เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำทุกคนในที่นั่นตกใจขวัญหนีดีฝ่อ ต่างโดดผึงเอามือกอดอกหันไปมองข้างหลัง“อาซาน เจ้ากลับมาแล้วหรือ?” อาเถี่ยเรียก เมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นอาซานจึงโล่งอกกัวอวี้พูดกลัวหัวเราะ “อาซาน จู่ ๆ เจ้าก็โผล่ออกมา ทำทุกคนตกใจแทบแย่”“ทุกคนกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ?” ‘อาซาน’ ถามด้วยความแปลกใจกัวอวี้ตอบ “อาเสอเล่าเรื่องผีน่ะ ทุกคนฟังจนขนลุกไปหมดแล้ว”อาซานปรายตามองอาเสอแวบหนึ่ง “เล่าเรื่องผีอะไร เล่าให้ข้าผู้...ข้าฟังหน่อย”อาเสอยิ้มตอบ “ยังจะเล่า? พวกเขาเกือบตกใจตายแล้ว ขืนเล่าอีก วันนี้พวกเขาคงไม่ต้องนอนแล้วละ”จ่านเหยียนเงยหน้ามองอาซาน “เจ้ากลับมาได้อย่างไร? ทางจวนอ๋องมีงานเยอะ เจ้าอยู่ที่นั่นเถอะ”อาซานยิ้ม “ท่านอ๋องสั่งให้กระหม่อมเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ”จ่านเหยียนอื่ม หรี่ดวงตามองประเมินเขาบนล่าง จากนั้นก็หัวเราะในใจ แหม แปลกจริง อ๋องท่านนี้เข้ามาทำอะไรกัน? ยังจะแปลงโฉมอีกแน่ะ หรือเขาก็รู้เหมือนกันว่าตำหนักหรูหลานกำลังจะมีเรื่องสนุกแล้ว?ช่างเป็นคนที่ไม่ยอมเงียบเหงาเสียจริง!จ่านเหยียนไม่ได้เปิดโปง เอ่ย “ในเมื่อท่านอ๋องส่งให้เจ้ากลับมา เช่นนั้นก็กลับมาเถอะ”“ขอบพ
อาเสอเล่ามาถึงตรงนี้ก็กดเสียงลงอีกหน่อย ลมรำเพยยามค่ำคืนโชยมา โคมไฟตรงระเบียงทางเดียวถูกสายลมยามราตรีพัดแกว่งไกว เงาแสงบนพื้นวูบไหวโอนเองตามโคมไม่หยุด เงาต้นหวยที่ทอดตกลงบนพื้นราวกับสัตว์อสูรกางเขี้ยวเล็บทันใดนั้น นกตัวหนึ่งบินออกมาจากต้นไม้ สยายปีกกระพือบินอยู่กลางอากาศคืนมืดทุกคนสะดุ้งโหยง เดิมเนื้อเรื่องของอาเสอไม่น่ากลัว แต่บรรยากาศต่าง ๆ ที่นางสร้างขึ้นมากลับขย่มขวัญยิ่งนักดังนั้นอาเสอจึงเล่าต่อเสียวอวี่ตอบไปว่า “ถูกต้อง เมื่อคืนข้ากลับมาดึกมาก เห็นนางเดินเล่นอยู่ข้างล่าง หรือว่าขัดแย้งกับพี่สะใภ้ใหญ่อีกแล้ว? พี่ชาย ใช่ว่าข้าจะว่าท่านนะ คนแก่อายุมากแล้ว นิสัยยากจะหลีกเลี่ยงความดื้อรั้นบ้าง ให้พี่สะใภ้หยวน ๆ หน่อย ดีหรือไม่?”ลูกชายของท่านยายใช้สายตาตกตะลึงมองนางอยู่ตลอด มิได้พูด หากลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นเล็กน้อยเสียวอวี่ปิดประตูแล้วเดินลง ลูกชายของท่านยายก็เดินตามนางลงไปด้วยเสียวอวี่พูดต่อ “พี่ชาย ท่านก็อย่าหาว่าข้ายุ่มย่ามให้มากเลยนะ บุพการีบุญคุณดั่งขุนเขา ในตอนที่ท่านยังเด็ก พวกเขาอดทนอดกลั้นต่อความเหลวไหลสารพัดของท่าน อย่างไรพอนางอายุมากแล้ว ท่านกลับไม่ชอบนางแล้วหร
