ภาพการทะเลาะกันของทั้งสามคนตกอยู่ในสายตาคมกริบของชินอ๋องตั้งแต่ต้นจนจบ เขายิ้มเต็มใบหน้าเมื่อสุดท้ายหลิวหงเถาก็เป็นผู้ชนะ
“เจ้าจะรู้ตัวไหมนะว่าใคร ๆ ต่างก็ยอมให้เจ้าไปเสียหมด”
วันนี้ชินอ๋องเพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจที่ต่างเมือง เขาปลอมตัวจนไม่เหลือเค้าของชายสูงศักดิ์ให้ใครได้สงสัย ขนาดมานั่งจิบชาอยู่ข้าง ๆ ร้านขายต้นไม้ตรงข้ามร้านบะหมี่ หลิวหงเถายังดูไม่ออกเลย
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเช่นกัน ก่อนที่จะต้องกลับวังอ๋องไปพบกับเส้นทางที่จำต้องเลือก การได้ทำอะไรตามใจตนเองสักครู่หนึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากจริง ๆ
ระหว่างที่เขากำลังมองแก้มป่อง ๆ คีบเส้นเข้าปากตุ้ย ๆอยู่นั้น องครักษ์คนสนิทก็เดินเข้ามารายงานเหตุการณ์ที่เขาพลาดไป
“งานชมบุปผาวันนี้เกิดเรื่องชุลมุนอยู่สองเรื่องพ่ะย่ะค่ะ เรื่องแรกเป็นเจ้ากรมการคลังจูมีปากเสียงกับเสนาบดีจินต่อหน้าพระพักตร์ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย เรื่องจบลงได้ดีเพราะว่าเสนาบดีจินยอมให้ก่อน”
“มีปากเสียงกันเรื่อง”
“เสนาบดีจินเอ่ยถึงเรื่องงบการสร้างกำแพงทางตะวันตกพ่ะย่ะค่ะ”
ชินอ๋องร้อง ‘อ้อ’ ในใจ เอ่ยมาเพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าเหตุใดถึงขั้นมีปากมีเสียงกัน
ทางตอนกลางกับตอนตะวันตกของแคว้นชิงชิวราชวงศ์จะมีอิทธิพลเหนือตระกูลอื่น ตระกูลหลิวมีอิทธิพลในแถบทางใต้ ตระกูลจูมีอิทธิพลในแถบทางเหนือ การที่เสนาบดีจินซึ่งมีอิทธิพลทางตะวันตกอยู่มากเอ่ยปากเรื่องงบสร้างกำแพงไม่แปลกหากเจ้ากรมการคลังจะไม่พอใจ
“อย่างไรเรื่องการสร้างกำแพงเมืองฝั่งตะวันตกย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ข้าคิดว่าครั้งนี้เจ้ากรมการคลังค่อนข้างจะออกตัวแรงเกินไป…แล้วอีกเรื่องล่ะ”
“ส่วนเรื่องชุลมุนอีกเรื่องเป็นของคุณหนูหลิวพ่ะย่ะค่ะ”
ชินอ๋องเลิกคิ้วขึ้นทันทีเมื่อองครักษ์พูดถึงตระกูลหลิว หน้าหล่อเหลาหันไปมองยังร้านบะหมี่ก็เห็นว่านางยังทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ไม่คล้ายว่าจะมีเรื่องชุลมุนใดเกิดขึ้นกับนาง…แต่เดี๋ยวนะ
“ที่มือนางเหมือนมีผ้าปิดแผลพันไว้หรือไม่ นางบาดเจ็บ!”
องครักษ์หนุ่มเห็นท่านอ๋องกระวนกระวายใจจนเสียกิริยาเช่นนี้ ในใจถึงกับสั่นไหวแลพรั่นพรึง เขาลอบสูดหายใจเข้าลึก ท่านอ๋องของเขาแต่งคนพี่เป็นหวางเฟย แต่กลับมีท่าทีห่วงใยน้องสาวแท้ ๆ ของหวางเฟยเช่นนี้
“ว่าอย่างไร เกิดอันใดขึ้นกับนาง!”
ขนาดเขาเห็นว่าหลิวหงเถายังมีชีวิตอยู่ดีแท้ ๆ ยังออกอาการถึงเพียงนี้ ไม่ต้องคิดสภาพตอนที่นางเป็นอะไรจริง ๆ ขึ้นมา
“เอ่อ องครักษ์ของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยกล่าวว่านางน่าจะจิกเล็บลงมือของตนเองพ่ะย่ะค่ะ สืบจากสาวใช้ในจวนจึงรู้ว่าก่อนที่นางจะเกิดบาดแผลขึ้น คุณหนูจินกับคุณหนูจูพูดถึงเรื่องที่หวางเฟยส่งเทียบเชิญให้พวกนาง แต่คุณหนูหลิวกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
งานเดียวที่หวางเฟยของเขาจะจัดขึ้นในวังเร็ว ๆ นี้คือการประชันปักผ้า เพราะนางได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีฝีมือดีที่สุดในเมืองหลวง
นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้กัน!
