กลางดึกคืนนั้นเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเข้านอนแล้ว ผู้เป็นพ่ออย่างตงเหวินหมิงจึงเปลี่ยนชุดที่ทะมัดทะแมงและสีดำทั้งชุด เพื่อไปจัดการงานที่พิเศษที่จะใช้แลกกับข้อมูลยืนยันตัวตนของหยางเหมยจิน
ก่อนจะออกจากบ้าน ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างแน่นหนา เนื่องจากลูกทั้งสองอายุยังน้อยและอยู่ในบ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น แม้จะอยู่ในหมู่บ้านนี้มาเป็นสิบปี แต่เขาก็ไม่วางใจเรื่องความปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้ข้าวของยิ่งแพงขึ้น อาหารก็ยิ่งหายาก หากมีใครรู้ว่าคืนนี้เขาไม่อยู่บ้าน ไม่แน่อาจจะมีคนเข้ามาปล้นเอาอาหารไปก็ได้
เมื่อรู้ทิศทางและตำแหน่งว่าต้องไปที่ใด ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบไปยังที่เป้าหมายทันที
คฤหาสน์ตระกูลจ๋าย
ตงเหวินหมิงในชุดสีดำสนิทเดินลัดเลาะข้างกำแพง เมื่อไม่เห็นใครเขาจึงรีบกระโดดข้ามกำแพงด้วยท่าทางคล่องแคล่วไม่เหมือนพ่อม่ายในหมู่บ้านที่เคยพบเห็น ใบหน้าที่เหลือแต่ดวงตามองขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์อย่างครุ่นคิด พร้อมกับคาดคะเนว่าห้องทำงานของนายพลจ๋ายนั้นอยู่ที่ใด ก่อนจะหยิบแผนที่ที่นายท่านหลู่ให้มาและคำนวณดูว่าห้องนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งตงเหวินหมิงก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย ในเมื่อนายท่านหลู่มีแผนที่ในคฤหาสน์หลังนี้ ก็แสดงว่าต้องมีคนของนายท่านหลู่อยู่ที่นี่ ทำไมไม่ให้คนของท่านจัดการเรื่องนี้แทนที่จะใช้เขา แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมากเพราะไม่ใช่เรื่องของเขา
หลังจากมั่นใจแล้วว่าห้องนั้นอยู่ที่ใด ชายหนุ่มจึงรีบมองซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีคนของนายพลจ๋ายอยู่แถวนี้ไหม ก่อนจะรีบลัดเลาะไปทางหลังคฤหาสน์และงัดประตูเข้าไปในห้องด้านในทันที จากนั้นจึงไปหยิบบางอย่างที่นายท่านหลู่ต้องการและรีบออกมาจากที่นี่ก่อนที่ใครจะพบเห็น
การลอบเข้าไปบ้านนายพลจ๋ายในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องยากของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา กว่าจะออกมาได้ก็เล่นเอาเสียเหงื่อไปไม่น้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอามือลูบอกเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่นำมานั้นยังอยู่ ก่อนจะวิ่งลัดเลาะฝ่าความมืดเพื่อจะกลับเข้าหมู่บ้าน เนื่องจากชายหนุ่มนั้นเป็นห่วงลูก ๆ ทั้งสองคน
เช้าวันต่อมา...
