เข้าสู่ระบบหูเจี้ยนรีบเดินตามเฟยเถาที่บอกลาคนตระกูลหูไปทันที
“เจ้าจะตามอาเหอไปเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่”
“ผู้ใดบอกท่าน ข้าไม่คิดจะไปกับอาเหอเสียหน่อย”
“จริงหรือ” รอยยิ้มของหูเจี้ยนหายไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่เฟยเถานางเป็นภรรยาของเจียวเหอไปแล้ว “แล้วเจ้าจะอยู่ได้อย่างไร เจ้าไม่กลัวจมน้ำลายของชาวบ้านหรือ”
“พี่เจี้ยน หากข้าต้องตายเพราะคำพูดชาวบ้าน ข้าคงตายไปนานแล้ว หลายปีที่ผ่านมา มีผู้ใดพูดถึงข้าในเรื่องดีบ้าง” เฟยเถานึกถึงสิ่งที่ฟางเฟยเถาโดน นางก็ส่ายหัวอย่างขบขัน
“ก็จริงของเจ้า เจ้าไม่ไปพร้อมกับอาเหอ ไม่กลัวว่าเขาจะมีสตรีอื่นหรือ”
“มีก็เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของข้า เมื่อก่อนข้าคิดไม่ถี่ถ้วนเอง ยามนี้ข้าคิดได้แล้ว ข้าต้องการสามีที่รักข้าจากใจจริง แต่อาเหอไม่ใช่...ที่เขายอมแต่งให้ข้าก็ด้วยต้องการรับผิดชอบตัวข้า แบบนี้ข้าไม่ต้องการ”
“เช่นนั้น...เป็นข้าได้หรือไม่ ข้าไม่สนว่าเจ้า...”
“พี่เจี้ยน ท่านควรได้สตรีที่ดีพร้อม เชื่อข้าเถิด ท่านกับข้าเป็นพี่น้องเช่นที่เป็นอยู่ดีแล้ว” นางยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ
“ข้าเข้าใจแล้ว” หูเจี้ยนฝืนยิ้มออกมา
“ถึงเรือนข้าแล้ว ท่านกลับเถิด” เฟยเถาโบกมือให้เขา แล้วนางก็เดินเข้าเรือนของนางไป
สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว นางไม่คิดจะให้ความหวังหูเจี้ยน และไม่ต้องการใช้ชีวิตกับเจียวเหอจนมีจุดจบเช่นในนิยาย
เฟยเถาเก็บตัวอยู่แต่ภายในเรือน อาหารที่นางซื้อมามากพอที่จะไม่ต้องออกหาจากที่ใดอีก นางอยู่เล่นกับไป๋ไป๋ กระต่ายน้อยสีขาวที่นางเก็บมาจากภูเขา แต่นางก็ไม่ได้ว่างเสียทีเดียว เฟยเถาคิดจะเปิดโรงหมักสุราในภพนี้ มันคืองานที่นางถนัดเพียงสิ่งเดียว ส่วนเรื่องแบบร่างชุดโบราณ นางก็จดจำแบบและลายปักมาจากยุคของนาง หากให้ลงมือทำเห็นทีจะไม่ได้เรื่อง
ห้าวันที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างหาได้ยาก เฟยเถาคิดจะเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปหาซื้อของมาลองหมักสุรา แต่ก็มีคนมาหานางที่เรือนเสียก่อน
“เถาเถา เจ้าอยู่หรือไม่” เจียวเหอร้องเรียกนางอยู่ที่หน้าเรือน
“ท่านมีอันใดกับข้าหรือไม่”
“ให้ข้าเข้าไปหน่อย”
นางหลีกทางให้เจียวเหอเข้าไปในเรือน
“มีอันใดก็ว่ามาเถิด ข้าว่าจะเข้าเมือง น่าจะทันเกวียนวัวรอบยามอู่ (11.00-12.59 น.) ”
“เจ้าจะไปกับอาเจี้ยนหรือ”
“ไม่ ข้าจะไปเพียงผู้เดียว อย่าสนใจเรื่องของข้าเลย ท่านว่าเรื่องของท่านมาเถิด”
“ข้าจะต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงเร็วขึ้น เจ้าจะเปลี่ยนใจไปพร้อมข้าหรือไม่”