ก่อนที่นางจะอภิเษกเข้าวังอ๋องมา เสื้อผ้าปักลายงดงามต่าง ๆ ล้วนถูกส่งเข้าวังหลวงไม่ว่างเว้น ลวดลายมังกรเหมือนจริงจนคนใส่ดูสง่างามขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เมื่อถามว่าใครเป็นคนปัก คนที่นำมาส่งให้ก็จะบอกว่าหลิวตันตันเป็นคนลงมือปักด้วยตนเอง
“หึ! มีชื่อเสียงเพราะน้องสาวตัวเองแท้ ๆ พอได้ติดปีกมีตำแหน่งสูงกว่านางหน่อยก็ตั้งใจเพิกเฉยต่อนางแล้วงั้นสิ”
ใช่! ผ้าทุกผืนที่ถูกส่งเข้าวังมาก่อนหน้านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะฝีมือของหลิวหงเถาทั้งนั้น ถ้าเขาไม่ให้คนไปสืบดูลักษณะนิสัยของหวางเฟยก่อนอภิเษก ก็คงหลงคิดไปแล้วว่านางเป็นแม่พระจริง ๆ อย่างที่น้องสาวของนางเคยพูดไว้
“ตอนนี้ทำแผลใส่ยาเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่วาดรูปเสร็จนางได้ขอตัวกลับก่อนจึงพลาดคำชมเชยจากคนทั้งงาน”
“นางชนะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชินอ๋องยกยิ้มกว้างพร้อมมองไปยังหลิวหงเถาด้วยสายตาที่ลุ่มลึกมากกว่าเดิม เขาให้คนไปสืบเรื่องของหวางเฟยตัวเอง แน่นอนว่าเขาย่อมสืบเรื่องของคนใกล้ตัวหวางเฟยด้วย
ก่อนจะพบกันที่นั่น เขารู้แค่ว่านางเป็นสตรีที่ขี้อิจฉาพี่สาวของตนเองที่สุด ในใจจึงมีความคิดที่ไม่ดีต่อนางแล้ว คิดว่านางก็แค่คุณหนูนิสัยแย่ที่ถูกบิดามารดาเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ
แต่คนนิสัยแย่อะไรจะยอมยกกระบอกน้ำอันสุดท้ายให้ขอทานกัน!
“พี่เถาเถ่า เหตุใดท่านทานแต่ผักแล้วเอาเนื้อให้สุนัขกินหมดเล่าขอรับ”
“พี่ขี้เกียจเคี้ยวนะหมินมิ่น ดูสิมันคงหิวมากเลยกระมัง…กินเยอะๆ นะเจ้าสุนัข”
“หากไม่กินก็เอามาให้พี่ชายเจ้ากินนี่…แต่เดี๋ยวก่อน เจ้าคิดจะสงสารทุกคนยกเว้นพี่ชายตัวเองใช่หรือไม่!”
“อย่างเจ้ากินไปก็เสียดายของ ว่าแต่เกี๊ยวชิ้นนั้นเจ้ากินหรือไม่ ถ้าไม่กินก็เอามานี่ ข้าจะให้เจ้าตูบ”
ชินอ๋องหัวเราะให้กับการสนทนาของพวกเขาทั้งสามคน การที่นางยอมคีบชิ้นเนื้อให้สุนัขไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา และนั่นยังทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ได้รับน้ำกระบอกอันสุดท้ายจากมือนาง
วันนั้นเขาปลอมตัวเป็นขอทานไปทำภารกิจร่วมกับเหล่าองครักษ์ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือฟ้าลิขิตที่เขาได้พบนางเข้า จึงอยากลองใจโดยการเดินเข้าไปขอน้ำจากนาง วันนั้นใบหน้านางซีดมาก เหงื่อท่วมตัวไปหมด แต่เขาก็ยังกล้าเข้าไปขออย่างหน้าด้าน ๆ
‘ให้เจ้าก็ได้ ดื่มอย่างระวังหน่อยนะ เหลืออันสุดท้ายแล้ว’
ทุกวันนี้เขายังเก็บกระบอกน้ำที่นางให้ไว้อยู่เลย หากเขาจะพูดว่าตกหลุมรักนางเพราะเหตุการณ์นี้จะดูเป็นบุรุษใจง่ายหรือไม่
“…เอา! ก็ ก็ข้าคิดว่าเจ้ามีเงิน”
“เกิดอันใดขึ้น”
เพราะมัวแต่คิดย้อนอดีตทำให้เขาไม่ทันเหตุการณ์ปัจจุบันของนาง เห็นอีกทีพวกเขาสามคนก็ยืนทำหน้างงใส่กันอยู่ต่อหน้าเถ้าแก่ร้านบะหมี่แล้ว
“เหมือนจะมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินพ่ะย่ะค่ะ”
ชินอ๋องพยักหน้ารับพร้อมรอดูอีกหน่อย หากสถานการณ์เข้าขั้นไม่ดี อย่างไรเขาย่อมเดินเข้าไปช่วยเหลือนางอยู่แล้ว
“เดี๋ยวนะน้องหญิงเล็ก เจ้าแต่งองค์ทรงเครื่องมาเสียงดงามเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่พกเงินเล่า”
“ถ้าข้ามีเงินข้าคงไม่เดินเหงื่อโทรมกายกลับจวนหรอก คงเช่ารถม้ากลับตั้งแต่แรกแล้ว!”
สองแฝดเถียงกันเสียงดังอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น คนกลางอย่างชิงหมินจึงลำบากใจไปด้วย แต่แล้วสายตาขี้ขลาดหวาดกลัวง่ายของเขาก็เห็นปิ่นเงินงดงามที่ปักอยู่บนผมยาวสลวยของหลิวหงเถาเข้า
“พี่เถาเถ่าขอรับ ปิ่นนี่…” ใช้จ่ายค่าบะหมี่ได้หรือไม่ขอรับ
ประโยคหลังเขาไม่ได้พูดออกไป แต่หลิวหงเถาก็สามารถอ่านความคิดของชิงหมินออก นางถลึงตาใส่เขาเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้วกล่าวด้วยเสียงลอดไรฟัน
“หมินมิ่น! เจ้าเคยเห็นใครจ่ายค่าบะหมี่ด้วยปิ่นปักผมราคาสามพันตำลึงเงินหรือไม่”
ชิงหมินหน้าจ๋อยไปเลยพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาหลิวหงเถา จุดที่พวกเขายืนอยู่คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะมาก หลิวหลี่เฟยไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้จึงได้ร่วมกดดันหลิวหงเถาด้วยอีกคน
“น้องหญิงเล็กเอาให้เถ้าแก่ไปก่อนเถอะ เอาจำนำไว้ก่อนก็ได้ กลับถึงจวนเมื่อใดค่อยให้คนเอาเงินมาจ่ายค่าบะหมี่ให้”
ปัง!
เสียงมีดสับลงบันเขียงเสียงดังจนคนของตระกูลหลิวทั้งสามสะดุ้งโหยง ยืนเอาตัวเบียดเสียดเรียงหน้ากระดานในทันที
“ร้านของข้าไม่ใช่โรงรับจำนำ หกชามที่กินไปมีจ่ายหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไปล้างจาน!”
หลิวหลี่เฟยหน้าตึงแล้วหน้าตึงอีก ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเถ้าแก่พร้อมถาม “พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่รู้สินะว่าบิดาของข้าเป็นใคร เส…”
“พี่รอง!”
หลิวหลี่เฟยชะงักเมื่ออยู่ ๆ น้องสาวฝาแฝดก็เรียกตนว่า ‘พี่’ ร้อยวันพันปีนางไม่เรียก
แต่มาเรียกเพราะไม่อยากให้ข้าเอ่ยฐานะท่านพ่อเนี่ยนะ!
“เอ่อ ขออภัยเจ้าค่ะเถ้าแก่ อย่างนี้ได้หรือไม่ ข้าขอเอากำไล…”
“เดี๋ยวข้าจ่ายให้”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับที่มีร่างสูงในชุดเสื้อผ้าทั่วไปเดินเข้ามาร่วมวงด้วย ชินอ๋องหันไปมององครักษ์แค่เพียงหางตาเขาก็เข้าใจความหมายแล้วจัดการจ่ายเงินค่าบะหมี่ให้
หลิวหงเถานอกจากจะเป็นโรคขี้ลืมเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันแล้ว นางยังจำหน้าคนไม่ค่อยเก่งด้วย ใบหน้างุนงงที่เผลอมองชินอ๋องและองครักษ์นั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
“ต้องขอบคุณท่านด้วยนะเจ้าคะ ว่าแต่เราเคยรู้จักกันหรือไม่ หรือว่าท่านรู้จักเราผ่านบิดาหรือมารดาของพวกเรา”
ชิงหมินจ้องหน้าชินอ๋องอยู่เพียงชั่วครู่ก็จำได้แล้วว่าเขาเป็นใคร ร่างสูงย่อตัวลงต่ำแล้วกระซิบข้างใบหูเล็กของหลิวหงเถา
“ชินอ๋องขอรับพี่เถาเถ่า”
ชินอ๋องเช่นนั้นหรือ เหตุใดปลอมตัวได้เนียนถึงเพียงนี้