หยางเหมยจินตื่นเช้าขึ้นมาเช้าเหมือนเดิม หลังจากจัดการเรื่องส่วนตัวแล้วก็รีบเดินไปที่บ้านตงทันทีเพื่อมาช่วยทำอาหารเช้าให้เด็กทั้งสองและตงเหวินหมิง เกาซื่อหลินจึงรีบแต่งตัวและวิ่งตามออกมาทันทีเช่นกัน
พอมาถึงหญิงสาวจึงได้ตะโกนเรียก เพราะประตูรั้วหน้าบ้านยังคล้องกุญแจอยู่ “พี่หมิง เปิดประตูให้ฉันหน่อย”
ชายหนุ่มที่กำลังจะเตรียมอาหารอยู่ในครัวได้ยินเสียงเรียกก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกมาเนื่องจากจำเสียงหญิงสาวได้นั่นเอง
ทันทีที่เดินมาถึงหน้าบ้าน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถามเสียงดุ
“แล้วนี่รีบมาทำไมครับ ฟ้ายังไม่สว่างเลย รู้หรือเปล่าว่ามันอันตราย”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันรีบมาทำอาหารให้ทุกคน พี่เองก็ต้องไปทำงาน หากต้องตื่นมาทำอาหารตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ร่างกายพี่จะไม่ไหวเอานะคะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมารู้สึกผิดไม่น้อย เธอเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย
ทั้งสองยังไม่ทันพูดต่อ เกาซื่อหลินก็วิ่งมาถึงเช่นกัน “คราวหลังปลุกกันบ้างก็ได้นะคะพี่เหมยจิน นี่ปล่อยให้ฉันวิ่งตามมา เหนื่อยจะตายแล้ว” พอมาถึงเจ้าตัวก็บ่นไม่หยุด ตอนนี้จิงจิงจะมีนิสัยตามร่างเดิมไปแล้ว
“เอาน่าอย่าบ่นเลย เมื่อครู่นี้พี่เพิ่งโดนพี่หมิงดุ เธอก็อย่าเพิ่งบ่นเลย รีบเข้าบ้านก่อนดีไหม เช้า ๆ แบบนี้อากาศเย็นไม่น้อย”
หยางเหมยจินหัวเราะเสียงใส เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่ถึงห้านาทีเธอเพิ่งจะโดนเจ้าของบ้านดุ ตอนนี้กลับโดนน้องสาวจากบ้านเกาบ่นอีก
ตงเหวินหมิงยืนมองใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจนเคลิ้มไปชั่วขณะ จากนั้นจึงรีบไขกุญแจบ้านให้ทั้งสองคนเข้ามา เมื่อสองสาวเดินเข้าบ้านไปแล้ว แต่ทว่าสายตาของชายหนุ่มเจ้าของบ้านยังคงมองตามจนสุดสายตา จึงเดินตามเข้าไปอีกคน
“พี่เข้าไปนอนต่อเถอะ ฉันจะเตรียมอาหารเอง วันนี้สองแฝดจะต้องไปโรงเรียนหรือเปล่า” หยางเหมยจินเตรียมวัตถุดิบเพื่อจะทำอาหารเช้านี้ เธอไม่กังวลว่าทั้งสองจะตกใจหากเธอเอาของสดออกมาจากมิติ เนื่องจากเธอได้บอกเรื่องนี้กับทั้งสองคนไปแล้ว
“ไปครับ วันนี้วันศุกร์ แต่พรุ่งนี้และมะรืนนี้ไม่ต้องไป” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างว่าง่าย ก่อนจะยืนมองอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายกับครัวนี้ไม่ใช่ของเขา
“เช่นนั้นเหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่มือทั้งสองยังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหารเช้านี้
ตงเหวินหมิงนั้นมองการกระทำอันคล่องแคล่วของหยางเหมยจินด้วยสายตาที่ครุ่นคิด ไม่คิดว่าสตรีโบราณที่มีฐานะเป็นคุณหนูที่มียศศักดิ์สูงส่งจะรู้จักการทำอาหารเช่นกัน เท่าที่มีเรื่องเล่ากันมา ยิ่งสตรีสูงศักดิ์มากเท่าใด งานบ้านงานเรือนแทบจะไม่จับเลย งานพวกนี้เป็นงานชั้นต่ำด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าอดีตพระชายาคนนี้จะมีความสามารถในการทำอาหารมากขนาดนี้
นอกจากท่าทางที่คล่องแคล่วแล้ว รสชาติอาหารแต่ละจานที่เขาได้ลิ้มลองนั้นก็อร่อยมากอีกด้วย
