เขาพิจารณาครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับหลงฉางเทียน “เจ้าไปนับทหารเดี๋ยวนี้ แล้วบุกเข้าวังมา”จงเสี้ยนโบกมือ “ยังไม่ต้อง ตอนนี้ที่ด่วนที่สุดไม่ใช่กำจัดนาง แต่ต้องยึดอำนาจทหาร ท่านพี่ ท่านมาตำหนักข้า ข้ามีบางเรื่องจะหารือกับท่าน”“ได้!” ราชครูถงหันกลับมามองทีหนึ่ง แค่แวบเดียวก็ตกใจขวัญกระเจิง เห็นเพียงเหล่าทหารที่เดิมยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินมาถึงหน้าประตูอย่างเป็นระเบียบ กำลังง้างธนูคันเล็กกับพวกเขาอยู่ใบหน้าของพวกเขาไร้ความรู้สึก ราวกับเป็นตุ๊กตาที่ปั้นขึ้นมา กำลังรอคำสั่งก็จะยิงเข็มพิษพร้อมกัน แต่ตอนที่พวกเขาออกมาเมื่อครู่ เสียงฝีเท้าดังสนั่น บัดนี้พวกเขาแห่แหนหันมากลับไม่ได้ยินเสียงสักนิด มิหนำซ้ำราชครูถงมีกำลังภายในล้ำลึก ในที่นี้มีคนอยู่มากมาย เขากลับไม่ได้ยินเสียงหายใจหรือเสียงหัวใจเต้นสักนิดเจ้าพวกนี้... ไม่ใช่คน!ไม่ว่าราชครูถงจะใจกล้าขนาดไหนก็อดขนหัวลุกไม่ได้“ถอย!” ราชครูกัดฟันออกคำสั่งมีองครักษ์เดินมาหามถงจื่อซั่งแล้วรีบร้อนเดินไปจ่านเหยียนยืนอยู่ในลานตำหนัก มองคนพวกนี้หนีเอาชีวิตไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดอาเสอเดินเข้ามาถาม “ทำไมต้องให้พวกเขาเห็นด้วย?”จ่านเหยียนเอ่ย “มีสองสา
ราชครูถงหันขวับไปทางหลงฉางเทียนและถามด้วยโทสะ “นางมิใช่ลูกสาวต้อยต่ำของเจ้านั่น นางเป็นใครกันแน่?”หลงฉางเทียนก็งงเหมือนกัน เขามองไปทางจงเสี้ยนปานขอความช่วยเหลือ จงเสี้ยนใบหน้าเหี้ยมเกรียมปกคลุมไปด้วยไอหนาว จ้องเขาด้วยเหมือนกันเขารีบอธิบาย “ข้าน้อยก็ไม่ทราบเหมือนกันนะขอรับ ก่อนหน้านี้นักพรตฟางจี้จื่อเคยมาที่จวน บอกว่าในจวนมีปีศาจจิ้งจอก ไม่รู้ว่านางจะจำแลงกายมาจากปีศาจจิ้งจอกนั่นหรือไม่“ปีศาจจิ้งจอก? เหลวไหลสิ้นดี!” ราชครูถงตวาดด้วยความโกรธ “หากเป็นปีศาจจิ้งจอก เช่นนั้นในเมื่อฟางจี้จื่อเข้าจวนไปกำจัดปีศาจแล้ว ทำไมนางยังไม่ตายอีก?”“เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันขอรับ” หลงฉางเทียนตอบอย่างอกสั่นขวัญแขวน“ท่านพ่อ ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?” ถงไทเฮาตกใจไม่เบา ใบหน้าดำ ๆ กลายเป็นสีเขียวแล้วราชครูถงหัวเราะเย็น “ข้าเตรียมการก่อนจะมา คืนนี้ต้องฆ่านางให้ได้ และดูสิว่าตำหนักหรูหลานของนางแน่นหนาปานเหล็กหรือไม่?”จงเสี้ยนยื่นมือออกไปกดแล้วเอ่ยเสียงหนัก “ท่านพี่ อย่าได้ใจร้อน” กล่าวจบนางก็ส่งสายตาว่ามู่หรงเจี้ยนก็อยู่ด้วยราชครูถงมองมู่หรงเจี้ยนทีหนึ่ง เห็นเขายืนหน้าตึงเงีย
