลิ้มรสฝีมือนาง ทั้งหมดกินอาหารที่จ้าวเฟยเฟยทำอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่คู่ปรับของนางอย่างเฉินโม่หวายก็ยังไม่วางตะเกียบ กระทั่งด้านนอกมีเสียงแหลมบาดหูดังมา
"เฉินมู่หยางไอ้อกตัญู ไอ้คนเนรคุณ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ"
"ท่านแม่ดูสิพวกมันปลูกเรือนในน้ำเสียใหญ่โต เฉินมู่หยางท่านย่าเจ้ามาไม่ได้ยิน"
"หน็อย เจ้าใหญ่...พวกมันโอหังนักก็จัดการทุบให้หมดดูสิว่ามันจะอยู่ในน้ำได้กี่วัน ฝนตกหนักพายุเข้าก็ให้มันไม่ต้องมีที่อยู่ ทุบ เลยเจ้าใหญ่ เจ้าสามทุบเลย"
สิ้นคำของแม่เฒ่าเฉินทุกคนก็ลงมือทุบบ้านดินของเฉินมู่หยางอย่างไม่ยั้งมือ เฉินมู่หยางวางตะเกียบพร้อมกับลุกขึ้นแต่เสียงเข้มของจ้าวเฟยเฟยสั่งให้เขานั่งลง
"ท่านพี่ ทานข้าวให้อิ่ม ลุกกลางคันมารยาทท่านอยู่ที่ใดกัน นั่งลง"
"ข้าจะไปดูสักหน่อย พวกนางมาอาละวาดจะทำให้เด็กๆกลัวอีกอย่างยังมีอาซ้อกับเฉินอี้ด้วย"
"แต่ว่า"
"กินข้าว เฉินมู่หยางเคยได้ยินคำกล่าวนี้ไหม เชื่อเมียแล้วจะเจริญ"
"แต่ว่า.."
"เลิกเถียง...กินข้าว ท่านพี่ข้าตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำอาหาร ปลาว่ายน้ำเร็วเพียงใดเพื่อให้ท่านได้กินน้ำแกงอุ่นท้องข้าต้องทนหนาวเหน็บกว่าจะจับได้ ถ้าท่านไม่นั่งลงกินข้าจะไม่ทำอาหารอีกแล้ว"
เฉินมู่หยางไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเชื่อฟังนางทั้งที่เมื่อก่อนเขายอมรับเลยว่าเขาเกลียดนาง อยากหย่าและขับไล่ ส่วนเฉินโม่หวายร้องไห้ออกมาก่อนจะเอ่ย
"ท่านพ่อไปดูบ้านของเราเถอะพวกเขาทุบหมดแล้ว ฮือๆๆ"
"เฉินโม่หวายหากเจ้าไม่กินข้าวดีๆข้าจะทำรอยไม้เรียวไว้ที่ก้นเจ้าสักสี่ห้ารอย กินข้าว!!"
ตุ๊บๆๆๆ เสียงทุบบ้านดินดังสนั่น ผู้ใหญ่บ้านมาแล้วเพราะมีคนไปตาม เขามาถึงก็ส่ายหน้า บ้านใหญ่ของมู่หยางทำราวกับเขาไม่ใช่ลูกหลานก่อนจะเอ่ย
"แม่เฒ่าเฉิน เจ้าก็ด้วยตาเฒ่าเฉิน ขับไล่พวกเขาแล้วยังตัดสัมพันธ์มายามนี้ต้องการอะไรจากพวกเขาอีก"
"ท่านผู้นำดูสิ พวกมันลำบากที่ไหน สร้างเรือนแพโอ่อ่าเชียวนั่นต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน นางแพศยานั่นต้องยุยงให้มู่หยางไม่เอาเงินค่าขายหมูป่ามาให้ข้าแน่ๆ"
"ใช่ขอรับท่านผู้นำ ตั้งแต่น้องรองจากไปพวกข้าก็เลี้ยงดูมันมาอย่างดีรวมทั้งลูกๆมันด้วย แต่มันกับอตัญญู"
จ้าวเฟยเฟยมองหน้าเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา
"ตัวแสดงมาแล้วรอนักแสดงรับเชิญกิติมศักดิ์มาอีกสามคน"
"หมายความว่าอย่างไรเสี่ยวเฟยของพี่"
หืม เสี่ยวเฟยของพี่ ต่อหน้าคนอื่นเจ้าก็แสดงเก่งยิงนักตาเฒ่า จ้าวเฟยเฟยค่อนขอดเขาในใจ เพราะมีหลินเหมยเซียงกับบุตรชายอยู่นางจึงไม่จิกกัดเขา เฉินโม่หวายยังสะอื้นเรื่องที่บ้านถูกทุบ จ้าวเฟยเฟยเอ่ยกับเด็กน้อย
"นี่เจ้าตัวแสบเจ้าอยากซุกหัวนอนในบ้านหลังนั้นหรืออยากนอนบ้านใหม่หลังใหญ่กว่าเดิม"
"ข้า ข้า ท่านถามทำไม ฮือๆๆ พวกเขาทุบของเราทำไมเจ้าไม่ให้ท่านพ่อไปห้ามย่าทวดกับย่าใหญ่ ฮือๆๆๆ"
จ้าวเฟยเฟยมองหน้าตัวปัญหาก่อนจะเอ่ย
"ข้าจะปลูกบ้านใหม่"
เฉินมู่หยางมองหน้านาง ก่อนจะตั้งคำถาม
"จะปลูกบ้านใหม่?"
"ใช่ถูกต้อง ฉะนั้นให้เขาทุบต่อไป"
หลินเหมยเซียงทำสีหน้างมึนงงจนหลินเฉินอี้เห็นจึงได้เอ่ยออกมา
"ท่านแม่พี่เฟยเฟยหมายถึงนางจะปลุกเรือนใหม่ที่เดิมขอรับ"
"แม่ไม่เข้าใจ หมายความว่าอย่างไร"
หลินเฉินอี้จับมือมารดาก่อนจะอธิบาย
"ปลูกเรือนที่เดิมก็ต้องรื้อถอนหลังเก่า ในเมื่อมีคนมารื้อให้เปล่าๆไม่เสียเงินเหตุใดจะไม่เอาเล่าขอรับท่านแม่ พี่ชายเฉิน"
จ้าววเฟยเฟยยกมือบางลูบศีรษะหลินเฉินอี้ก่อนจะเอ่ย
"ฉลาดมากไม่เสียแรงที่พี่ชอบเจ้า พี่ชอบคนฉลาดไม่ชอบพวกต้องพูดซ้ำซ้อนกว่าจะรู้เรื่อง"
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่