LOGINหลังจากสอบถามเรื่องราวต่างๆ กันแล้ว มู่หลินก็บอกกล่าวเรื่องที่จะไปรับท่านตาในอีกสองวัน ให้ทุกคนเตรียมตัว เดินทางไปหางโจวครั้งนี้จะมี ครอบครัวหวังเจียวจิ้น ทั้งห้าคน เฉินหย่ง หลิวกัง เฉินฟู และหลิวกุ้ย คนที่เหลือ หลินมู่ให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่ แบ่งงานให้ทำ เมื่อคนบ้านท่านตามาจะได้ไม่วุ่นวาย
เช้านี้ ชาวบ้านยังขยันทำงานกันเป็นอย่างดี และยังมีแรงงานเพิ่มมาอีกหลายคน ท่านพ่อคุยกับนายช่างใหญ่ให้จัดหาคนงานเพิ่มเพื่อที่จะเร่งให้บ้านใหญ่และบ้านพักคนงานเสร็จโดยเร็ว นายช่างใหญ่รับปากว่าจะเสร็จภายในสิบห้าวันอย่างแน่นอน (อำนาจเงินสามารถบันดาลได้ทุกอย่างจริงๆ) ท่านพ่อยังให้สร้างเรือนแบบเดียวกันโดนล้อมรั้วแบ่งแยกให้ครอบครัวท่านตาอีก20หมู่
วันเดินทางมาถึงรถม้าสองคันเคลื่อนออกจากบ้านหวังไปโรงหมอถังหมิง ท่านหมออู๋เตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว รถม้าทั้งสามคันจึงมุ่งหน้าสู่เมืองหางโจว หมู่บ้านที่ท่านตาอยู่นั้นชื่อหมู่บ้าน ต้าโจว มีบ้านอยู่เพียง50ครัวเรือน ห่างจากอำเภอหางโจว 20 ลี้
วันที่ห้า ก็เดินทางมาถึงอำเภอหางโจว แต่ถึงยามเซิน (15.00-16.59น.) แล้ว ถ้าจะเดินทางต่อไปหมู่บ้านต้าโจวเลยต้องใช้เวลาอีก เกือบสองชั่วยาม ท่านหมออู๋และท่านพ่อเลยให้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมก่อน เช้าค่อยเดินทางไปบ้านท่านตา
บ้านหวังทั้งห้าที่ไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จก็เข้านอนทันที เพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางแม้จะได้น้ำทิพย์ช่วยก็ยังคงอ่อนเพลียกันอยู่ดี
เช้านี้ท่านพ่อเจียวจิ้นดูจะกังวลกว่าท่านแม่เหมยฮวามากนัก เพราะกลัวบ้านพ่อตาไม่ต้อนรับ อีกทั้งกลัวฐานะที่ไม่เหมาะสมกับเหมยฮวา
เหมยฮวาและลูกทั้งสามต้องพูดให้กำลังใจท่านพ่อจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน
“ดูรถม้าสามคัน ช่างใหญ่โตจริงเชียว”
หมออู๋ที่มาบ้านท่านตาทุกหกเดือนอยู่แล้ วจึงนำทั้งหมดมาจอดหน้าบ้านหลังสุดท้าย บ้านหลังขนาดกลางไม่เก่ามากเพราะมีคนช่วยดูแลอยู่ตลอด มีพ่อบ้านเฉิงมาเปิดประตูต้อนรับ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะทุกครั้งหมออู๋จะใช้รถม้าแค่คันเดียว
พ่อบ้านเฉิงยังไม่ทันเชิญหมออู๋เข้าบ้านก็เห็นคนจากบ้านหวังทั้งห้าเดินมา เหมยฮวาเอ่ยปากเรียกพ่อบ้านเฉิง เพียงเท่านั้นพ่อบ้านเฉิงก็ร่ำไห้เสียงดังจนบ่าวในบ้านรีบทิ้งงานวิ่งมาหน้าประตู ทุกคนจึงเข้าใจกลายเป็นประสานเสียงร้องเข้าไปใหญ่ จนมู่หลินต้องบอกให้ทุกคนเข้าบ้านก่อน
