เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา
"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย
"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"
เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า
"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ"
"แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหยิมอย่างนี้โตไปจะมีประโยชน์อะไร"
จ้าวเฟยเฟยรับเอาปลามาก่อนจะไปเพิ่มไฟ นางทอดปลาจนเป็นสีเหลืองทองจากนั้นก็ใส่ขิงที่หั่นแว่นลงไปตามด้วยต้นหอมป่า ใส่เกลือเล็กน้อย เติมน้ำแล้วเคี่ยว เกือบจะยามเฉินแล้วในที่สุดอาหารก็พร้อมสำหรับสี่คน จ้าวเฟยเฟยยกอาหารเข้าไปในเรือน จานชามไม่พอนางจะเป็นต้องใช้กระบอกไม้ไผ่มาเป็นที่ใส่อาหารแทน
น้ำแกงปลาสีขาวน้ำนมช่วยให้มีความอยากอาหารมากขึ้น เฉินโม่หวายที่ยังงอนจากการที่ถูกนางว่าก็ไม่ยอมลุกมากินข้าว จ้าวเฟยเฟยเห็นว่าเขาเอาแต่ใจเพื่อเรียกร้องบิดาก็ไม่สนใจก่อนจะเอ่ยกับเฉินมู่หยาง
"ข้าจะไปชายป่าสักหน่อยน่ะ"
"ไปชายป่า?....ที่นั่นมีอะไร"
"บ้านแม่หม้ายหลิน นางป่วยอยู่กับบุตรชายแค่สองคน ข้าจะเอาข้าวไปให้นางสักมื้อ อย่าห่วงเลยเงินข้าคืนท่านแน่"
เฉินมู่หยางไม่เคยรู้เลยว่านางรู้จักใส่ใจคนอื่นด้วย จากนั้นจ้าวเฟยเฟยก็ตักอาหารบางส่วนใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะใส่ตะกร้าแล้วเดินออกไปชายป่า นางไม่ลืมที่จะเอาน้ำดื่มที่นางแช่จี้หยกลงไปด้วย ส่วนเฉินมู่หยางรู้ดีว่านางต้องการให้บุตรชายของเขากินข้าวก่อน มิเช่นนั้นนางคงไม่รีบออกไปจึงเอ่ยกับบุตรชายเมื่อนางไปแล้ว
"ท่านแม่ของเจ้านางอาจจะพูดจารุนแรงไปบ้าง โม่หวายแต่นางก็หวังดี"
"ขอรับ ท่านพ่อ แต่ว่าต่อไปท่านห้ามกอดนางอีกข้าไม่อยากให้ท่านชอบนาง"
เฉินมู่หยางถอนหายใจก่อนเอ่ย
"วันหลังห้ามแอบดูผู้ใหญ่ อีกอย่างพ่อไม่ได้กอดนาง เราอยู่บนแพบางทีก็มีคลื่นทำให้แพแกว่งโคลงไปมาไม่ยืนมั่นคง พ่อแค่รับนางไว้กันไม่ให้นางล้มก็เท่านั้น กินข้าวได้แล้ว"
เฉินผิงผิงไม่เห็นด้วยกับพี่ชายเสียงเล็กๆเอ่ยกับบิดา
"ท่านพ่อ ท่านแม่เปลี่ยนไปแล้ว นางใจดีกับผิงผิงมากนักท่านพ่อต้องรักท่านแม่นะเจ้าคะ ผิงผิงอยากมีท่านแม่"
นี่เป็นครั้งแรกที่น้องสาวเห็นต่างกับเขา เฉินโม่หวายใบหน้าหงิกงอกว่าเดิม แต่เด็กน้อยอีกคนไม่สนใจนางไม่ยอมกินจะท่านแม่กลับมา ซึ่งทำให้พี่ชายต้องรอไปด้วย ทั้งสามจึงนั่งรอจ้าวเฟยเฟยกลับมากินข้าวพร้อมกัน