ในขณะที่อาหารมื้อเช้าจวนจะเสร็จแล้ว สองแฝดก็ตื่นขึ้นมาชำระร่างกายและแต่งตัวไปโรงเรียน พอเห็นว่าน้าเหมยของพวกเขามาทำอาหารให้อีกแล้วจึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะทักทายเสียงดัง
“สวัสดีค่ะน้าเหมย น้าหลิน”
“สวัสดีครับน้าเหมย น้าหลิน”
ทั้งสองคนทักทายออกมาพร้อมกันสมกับเป็นฝาแฝด
“สวัสดีจ้ะ น้าว่าเราทั้งสองคนรีบไปจัดเตรียมกระเป๋าหนังสือเถอะ ส่วนข้าวกล่องน้าเตรียมไว้ให้แล้ว วันนี้มีน่องไก่ทอดกับสามชั้นนึ่งเต้าเจี้ยวแล้วก็มีน้ำแกงปลาด้วยนะ” หยางเหมยจิน
บอกรายการอาหารในวันนี้ด้วยรอยยิ้ม“หา!! ทำไมข้าวกล่องถึงมีกับข้าวเยอะขนาดนั้นละคะ อย่างเดียวก็พอแล้ว มันสิ้นเปลืองเกินไปค่ะน้าเหมย”
ตงฟางลี่พอได้ยินรายการอาหารก็ทำตาโตและรีบปฏิเสธว่าขออาหารเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว
“จริงครับ ผมเห็นด้วยกับน้อง พ่อ พ่อช่วยห้ามน้าเหมยหน่อยสิครับ” ตงจี้หยวนปกติไม่ใช่คนชอบพูด แต่เมื่อเห็นว่าอาหารเช้านี้ดูจะสิ้นเปลืองเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะพูดสนับสนุนน้องสาว
“เอาเป็นว่าวัตถุดิบในการทำอาหารพวกนี้ น้าไม่ได้ใช้เงินซื้อมา ไว้ว่าง ๆ น้าจะเล่าให้ฟังอย่างที่น้าสัญญาไว้เมื่อคืนยังไงล่ะ ว่าแต่ตอนนี้ทั้งสองรีบมากินอาหารเช้าก่อนเถอะ เดี๋ยวน้าไปส่งขึ้นเกวียน น้าพอจะรู้จักทางแล้วนะ”
หยางเหมยจินตอบกลับ และเร่งให้สองแฝดรีบกินอาหารเช้า เพราะเธอตั้งใจจะเดินไปส่งทั้งสองที่เกวียนและซึมซับบรรยากาศยามเช้าของที่นี่ด้วย ในเมื่อเวลานี้เธอไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกลัวใครพบเห็นอีก
“ครับ / ค่ะ” สองพี่น้องรับคำ ก่อนจะไปนั่งประจำที่ของตัวเอง โดยมีตงเหวินหมิงนั่งอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งมื้อเช้าในวันนี้มีเกาซื่อหลินร่วมกินอาหารด้วย และคิดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ไปทุกวัน
หลังจากจบมื้ออาหาร สองแฝดจึงรีบสวัสดีพ่อและทุกคนก่อนจะรีบเดินออกจากบ้าน เพราะกลัวจะไม่ทันเกวียนรอบเช้า และเช้านี้มีหยางเหมยจินเดินมาส่งด้วย ส่วนเกาซื่อหลินต้องรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเพราะเธอต้องลงทำงานในคอมมูนนั่นเอง
ในขณะที่สามคนเดินมาที่จุดรอเกวียน มีชาวบ้านหลายครอบครัวคอยแอบมอง เนื่องจากเช้านี้ข่าวลือนั้นแพร่สะพัดจนทุกคนรู้ข่าวแล้วว่าหญิงสาวคนนี้คือคู่หมั้นของตงเหวินหมิง บวกกับรูปร่างหน้าตางดงามของหญิงสาว จึงเป็นที่สนใจไม่น้อย
“น้าเหมยรีบกลับบ้านเถอะครับ” ตงจี้หยวนไม่ชอบสายตาของบุรุษในหมู่บ้านที่มองน้าเหมยของเขา เลยเร่งให้หยางเหมยจินกลับบ้าน
“นั่นสิคะ น้าไม่ต้องรอเราสองคนขึ้นเกวียนหรอก เวลานี้น้าควรจะกลับบ้านได้แล้ว ลี่ลี่ไม่ชอบสายตาคนพวกนี้เลย” ตงฟางลี่พูดสำทับอีกคน
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นน้ากลับก่อนนะแล้วเจอกันเย็นนี้ น้าจะทำอาหารอร่อยไว้รอ” หยางเหมยจินเองก็ไม่ชอบสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนพวกนี้เหมือนกัน เลยตั้งใจจะเดินกลับบ้านตงเช่นกัน
แต่ในขณะที่หมุนตัวจะเดินกลับ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา
“หน้าไม่อาย ช่างทำตัวเป็นเมียพี่เหวินหมิงเสียเหลือเกิน”
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช