Share

เดินทางไปหางโจว

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-10-13 04:52:03

หลังจากสอบถามเรื่องราวต่างๆ กันแล้ว มู่หลินก็บอกกล่าวเรื่องที่จะไปรับท่านตาในอีกสองวัน ให้ทุกคนเตรียมตัว เดินทางไปหางโจวครั้งนี้จะมี ครอบครัวหวังเจียวจิ้น ทั้งห้าคน เฉินหย่ง หลิวกัง เฉินฟู และหลิวกุ้ย คนที่เหลือ หลินมู่ให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่ แบ่งงานให้ทำ เมื่อคนบ้านท่านตามาจะได้ไม่วุ่นวาย

เช้านี้ ชาวบ้านยังขยันทำงานกันเป็นอย่างดี และยังมีแรงงานเพิ่มมาอีกหลายคน ท่านพ่อคุยกับนายช่างใหญ่ให้จัดหาคนงานเพิ่มเพื่อที่จะเร่งให้บ้านใหญ่และบ้านพักคนงานเสร็จโดยเร็ว นายช่างใหญ่รับปากว่าจะเสร็จภายในสิบห้าวันอย่างแน่นอน (อำนาจเงินสามารถบันดาลได้ทุกอย่างจริงๆ) ท่านพ่อยังให้สร้างเรือนแบบเดียวกันโดนล้อมรั้วแบ่งแยกให้ครอบครัวท่านตาอีก20หมู่

วันเดินทางมาถึงรถม้าสองคันเคลื่อนออกจากบ้านหวังไปโรงหมอถังหมิง ท่านหมออู๋เตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว รถม้าทั้งสามคันจึงมุ่งหน้าสู่เมืองหางโจว หมู่บ้านที่ท่านตาอยู่นั้นชื่อหมู่บ้าน ต้าโจว มีบ้านอยู่เพียง50ครัวเรือน ห่างจากอำเภอหางโจว 20 ลี้

วันที่ห้า ก็เดินทางมาถึงอำเภอหางโจว แต่ถึงยามเซิน (15.00-16.59น.) แล้ว ถ้าจะเดินทางต่อไปหมู่บ้านต้าโจวเลยต้องใช้เวลาอีก เกือบสองชั่วยาม ท่านหมออู๋และท่านพ่อเลยให้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมก่อน เช้าค่อยเดินทางไปบ้านท่านตา

บ้านหวังทั้งห้าที่ไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จก็เข้านอนทันที เพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางแม้จะได้น้ำทิพย์ช่วยก็ยังคงอ่อนเพลียกันอยู่ดี

เช้านี้ท่านพ่อเจียวจิ้นดูจะกังวลกว่าท่านแม่เหมยฮวามากนัก เพราะกลัวบ้านพ่อตาไม่ต้อนรับ อีกทั้งกลัวฐานะที่ไม่เหมาะสมกับเหมยฮวา

เหมยฮวาและลูกทั้งสามต้องพูดให้กำลังใจท่านพ่อจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน

“ดูรถม้าสามคัน ช่างใหญ่โตจริงเชียว”

หมออู๋ที่มาบ้านท่านตาทุกหกเดือนอยู่แล้ วจึงนำทั้งหมดมาจอดหน้าบ้านหลังสุดท้าย บ้านหลังขนาดกลางไม่เก่ามากเพราะมีคนช่วยดูแลอยู่ตลอด มีพ่อบ้านเฉิงมาเปิดประตูต้อนรับ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะทุกครั้งหมออู๋จะใช้รถม้าแค่คันเดียว

พ่อบ้านเฉิงยังไม่ทันเชิญหมออู๋เข้าบ้านก็เห็นคนจากบ้านหวังทั้งห้าเดินมา เหมยฮวาเอ่ยปากเรียกพ่อบ้านเฉิง เพียงเท่านั้นพ่อบ้านเฉิงก็ร่ำไห้เสียงดังจนบ่าวในบ้านรีบทิ้งงานวิ่งมาหน้าประตู ทุกคนจึงเข้าใจกลายเป็นประสานเสียงร้องเข้าไปใหญ่ จนมู่หลินต้องบอกให้ทุกคนเข้าบ้านก่อน