ผู้เฒ่าเซี่ยที่กำลังเดินมาดูว่าใครเป็นอะไร ก็ต้องตกใจจนก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นบุตรีเดินเข้ามาพร้อมทั้งพาบุตรเขย บุตรชายหญิงคุกเข่า บุรุษยอดนักรบถึงกับหลั่งน้ำตาพร้อมทั้งดึงบุตรีไปโอบกอด
เพราะกลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน พี่ชายพี่สะใภ้ที่เพิ่งมาถึงก็เดินไปกอดน้องสาวร่ำไห้ บ่าวทุกคนบริเวณบ้านก้มโขกศีรษะขอบคุณฟ้าดินที่ส่งคุณหนูกลับคืนอ้อมกอดผู้เป็นนาย
“ตาเฒ่า ข้าก็มา เข้าบ้านกันก่อน ดู เจ้าทำให้หลานๆ ของข้าตกใจหมดแล้ว” หมออู๋เพิ่งจะซับน้ำตาเสร็จก็หันมาล้อเลียนผู้เฒ่าเซี่ยทันที ผู้เฒ่าเซี่ยจึงหันมามองหลานทั้งสามคน และบุตรเขย คนทั้งหมดจึงเข้าไปในห้องโถง
มู่หลินที่รู้อาการป่วยของผู้เป็นยายก็เอ่ยชวนท่านแม่ให้พาไปพบ ก่อนหน้านี้มู่หลินคุยกับมารดาแล้วว่าจะลองให้ท่านยายดื่มน้ำทิพย์ที่อยู่ในมิติก่อน ค่อยเอาโสมพันปี ออกมาให้หมออู๋ทำยาบำรุงให้ทั้งท่านตาและท่านยาย
ท่านตาเดินนำแม่เหมยฮวากับมู่หลินและท่านลุงเข้าไปในห้องท่านยาย ส่วนคนอื่นนั้นพ่อบ้านเฉิงจัดห้องให้ได้พักกันก่อน ท่านตาบอกท่านยายนอนหลับแบบนี้มาได้หลายวันแล้วตื่นขึ้นมาก็มีอาการเหนื่อยหอบ จึงต้องนอนพักอยู่แต่ในห้อง ท่านแม่เหมยฮวานั่งจับมือท่านยายแล้วร้องไห้เงียบๆ
“หลินเออร์ ช่วยท่านยายด้วยลูก” เหมยฮวาคว้ามือมู่หลินไปจับพร้อมทั้งอ้อนวอน
“ท่านแม่ ต่อให้ท่านไม่บอกข้าก็ต้องช่วยท่านยายให้ได้” มู่หลินออกไปขอแก้วน้ำจากแม่นมจ้าว แล้วขอให้แม่นมช่วยเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ด้วย
มู่หลินนำน้ำทิพย์ออกมาใส่แก้วทั้งสามใบส่งให้ท่านตา ท่านลุง และให้ท่านแม่ป้อนท่านยาย
“ท่านตา ท่านลุง เมื่อท่านยายฟื้น หลานจะบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดเจ้าค่ะ” ทั้งคู่พยักหน้ารับ จากนั้นก็ดื่มน้ำลงไปทั้งหมด คนที่ฝึกวรยุทธ์มาก่อน เมื่อดื่มเข้าไปสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าน้ำที่หลานสาวให้นั้นไม่ใช่น้ำทั่วไป ถึงจะสงสัยแต่หลานพูดดักคอไว้แล้วเลยต้องรอเวลาที่ฮูหยินเซี่ยจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น
มู่หลินเตรียมน้ำใส่อ่างเรียบร้อยแล้วจึงร้องบอกท่านลุงให้อุ้มท่านยายลงในอ่างน้ำ โดยมีมู่หลินและท่านแม่คอยดูแล ส่วนท่านตาและท่านลุงออกไปรอหน้าประตู
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านยายก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงดังจนท่านตากับท่านลุงรีบเข้ามาดู มู่หลินเลยไปตามแม่นมให้ช่วยเปลี่ยนชุดและอาบน้ำให้ท่านยายใหม่