ชีวิตในวังหลังอึดอัดและลำบากยิ่งนัก อยู่ที่ตำหนักอื่น อย่าว่าแต่เล่าเรื่องเลย แม้จะเป็นการจับกลุ่มกระซิบกระซาบคุยกันไม่กี่คำก็ต้องโทษวิจารณ์นายโดยพลการแล้วดังนั้นการล้อมวงเล่าเรื่องในคืนนี้ จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์และควรแก่การรอคอยสำหรับทุกคนยิ่งนักในขณะที่กำลังจะเปิดเรื่อง การขัดจังหวะของอาถงย่อมเป็นการจุดชนวนโทสะของทุกคนอาถงแจ๊บปาก เอ่ยอ้อมแอ้ม “ข้าไม่ถามแล้วก็ได้” แต่เช่นนี้จะเป็นการฝืนกดความปรารถนาใคร่รู้ของคนหนุ่มคนหนึ่ง นี่คือเรื่องที่โหดร้ายเพียงใด?อาเสอดื่มน้ำคำหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “เอาละ จะเล่าเรื่องต่อแล้วนะ”“กล่าวถึงสถานที่ที่เสียวอวี่อาศัยอยู่ เป็นอาคารสูงแห่งหนึ่ง เป็นอาคารแบบที่พวกเจ้าไม่เคยเห็น นี่คือสถาปัตยกรรมของบ้านเกิดข้า สูงสิบกว่าชั้น อาคารเคยถูกดัดแปลงมาก่อน ใช้สำหรับผู้เช่าที่ออกไปทำงานข้างนอกอย่างเสียวอวี่โดยเฉพาะ อาคารแห่งนี้มีอายุอานามประมาณหนึ่งแล้ว กำแพงด้านนอกดูทรุดโทรมมาก หน้าต่างแทบจะผุพังทั้งหมด บรรดาผู้เช่าใช้กระดาษหน้าต่างแปะ พอจะบังแสงได้ แต่ไม่สามารถบังลมฝนได้อย่างแน่นอน”“ชั้นบนของเสียวอวี่มีคนอาศัยอยู่ครอบครัวหนึ่ง มารดาในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ลูกชายล
เนื่องจากจ้างให้คนอื่นตัดเย็บตุ๊กตา ดังนั้นวันนี้ทุกคนในตำหนักหรูหลานจึงว่างมากอาเสออารมณ์ดีเป็นพิเศษ จึงเรียกทุกคนมา “มา ๆ ๆ จะเล่าเรื่องผีให้ทุกคนฟังนะ”“ดีสิ! ข้ากำลังอยากฟังเรื่องเล่าอยู่พอดีเลย!” จี๋เสียงกระโดดโลดเต้น เนื่องจากอาเสอบอกว่าเป็นเรื่องผี ดังนั้นสีหน้าของนางจึงคึกคักและตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย“ไปเตรียมเม็ดแตงกับเหอถาว (วอลนัท) มาหน่อยเร็ว แล้วก็... ข้าจะดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยวด้วยนะ” อาเสอวางมาดเป็นนายท่านใหญ่“มี ๆ” หรูอี้รีบเข้าไปเตรียมจ่านเหยียนนั่งอยู่ในลานตำหนัก เห็นทุกคนรีบยกเก้าอี้ออกมา ขันที นางกำนัล องครักษ์ คนในตำหนักสามสิบกว่าคน บัดนี้ล้อมวงกันแล้วจ่านเหยียนหัวเราะ อาเสอนี่สร้างบรรยากาศเก่งจริงแท้ แต่ก็ดี คืนนี้ให้พวกเขาเตรียมใจเอาไว้สักหน่อย อีกสองวันจะมีเรื่องสนุกได้ดูแล้วทุกคนนั่งล้อมวงโดยมีอาเสอนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวหนึ่งจัดวางไปด้วยผลไม้แช่อิ่ม เม็ดแตงและเหอถาว เสี่ยวซูจื่อนั่งยองอยู่บนหินเตี้ยบนพื้น ช่วยอาเสอแกะเหอถาวนายท่านใหญ่อาเสอจิบน้ำบ๊วยเปรี้ยว เปรี้ยวจนเครื่องหน้านางย่นยู่เข้าด้วยกันนางถอนหายใจจิ๊ ๆ “รักน้ำบ๊วยเปรี้ย