ชีวิตนี้เขาเจอกับอันตรายมาไม่มากก็น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนที่น่ากลัวเหมือนอย่างเวลานี้นางผู้นี้คือปีศาจร้าย ไม่ใช่พวกคนดีแน่ขณะร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกล้มลงไป ในที่สุดนางก็คลายมือออกจากคอของเขาเขานอนกระหืดกระหอบสูดอากาศ ทรวงอกมีความเจ็บที่ราวกับจะระเบิดจ่านเหยียนเหยียบยอดอกของเขาแล้วทิ้งคำพูดหนึ่ง “ครั้งหน้าเจ้าไม่โชคดีอย่างนี้แล้ว”ถงจื่อซั่งหอบหายใจหนัก ๆ เมื่อครู่ขาดอากาศจึงทำให้สมองในเวลานี้ยังมึน ๆ งง ๆ แต่เขายังสามารถได้ยินคำพูดประโยคนี้ของจ่านเหยียนได้อย่างชัดเจน จังหวะที่จ่านเหยียนหมุนตัว เขาใช้กำลังเฮือกสุดท้ายซัดศรพิษออกไปจากแขนเสื้อศรพิษผ่าอากาศตรงไปยังแผ่นหลังของจ่านเหยียนจ่านเหยียนยืนนิ่ง ครั้งสะบัดแขนเสื้อ ศรพิษนั้นก็พุ่งกลับเข้าหว่างคิ้วของถงจื่อซั่งเลือดกระเซ็นออกมา ถงจื่อซั่งเบิกตาโพลง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ใบหน้าคือความบิดเบี้ยวทรมาน ร่างกายชักกระตุกสองสามที มุมปากก็มีเลือดสีดำไหลออก...“จื่อซั่ง!” จงเสี้ยนร้องอุทานผลักองครักษ์แล้วถลาไปหาถงจื่อซั่ง“อารอง!” ฮองเฮาก็อุทานแล้วเข้าไปหาเช่นกันกลับเป็นถงไทเฮาที่มองทุกอย่างตรงหน้านิ่ง ๆ หดตัวเล็กน
สายตาของมู่หรงฉิงเทียนมุ่งไปทางจงเสี้ยนทันใด ใบหน้าที่บำรุงมาอย่างดีของจงเสี้ยน ขาวราวกับหิมะ ปราศจากสีเลือดฉับพลัน กล้ามเนื้อใบหน้านางกระตุก นางมองจ่านเหยียนแบบดวงตาไม่กะพริบอยู่นาน เปลวเพลิงร้อนแรงในดวงตาแผดเผาไม่หยุด ก่อนจะมีคำพูดร้ายกาจออกมาจากปากนาง “เจ้าไม่อยากอยู่แล้วจริง ๆ”นางยกมือหมุนตัวเดินไปทางประตูตำหนัก มีองครักษ์เอาตัวอาเสอกับอาหูออกไปทันทีแต่กระบี่ขององครักษ์ทั้งสองยังไม่ออกจากฝักก็ตกอยู่ในมือของอาเสอแล้วได้ยินเพียงกระบี่ออกจากฝักเสียงดังชิ้ง ฝักกระบี่กระเด็นไปทางองครักษ์ทั้งสองทำให้พวกเขาถอยออกไปสองก้าวจึงพอจะยืนได้อย่างมั่นคง ทว่าลมหายใจกลับยุ่งเหยิง ราชครูถงยิ้มเย็น “ตำหนักหรูหลานแห่งนี้ช่างเก็บซ่อนยอดฝีมือไว้จริง ๆ ข้าประเมินหมู่โฮ่วฮองไทเฮาต่ำเกินไป”จ่านเหยียนเดินประชิดไปทีละก้าวและยืนอยู่ตรงหน้าจงเสี้ยน “แม่สามีมีชนักติดหลังหรือเพคะ? กลัวว่าหม่อมฉันจะพูดเรื่องที่ตอนนั้นพระองค์ชิงโอรสของฮุ่ยเฟย? พระองค์ไม่โปรดอดีตฮ่องเต้มาโดยตลอด กลับจำต้องอาศัยเขาทำให้ฐานะของพระองค์มั่นคง สงสารแต่อดีตฮ่องเต้ ยังทรงนึกว่าพระองค์คือพระมารดาของพระองค์จริง ๆ อุ้มชูสกุลถงเพ
