ณ ลานฝึกซ้อม
“ถ้างั้นข้าจะแนะนำอีกสามท่านที่เพิ่งมาเมื่อวานแล้วกัน บารอนฟรัง เอิรล์สตุฟเฟล ลอร์ดโฟลช์ ทั้งสามท่านนับจากวันนี้เป็นต้นไปจะมาทำหน้าที่เป็นอัศวินของข้า ขอให้ทุกคนจดจำและไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันในภายหลังด้วยขอรับ”
“รับทราบ คุณชายริค” ทั้งสามคนขานรับ
“ไม่ใช่ขอรับ ต้องพูดว่ารับทราบ ท่านไวท์ ไหนลองพูดอีกที”
“รับทราบ ท่านไวท์”
“วันนี้เจ้าชายคลาสกับเจ้าชายครอสจะมาเป็นคู่ฝึกซ้อมให้ข้าชั่วคราว ขอให้ทุกคนรอดูบริเวณด้านนอกแทน”
“ขอรับ ท่านไวท์”
“แล้วอาจารย์ล่ะไวท์” เอิรล์ฟาร์ดอนถามด้วยความสงสัยเพราะมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงสามวันก็เปลี่ยนคู่ซ้อมแล้วเหรอ
“ท่านอาจารย์ไปรอด้านนอกก่อนขอรับ เดี๋ยววันอื่นค่อยมาซ้อมด้วยกัน”
“ได้”
“แล้วจะเริ่มจากใครก่อนล่ะไวท์” คลาสถามเ
“ข้าจะไปเรียนอาจารย์ให้เลื่อนการสอนออกไปอีกหนึ่งชม. แล้วเจอกันที่ห้องเรียนขอรับ ท่านไวท์” เฟลิกซ์ตัดสินใจแทนเจ้านายที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรอยู่นาน“เฟลิกซ์ นี่เจ้า!”“บางเรื่องท่านก็ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ขอรับ ท่านรู้ดีที่สุดว่าแม้แต่รัชทายาทก็ยังไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้” เป็นความจริงดังที่เฟลิกซ์พูด เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหามานานหลายวัน ปกติองค์รัชทายาทมักจะออกหน้าเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหรือให้คำแนะนำ แต่ครั้งนี้พระองค์กลับเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด“เฮ้อ...เดี๋ยวข้ากลับไปเรียน ฝากบอกท่านอาจารย์ด้วย”“ขอรับ ท่านไวท์”“มาคุยกันที่สวนแล้วกันครับ เพราะทุกคนไม่น่าจะตามมาแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา หวังว่าจะมีเรื่องราวที่ดีเกิดขึ้นนับจากนี้“แม่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องทำให้ลูกต้องโดดเดี่ยว ต้องจากบ้านจากเมือ
“ค่อย ๆ หายใจสิคะ เดี๋ยวก็เหนื่อยก่อนพอดี” มือหนาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาเพราะเห็นว่าหายใจหอบหนักหน่วงเกินไป กลัวว่าจะหายไม่ทันก่อนจะเริ่มบทรักจากนี้ไป“ขอพักสักหน่อยได้ไหมครับ เหมือนผมจะหายใจไม่ทันเลย” มือขาวยกมือขึ้นมาปิดปากของรัชทายาทเอาไว้ ความรู้สึกหลากหลายตีรวนกันไปหมด ราวกับจะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ“หืม...แล้วตอนนี้ไม่ได้พักอยู่เหรอคะ”“ผมจะไม่ได้พักเพราะพี่นั่นแหละครับ”“งั้นมาช่วยกันทำให้หายอึดอัดดีไหมคะ เพราะว่าพวกเราคงจะอยู่สภาพแบบนี้ไปทั้งคืนคงไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำบอกพลางจับมือขาวมาวางส่วนร้อนระอุที่แข็งขืนอยู่บนมือ“ถ้างั้นวันนี้จะทำพันธะสัญญาเลือดอย่างจริงจังใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มถามอย่างจริงจัง“เจ้าไปรู้อะไรมางั้นรึ ถึงได้ถามเช่นนี้”“ผมรู้มาว่าการกัดคอทำพ
“เจ้าดูแลลูกของข้าได้ดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้เสียอีก รัชทายาทแวมไพร์”“หึ ก็ดีกว่าคนเป็นแม่อย่างท่านก็แล้วกัน”“นี่เจ้า!”แอ๊ด!“มีอะไรกันหรือเปล่าครับพี่คีย์ ทำไมจักรพรรดินีโวยวายเช่นนั้นล่ะพะยะค่ะ” ไวท์ถามออกมาด้วยความสงสัยแต่สรรพนามในการเรียกนั้นช่างแตกต่าง“ทำไมเรียกแม่แบบนี้ล่ะ ลองเรียกแม่สักครั้งนะ” ซิคฟรีดบอกพลางเดินเข้าหาแต่อีกคนเดินถอยหนี“มานี่สิ ไวท์” ไม่เรียกเพียงอย่างเดียว เขาใช้พลังเวทย์ทำให้ร่างสูงโปร่งลอยมานั่งลงบนตักของตนเอง“พวกท่านทั้งสองคนไปคุยกันให้เรียบร้อยก่อนเถอะ เรื่องของไวท์ข้าจะจัดการเอง” เสียงทุ้มต่ำบอกพลางผายมือไปยังประตูพร้อมใช้พลังเปิดออกมาเป็นการส่งสัญญาณให้เดินออกไป โดยไม่ต้องขานรับ ทำให้ทั้งคู่เดินออกไปแต่โดยดีหมับ!
