LOGIN"มิน่าล่ะ! ข้าถึงได้หลับตามน้ำแบบไม่อยากจะตื่น พลังของท่านพี่สุดยอดไปเลย" ไวท์บอกพลางชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้าง สำหรับจักรวรรดิแล้วการยกนิ้วไม่มีความหมายอะไรแต่ดูท่าสำหรับโลกมนุษย์น่าจะหมายถึงเก่งหรือเปล่า
"ในโลกมนุษย์หมายความว่าเก่งใช่ไหม" "ไม่ใช่แค่เก่งนะพะยะค่ะ เขาเรียกว่าเจ๋งไปเลย" "เจ๋งไปเลย หมายความว่าอย่างไร" "หมายความว่าสุดยอดมาก แปลกใหม่ เรียกว่าเจ๋งพะยะค่ะ" "ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าควรกินอะไรสักหน่อยนะ อาหารถูกยกมาวางให้แล้ว พวกเจ้าก็คุยกันต่อไปเถอะ" จักรพรรดิไอสองสามครั้งเพื่อเตือนว่าไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคุยกันสบายใจแบบนี้ ควรกินข้าวและไปจัดการเรื่องข่าวลือให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นน่าจะกลายเป็นเรื่องไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน "รัชทายาท" "พะยะค่ะ ท่านพ่อ" "เจ้าจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องการดีฟให้ที่ประชุมฟัง ส่วนหนูไวท์" เรื่องดีฟคือหัวข้อสำคัญในการคุยงานครั้งนี้งั้นรึ "พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดิ" "ก็ต้องเข้าห้องประชุมไปเพื่ออธิบายเรื่องชาติกำเนิดเหมือนกัน พ่อรู้ว่าหนูน่าจะรู้ว่าตนเองมีชาติกำเนิดมาจากอะไร จะได้หายสงสัยกันสักที เพราะเรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้มันแพร่ไปทั่ววังหลวงแล้ว หากไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องล่ะก็...ต้องมีการทำให้ราชสำนักปั่นป่วนแน่นอน" ความจริงแล้วจักรพรรดิคิดว่าเหตุการณ์ในวันนั้นน่าจะไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในร่างกายของเด็กคนนี้ขึ้นมา แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ทุกคนในราชสำนักต้องรับรู้เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาได้อีกในเรื่องชาติกำเนิด เรียกเหล่าคนรับใช้ในวันนั้นมาสอบปากคำดีกว่า "พะยะค่ะ หม่อมฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่ามีความทรงจำที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างและรู้แค่ว่าตนเองเป็นมนุษย์ นอกนั้นเรื่องอื่นหม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยสักนิด" หลังจากเหตุการณ์ที่รัชทายาทมาหาก็จำไม่ได้อีกเลย เหมือนว่าความทรงจำมันไม่เป็นรูปไม่เป็นร่าง สิ่งที่จำได้คือถูกยิงตกน้ำน่าจะตายแต่ก็รอดมาได้แล้วถูกพามาที่ไหนสักแห่ง และมารับรู้ว่าที่นี่คือจักรวรรดิโลกคู่ขนาน ไม่ใช่โลกมนุษย์ที่อาศัยอยู่ ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหนกัน ครอบครัวของผมจะอยู่ดีมีสุขไหม ทุกคนจะกังวลใจในการตามหาผมบ้างหรือเปล่า หลากหลายคำถามมากในตอนนี้ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้สักคนแม้กระทั่งคนที่คอยปกป้องเรามาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด รัชทายาทบอกว่าพบตาที่เดียวกับที่เราหล่นลงมาเหมือนกัน แล้วพามาอยู่เหมือนกันแต่สถานะแตกต่างกัน ตอนตามานั้นอยู่ในสถานะของสหายคนสนิทหรือเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แต่สถานะของผมคือว่าที่สะใภ้ของจักรวรรดิ แม่ของแผ่นดินในอนาคต ทำไมถึงเอาอนาคตที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นมาฝากไว้กับเด็กที่อายุเพียงเท่านี้กัน บางทีปริศนาหลายอย่างก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่พบเลย