เพราะตอนนี้น้ำในอ่างมีแต่กลิ่นเหม็นแม้ท่านยายจะไม่ได้โดนพิษแต่ของเสียในร่างกายที่ผ่านทางอาหารหรือยา ก็ล้วนมีสารตกค้างทั้งสิ้น
เหมยฮวาจึงเล่าเรื่องราวให้ท่านตาและท่านยายฟังทั้งเรื่องที่มู่หลินโดนแม่เลี้ยงของเจียวจิ้นทำร้ายเกือบตาย จนเป็นที่มาของของวิเศษที่รักษาท่านยาย ท่านตาและท่านลุงโกรธแค้นนางจางซิงอย่างมาก พอเหมยฮวาพูดเรื่องแยกบ้านแล้วก็ใจเย็นลงได้นิดหน่อย
บ้านเซี่ยพอรู้เรื่องความพิเศษของมู่หลินก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดออกไปควรจบที่ในห้องนี้เท่านั้น เหมยฮวาแจ้งจุดประสงค์การมาครั้งนี้ด้วยคือมารับครอบครัวท่านตาท่านยายไปอยู่ด้วยกัน
มู่หลินที่กลัวท่านตาจะลังเลจึงเล่าเรื่องของทหารข้างกายท่านตาที่โดนใส่ร้ายจนกลายเป็นทาสหลวง เพราะนางได้ซื้อครอบครัวที่อยู่ที่ตำบลชุนไห่ และในอำเภอเรียบร้อยแล้ว (โดยให้เฉินหานกับหลิวเสินเป็นคนจัดการ)
เหลือเพียงแค่ในอำเภอโยวโจว ซึ่งนางก็ให้ท่านตาหลิวกังไปติดต่อแล้ว รอข่าวว่าเรียบร้อยไหม คนทั้งหมดที่มู่หลินซื้อไว้ก็เพื่อส่งต่อให้ท่านตากับท่านลุงไปจัดการเอง
เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ
ไป๋เฟยหรงที่เดินทางถึงเมืองหลวง ก็ให้กงหยวนและคนของตนเข้าไปพบองค์ชายรองแต่ตัวเองนั้น เดินทางไปจวนตระกูลเซี่ย“ข้ามาขอพบคุณหนูหวัง”“เชิญท่านแม่ทัพด้านในขอรับ ข้าจะไปแจ้งคุณหนูให้ขอรับ”มู่หลินเดินเข้ามาในห้องโถงก็พบเชี่ยห่าวหรานนั่งดื่มชาอยู่กับไป๋เฟยหรง“คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”“องค์ชายรองบอกเจ้าบาดเจ็บ” มู่หลินเลิกคิ้วขึ้น นั่นมันผ่านมาเกือบสิบวันแล้วไหม“ข้าไม่เป็นอันใดมากเจ้าค่ะ”หลังมู่หลินกล่าวจบก็ไม่มีบทสนทนาต่อ เซี่ยห่าวหรานที่นั่งอยู่อย่างอึดอัดก็เอ่ยปากขอตัว"หลินเออร์ฝากท่านแม่ทัพด้วย พี่ขอไปจัดการงานต่อ""เจ้าค่ะ"ไป๋เฟยหรงเพียงนั่งมองมู่หลินเท่านั้น มองจนคนอึดอัดไปหมด"เอ่อ ท่านมาถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่เจ้าคะ""เดี๋ยวนี้""เลิกมองข้าได้แล้ว" มู่หลินถอนหายใจคุยกับคนแบบนี้อึดอัดเป็นบ้า"ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า""ท่านก็เห็นแล้ว แล้วท่านไม่ต้องไปพบองค์ชายรองหรือ ""เดี๋ยวไป""ท่านไปเถอะ ข้าไปส่ง" มู่หลินกล่าวจบก็ลุกขึ้นไปส่งแขกไป๋เฟยหรงเมื่อเห็นมู่หลินไม่บาดเจ็บก็วางใจ จึงเดินทางไปพบองค์ชายรองเพื่อรายงานเหตุการณ์ทางเหนือให้ทรงทราบเซี่ยห่าวหรานที่เห็นไป๋เฟยหรงไปแล้วจึงเข้าไปคุยกับ