“แต่ข้าก็ไม่อาจให้ลูกอยู่แดนมังกรได้ อาจจะถูกคนในดินแดนทำร้ายก็เป็นได้” ซิคฟรีดบอกพลางกัดฟันด้วยความขมขื่นในจิตใจ มันเป็นความจริงทั้งหมด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ หากเธอดูแลไม่ได้อย่างน้อยถ้าส่งให้ อพอลโลก็ยังเลี้ยงดูได้ ด้วยนิสัยของเขาจะต้องทำเช่นนั้นเป็นแน่“สิ่งที่เจ้าคิดไม่ผิดนักหรอก แต่มันจะดีกว่านี้หากข้ารับรู้และเฝ้ามองการเติบโตของเขา อย่างน้อยก็ทำให้ไวท์รับรู้ว่ายังมีพ่อที่คอยมาหา” อพอลโลกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า หากเขารู้เร็วกว่านี้น่าจะได้เห็นการเจริญเติบโต ช่วงเวลาที่น่ารักของลูกชายตัวน้อย แต่บัดนี้คงไม่น่าอยากได้ความรักจากเขาแล้ว“ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ ทำให้เด็กได้รับความเสียหายทางจิตใจ”“ท่านเป็นจักรพรรดิยังไง ถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“เจ้าเป็นถึงจักรพรรดินีแดนมังกร มีอำนาจทางทหารและการเมืองทัดเทียมกับข้า ข้าพูดความจริงผิดตรงไหน หากวันพรุ่งนี้เจอลูกของเจ้า
“ข้าอยากจะบอกพวกท่านทั้งสองว่า บัดนี้ผู้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ในโลกมนุษย์เสียชีวิตแล้ว ภายใต้การดูแลจักรวรรดิของพวกเรา” รัชทายาทเอ่ยบอกสิ่งสำคัญและก้มหัวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง“ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะช่วงอายุของมนุษย์นั้นช่างสั้นนัก ถ้าเทียบกับพวกเราทั้งหมดในที่แห่งนี้นับว่ายาวนานกว่ามาก” อพอลโลบอกพลางก้มหัวเช่นกัน“เจ้าคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้เหรอไวท์ ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด ข้าเป็นทั้งคู่หมั้นและผู้ปกครอง เจ้าอยากจะทำอะไร นับจากนี้” รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือสภาพจิตใจของไวท์ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมนี้“ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดีครับ ตกใจ เสียใจ ดีใจ โล่งใจ มันสับสนไปหมดเลย” เขาไม่สามารถรับรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน“เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นภรรยาข้า ต้องการสิ่งใด จงเอ่ยออกมา” รัชท
“เจ้าบ้านี่! อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ!” อีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้าใช้พลังเวทย์จู่โจมเข้ามาด้วยความเร็วของสัญชาติญาณแวมไพร์ เป็นความจริงที่ว่าแวมไพร์ยิ่งมีอายุขัยมากเท่าไหร่ ก็จะมีพลังมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับเผ่าพันธุ์ของมังกรกับเทพเลยแม้แต่น้อยโดยธรรมชาติของเผ่ามังกรนั้นมีพละกำลังมหาศาล รวมถึงเอกลักษณ์ในการเรียนรู้เวทย์มนตร์นั้นถือว่าเป็นเลิศ และมีพลังที่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งพระเจ้า ถือเป็นสิ่งที่ชาวสวรรค์เกรงกลัวมากกว่าเผ่าอื่นเพราะมีข้อห้ามของสวรรค์อยู่ แต่สำหรับมังกรกลับไม่มีผลเช่นนั้นพลังของเทพเกิดจากแรงศรัทธาของมนุษย์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จะทำให้เทพที่ถูกบูชามีพลังมากพอที่จะปกปักษ์คุ้มครองแผ่นดินให้มีความปลอดภัย ช่วยเหลือยามถูกปีศาจรุกรานได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสงสว่างของปีกเหล่าเทวดาหรือเทพเจ้าเองก็เป็นออร่ามากพอที่จะทำให้ได้รับความเคารพเรื่อยมา“ข้าไม่เคยคิดล้อเล่นกับเจ้า ทุกอย่างจริงจังเสมอ” มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพร้อมกันแล้