ณ ห้องประชุม "ในเมื่อมากันครบแล้ว เริ่มการประชุมได้" จักรพรรดิเปิดพิธีการประชุมทันที เหล่าขุนนางมองผู้มาเยือนใหม่ทั้งสองคนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในราชสำนักตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนั่นก็คือรัชทายาท ว่าที่พ่อคนใหม่ของจักรวรรดิ และคุณชายริค ไวท์ ลูกชายบุตรธรรมอย่างไม่เป็นทางการของตระกูลริค "หัวข้อการประชุมในครั้งนี้คือ ความมั่นคงของจักรวรรดิและชาติกำเนิดของมนุษย์ผู้มาจากโลกอื่น" ดยุค ตระกูลโฟลช์ เริ่มหัวข้อการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากข่าวลือหลายอย่างแพร่หลายไปทั่วจนต้องมีการประชุมเพื่อให้รับรู้โดยทั่วกัน ข่าวครั้งนี้จำเป็นต้องมีการถ่ายทอดสดให้ชมทั่วจักรวรรดิเพื่อให้รับรู้กันอย่างทั่วถึงโดยอาศัยคริสตัลเป็นเครื่องมือสื่อสารในการฉายภาพขึ้นมาด้วยเวทย์มนตร์ "ข้าขอถามรัชทายาทว่ามนุษย์ผู้นั้นมีความเหมาะสมกับพระองค์ตรงไหนกัน มองไปทางไหนก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปของจักรวรรดิ และไม่มีอะไรยืนยันได้ด้วยว่ามาจากโลกอื่นหรือไม่ ใครจะเป็นคนให้คำตอบกับเรื่องนี้กัน" ดยุค ตระกูสวิตเริ่มถกประเด็นที่ใครๆ ก็อยากถามแต่ไม่กล้าถามเพราะว่าเกรงกลัวรัชทายาทกันหมด สมเป็นตระกูลสวิตที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแม้กระทั่งตระกูลกษัตริย์ก็ตาม "เหมาะสมหรือไม่เดี๋ยวได้รู้กัน ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะยืนยันได้นั้น ข้าขอเชิญ ดยุคสตุฟเฟลผู้ดูแลเรื่องการทำนายและมองเห็นหลายโลกมาให้คำยืนยันในครั้งนี้เพื่อให้ได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง รวมถึงให้ไวท์พูดชื่อจริงของตนเองออกมาก่อนที่จะได้รับชื่อใหม่ ซึ่งพยานในครั้งนี้คือคุณชายมาร์แชล บลัฟเฟอร์ เขาคือผู้ที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้เมื่องานเลี้ยงครั้งก่อน" รัชทายาทเริ่มโต้กลับทันทีด้วยเหตุผล น้ำเสียงเรียบนิ่ง ท่าทีสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะมีอะไรมาทำลายก็ไม่เคยหวั่นไหวแม้แต่ครั้งเดียว "ข้าสามารถยืนยันได้ว่าคุณชายไวท์เป็นคนจากโลกอื่นไม่ใช่ของจักรวรรดิ เนื่องจากเสื้อผ้าในตอนแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ไม่เหมือนกับที่ชาวจักรวรรดิใส่กัน นี่คือหลักฐานเสื้อผ้าและข้าวของทั้งหมดของคุณชายไวท์ และข้าคือโหราจารย์คนปัจจุบันที่มีพลังมากที่สุด ย่อมมองเห็นโลกอื่นได้มากที่สุด" ดยุคตระกูลสตุฟเฟล พูดพร้อมชี้แจง ข้าวของทีละชิ้นว่าแต่ละอันเรียกว่าอะไรแต่ไม่มีใครในจักรวรรดิรู้จักเลยสักคน สิ่งนี้สามารถยืนยันได้ว่ามาจากโลกอื่นเป็นจริง "ข้าไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ไม่ใช้อาวุธมาก่อนเลย แล้วตอนแรกที่แนะนำตัวกัน มนุษย์ผู้นี้ชื่อ จีน จิรายุ ไพศาล คาดว่าน่าจะเป็นชื่อมาจากโลกอื่น เพราะพวกเราไม่มีชื่อที่ยาวหรือแปลกแบบนี้แน่นอน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ในวันนั้นด้วย" มาร์แชล ออกโรงอธิบายความจริงแล้ว นอกจากทุกอย่างจะไม่ได้ถูกเตี๊ยมมาแต่สามารถทำให้ไวท์หมดข้อกังขาในเรื่องการมาเยือนจักรวรรดิแล้ว "ผมชื่อ จิรายุ ไพศาล ชื่อเล่น จีน เป็นนักเรียนระดับมัธยมปลาย ผมไม่รู้จักที่นี่มาก่อนว่าคือที่ไหนจนกระทั่งได้พบกับรัชทายาทของจักรวรรดิ ส่วนเรื่องความเหมาะสมของผมกับรัชทายาท