คนผู้นี้มีชื่อเรียกว่ากัวซูอี คือบุตรชายของกัวหวยอัครมหาเสนาบดีสมัยอดีตฮ่องเต้ นับจากกัวหวยมีผลงานดีเด่นจนทำให้นายเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนประหารชีวิตไปแล้วนั้น ทุกคนในสกุลกัวก็ห้ามเข้ารับราชการในราชสำนัก เหตุนี้เขาจึงลดตัวเป็นที่ปรึกษาข้างตัวราชครูถง“ดี เรื่องนี้เจ้าไปจัดการเถอะ แต่... ด้วยความสามารถของเจ้าหานักดนตรีเหล่านั้นได้ไม่ยาก” ราชครูถงลูบเครา“ขอบคุณท่านราชครูที่ชื่นชม” กัวซูอีมุมปากเจือยิ้มร้าย“จื่อซั่ง เจ้าไปกดดันทางกรมอาญา ให้เขารีบพิจารณาคดีโดยเร็ว อย่าได้ถ่วงเวลาเด็ดขาด อาหญิงของเจ้าส่งข่าวมาจากในวัง หลงไทเฮาเคยเรียกตัวเฉินเมิ่งหลี่เข้าวัง เฉินเมิ่งหลี่ผู้นี้อดีตคือคนของเซ่อเจิ้งอ๋อง แต่เขาก็เป็นคนฉลาด หากเขารู้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องตายแล้ว ต้องรู้ว่าตัวเองควรพิจารณาอย่างไรแน่” ราชครูถงสั่ง“ขอรับ ลูกจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” ถงจื่อซั่งรับคำสั่งบนกระเบื้องหลังคาหลิวหลีมีเงาคนแวบผ่านท้องฟ้ายามราตรีและหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากออกจากจวนราชครู องครักษ์เงาดำก็ตรงไปยังจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเขาเข้าไปในจวนอ๋องและตกอยู่ในลานเรือนหลิงเซียวย่วน“ท่านอ๋อง!” เขาเข้าห้องหนังสือในเรือนหลิ
มู่หรงเจี้ยนคิดหนักพักหนึ่งจึงเงยหน้าเอ่ย “ได้ ในเมื่อเสด็จแม่ตรัสเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเราก็จะสนับสนุนใต้เท้าหลี่”จ่านเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ฮ่องเต้สมควรบ่มเพาะขุนนางคนสนิทของตัวเองบ้างแล้ว”ฮ่องเต้ผงกศีรษะ “เสด็จแม่ตรัสมีเหตุผล”‘เสด็จแม่’ คำนี้มีความเชื่อถือเพิ่มขึ้นมาบางส่วน ต่างจากความแข็งกระด้างเมื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงหลังจากฮ่องเต้กลับไป อาเสอก็เดินเข้ามา“เฉินเมิ่งหลี่มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?” จ่านเหยียนถามอาเสออาเสอตอบ “ท่าทางเข้าใจแล้ว แต่อย่างไรก็ไม่กล้าเชื่อ”“ครอบครัวของเขาคงถูกจับไป เจ้าไปสืบดูว่าอยู่ที่ไหนแล้วช่วยออกมาเถอะ”“ความจริงก็ไม่เห็นจำเป็นต้องช่วยเขาเลย ถึงเขาจะทำอย่างไรก็ทำลายแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ได้ ถงจื่อหยาผู้นี้ต้องตายอย่างแน่นอน” อาเสอเอ่ย“เจ้าจะไปรู้อะไร? ตอนนี้ราชสำนักคนไม่พอใช้ เฉินเมิ่งหลี่ผู้นี้ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง บนโลกใบนี้ ใครไม่มีตำหนิ? โดยเฉพาะคนที่เป็นขุนนาง มากน้อยล้วนมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง”อาเสอยักไหล่ “ก็ได้ ข้าจะไปสักครั้ง” กล่าวจบก็หมุนตัวออกไปจ่านเหยียนมองเงาหลังนางด้วยความอัศจรรย์ใจ มัดครั้งหนึ่งแล้ว เจ้าง