ชายป่าห่างจากกระท่อมเฉินมู่หยางสิบจ้างจ้าวเฟยเฟยเดินมาหยุดที่กระท่อมโทรมหลังหนึ่งที่บัดนี้กลับแทบจะไม่ใช่ที่อยู่ของคน เมื่อคืนลมแรงหลัะงคาไม่เหลือแล้ว สองแม่ลูกไปนั่งซุกอยู่ใต้เตียงไม้เนื้อตัวเปียกปอน จ้าวเฟยเฟยร้องเรียกทั้งคู่
"พี่สาวหลิน เฉินอี้พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง"
เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีกับสตรีวัยสามสิบเศษๆคนหนึ่งคลานออกมาจากใต้เตียงเมื่อเห็นคนที่มาแววตาดีใจก็เผยรอยยิ้มทั้งที่เขาหนาวสั่นจนปากเริ่มม่วง
"พี่เฟยเฟยท่านมาแล้ว ได้ยินว่าท่านถูกป้าหวังตีเป็นอย่างไรบ้างขอรับ"
"พี่หายดีแล้ว เปียกทั้งคืนเลยหรือ"
"ขอรับ ท่านแม่เองก็ไม่ไหว ข้าไม่รู้จะทำเช่นไร นางไข้ขึ้นตัวร้อนนัก"
"เอาเช่นนี้ พามารดาเจ้าไปบ้านข้าก่อน นี่เป็นน้ำแร่พอดีเมื่อวานข้าขึ้นเขาสำรวจเลยเจอมันให้นางดื่มอาจมีแรงขึ้นมาบ้าง"
เฉินอี้รับน้ำมาจากนางก่อนจะค่อยๆกรอกปากมารดา ไม่นานจากที่อ่อนแรงก็เริ่มหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตานางขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"อี้เอ๋อร์ อาซ้อเฉินท่านมาแล้วหรือ"
"พี่หลินท่านอย่าเอ่ยอะไรเลย เดิมเอาอาหารมาให้ท่าแต่ดูเหมือนบ้านท่านจะอยู่ไม่ได้แล้ว ไปพักบ้านข้าก่อนค่อยหาทาง"
จ้าวเฟยเฟยเอ่ยขึ้น ในความทรงจำร่างเดิมแต่งมาที่นี่ได้สามวันก็มาเจอกับสองแม่ลูกที่ลำบากยิ่งกว่านางเสียอีก วันนั้นนางเจอเข้ากับไข่ไก่ป่า เดิมจะแอบไว้กินเองแต่เมื่อเห็นแม่หม้ายคนหนึ่งกับเด็กที่กำลังช่วยกันขุดรากไม้นางจึงยกไข่ป่าให้พวกเขา
และจากนั้นนางก็แอบเอาอาหารมาให้บ่อยๆเท่าที่จะแอบเอามาได้ สองแม่ลูกที่ได้ยินนางเอ่ยชวนพยักหน้า จากนั้นหลินเฉินอี้ก็พยุงมารดาเดินตามจ้าวเฟยเฟยไป เมื่อมาถึงก็ประหลาดใจ บ้านดินนั้นอยู่ไม่ได้แล้วแต่พวกเขาสร้างแพบ้านและอยู่ในนั้น
"บ้านอยู่ไม่ได้ข้าเลยสร้างเรือนแพ พวกท่านแม่ลูกอยู่ไปก่อน ที่จริงวันนี้ข้าจะเข้าเมือง ที่ข้าไปหาก็อยากให้อาอี้มาช่วยเฝ้าบ้าน งั้นวันนี้พวกท่านพักที่นี่ก่อน ข้าเข้าเมืองแล้วกลับมาจะหาทางออกให้อีกที"
จ้าวเฟยเฟยเอ่ยกับคนทั้งคู่ จากนั้นก็มาถึงเรือนแพก่อนจะเรียกหาเฉินมู่หยาง
"ท่านพี่ ท่านออกมาหน่อยเจ้าค่ะ"
เฉินมู่หยางนิ่งเงียบ เมียเรียกเขาท่านพี่ไม่ใช่คำว่าตาเฒ่า เขาหูเพี้ยนหรือก่อนจะลุกออกมาก็เห็นว่านางพาคนกลับมาสองคนจึงรีบเดินข้ามสะพานมาหา
"พวกเขาคือ...."