มีเกณฑ์อะไรในการตัดสินว่าอะไรควรอะไรไม่ควร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจว่ามีความภักดีต่อราชวงศ์มากแค่ไหน ไม่ใช่เอาแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสมบัติและอำนาจ สถานที่ๆ ผมจากมาสอนให้มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เลื่อมใสในศาสนา ทำตัวที่ดีให้เป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง ไม่ใช่มานั่งวิพาทวิจารณ์คนอื่นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เอาชาติกำเนิดมาตัดสินโดยที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง" "บังอาจ! เจ้ากล้าดูถูกข้างั้นรึ เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม" "ดยุคสวิต ช่วยระงับอารมณ์ด้วย การแสดงกิริยาแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูลหรอกนะ" ดยุคตระกูลโฟลช์ ปรามทันทีที่อีกฝ่ายแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมา การทำตัวแบบนี้ต่อหน้าประชาชนไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ถึงจะไม่มีใครเห็นหน้าที่ชัดเจนนอกจากเสียงในการประชุมแต่ทำแบบนี้ก็ไม่ได้ถูกต้องนักเนื่องจากอีกฝ่ายอายุมากกว่าหลายรอบ "แล้วเจ้าคิดว่าตนเองเหมาะสมกับ ตระกูลบีเลอ มากแค่ไหน" ดยุคตระกูลฟรัง ซักไซ้ทันทีเพราะอยากรู้ว่ามนุษย์จากโลกอื่นจะตอบเช่นไร "แน่นอนว่าข้าไม่มีความเหมาะสมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับตระกูลบีเลอ และก็ไม่ได้คาดหวังเรื่องที่จะเป็นจักรพรรดินีในอนาคตด้วย แต่ทุกอย่างอยู่บนความไม่แน่นอน ย่อมต้องมีอะไรมาเกี่ยวพันให้เกิดความสัมพันธ์จนหาทางออกได้ในที่สุด ไม่มีใครสามารถทำให้ตนเองได้สมปรารถนา ได้อย่างมีเสียอย่างอยู่ร่ำไป การมีช่วงอายุที่ยาวนานก็ต้องแลกมาความเจ็บปวดที่ต้องทนเห็นคนสำคัญค่อยๆ ตายจากไปทีละคนสองคน แบกรับความทุกข์เอาไว้ที่ตนเองคนเดียวและอยู่กับความเดียวดายไป ตราบชั่วนิรันดร์" "อย่าคิดว่าพ้นข้อหาพวกนั้นแล้วจะได้ใจนะ ชาติกำเนิดของเจ้ามาจากอะไรกันแน่ ตอนแรกเป็นมนุษย์ ผ่านไปสักพักเป็นลูกครึ่งเทพ ล่าสุดเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เจ้ารู้ตัวไหม จิรายุ ไพศาล" ดยุคตระกูลริค จี้ปมจุดนี้ทันทีเพราะใครๆ เองก็สงสัยใคร่รู้กันหมดไม่เว้นแม้แต่จักรพรรดิและจักรพรรดินี "ข้าไม่รู้หรอกว่าตนเองมีชาติกำเนิดเป็นอะไร ความทรงจำมันไม่เป็นรูปเป็นร่าง นอกจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนที่ข้าจะสลบไปเท่านั้นน่าจะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด" "ข้าในฐานะรัชทายาทของจักรวรรดิจะเป็นคนให้คำตอบเอง จิรายุ ไพศาล เป็นลูกชายที่เกิดจากเทพบุตรของเทพ อพอลโล่กับ ซิคฟรีด ทุกคนที่อยู่ในห้องครัวเป็นพยานได้ทั้งหมดว่าเห็นเด็กคนนี้มีปีกเหมือนเทวดาและเกล็ดเหมือนมังกร มีคนคอยคุ้มครองเด็กคนนี้อยู่ ทำให้ความทรงจำถูกปิดกั้นไปบ้าง ข้าคิดว่าความทรงจำจะกลับมาก็ต่อเมื่ออายุครบสิบแปดปีตามวัฒนธรรมของมนุษย์ในจักรวรรดิแต่ไม่รู้ว่าในโลกอื่นจะเหมือนกันหรือไม่"Au Actor Eight timeภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“แต่ว่า... อ๊ะ!” เขาพยายามจะอธิบายแต่กลับรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิมเพราะถูกปรนเปรอด้วยมือทั้งสองข้างของคนอายุมากกว่าจนสติเลือนลาง“ไม่ได้หรอกคนดี อย่าดื้อสิคะ” การฝืนสอดใส่สำหรับคนไม่เคยเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินไป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะทำการสวนล้างมาอย่างดีในวันก่อนแล้วก็ตาม เรื่องแบบนี้ควรให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า&