องค์ชายรองเมื่อทราบข่าวจากเซี่ยห่าวหรานก็เดินทางมารับฮ่องเต้กับฮองเฮาไปดูแลต่อที่วังหลวง เพราะตอนนี้ทหารในวังทั้งหมดเป็นคนขององค์ชายรองและแม่ทัพไป๋ กองกำลังตระกูลเซี่ยจึงได้พักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่หลังจากที่พักฟื้นได้สามวัน องค์ชายรองส่งข่าวมาว่า รู้ที่ซ่อนตัวขององค์ชายใหญ่แล้ว มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานจึงเดินทางเข้าวังเพื่อปรึกษาแผนการเข้าจับกุมตัว“พี่ใหญ่ใช้ทางลับที่หวงกุ้ยเฟยสร้างไว้เพื่อหลบหนี ครั้งนี้ข้านึกไม่ถึงว่าองครักษ์เงาของเสด็จพ่อจะโดนเปลี่ยนตัว” องค์ชายรองเอ่ยกับมู่หลินอย่างรู้สึกผิดเพราะหากเขาไม่ประมาทเรื่ององครักษ์เงาของฮ่องเต้ มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานคงไม่บาดเจ็บ กองกำลังเซี่ยก็จะไม่มีคนล้มตาย“พระองค์อย่าได้โทษตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ก็รู้ที่ตั้งฐานทัพขององค์ชายใหญ่แล้ว พระองค์จะบุกเข้าไปเลยไหมพะยะค่ะ” เซี่ยห่าวหรานไม่โทษว่าเป็นความผิดขององค์ชายรอง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นแม้จะกันทุกทางก็ต้องมีพลาดบ้าง“ตอนนี้องครักษ์ของท่านเป็นเช่นใดบ้าง” องค์ชายรองถามเซี่ยห่าวหราน“องครักษ์ของกระหม่อมฟื้นกำลังดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ “"เช่นนั้นคืนนี้ ก็เคลื่อนทัพได้"ทางด้านขององค์ช
ทางแม่ทัพไป๋ก็เริ่มลงมือกับเจ้าเมืองเหิง โจวที่อยู่ชายแดนเหนือแล้ว เจ้าเมืองเหิงโจวเป็นด่านหน้าที่คอยส่งข่าวให้กับแม่ทัพถัง เมื่อกำจัดหนอนไปได้หนึ่งตัว กองทัพพยัคฆ์ทมิฬก็เข้าประชิดกองทัพของแม่ทัพถังไปอีกก้าวแม่ทัพถังได้ตำแหน่งมาเพราะอำนาจของเสนาบดีเว่ยช่วย หากถ้าถามถึงฝีมือถ้าออกรบจริงคงตายคาสนามรบแน่ คนข้างกายก็มีแต่พวกหาผลประโยชน์ ประจบสอพลอ ทหารในปกครองก็หละหลวม ดีแต่ดื่มสุราเค้านารี ไม่ฝึกซ้อมคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แม่ทัพถังเรียกรองแม่ทัพ นายกองร่วมฉลองที่ชนเผ่านอกบางส่วนมารวมตัวเพื่อหารือแบ่งผลประโยชน์หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ในคืนนั้นเองกองทัพพยัคฆ์ทมิฬจึงเข้าล้อมทั้งหมด แล้วเข้าจับกุมคนไว้ได้ เมื่อไม่มีการเฝ้าระวังอย่างที่ควร บวกกลับอาการเมามาย กองทัพทมิฬจึงมิต้องออกกำลังมากเท่าใดทางด้านเซี่ยซีห่าวก็เข้าบุกสังหารชนเผ่านอกด่าน เนื่องจากผู้นำกับลูกน้องคนสนิทเข้าร่วมหารือกับแม่ทัพถัง ในค่ายของชนเผ่าตอนนี้มีเพียงรองหัวหน้า เมื่อเซี่ยซีห่าวสังหารรองหัวหน้าได้ มังกรเมื่อไร้หัวก็หมดทางสู้ ชาวชนเผ่าที่หวาดกลัวก็หนีตาย เหลือเพียงส่วนน้อยที่ยอมสู้จนตัวตาย เมื่ออยากตายก็จัดให้
ทางด้านเมืองหลวงตอนนี้ในจวนเสนาบดีประดับไปด้วยโคมแดง ผ้าแดง บ่งบอกถึงงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นเว่ยซูเม่ย ไม่แสดงสีหน้ายินดีใดใดทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องในจวนครั้งนั้น นางแทบจะไม่ได้ออกนอกจวนเลย งานเลี้ยงน้ำชาก็เลือกไปเฉพาะที่จำเป็น คนส่วนใหญ่คิดว่านางเตรียมตัวออกเรือนแต่เปล่าเลยเป็นเพราะท่านปู่ของนางสั่งห้ามนางก่อเรื่องอีก ท่านพ่อของนางก็กลัวตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปจะตกเป็นของท่านอารอง จึงสั่งให้นางอยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นขบวนรับเจ้าสาวขององค์ชายใหญ่ เกี้ยวแปดคนหาม คนโบยเหรียญทองแดง สินสมรส ถึง119หีบ จัดอย่างยิ่งใหญ่ (สินสมรสก็เป็นของเสนาบดีเว่ย 99 หีบแล้ว) สินเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้า ทบจากสินสมรสเพิ่มไปเป็น 199 หีบ เท่ากับคืนเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่ทั้งหมดและเพิ่มเข้ามาอีกด้วยชาวเมืองต่างยกย่องจวนเสนาบดีที่รักบุตรหลาน สินสมรสที่ได้ก็ยกให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวทั้งหมด ช่างใจกว้างยิ่งนัก องค์ชายใหญ่ก็ดูจะรักใคร่พระชายายิ่งนัก ทำให้สตรีทั่วเมืองหลวงอิจฉาเว่ยซูเม่ยแทบบ้า นี่คือสิ่งที่คนภายนอกเห็นแต่ตัวเสนาบดีเว่ยนั้นแทบกระอักเลือดออกมา ที่จัดใหญ่โตที่เห็นทั้งหมด ล้วนเป็นเงินในคลังจวนเว่ย
หลังจากแยกย้ายกลับเรือนของตนแล้ว เฟยหรงก็เขียนจดหมายส่งถึงมู่หลิน ครั้งนี้เขาตั้งใจเขียนให้ยาวอย่างที่กงหยวนแนะนำผ่านมาสองวันจดหมายก็ถึงมือมู่หลิน มู่หลินยังคงทำเช่นเคยตื่นนอน ฝึกวรยุทธ์ กลับมาอาบน้ำ ไปกินข้าวกับครอบครัว แล้วจึงกลับเรือนเพื่อนำจดหมายออกมาอ่าน“อืม…” ครั้งนี้เขียนเยอะขึ้นจริงๆ ด้วยเผยอิงกับเผยอวี้ ทึ่งกับการแสดงสีหน้าของคุณหนูมาก หากเป็นคุณหนูตระกูลอื่นได้จดหมายจากบุรุษจะต้องเขินอาย แต่คุณหนูของพวกนางนั้น ไม่ขมวดคิ้วก็นิ่งเฉยไปเลย‘หลินเออร์เจ้าจงรอข้าก่อนอย่าเพิ่งหมั้นหมายกับผู้ใด หากข้าจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดาของเจ้า ‘มู่หลินอ่านจบแทบจะฆ่าเหยี่ยวทิ้ง เจ้าคนแซ่ไป๋มีสิทธิ์อันใดสั่งให้นางรอ เคยพูดคุยกันก็นับครั้งได้ แล้วนางในตอนนี้เพียง 14 หนาวเท่านั้น มู่หลินต้องสงบใจก่อนที่จะตอบจดหมายไม่เช่นนั้นนางได้ด่าฝากไปเป็นแน่ไม่ใช่นางปิดกั้นแต่มันเร็วเกินไปที่จะปักใจกับคนคนนี้ หากต้องอยู่ด้วยกันจนตายก็ต้องเรียนรู้นิสัยกันก่อน ในยุคนี้แม้บุรุษจะเป็นใหญ่แต่ไม่ใช่สำหรับนาง นางไม่จำเป็นต้องพึ่งบุรุษมู่หลินยังคงให้เผยอวี้หาอาหารให้เหยี่ยวเช่นเ