“...” เฟยเถาขมวดคิ้วครุ่นคิด ถึงเนื้อเรื่องในนิยาย
หากเขาออกเดินทางอย่างเร่งรีบเช่นนี้ คงจะต้องเดินทางไปพร้อมกับถังหมิ่น พี่ชายจินเซียนเป็นแน่
ในตอนแรกนางก็แปลกใจอยู่ ที่เจียวเหอจะเดินทางไปเมืองหลวงล่วงหน้าก่อนสอบเพียงไม่กี่เดือน หากตามนิยาย จินเซียนจะต้องให้ถังหมิ่นพี่ชายของนาง ชวนเจียวเหอไปเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงเพื่อเตรียมตัวสอบจิ้นซื่อด้วยกันก่อน
เจียวเหอและจินเซียน ที่ร่วมเดินทางด้วยกันเป็นเวลาเกือบสองเดือน จะได้สานสัมพันธ์กันในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเนื้อเรื่องในนิยายกำลังเข้าที่เข้าทางของมันแล้ว
“ท่านไปเลยเจ้าค่ะ ขอให้ท่านโชคดี”
“เถาเถา เจ้ารู้หรือไม่ ข้าไปครั้งนี้นานเป็นปีกว่าจะได้กลับมา”
“หนึ่งปีจะว่าเร็วก็ไม่เร็ว จะว่าช้าก็ไม่ช้า ข้าอยู่ที่นี่ดีกว่าไปเป็นภาระให้ท่าน”
“เจ้าเก็บเอาไว้” เจียวเหอก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเฟยเถานางจะให้คำตอบเขาเช่นใด
เจียวเหอมิได้ส่งให้เพียงถุงเงินเท่านั้น แต่ยังมีเทียบชะตาของเขาอยู่ด้วย
“นี่...คือสิ่งใด” เฟยเถานางอ่านตัวอักษรโบราณไม่ออก จึงไม่รู้ว่าเขาส่งสิ่งใดมาให้นาง
“เจ้าเก็บไว้เถิด เมื่อกลับมาข้าจะบอกเจ้า”
“อืม...แต่ว่า...ตั๋วเงินท่านเอาคืนไปเถิด ข้าอยู่ทางนี้มิต้องใช้สิ่งใดมาก” นางมีมากมายจนไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะใช้หมดหรือไม่
“เงินห้าสิบตำลึงมิได้มากอันใด ที่ข้ายังพอมีอยู่ ค่าเช่าที่นาข้าบอกชาวบ้านเอาไว้แล้ว ที่ต้องจ่ายสิ้นปี ให้มาส่งที่เจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ายามนี้มีเงินไม่น้อยแล้ว ส่วนที่ข้าสมควรดูแลก็จะดูแลเจ้าตามสมควร”
“ท่านเดินทางไปเมืองหลวง หนทางเป็นเช่นใดยังมิรู้ได้ ท่านควรจะมีเงินติดตัวไปมากเสียหน่อย อีกอย่างเพียงแค่ค่าเช่าที่นาก็มากพอแล้วสำหรับข้า” นางยื่นถุงเงินคืนเขา แต่เขายัดมันใส่มือให้นาง
“เก็บไว้เถิด อยากได้สิ่งใดก็ซื้อเอา เจ้าย้ายไปอยู่เรือนข้าเสียเถิด หากเข้าหน้าฝนเรือนเจ้าจะอยู่ลำบาก ต่อให้เจ้าคิดจะซ่อมแซมเรือนยามนี้ก็คงจะไม่ทัน”
“เอ่อ...ไม่”
“ข้าจะช่วยเก็บของ กระดาษแบบที่ข้าให้ เจ้าเก็บเอาไว้ที่ใด”
“นี่หรือ...ข้าจำไม่ได้” เฟยเถาเกาแก้มอย่างเขินอาย นางไม่มีความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมจึงบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด
“แล้วทะเบียนรับรองตัวตนของเจ้าเล่าอยู่ที่ใด”
“อ้อ...ประเดี๋ยวก่อน เจ้าจะเอาไปทำอันใด”
“เจ้าเคยบอกข้าให้ช่วยจัดการ ทะเบียนรับรองตัวตนให้เจ้าใหม่ ก่อนข้าเดินทางไปเมืองหลวงจะไปจัดการให้เจ้าเสียก่อน”