"นี่พี่หลิน ส่วนนี่บุตรชายของนางชื่อเฉินอี้บ้านพวกเขาพังเพราะพายุเมื่อคืน อาศัยอยู่กับเราก่อนพอดีเราจะเข้าเมืองต้องมีคนเฝ้าบ้าน คนบ้านใหญ่ท่านมิใช่ท่านไม่รู้"
เฉินมู่หยางพยักหน้าก่อนจะเอ่ย
"อาซ้อ บ้านข้าคับแคบท่านคงจะไม่ถือสานะ"
"ไม่เป็นไร แค่มีที่หลบฝนก็พอแล้ว"
"ข้าจะไปดูที่นอนให้ท่านพักก่อน เฉินอี้เจ้าพามารดาเจ้าข้ามสะพานดีๆล่ะ"
เด็กหนุ่มพยักหน้า สองสามีภรรยาเดินข้ามไปก่อน หลินเหมยเซียงเกาะแขนบุตรชายค่อยๆเดิน เมื่อพวกเขาเข้าบ้านไปแล้วหลินเฉินอี้จึงเอ่ยแก่มารดา
"เสด็จแม่ ทรงไหวหรือไม่"
"อี้เอ๋อร์ อาซ้อเฉินนางเป็นคนดีต่อไปลูกอย่าลืมบุญคุณนาง"
"เสด็จแม่ทรงวางพระทัย ลูกจะต้องล้างมลทินให้ตระกูลท่านตาและทวงความเป็นธรรมให้ท่านแน่ๆ"
"วังหลวงเป็นสถานที่กินคน พวกเราใช้ชีวิตที่นี่เถอะอย่าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย เข้าไปกันเถอะพวกเขารอแล้ว"
หลินเฉินอี้ปฏิญาณในใจ หลี่กุ้ยเฟยข้าสัญญาว่าจะให้พวกเจ้าสกุลหลี่ชดใช้สามร้อยชีวิตให้กับสกุลหลิน จากนั้นก็พามารดาของตนเข้ามาบังเรือนแพในที่สุด
เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ""แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหย
น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ""ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ""ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นห
จ้าวเฟยเฟยสบถใส่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก นางข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งบ้านหลังเก่าก่อนจะแหวกหาสิ่งที่สะดุดตาเมื่อวานนี้ตอนที่นางมาล้างเนื้อล้างตัว กอขิงขึ้นอยู่กระจุกใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีต้นหอมป่าอยู่ สายตานางเห็นของกินหลายอย่างที่สามารถกินได้ เมื่อได้ขิงกับต้นหอมป่ามาแล้วนางก็มานั่งลงที่สะพานไม้ก่อนจะเอาตะกร้าใบเล้กใส่ขิงเขย่าๆล้างดินออก นางปอกต้นหอมลอกเอาส่วนที่ใบแห้งและเน่าออกไป ตัดรากทิ้ง จากนั้นก็นำไปล้างน้ำอีกที ขณะที่นางกำลังล้างขิงและต้นหอม จี้หยกที่นางผูกไว้ที่ข้อมือก้ส่งแสงสีเขียวจางๆ จ้าวเฟยเฟยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด ฝูงปลาและกุ้งเริ่มว่ายมาหานางมากขึ้น บางตัวว่ายทวนน้ำวนกลับมา จ้าวเฟยเฟยที่ได้ยินเสียงปลาดีดน้ำก้เหลือบมอง ปลามาจากไหนเยอะแยะ มีกุ้งอีกด้วยก่อนจะเห็นสาหร่ายน้ำสีเขียวใต้น้ำขยายกอเพิ่มขึ้น นางรีบยกตะกร้าขึ้นจากน้ำทันที"ผีหลอกหรือ ฉันเห็นสาหร่ายอยู่ๆก็งอกยาว แล้วทำไมยาวแค่ตรงนี้ ปลาพวกนี้อีกนี่มันขัดกฎฟิสิกส์ไหม ปลาโลกไหนว่ายทวนน้ำ เฮ้ยมิตินี้บิดเบี้ยวหรือ"เมื่อนางสังเกตดีๆฝูงปลาค่อยๆแตกกระจายออกไป จ้าวเฟยเฟยคิดไปคิดมาก็มองที่ข้อมือตนเองจากน
ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!" นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว "ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?""กินไ