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบจุ๊บ!“น้องจีนไม่ต้องกลัวไปหรอกนะคะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่น้องกำลังกังวลอยู่”“จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ พี่ให้สัญญา”“พี่จะอ่อนหวานกับผมมากเกินไปหรือเปล่า” จิรายุถามออกมาด้วยความเขินอาย ตั้งแต่ถูกอุ้มจนกระทั่งมานอนบนเตียงเหมือนจะได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษมากกว่าตอนอยู่ชั้นล่างอีก น้ำตาก็เหมือนจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่ความเสียใจแต่ตื้นตันใจจนอธิบายไม่ถูก“ไม่มีอะไรที่มากเกินไปค่ะ สำหรับคนรักของพี่”“หา
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“เหลือโฆษณาน้ำอัดลมตัวสุดท้ายแล้วที่ยังติดสัญญา จะต่อสัญญากับทางบริษัทหรือเปล่า” เฟลิกซ์ถาม“คงไม่หรอกครับ ผมคิดไว้แล้วว่าหมดสัญญารอบนี้จะกลับไปช่วยงานตาแล้วน่ะ”“เอาแบบนั้นเหรอ แล้วต่อไปพี่จะทำอะไรดีล่ะเนี่ย งานสมัยนี้ก็หายากเอาเรื่องนะเนี่ย”“ไม่เห็นจะยากเลยครับ ก็ย้ายตามผมไปที่บริษัทด้วยเลยสิ เรื่องแค่นี้เอง” เสียงทุ้มนุ่มพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”&
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบหลังจากการถ่ายทำรายการช่องทางของจิรายุในวันนั้นก็เกิดแฮชแทคคู่ชิปเกิดขึ้นต่อจากการทำงานร่วมกันที่มีตารางงานติดต่อกันมาสักพักแล้ว แต่มีสิ่งผิดปกติหนึ่งอย่างเกิดความสงสัยในใจของเพื่อนสนิทจึงเอ่ยถามออกไป“แกชอบน้องจีนเข้าแล้วใช่ไหม หลัง ๆ แกวางตัวไม่เหมือนเดิม เริ่มถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว คนนอกอาจจะดูไม่ออกเพราะคิดว่าทำตัวเหมือนเดิมแต่สำหรับฉัน นี่มันเกินเพื่อนสนิทไปแล้ว รู้ตัวบ้างไหมวะ” เมล์ถามตรงประเด็นเพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนซี้หลบเลี่ยงคำถามได้เหมือนตอนตอบนักข่าว“อืม ขนา
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่เด็กคนนั้นเข้ามาในชีวิตของแก ลางร้ายลดน้อยลงบ้างไหม”“ถึงจะไม่ได้ลดน้อยลงมาก แต่ผมก็ปลอดภัยมากขึ้นครับคุณพ่อ”“เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้วสินะ ต่อไปเรื่องแต่งงาน คิดไว้หรือยัง”“ยังเลยครับ ชีวิตทำงานที่ดี เพื่อนร่วมงานดี ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย”“แต่งงานกับจิรายุเลยไหมล่ะ ฉันได้ยินมาจากตาแก่ว่าร่างกายของเด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ สามารถตั้งครรภ์ได้ เพราะฉะน
ภาคพิเศษ:นักแสดง:Mpregนำแสดงโดยเคียร์ คีรติ บุลันภิรมย์ อายุ 32 ปี อาชีพ นายแบบจีน จิรายุ ไพศาล อายุ 24 ปี อาชีพ นักแสดงเฟลิกซ์ อายุ 28 ปี อาชีพ ผู้จัดการนักแสดงเมล์ อายุ 32 ปี อาชีพ ผู้จัดการนายแบบ“ขอรบกวนด้วยนะครับคุณจีน ยังไงก็ฝากไอ้เคียร์ เอ๊ย! เคียร์ด้วยนะครับ”“เรียกจิกแบบเดิมไปเลยก็ได้นะ ยังไงก็ไม่เคยจะเกรงใจกันอยู่แล้ว”“ทำไม เป็นเพื่อนกันทำไมจะพูดไม่ได้ คนที่ทำให้ฉันไม่ได้ไปทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมันคือแกไม่ใช่หรือไงกัน”“ตอนนี้ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันนอนตามห้องที่จัดกันแบบใหม่เถอะครับ” เฟลิกซ์เห็นทั้งคู่เถียงกันนานแล้วเลยออกปากห้าม ไม่งั้นคงจะไม่มีใครได้นอนกันพอดีแก