“ข้าจะลองหาดูก่อน” เฟยเถาไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเคยพูดกับเจียวเหอหรือไม่ นางจึงเดินเข้าไปหาในห้องนอน
หีบใส่ของใบไม่ใหญ่ที่อยู่ใต้เตียง ด้านล่างมีทะเบียนรับรองตัวตนอยู่และใบเช่นเดียวกับที่เจียวเหอส่งมาให้นาง เฟยเถาจึงหยิบออกมาให้เขาดูว่าใช่ใบที่เขาพูดหรือไม่
“เจ้าลองดูว่าใช่หรือไม่”
เจียวเหอเหลือบตามองเฟยเถาวูบหนึ่งก่อนจะเก็บสายตากลับมา เขาก้มลงมองกระดาษในมือทั้งสองแผ่นก่อนจะพยักหน้าให้นาง
“หากไม่มีทะเบียนรับรองตัวตนจะเดินทางออกจากเมืองหูหนานไม่ได้ใช่หรือไม่”
“อืม ใช่แล้ว”
“แล้วนานหรือไม่กว่าจะได้คืน หากข้าอยากเช่าร้านค้า ต้องใช้มันด้วยหรือไม่”
“ต้องใช้ หากไม่มี...เจ้าให้ลุงหูไปยืนยันให้เจ้าก็ได้ เจ้าจะทำการค้าเช่นนั้นหรือ”
“ใช่ ข้าคงไม่รอให้เงินตกลงมาใส่หัวข้าหรอกมั้ง”
“เจ้ารู้หนังสือหรือไง ถึงกล้าทำการค้า”
“เอ่อ...ไว้ข้าจะลองศึกษาดู” เฟยเถาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ข้ายังมีเวลาอีกสิบวัน ข้าจะสอนให้เจ้าเอง”
“ไม่รบกวนท่านดีกว่า ท่านต้องอ่านตำราเพื่อเตรียมสอบ”
“ข้าทบทวนระหว่างเดินทางได้ เจ้ารีบไปเก็บของเสียจะได้ไปที่เรือนของข้าพร้อมข้าเลย”
“ข้าว่าไม่ดีมั้ง ข้ายังไม่ได้แต่งให้ท่าน รอหลังจากท่านกลับมาจากเมืองหลวงก่อนก็แล้วกัน”
“ตามใจเจ้า ข้าจะกลับไปเอาสี่สิ่งล้ำค่ามาสอนเจ้าอ่านเขียนตัวอักษร”
“วันนี้เลยหรือ ข้าว่าจะเข้าเมืองก่อน”
“พรุ่งนี้เจ้าค่อยเข้าเมืองพร้อมข้า ข้าจะไปจัดการเรื่องทะเบียนรับรองให้เจ้าด้วย”
“อืม”
แผนที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ล้มไม่เป็นท่า แต่เฟยเถาก็เห็นด้วยกับเจียวเหอ นางควรจะมีความรู้ติดตัวเสียก่อน ค่อยคิดที่จะทำการค้า
เจียวเหอที่เดินกลับไปเอาสี่สิ่งล้ำค่าที่เรือน ก็เดินครุ่นคิดเรื่องของเฟยเถาไปตลอดทาง นางดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ทั้งเรื่องที่หลบเลี่ยงจะพบเจอเขา แต่ไปใกล้ชิดสนิทสนมกับหูเจี้ยนมากกว่าเดิม
หากนางต้องการทำให้เขาหึงหวงก็เห็นจะไม่ใช่ นางที่หลับนอนกับเขามาแล้ว ย่อมเรียกร้องให้เขารับผิดชอบได้ในทันที แต่นางไม่คิดจะทำ
หรูหลิงไม่คิดว่าเพียงแช่น้ำในบ่อมรกตจะทรมานเช่นนี้ นางเคยแช่ตัวในลำธารวิเศษของเฟยเถา แต่ไม่เห็นจะทรมานเช่นที่เป็นอยู่ นางกรีดร้องอยู่สองชั่วยามจึงได้สิ้นความเจ็บปวด“ชอบหรือไม่” ทั้งสองออกมาจากมิติแล้ว หรูหลิงกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาง“ผู้อื่นจะไม่สงสัยหรือ”“ยังมองออกว่าเป็นเจ้าเช่นเดิม เพียงแค่งามขึ้นมากกว่าเดิมก็เท่านั้น”“ขอบใจเจ้ามากเถาเถา”“ข้าต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ เข้ามาอยู่กับเจ้าตามลำพังนานเพียงนี้ ผู้อื่นที่มาเติมสินเดิมให้เจ้าจะตำหนิข้าได้”“ได้ ข้าไปส่ง”ยามที่หรูหลิงเดินออกมาจากเรือนพร้อมกับเฟยเถา บ่าวไพร่ในจวนก็มองนางอย่างตกตะลึง แม้แต่ราชครูสุ่ยและฮูหยินสุ่ยเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อเฟยเถากลับไปจึงได้เรียกบุตรสาวเข้ามาถาม“เถาเถา นางช่วยให้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนเจ้าค่ะ”ทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ฝึกตนคือสิ่งใด ด้วยซิงเหยี่ยน เจียวเหอและอาซือ คือผู้ฝึกตนที่รบกับแคว้นต้าซ่ง โดยที่ทหารแคว้นต้าฉีไม่ได้ล้มตายเลยสักคนเดียว ผู้คนจึงเริ่มหวั่นเกรงในความสามารถของทั้งสองวันงานมงคล เจียวเหอไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม เพื่อมารับเจ้าสาวพร้อมเขา ส
จินเซียน ราวกับว่าวิญญาณของนางกำลังจะถูกดึงออกจากร่างของเฟยเถา นางดิ้นรนอย่างทรมาน เพื่อยื้อให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง“ขะ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านเทพชะตา ท่านต้องให้โอกาสข้า ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย”“เจ้าทำผิดต่อคำสาบานของเจ้า ข้ายอมให้เจ้าได้แก้ตัว ด้วยเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่สงบ ในเมื่อนางเข้ามาทำให้โชคชะตาของเจ้าเปลี่ยน ข้าจึงให้เจ้าได้ลองเป็นนาง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เจ้าคิดหรือไม่ แต่เจ้ากล้าทำให้เด็กบาดเจ็บ...”“ยัง เด็กยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่านต้องจะพาข้าไปไม่ได้”บุรุษทั้งสามหรี่ตามองนาง เหมือนว่านางกำลังพูดกับสิ่งใดอยู่ แต่พวกเขามองไม่เห็น“จินเซียน ครั้งนี้เด็กไม่บาดเจ็บ แต่ความแค้นในใจเจ้ารุนแรงเกินไป เจ้าคิดจะกำจัดเด็กทั้งสองตั้งแต่แรก ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเด็กทั้งสองเจ้าแตะต้องไม่ได้”“ข้าอยากแตะต้องเสียที่ไหน หากมิใช่ฮูหยินสุ่ยสงสัยในตัวข้า”“เป็นเจ้าที่ทำพลาดไป อย่างไรเจียวเหอก็ไม่มีทางสนใจเจ้า ยอมรับเสีย หมดเวลาของเจ้าแล้ว”“หากข้าอยู่ต่อ เชื่อว่าเขาต้องรักข้ามากกว่านางเป็นแน่”“ไม่ ข้าไม่มีทางรักเจ้า ถังอี้เหนียงไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเจ้าในร่างนาง ข้าก็ไม่เคยนึกสนใจเ
ไป๋ไป๋ นำม้าในมิติออกมาเปลี่ยนให้ทั้งสามใช้แทน สัตว์เทพทั้งสามตัว วิ่งได้เร็วราวกับลม ทั้งยังไม่ต้องหยุดพักเพื่อกินอาหาร เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเจียวเหอมุ่งหน้ากลับไปที่จวนทันที ซิงเหยี่ยนไปหาหรูหลิงที่จวนสุ่ยเพื่อสอบถามเรื่องราวจากนางเสียก่อน ซิงเหยี่ยนยังต้องเข้าวังหลวงเพื่อไปรายงานเรื่องที่ชายแดนให้เสด็จพ่อฟัง จึงไม่ได้พาหรูหลิงไปที่จวนตระกูลจางในทันที“ท่านพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” จินเซียนในร่างของเฟยเถายิ้มหวานมองเจียวเหอ ที่เข้ามาหานางในห้องอยู่ไฟเจียวเหอ ดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น แม้ใบหน้าจะเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบอกเขาว่าวิญญาณของนางไม่ใช่เฟยเถา“เป็นเช่นใดบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ดีแล้วเจ้าค่ะ ร่างกายข้าฟื้นตัวได้เร็วนัก บ่าวไพร่ก็ไม่ยอมให้ข้าเลี้ยงบุตรชายทั้งสองเลย ท่านพี่ ท่านพาลูกมาหาข้าได้หรือไม่”“ยังไม่ต้อง เจ้าควรจะพักต่อ ข้าจะไปดูลูกเสียก่อน”“แต่ว่า...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก” นางเดินเข้ามาจะสวมกอดเขา“ร่างกายข้าเปื้อนไปทั้งตัว อย่าเพิ่งเข้าใกล้ข้า”“เจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้าจะสั่งให้บ่าวเตรียมน้ำให้ท่านนะเจ้าคะ” นางยิ
เฟยเถาราวกับตัวนางล่องลอยหลุดออกมาจากร่าง นางมองทุกสิ่งในห้องด้วยความตกใจ แม้จะเอ่ยเรียกหรือพูดสิ่งใดก็ไม่มีคนได้ยิน เด็กทารกทั้งสองราวกับรับรู้ความเป็นตายของผู้เป็นมารดา ต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันราวกับจะขาดใจเจียวเหอก็กอดร่างของเฟยเถาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพร่ำเอ่ยเรียกชื่อของนางหวังให้นางลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง“ฟางซื่อ เจ้าแย่งโชคชะตาของข้าไป จะเป็นเช่นใดหากเจ้าได้มองข้าใช้ชีวิตในร่างของเจ้า”“จินเซียน!!!”เฟยเถาหันไปมองด้านข้างของนางอย่างรวดเร็ว ก็เห็นวิญญาณของจินเซียนจ้องมองมาที่นางอย่างโกรธแค้น“อย่าได้คิด” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา“อืม...เจ้าทนดูเถิดว่าข้า...จะจัดการกับบุตรเจ้าและสามีของเจ้าเช่นใด”“อย่า!!!” เฟยเถากรีดร้องออกมาสุดเสียงดวงตาของนางเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นวิญญาณของจินเซียนค่อยๆ ลอยเข้าไปแทนที่อยู่ในร่างของนาง“นายท่าน!!! ปล่อยมือเร็วเข้า ท่านต้องกลับไปแล้ว” ไป๋ไป๋เองก็เห็นเช่นกัน มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดดึงร่างของเจียวเหอให้หลุดออกมาจากร่างของเฟยเถาที่นอนอยู่“แม่นางสุ่ย ฝากท่านดูคุณชายน้อยทั้งสองด้วย ในร่างของนายหญิงตอนนี้ไม่ใช่วิญญาณของนาง แต่เป็นจ