ผู้เฒ่าเซี่ยที่กำลังเดินมาดูว่าใครเป็นอะไร ก็ต้องตกใจจนก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นบุตรีเดินเข้ามาพร้อมทั้งพาบุตรเขย บุตรชายหญิงคุกเข่า บุรุษยอดนักรบถึงกับหลั่งน้ำตาพร้อมทั้งดึงบุตรีไปโอบกอด

เพราะกลัวว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝัน พี่ชายพี่สะใภ้ที่เพิ่งมาถึงก็เดินไปกอดน้องสาวร่ำไห้ บ่าวทุกคนบริเวณบ้านก้มโขกศีรษะขอบคุณฟ้าดินที่ส่งคุณหนูกลับคืนอ้อมกอดผู้เป็นนาย

“ตาเฒ่า ข้าก็มา เข้าบ้านกันก่อน ดู เจ้าทำให้หลานๆ ของข้าตกใจหมดแล้ว” หมออู๋เพิ่งจะซับน้ำตาเสร็จก็หันมาล้อเลียนผู้เฒ่าเซี่ยทันที ผู้เฒ่าเซี่ยจึงหันมามองหลานทั้งสามคน และบุตรเขย คนทั้งหมดจึงเข้าไปในห้องโถง

มู่หลินที่รู้อาการป่วยของผู้เป็นยายก็เอ่ยชวนท่านแม่ให้พาไปพบ ก่อนหน้านี้มู่หลินคุยกับมารดาแล้วว่าจะลองให้ท่านยายดื่มน้ำทิพย์ที่อยู่ในมิติก่อน ค่อยเอาโสมพันปี ออกมาให้หมออู๋ทำยาบำรุงให้ทั้งท่านตาและท่านยาย

ท่านตาเดินนำแม่เหมยฮวากับมู่หลินและท่านลุงเข้าไปในห้องท่านยาย ส่วนคนอื่นนั้นพ่อบ้านเฉิงจัดห้องให้ได้พักกันก่อน ท่านตาบอกท่านยายนอนหลับแบบนี้มาได้หลายวันแล้วตื่นขึ้นมาก็มีอาการเหนื่อยหอบ จึงต้องนอนพักอยู่แต่ในห้อง ท่านแม่เหมยฮวานั่งจับมือท่านยายแล้วร้องไห้เงียบๆ

“หลินเออร์ ช่วยท่านยายด้วยลูก” เหมยฮวาคว้ามือมู่หลินไปจับพร้อมทั้งอ้อนวอน

“ท่านแม่ ต่อให้ท่านไม่บอกข้าก็ต้องช่วยท่านยายให้ได้” มู่หลินออกไปขอแก้วน้ำจากแม่นมจ้าว แล้วขอให้แม่นมช่วยเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้ด้วย

มู่หลินนำน้ำทิพย์ออกมาใส่แก้วทั้งสามใบส่งให้ท่านตา ท่านลุง และให้ท่านแม่ป้อนท่านยาย

“ท่านตา ท่านลุง เมื่อท่านยายฟื้น หลานจะบอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดเจ้าค่ะ” ทั้งคู่พยักหน้ารับ จากนั้นก็ดื่มน้ำลงไปทั้งหมด คนที่ฝึกวรยุทธ์มาก่อน เมื่อดื่มเข้าไปสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าน้ำที่หลานสาวให้นั้นไม่ใช่น้ำทั่วไป ถึงจะสงสัยแต่หลานพูดดักคอไว้แล้วเลยต้องรอเวลาที่ฮูหยินเซี่ยจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น

มู่หลินเตรียมน้ำใส่อ่างเรียบร้อยแล้วจึงร้องบอกท่านลุงให้อุ้มท่านยายลงในอ่างน้ำ โดยมีมู่หลินและท่านแม่คอยดูแล ส่วนท่านตาและท่านลุงออกไปรอหน้าประตู

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ท่านยายก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงดังจนท่านตากับท่านลุงรีบเข้ามาดู มู่หลินเลยไปตามแม่นมให้ช่วยเปลี่ยนชุดและอาบน้ำให้ท่านยายใหม่