เฉินมู่หยางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แขนเสื้อของตนที่นางนอนหนุน นี่นางร้องไห้หรือ ฝันร้ายหรืออย่างไรก่อนจะขยับ ตัวนางไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เหลือเพียงอุ่นๆเท่านั้น เขาจึงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปอุนยาให้นางอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ยกมาให้นาง เฉินมู่หยางปลุกคนตัวเล็ก"จ้าวเฟยเฟย ตื่นมากินยาได้แล้ว"ฮืม""จ้าวเฟยเฟยกินยาได้แล้ว"ร่างบางตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าคนตัวโต หนวดเครายามเฟิ้มอัปลักษณ์จริงๆ ตาแก่นี่ไม่รู้จักมีดโกนหนวดหรือไงนะ จากนั้นนางก็ลุกขึ้น รู้สึกแสบๆ ที่บริเวณหน้าอก จ้าวเฟยเฟยคลำดูก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง เมื่อนางก้มมองก็เห็นจี้หยกของคุณแม่สวมอยู่ที่คอ มันติดมาด้วยตอนที่เธอรถคว่ำหรือ แต่ดูเหมือนเขาไม่เห็นเฮ้อ...ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว ร่างเดิมมีสามีที่มีลูกติดวัยห้าขวบสองคน ให้ตายสิพับผ่าฉันล่ะเกลียดยายแม่เลี้ยงนั่น แต่สุดท้ายกลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองจริงๆหรือนี่ จ้าวเฟยเฟยฮึกฮัดก่อนจะบ่นพวกคนแก่ที่นั่งเล่นหมากอยู่ข้างบนตามความเข้าใจของนาง"พวกตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนฟังดีๆ นะ ทางที่ดีอย่าให้แม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ถ้าเจอนะแม่จะเตะเรียงตัวเลย เทพชะตาอะไรเจ๊ไม่สนหรอกส่
จ้าวซินซินน้ำตาเอ่อคลอ ปากสั่นสะท้านราวกับโดนรังแก หวังใช้ความสงสารปิดบังความผิดที่ทำจ้าวเหลียนเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเกาะปลายมีด“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดจนเสื้อผ้าหลุดไปอยู่ใต้เตียงพี่สาวน่ะเหรอ…?”ร่างบางระหงก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนึ่งก้าว“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอนะจ้าวซินซิน ที่ช่วยเอาขยะชิ้นนั้นไปจากชีวิตฉัน คนอย่างถังชุน...มันก็แค่เศษเนื้อเน่าๆ ที่ฉันยังไม่มีเวลาเอาไปทิ้ง ขอบใจที่เธอยอมเก็บเอาไปน่ะ”จ้าวข่ายทนฟังลุกสาวคนโตด่าทอลุกสาวคนเล้กไม่ได้ก็เงื้อมือหวังจะตบเธอ แต่ยังไม่ทันลงมือ ข้อมือของเขาก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งกร้าว ก่อนร่างอ้วนพลุ้ยจะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงเสียงกรีดร้องจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"คุณจ้าว...โปรดสำรวมหน่อย" หลิวฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ"หลานสาวผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาแตะต้องได้"“หึ! หลิวฮ่าว! นายเป็นคนยุยงให้นางเด็กนี่ทำแบบนี้ใช่ไหม อยากฮุบบริษัทไว้เองใช่ไหม!”เธอก้าวเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ สีหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเด็ดขาด"คุณพอเถอะค่ะ น้าของหนูไม