ซิงเหยี่ยนฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหรูหลิง เขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง“หลิงหลิง ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ให้เขารอดจากเคราะห์ครั้งนี้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่ เมื่อกลับมาเมืองหลวง ค่อยเข้าพิธีแต่งงาน” เขากุมมือของนางเอาไว้“ได้ ข้าจะรอท่าน” นางยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเองก็ไม่อยากถูกขังอยู่ภายในตำหนักทองคำเช่นกันซิงเหยี่ยนและเจียวเหอ หารือเรื่องที่จะเดินทางไปชายแดนเหนือร่วมกัน พวกขาที่ยังไม่ทันจะคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อใด ชายแดนเหนือก็ส่งข่าวมาแล้วว่า แคว้นต้าซ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว คาดว่าอีกไม่นานจะเกิดสงครามทั้งสองรีบเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที ซิงเหยี่ยนบอกฮ่องเต้เรื่องที่เขาและเจียวเหอกลายเป็นผู้ฝึกตน ในตอนแรกฮ่องเต้ก็ยังไม่เชื่อ จนเมื่อเห็นพลังปราณที่ซิงเหยี่ยนปล่อยออกมา“เจ้าจะเดินทางไปชายแดนเหนือเช่นนั้นหรือ”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นห่วงพี่ใหญ่ ให้ลูกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากมีลูกและจางจอหงวน แคว้นต้าฉีจะไม่มีทางแพ้ให้แคว้นต้าซ่งอย่างแน่นอน”“แล้วงานมงคลของเจ้า” อีกเพียงเดือนเดียวก็จะถึงงานมงคลของซิงเหยี่ยนแล้ว“ลูกเชื่อว่าคุณหนูสุ่ยนางจะเข้าใจ”“ได้ จางจอหงวนถือว่าเป็นงานแรก
จินเซียนที่กำลังเลือกเครื่องประดับ ที่ร้านในอันดับหนึ่งในเมืองส่งมาให้นางเลือกอยู่ เห็นองค์ชายรองเข้ามา นางก็ยิ้มอย่างยินดี เดินไปหาเขา คิดว่าเขาจะมาช่วยนางเลือกเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของจินเซียนดังออกไปถึงด้านนอก พวกบ่าวต่างก็พากันถอยห่างไปไกลด้วยความหวาดกลัว“หญิงชั่ว!!! เจ้ารู้เรื่องที่บิดาของเจ้าถูกจับโทษฐานลอบค้าเกลือหรือไม่”“...” จินเซียนจ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น นางดูไม่ตกใจในคำถามของเขา และยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย“แล้วพระองค์คิดว่า เจ้าเมืองเล็กๆ เช่นบิดาหม่อมฉัน จะหาเงินมากเพียงนั้นมาให้พระองค์ได้อย่างไรเล่าเพคะ”“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ” ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนของจินเซียนเอาไว้แน่น“เพคะ พระองค์ก็พูดเองว่าเข้าหาหม่อมฉันเพื่อหวังสมบัติ ในเมื่อได้มาแล้วมิยินดีหรือเพ....โอ๊ยยยย” นางถูกตบไปอีกสองที จนฟุบไปอยู่บนพื้น“สมควรตาย!!! การรับเจ้าเข้าตำหนัก เป็นความคิดโง่เขลาที่สุดสำหรับข้า” เขาเดินไปเตะเข้าที่ท้องนางหนึ่งทีก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปจัดการสมบัติทั้งหมดที่ได้มาโดยเร็วจินเซียนนอนงอตัวหัวเราะอยู่ที่พื้น ไม่รู้ว่านางพลาดที่ใด ตั้งแต่เรื่อ