เพราะตอนนี้น้ำในอ่างมีแต่กลิ่นเหม็นแม้ท่านยายจะไม่ได้โดนพิษแต่ของเสียในร่างกายที่ผ่านทางอาหารหรือยา ก็ล้วนมีสารตกค้างทั้งสิ้น

เหมยฮวาจึงเล่าเรื่องราวให้ท่านตาและท่านยายฟังทั้งเรื่องที่มู่หลินโดนแม่เลี้ยงของเจียวจิ้นทำร้ายเกือบตาย จนเป็นที่มาของของวิเศษที่รักษาท่านยาย ท่านตาและท่านลุงโกรธแค้นนางจางซิงอย่างมาก พอเหมยฮวาพูดเรื่องแยกบ้านแล้วก็ใจเย็นลงได้นิดหน่อย

บ้านเซี่ยพอรู้เรื่องความพิเศษของมู่หลินก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดออกไปควรจบที่ในห้องนี้เท่านั้น เหมยฮวาแจ้งจุดประสงค์การมาครั้งนี้ด้วยคือมารับครอบครัวท่านตาท่านยายไปอยู่ด้วยกัน

มู่หลินที่กลัวท่านตาจะลังเลจึงเล่าเรื่องของทหารข้างกายท่านตาที่โดนใส่ร้ายจนกลายเป็นทาสหลวง เพราะนางได้ซื้อครอบครัวที่อยู่ที่ตำบลชุนไห่ และในอำเภอเรียบร้อยแล้ว (โดยให้เฉินหานกับหลิวเสินเป็นคนจัดการ)

เหลือเพียงแค่ในอำเภอโยวโจว ซึ่งนางก็ให้ท่านตาหลิวกังไปติดต่อแล้ว รอข่าวว่าเรียบร้อยไหม คนทั้งหมดที่มู่หลินซื้อไว้ก็เพื่อส่งต่อให้ท่านตากับท่านลุงไปจัดการเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   ตอนจบ

    ห้าปีผ่านไปชายแดนประจิมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชาวเมืองแคว้นฉีเริ่มเข้ามาทำการค้ามากขึ้น ถึงกับมีตลาดชายแดนที่ทั้งสองแคว้นจะนำสินค้าของตนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ชีวิตชาวบ้านจึงดีขึ้นมู่หลินได้หาพืชผักที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเข้ามาปลูก นางยังค้นพบภูเขาที่มีดินเค็ม เมื่อถวายฎีกาถึงฮ่องเต้ให้ทราบเรื่องแล้ว พระองค์ได้ช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงภูเขาผลิตเกลือออกมาจำหน่าย โดยหักภาษีเข้าคลังเพื่อพัฒนาพื้นที่เมืองอื่นต่อไปฮ่องเต้ฉู่เฟยหลางสละราชบัลลังก์ให้กับองค์รัชทายาทขึ้นปกครองตอนนี้เจ้าลูกเต่าทั้งสามติดตามบิดาเข้าไปฝึกวรยุทธ์ในค่ายทหาร เพราะไป๋เฟยหรงหมั่นไส้บุตรชายทั้งสามที่เกาะติดมู่หลินมากเกินไปไป๋หมิงยู่ ไป๋หรงซิ่ง ไป๋เฉินกง เวลาอยู่กับบิดาทั้งสามจะทำตัวนิ่งขึม เหมือนเช่นบิดา พอลับหลังบิดา ทหารที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งหลายล้วนปวดหัวกันเป็นแทบ เด็กชายทั้งสามพี่ใหญ่วางแผน พี่รองดูต้นทาง น้องเล็กหลอกล่อ กลยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาจากกงหยวนนั้นเรียกได้ว่าตอนนี้เก่งเกินอาจารย์เสียแล้วแม้แต่กงหยวนยังเจ้าเล่ห์ไม่ได้เท่าไป๋หรงซิ่งเลย หากหนีเรียนวันใดแล้วโดนจับได้ ไป๋เฉินกงจะทำหน้าที่เรียกร

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   บทส่งท้าย

    ใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนก็มาถึงแดนประจิม จวนท่านแม่ทัพนั้นไม่มีอะไรให้มู่หลินปรับปรุงแก้ไขนอกจากห้องน้ำ นางอยากจะเอาที่นอนออกมาใช้ใจจะขาด แต่ยังไม่ได้บอกกล่าวเรื่องมิติที่มีให้กับเฟยหรงได้รู้มู่หลินที่นอนไม่สบายตัวก็ขยับไปมาจนเฟยหรงรู้สึกตัว“น้องหญิง นอนไม่หลับหรือ” เฟยหรงดึงตัวมู่หลินมา กอด“ท่านพี่ข้าจะพาท่านไปที่แห่งหนึ่ง” พูดจบมู่หลินก็พาเฟยหรงเข้าไปในมิติของตน“ที่นี่คือที่ใด” เฟยหรงมองรอบๆ อย่างโง่งม ที่นี้สวยมากจริงๆ ลำธารที่น่าลงไปแช่ ภูเขาด้านหลังก็ดูอุดมสมบูรณ์ ไหนจะแปลงสมุนไพรหลากหลายชนิด พืชผักผลไม้เต็มไปหมด ทุ่งข้าวที่เหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว กระท่อมหลังน้อยที่อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้“ที่นี่คือมิติของข้าเจ้าค่ะ” มู่หลินพาเฟยหรงเข้าไปในกระท่อม ด้านในเครื่องเรือนของใช้ไม่เหมือนที่เขาเคยเห็น นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดของนางตั้งแต่แรกให้ฟัง ก็เหมือนสิ่งที่นางเล่าให้ครอบครัวฟังเฟยหรงกอดมู่หลินยิ่งนึกถึงว่านางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งใจเขาก็ยิ่งปวด“หากเจ้าไม่อยากนำที่นอนออกไปด้านนอก เจ้าจะบอกพี่เรื่องนี้หรือไม่” เฟยหรงเอ่ยอย่างน้อยใจ มู่หลินจึงจูบไปที่มุมปากเพื่อเอาใจ“ย่อมต้อง

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   งานมงคล

    ไป๋เฟยหรงกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ตัวแทบจะติดกับมู่หลินเลยทีเดียว ยิ่งมู่หลินออกไปข้างนอกเฟยหรงแทบจะให้นางใส่ผ้าคลุมทั้งตัวไม่ใช่ว่าไม่มีสตรีเข้าหาเฟยหรงนะ มีมากเลยทีเดียว สาวใช้ที่มาใหม่ในจวนไป๋ที่คิดจะปีนเตียงเฟยหรง โดนเฟยหรงถีบออกมาจากห้องรักษาตัวอยู่ห้าวันกว่าจะลุกขึ้น เมื่อมีตัวอย่างให้เห็นใครจะกล้าเสี่ยงขุนนางที่ใจกล้าก็อยากจะยกบุตรสาวให้เป็นอนุ ตอนเช้ามาทหารเข้ามาจับกุมโดนขุดความผิดที่ตนก่อไว้ตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนาง แม้จะเล็กน้อยไม่โดนตัดสินโทษหนักก็ย่อมต้องโดนลดขั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ขุนนางทั้งหลายเลยเลิกยุ่งกับแม่ทัพไป๋ไปโดยปริยาย“หลินเออร์ แม่ว่าเจ้าแต่งให้ท่านแม่ทัพเสียเลยเถิด ตอนนี้เจ้าก็ 17 หนาว แล้ว พ่อกับแม่มีพี่รองของเจ้าอยู่ด้วย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เหมยฮวาเรียกมู่หลินมานั่งพูดคุย เพราะนางก็เห็นใจว่าที่ลูกเขยเช่นกัน“ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” มู่หลินยอมตกลงเฟยหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะวิ่งไปป่าวประกาศให้คนทั้งเมืองหลวงได้รู้กันทั่ว เฟยหรงรีบเข้าวังหลวงไปขอฤกษ์มงคลที่เร็วที่สุด แล้วก็เร็วจริงๆ งานจะจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้ามู่หลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโมโห สั