เหล่าสมุหพระอาลักษณ์ต่างรู้อยู่ในใจดี ความลับของราชวงศ์ยังให้พวกเขาร่วมฟัง ยามนี้จะมีอะไรที่ฟังไม่ได้อีก?แต่ใครก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวาย เรื่องของราชวงศ์เป็นเรื่องที่ไม่สมควรถามพวกเขาจึงลุกขึ้นยืนขอตัว พร้อมทอดสายตาสงสารให้กับจ่านเหยียนเล็กน้อยมาเอาเรื่องที่ตำหนักหรูหลานอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ แล้วตอนนี้จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?เฮ้อ คิดแล้วแม้มีใจแต่ก็หมดแรง หลงฉางเทียนเป็นบิดาของนางยังไม่เข้าข้างนางเลย พวกเขาที่ไร้ซึ่งอำนาจและอิทธิพลเหล่านี้จะทำอะไรได้?หลังจากหมอหลวงออกไป จงเสี้ยนก็ส่งสายตากับราชครูถง ตามด้วยลุกขึ้นยืนอย่างขี้เกียจ “ประคองข้ากลับตำหนัก ชิงเอ๋อร์ เหยียนเอ๋อร์ พวกเจ้าก็กลับเถอะ”ครั้นถงไทเฮาและฮองเฮาได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วไปประคองจงเสี้ยนพร้อมกันจ่านเหยียนกลับส่งสายตากับอาเสอ อาเสอสาวเท้าเร็วเดินไปปิดประตูตำหนัก จากนั้นก็ยืนอยู่คนละฝั่งกับอาหู จงเสี้ยนพลันเกิดโทสะหันมาจ้องจ่านเหยียน “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”จ่านเหยียนก็ลุกขึ้นเดินเหมือนกัน คลี่ยิ้มตอบ “แม่สามีจะรีบเสด็จกลับไปไยเพคะ? เชิญประทับก่อน หม่อมฉันยังมีเรื่องจะถามแม่สามี”
มีนิ้วหนึ่งกำลังจิ้มด้านหลังอาเสอ และที่อยู่ด้านหลังของนางก็คือมู่หรงฉิงเทียน วันนี้นายท่านท่านนี้ไม่กล้าเปิดปาก เพราะทันทีที่เปิดปากจะเปิดเผยตัวตนดังนั้นวันนี้นางจึงทำหน้าที่เป็นเครื่องขยายเสียงให้มู่หรงฉิงเทียนแม้อาเสออยากดูความสนุกมาก แต่มู่หรงฉิงเทียนออกคำสั่ง จึงได้แต่ตะคอกใส่หมอหลวง “นี่มันอะไรกัน? ไสหัวไปนะ!”แม้ไม่ใช่คำพูดเดิมของมู่หรงฉิงเทียน หากถ่ายทอดเสียงในใจของมู่หรงฉิงเทียน ดังนั้นเขาจึงมองอาเสออย่าปลาบปลื้ม คนผู้นี้ใช้ได้หมอหลวงอึ้งแล้วมองจงเสี้ยน จงเสี้ยนหน้าตึงเอ่ยเสียงแข็ง “ทหาร ลากตัวนางออกไปตบปาก!”มีองครักษ์สองนายมาจะลากตัวอาเสอไปทันที อาเสอยิ้มเย็น ขณะกำลังจะลงมือก็ถูกจ่านเหยียนดึงมือเอาไว้ แล้วตวาดกับองครักษ์สองนายนั้น “ต่อหน้าข้า พวกเจ้ากล้ากำแหงหรือ? ไสหัวออกไป!”พวกเขาคือคนของจงเสี้ยน จะฟังคำสั่งของจ่านเหยียนได้อย่างไร?สองคนเดินฉับมาจะกระชากมืออาเสอ จ่านเหยียนหัวเราะเสียงเย็น “อาซาน โยนสองคนนี้ออกไป”มู่หรงฉิงเทียนกำลังกลุ้มว่าไม่มีที่ระบายอารมณ์ พอจ่านเหยียนพูด เขาก็ซัดฝ่ามือไป กำลังลมแรงปะทะทำให้ทั้งสองกระเด็นออกนอกประตูตำหนัก“บังอาจ!” จงเสี้ยน