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   แต่งเลยมิได้หรือ

    แล้วก็ถึงวันสอบเตี้ยนซื่อ หน้าพระที่นั่ง โดยวันสอบจะมีฮ่องเต้เป็นผู้คุมสอบและออกข้อสอบ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งจะได้เป็น จอหงวน อันดับที่สอง ปั๋งเหยี่ยน อันดับที่สาม ทั่นฮวาครอบครัวหวังมาส่งเจียวโจวกับเจียวจ้านหน้าสนามสอบ“ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดพอ พ่อไม่คาดหวังว่าเจ้าทั้งสองจะติดสามอันดับ” เจียวจิ้นให้กำลังใจบุตรชาย“แต่ข้าคาดหวังว่าท่านพี่ทั้งสองจะได้จอหงวนเจ้าค่ะ”เจียวโจวดีดหน้าผากมู่หลิน เจียวจ้านตบอกให้น้องเล็กรอดูได้เลยเมื่อทั้งสองเดินเข้าสนามสอบแล้ว เจียวจิ้น เหมยฮวา มู่หลินจึงกลับไปรอที่จวนระหว่างรอผลสอบ ข่าวที่ส่งจากโยวโจวทำให้เฟยหรงถึงกับนั่งไม่ติด ต้องรีบควบม้าออกมาจากค่ายทหารนอกเมืองเพื่อขอความเห็นใจจากมู่หลินทันที่“หลินเออร์” เฟยหรงเอ่ยเสียงอ่อยเรียกมู่หลินมู่หลินเลิกคิ้วรอฟังว่าพ่อตัวดีจะพูดสิ่งใด"เยว่เออร์ตั้งครรภ์แล้ว""อืม" ใช่เรื่องนี้นางรู้แล้ว เพราะห่าวหรานส่งข่าวมาเช่นกัน"หลินเออร์ แต่งเลยมิได้หรือ" มู่หลินหรี่ตามองเฟยหรง"กลับค่ายไปเลย" นางกัดฟันพูดผลการสอบเตี้ยนซื่อ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เจียวโจวได้เป็นปั๋งเหยี่ยน เจียวจ้านได้อันดับที่ห้า เด็กๆ

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   งานปักปิ่นมู่หลิน

    ท่านผู้เฒ่าเซี่ยมาถึงก็เมืองหลวงพักผ่อนเพียงหนึ่งวันก็พาคนทั้งตระกูลเดินทางเข้าสู่วังหลวง"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี""ลุกขึ้น ไม่ต้องมากพิธี" ฮ่องเต้มองสหายต่างวัยด้วยความคิดถึง"เซี่ยหลี่เฉียงรับราชโองการ ตระกูลเซี่ยจงรักภักดีต่อราชวงศ์ มีความดีความชอบร่วมปราบกบฏองค์ชายใหญ่ในครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตำแหน่งกั๋วกง ขั้นหนึ่ง ประทานจวนหน่งหลัง เงินรางวัล 50,000 ตำลึงทอง ผ้าไหม 20 พับ เครื่องประดับ 5 หีบ จบราชโองการ " ขันทีประกาศราชโองการแม้ของรางวัลที่ได้จะไม่อาจเทียบเท่ากับของที่เคยโดนยึดไป แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่เสียดาย เพราะทรัพย์สินของตระกูลตอนนี้มีมากมายเทียบเท่าเงินในคลังหลวงได้ฮ่องเต้ยังคงต้องใช้เงินเยี่ยวยาชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการก่อกบฏขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้อีกมากตระกูลเซี่ยเข้าพักในจวนหลังใหม่ ท่านตาท่านยายยังบ่นกับมู่หลินเรื่องที่นอนนั้นนอนไม่สบายเท่าที่หมู่บ้านชุนหง ห้องน้ำก็ไม่สะดวกสบาย หลานสาวแสนดีจึงเอาใจด้วยการเอาที่นอนของใช้ออกมาให้ทุกคน ท่านตาท่านยายเลยได้ยิ้มหน้าบานครอบครัวหวังเจียวจิ้นนั้นแยกตัวไปอยู่จวนที่ห่าวหรานซื้อไว้ หากให้นั

  • ข้ามเวลามาสู้ชีวิต   บทลงโทษของกบฏ

    เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status